เหยาเชียนเชียนกำแขนเสื้อของตัวเอง นางรู้สึกว่าชิงผิงอ๋องแตกต่างไปจากเมื่อก่อน แม้จะไม่สามารถบอกได้ว่างดงามกว่าเดิมหรือว่าอุปนิสัยอ่อนโยนกว่าเดิม ทว่านางก็แอบหน้าแดงอย่างเงียบๆ
“หม่อมฉัน” เหยาเชียนเชียนอ้าปากค้าง นางเผชิญกับคิ้วและตาที่เจือรอยยิ้มของเป่ยเหลียนโม่แต่กลับพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงก้มศีรษะลงแล้วเอากล่องไม้กลับมา “ถ้าเช่นนั้นก็ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”
ในยามนั้นนางยังคิดว่าหากในอนาคตเมื่อนางได้รับอิสรภาพกลับคืนมาแล้ว นางก็จะซื้อเรือนพักแบบนั้นอย่างแน่นอน แต่ไม่คาดคิดเช่นกันว่าความฝันของนางจะเป็จริงเร็วเพียงนี้ คราวนี้นางคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว
“ครั้งหน้าเมื่อมีเวลาว่าง ข้าจะพาอาเหยียนไปด้วยกัน” เป่ยเหลียนโม่กล่าว “เขาชอบูเานั้นมาโดยตลอด”
“เช่นนั้นหรือเพคะ” เหยาเชียนเชียนอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เมื่อนึกภาพอาเหยียนที่วิ่งไปรอบๆ ูเาอย่างมีความสุข นางก็มีความสุขตามไปด้วย “ถ้าอย่างนั้นเมื่อท่านอ๋องมีเวลาว่างแล้ว ถึงยามนั้นพวกเรา..."
ลมหายใจของนางพลันติดขัด รู้สึกเพียงแน่นหน้าอกขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งยังมีความเ็ปเจือจางส่งออกมาจากหน้าอกและค่อยๆ ลุกลามไปทั่วทุกจุดของร่างกาย
ใบหน้าของเป่ยเหลียนโม่พลันหม่นลง สภาพของเหยาเชียนเชียนในยามนี้เหมือนกับเมื่อครั้งที่อยู่จวนสกุลเหยาก่อนหน้านี้ ใบหน้าของนางแดงผิดปกติ
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยดี” เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วแน่น นางลูบหน้าอกโดยไม่รู้ตัวเพื่อพยายามบรรเทาอาการอึดอัด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล “ทรมานเหลือเกิน อยู่ๆ หม่อมฉันก็รู้สึกอึดอัดมากเลย”
“ผู้ใดก็ได้ ไปเชิญหมอหลวง!”
เป่ยเหลียนโม่ตัดสินใจอย่างไม่ลังเลภายใต้สถานการณ์กดดัน เขาอุ้มเหยาเชียนเชียนขึ้นมาและสั่งให้องครักษ์เงาไปที่จวนสกุลเหยาทันที
ในคราแรกเขาไม่ได้ใส่ใจ และไม่รู้ว่าเหยาซื่อเฟิงให้ยาชนิดใดแก่นาง ถึงกระนั้นเขาก็สืบมาได้ในเวลาต่อมาว่ายานั้นช่วยบรรเทาความเ็ปได้ชั่วคราวเท่านั้น แต่นั่นย่อมดีกว่าความเ็ปที่นางรู้สึกอยู่ในเวลานี้
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่สบายหรือ?”
ใบหน้าเล็กของเหยาเชียนเชียนเปลี่ยนเป็สีแดง และความเ็ปที่เจือจางเมื่อครู่ ในยามนี้กลับแย่ลงกว่าเดิมสิบเท่า นางคาดเดาในใจเกี่ยวกับโรคที่ทำให้นางเ็ปอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้ นางคงไม่ได้ถูกวางยาพิษหรอกกระมัง?
“ท่านอ๋อง” พ่อบ้านที่อยู่นอกประตูเข้ามาทูลว่า “เสี่ยวซื่อจื่ออาการไม่ค่อยดีพ่ะย่ะค่ะ เ็ปไปทั่วทั้งตัวโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่สามารถแตะต้องตัวได้ พระองค์รีบไปดูเถิด!”
อาเหยียน!
เป่ยเหลียