เก้ากลวิธี เก้าสังหาร
ฉี่ๆ
เสียงน้ำมันหยดลงบนถ่านร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่ว เตาถ่านอันเล็กขนาดพกพาสะดวกสองเตา หนึ่งย่างอีกหนึ่งตั้งหม้อตุ๋นน้ำแกงจนเดือดปุดๆ วันสองวันมานี้ทหารหน่วยสอดแนมไม่ว่าจะเป็อาหารมื้อเช้า สาย บ่าย เย็น แม้กระทั่งมื้อดึกของพวกเขาก็มีแต่ พิราบ พิราบ พิราบ ดีขึ้นมาบ้างเป็เหยี่ยวตัวใหญ่แต่เนื้อจะเหนียวอยู่บ้าง ไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ทอด ย่าง ทุกอย่างล้วนเป็สัตว์ปีกที่พวกเขาล่ามาได้
บางทีพวกเขาก็สงสัยว่าพวกเขากินเ้านกน้อยจนสิ้นลูกหลานไปแล้วหรือไม่ เ้าพวกบื้อก็ขยันส่งข่าวกันจริงพวกเขาซดน้ำแกงนกพิราบทำให้ร่างกายอบอุ่นจนร้อน เืลมไหลเวียนคล่องแคล่วจนทะลักออกโพรงจมูกกันถ้วนหน้า ทหารเช่นพวกเขาจะกินทิ้งกินขว้างไม่ได้เสบียงอาหารแต่ละมื้อแลกมาด้วยหยาดเหงื่อของครอบครัวชาวนาทั้งสิ้น
คนที่คอยส่งข่าวออกไปเมื่อไม่ได้รับการตอบกลับก็คิดว่าอากาศหนาวเช่นนี้นกมันคงบินไปไม่ถึงกระมัง ส่งไปเยอะหน่อยคงมีสักตัวที่บินไปถึงนะ ข่าวถึงเมืองหลวงเมื่อใดคนที่มันกล้าบังอาจขังขุนนางราชสำนักคงได้เห็นดีกัน ใต้เท้าเจียงทั้งสองได้โปรดแข็งใจเอาไว้นะขอรับ
เหล่าสมุนผู้ภักดีต่างกระทำการอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเ้านายของตนเอง
ภายในคุกมืดที่ถูกขุดลึกลงไปใต้ดินหลายสิบจั้ง ด้านใต้นั้นทั้งมืดมิด หนาวเหน็บ ทั้งกลิ่นอับกลิ่นเหม็นสาบประสมปนเปชวนคลื่นเหียน มีเสียงร้องโหยหวนแว่วมาเป็ระยะ วิธีการปฏิบัติกับเ้าบ้านของหน่วยลงทัณฑ์แห่งกองทัพิญญาพยัคฆ์นั้นเหี้ยมโหด เืเย็น กลเม็ดวิจิตรพิศดาลสามารถรีดความเ็ปแสนสาหัส สร้างความสยดสยองปั่นประสาทให้สติแตกได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะความลับที่ซ่อนยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจพวกเขาเ่าั้ก็สามารถรีดเค้นมันออกมาได้
สำหรับ เจียงเกิงและเจียงเหิงเป็เพียงสุนัขรับใช้ปลายแถวไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับคนที่นายท่าน้าจะเชื่อมโยงความผิดไปแม้แต่น้อย เ้าสองตัวนี่มาเป็ขุนนางเพราะตระกูลสั่งให้มา ส่วนความผิดทั้งหมดเป็พวกมันที่ก่อขึ้น เมื่อถามคนอยู่เื้ัมันก็ได้แต่ตอบว่าไม่มี เมื่อถามว่าภักดีต่อผู้ใดพวกมันก็ตอบเพียงว่าภักดีต่อตระกูลเจียง คำตอบเช่นนี้เดินไปถามใครก็คงจะตอบเช่นเดียวกัน
เป็อย่างที่นายท่านคาดการณ์ คนอย่างองค์ชายสี่และกุ้ยเฟยกระทำการณ์ใดล้วนรอบคอบจะใช้คนแค่ใช้ในนามสกุลเจียง หากทำพลาดก็มีเพียงคนสกุลเจียงที่รับกรรมไม่เกี่ยวอันใดกับคนทั้งสองที่เป็เชื้อพระวงศ์ วางตนสูงส่งเหนือโลกีย์ไม่แปดเปื้อนอาจมแม้เพียงเสี้ยว
ไม่เป็ไรในเมื่อนายท่านมิได้กังวลใจผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นพวกเขาก็ไม่จำเป็ต้องเดือดร้อนแทนให้มาก นี่เป็เพียงสารท้ารบเท่านั้น เป็เพียงบันใดขั้นแรกของแผนการ ส่วนเหตุใดนายท่านจึง้าล้างบางคนเ่าั้พวกเขาไม่คิดถามและมิได้คิดสงสัย ความ้าของผู้เป็นายสำหรับพวกเขาถือเป็เื่เล็กน้อยเท่านั้น
หากนายท่าน้าแผ่นดินนี่สิถึงจะถือว่าเป็เื่ใหญ่
นายทหารหน่วยลงทัณฑ์เหลือบมองสิ่งมีชีวิตที่หยุดส่งเสียงอย่างไม่ใส่ใจ ทหารอีกคนเดินถือหม้อยาเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้ากองเนื้อเละๆ ที่ยังหายใจเข้าออกแ่เบา คนหนึ่งถือหม้อยาอีกคนถือกระบวยตักยากรอกปากนักโทษ ถือเป็การเลี้ยงไข้มิให้คนพวกนี้สิ้นใจตายไปก่อน นายท่านยังต้องมาตัดสินโทษพวกมันด้วยตัวตนเองแต่ว่าระหว่างนี้พวกเขาก็มีของเล่นไว้คลายเหงาอีกหลายวัน
ชั่วพริบตายามค่ำคืนก็มาเยือน
รองแม่ทัพคนใหม่ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าตนเองเก็บยอดพยัคฆ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกมาได้ ไม่ว่าจะเป็ท่วงท่า กลิ่นอายหรือความรอบรู้นับเป็อัจฉริยะบุคคล ตลอดทั้งบ่ายที่ปรึกษาหารือแผนการรบร่วมกัน รองแม่ทัพกวนก็แสดงวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมออกมาจนได้รับการยอมรับจากเหล่าผู้นำในกองทัพอย่างถ้วนหน้า
“รองแม่ทัพกวนคืนนี้ท่านดูแลความเรียบร้อยในค่ายให้ดี ป้ายบัญชาการของรองแม่ทัพมิได้มีไว้ประดับกายจงใช้มันเมื่อยามมีเหตุคับขัน”
“ท่านแม่ทัพ กองทัพมิอาจขาดผู้นำได้ท่านออกไปทำภารกิจยามนี้อาจไปเจอกับข้าศึกก็เป็ได้นะขอรับ ได้โปรดให้ข้าไปแทนท่านเถิด”รองแม่ทัพกวนพูดจาโน้มน้าวท่านแม่ทัพของตนอยู่เป็ครึ่งวันแต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนความคิดของคนตรงหน้าได้แม้แต่น้อย
“ภารกิจครั้งนี้ผู้อื่นทำแทนไม่ได้ เอาล่ะไม่อนุญาตให้คัดค้านอีก ข้าไปไม่นานรุ่งสางก็กลับมาแล้ว”ข้าออกคำสั่งกับรองแม่ทัพกวนอย่างเด็ดขาดไม่มีวี่แววลังเลใจแม้แต่น้อย
ม้าศึกตัวใหญ่ทุกส่วนเต็มไปด้วยลายเส้นกล้ามเนื้ออันงดงามเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ลักษณะของพวกมันแตกต่างจากม้าศึกที่พบเจอโดยทั่วไป ว่ากันว่ายอดอาชาคืออาชาเหงื่อโลหิตอันล้ำค่า ทว่าม้าศึกของกองทัพิญญาพยัคฆ์เป็ม้าสายพันธ์ผสมระว่าง อาชาเหงื่อโลหิตที่เหล่าบรรพบุรุษทุ่มเทแรงกายไปแลกเปลี่ยนกับชาวเติร์ก
และสุดยอดอาชาจากแดนไกลที่ผู้นำตระกูลรุ่นที่สามสิบนำกลับมาจากการออกเดินเรือไปยังโพ้นทะเล เพื่อที่จะได้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ม้ากลับมาผู้นำตระกูลในตอนนั้นต้องจ่ายทองคำกว่าครึ่งลำเรือ แม้จะจ่ายไปในราคาที่สูงเพียงนั้นก็ได้ม้ากลับมาเพียงสองร้อยห้าสิบตัวเท่านั้น ทว่าการแลกเปลี่ยนในครั้งนั้นถือเป็การลงทุนที่คุ้มค่า แม้จะมีอุปสรรคด้านการสื่อสารแต่ท่านบรรพบุรุษในยามนั้นก็สามารถทำการค้าขายได้อย่างราบรื่น
ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีม้าที่ผ่านมาการผสมข้ามสายพันธุ์ ม้าศึกของตระกูลซ่างกวนถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็อย่างสูง ม้าแต่ละรุ่นเปี่ยมไปด้วยคุณลักษณะของยอดอาชาศึกอย่างแท้จริง รูปร่างที่สูงใหญ่ กล้ามเนื้อเป็มัด กระดูกใหญ่ ความว่องไวและพละกำลังที่มากกว่าม้าศึกทั่วไปสามารถวิ่งได้หลายร้อยลี้โดยไม่หยุดพัก
ม้าศึกที่คัดเลือกมาทำภารกิจในครั้งนี้เป็ม้าสีดำปลอดไร้สีอื่นแซม ขนสีดำมันวาวสะท้อนแสงไฟบ่งบอกได้ถึงความล้ำค่าของพวกมัน ยิ่งถูกจับสวมเกราะสีดำสนิท ยิ่งชวนให้ผู้พบเห็นครั่นคร้าม เหล่าทหารหน่วยลอบสังหารที่จะติดตามท่านแม่ทัพไปในวันนี้ต่างสวมชุดสีดำสนิทแม้กระทั้งชุดเกราะเหล็กก็ถูกย้อมด้วยยางไม้ชนิดหนึ่งจนเปลี่ยนเป็สีเดียวกับท้องฟ้าอันมืดมิดในยามนี้
ทั้งคนและม้าหากไปยืนอยู่ในที่ที่ไม่มีแสงไฟคงจะถูกกลืนไปกับความมืดมิด นี่เป็ภารกิจอำพรางการเคลื่อนไหวของพวกเขาในครั้งนี้เป็ความลับสุดยอด ผู้ที่รับรู้ภารกิจในครั้งนี้มีเพียงท่านแม่ทัพ รองแม่ทัพ ทหารที่ติดตามไปอีกสองร้อยนาย อาจจะฟังดูว่าเป็จำนวนที่มากแต่การไปครานี้อาจจะไปเจอกับกองทัพใหญ่ของแคว้นเหลียวที่กำลังเร่งเดินทางมาก็เป็ได้
ยามจื่อ*เป็่เวลาที่ความมืดมิดปกคลุมจนมองไม่เห็นสิ่งใด เป็่เวลาที่สัตว์ร้ายออกล่าเหยื่อ อาชาสองร้อยตัวย่ำเท้าฝ่าหิมะออกนอกเมืองไปอย่างเงียบเชียบเหล่าทหารทั้งสองกองทัพต่างก็มิได้ให้ความสนใจกับกองทหารที่ออกไปนอกเมืองในยามนี้มากนัก เพราะปกติกองทัพก็จะส่งหน่อยสอดแนมออกไปเช่นนี้
(*ยามจื่อ23.00-24.59น.)
ขบวนม้าศึกที่วิ่งหายลับไปในความมืดมิดเพิ่มความเร็วขึ้นทุกขณะ ชุดเกราะแบบเต็มตัวช่วยต้านแรงลมที่ปะทะมาได้ไม่น้อย มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ไร้การปกป้องทว่านั่นไม่ได้สร้างปัญหาในการเดินทางแม้แต่น้อย ด้วยการฝึกฝนมาในรูปแบบพิเศษทำให้ทหารหน่วยลอบสังหารเหล่านี้สามารถมองเห็นแม้เส้นทางจะไร้ซึ่งแสงสว่างเช่นนี้ หากว่าทหารใต้บังคับบัญชาทำได้ผู้เป็เ้านายเช่นข้าก็ต้องทำได้ดีกว่าพวกเขาเป็สองเท่าตัว เป็ผู้นำก็ต้องลำบากใช่ว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบาย
การออกมาในครั้งนี้ข้าได้วางแผนเอาไว้อย่างรัดกุม การวางค่ายกลเก้าสังหารถือได้ว่าเป็การเปิดประตูนรกอย่างแท้จริง การที่จะกักกองทัพขนาดใหญ่เอาไว้ในค่ายกลให้ได้อย่างที่ท่านปู่บรรพบุรุษเคยทำเอาไว้ข้าต้องทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ และต้องทำให้ดียิ่งกว่า
พื้นที่ที่ข้าเลือกเป็สถานที่วางค่ายกลคือเส้นทางที่ตัดผ่านหุบเขาน่าเหลาเจี๋ย หรือที่ชาวบ้านเรียกขานว่า หุบเขานรก หุบเขาแห่งนี้เป็ปราการธรรมชาติที่ตั้งตระหง่านกั้นกลางระหว่างซ่งและเหลียว แม้ได้ชื่อว่าหุบเขานรกแต่สภาพแวดล้อมต่างจากขุมนรกที่ร้อนแผดเผาโดยสิ้นเชิง กลุ่มแนวูเาห้าลูกที่ตั้งอยู่เป็กลุ่มก้อนเป็ูเาสี่ลูกตั้งล้อมรอบูเาหนึ่งลูกที่อยู่ตรงกลางดั่งองครักษ์ที่พิทักษ์บางสิ่ง หุบเขานรกแห่งนี้กินพื้นที่โดยรอบมากกว่าร้อยลี้หรืออาจจะมากว่านั้นด้วยซ้ำ ูเาทั้งสี่สูงใหญ่ทอดยาวเป็แนวซ้อนกันสองชั้นคล้ายกับ้าวางแนวป้องกันหน้าหลัง ส่วนูเาลูกที่ห้าที่ตั้งอยู่ตรงกลางนั้นมีลักษณะไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปหากจะปีนขั้นไปบนยอดใช้เวลาหนึ่งวันก็ไปถึง
ต่างจากูเาอีกสี่ลูกลิบลับตัวูเาทั้งสี่มีลาดชันเต็มไปด้วยหินยากแก่การปีนข้าม ดังนั้นเส้นทางเดียวที่จะใช้เดินทางไปยังแคว้นตรงข้ามได้อย่างรวดเร็วก็ต้องผ่านช่องเขาที่เป็รอยต่อระหว่างูเาทั้งสี่เมื่อผ่านช่องแคบเข้ามาจะเจอกับลานดินโล่งๆ ทอดยาวสุดสายตา ทว่าใจกลางลานกลับเป็ที่ตั้งของูเาน้ำแข็งที่แผ่ไอเย็นเยือกตลอดทั้งปี
ปัจจัยในการวางค่ายกลเก้าสังหารนั้นมีหลายประการ หาก้าให้ค่ายกลแสดงพลังทั้งหมดออกมาอย่างเต็มเปี่ยมต้องอาศัยหลายสิ่ง ซึ่งเป็ข้อจำกัดที่เกิดขึ้นเมื่อสนามรบมิได้ถูกออกแบบมาให้ตรงตามคุณสมบัติที่ค่ายกล้า
นี่จึงเป็เหตุว่านับั้แ่ศึกครั้งสุดท้ายที่หุบเขาิญญาพยัคฆ์ก็ไม่มีการศึกครั้งใดที่แม่ทัพของตระกูลซ่างกวนในแต่ละรุ่นสามารถจัดวางค่ายกลเก้าสังหารที่สมบูรณ์แบบออกมาได้
ประการแรก ชัยภูมิที่จะใช้จัดตั้งค่ายกลต้องสอดประสานกันและกัน มีทางเข้าออกชัดเจน อีกนัยหนึ่งคือเข้าหนึ่งทางออกหนึ่งทาง ตามตำราเรียกว่าเข้าเป็ออกตาย เป็สถานที่ที่เส้นทางเข้าออกมีจำกัดสามารถหลอกล่อศัตรูให้เข้ามายังใจกลางค่ายกลโดยไรหนทางย้อนกลับ สถานที่เช่นนี้มีไม่มากที่หุบเขาิญญาพยัคฆ์แห่งหนึ่งและที่หุบเขาน่าเหลาเจี๋ยนับได้ว่าเป็แห่งที่สอง
ประการที่สอง ค่ายกลเก้าสังหารต้องจัดตั้งให้สอดประสานกับห้าสรรพสิ่งอันได้แก่ ฟ้า ดิน นรก ์ และสรรพชีวิต ค่ายกลจะไร้ซึ่งชีวิตหากไม่สามารถรับเอาพลังจากห้าสรรพสิ่งมาหล่อเลี้ยง
ประการสุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างค่ายกลคือ เื เนื้อ จิติญญาของศัตรูและของผู้สร้างผู้ควบคุมค่ายกล ของสิ่งแรกนับว่าหาได้ง่ายดายนักแต่ของสำคัญอย่างสุดท้ายที่จะขาดไปไม่ได้คือเืเนื้อจิติญญาของผู้สร้างค่ายกลนั้นต้องใช้การเสียสละตนเองที่ต้องเสี่ยงแก่ชีวิตเป็อย่างมาก
รีดเื
เฉือนเนื้อ
เลาะกระดูก
สละอายุขัย
หากไร้ซึ่งปณิธาน หากไร้ซึ่งความมุ่งมั่นก็มิอาจกระทำการให้สำเร็จ แต่ข้าจะยินยอมได้เช่นนั้นหรือ นี่เป็เพียงจุดเริ่มต้นของการไถ่บาปและล้างแค้น เืไม่กี่หยด เนื้อไม่กี่ชั่ง กระดูกไม่กี่ชิ้น อายุขัยไม่กี่สิบปี เื่เล็กน้อยดั่งเม็ดทรายจะสามารถทำให้ข้า ซ่างกวนจือหลิน หันหลังกลับเช่นนั้นหรือ
ไม่ มี วัน
ต่อให้ข้าต้องทำสิ่งใดยิ่งกว่านี้เพื่อเป็การลดจำนวนการสูญเสียทหารในกองทัพ ต่อให้ข้าโดนสาปแช่งจากอริศัตรูไปอีกร้อยปี
ข้าก็เลือกที่จะทำเช่นเดิม
“แบ่งคนออกเป็สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งออกไปล่าหน่วยสอดแนมของฝั่งตรงข้ามมา ทำให้พวกมันตายโดยที่ไม่ทันตั้งตัว รีดโลหิตใส่ถุงหนังที่พวกเ้าได้รับแจกมา จำเอาไว้ข้า้าเืทุกหยด ลงมือให้ไวอย่าให้เืพวกมันแข็งตัวก่อนที่จะรีดออกมาเล่า พวกเ้าแต่ละคนนำร่างพวกมันกลับมา ทุกส่วนของพวกมันข้าล้วนต้องใช้สอย”ข้าสั่งการณ์อย่างเฉียบขาด น้ำเสียงที่เปล่งออกมากเย็นเยียบยิ่งกว่าสภาพอากาศในยามนี้หลายเท่าตัว
“ขอรับท่านแม่ทัพ”ทหารหนึ่งร้อยนายส่งเสียงตอบรับอย่างแ่เบาแต่เปี่ยมไปด้วยความหนักแน่น ล้วนเป็ทหารชั้นยอดคำสั่งของผู้เป็นายพวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ทว่าเมื่อรับรู้เจตนากลายๆของเ้านายพวกเขาก็ห้ามไม่ให้ขนในกายลุกชันไม่ได้
“ไปได้”ข้าโปกมือเป็สัญญาณให้ทหารกลุ่มแรกออกไปปฏิบัติภารกิจ อีกไม่นานทัพใหญ่ของแคว้นเหลียวก็ต้องเคลื่อนพลผ่านทางเส้นทางนี้ การส่งทหารออกมาดูลาดเลาย่อมเป็เื่ที่คาดเดาได้ หากหน่วยสอดแนมที่ส่งออกไปไม่ได้กลับมาอีกเลยก็เป็เื่ปกติที่พบเจอได้ทั่วไป เพราะการประทะกันของทหารหน่วยสอดแนมของทั้งสองแคว้นมีให้เห็นเป็ประจำ
“พวกเ้าที่เหลือตามข้ามา เราจะเข้าไปในหุบเขาน่าเหลาเจี๋ยกัน จำไว้ภายในหุบเขาอันตรายซ่อนเร้นอยู่ทุกหย่อมหญ้าจงแสดงให้ข้าเห็นว่าสิ่งที่พวกเ้าฝึกฝนมาไม่สูญเปล่า”
“ขอรับ”ทหารอีกหนึ่งร้อยคนที่เหลือล้วนประสานเสียงตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง
คนสองกลุ่มแยกย้ายหายไปในความมืดอันเวิ้งว้างทิ้งไว้เพียงรอย่ำของเกลือกม้าที่ไม่นานก็เลือนหายไปเพราะหิมะที่ตกลงมาทับถม ค่ำคืนนี้อาจจะเป็ค่ำคืนอันแสนยาวนาน หลายสิ่งหลายอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการมาเยือนของคนกลุ่มเล็กๆ ที่จะทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนไป
หากค่ำคืนนี้ราบรื่นไร้อุปสรรค ผลลัพธ์ที่ผู้ใดก็มิอาจคาดการณ์ได้ก็จะเกิดขึ้น
ผลลัพธ์ที่ว่านั้น
คือ ผลลัพธ์สุดท้ายของ า
เดิมผลลัพธ์ของาก็มิอาจคาดเดาได้ แต่ราตรีนี้ข้าจะเป็ผู้ที่กำหนดชะตาของาในครั้งนี้
ชะตาที่ตัวข้าเป็ผู้กำหนดให้กองทัพิญญาพยัคฆ์มีชัยเหนือสงคาม
ชะตาที่ตัวข้าเป็ผู้พิพากษาให้อริศัตรูต้องจบชีวิตภายใต้คมดาบของข้า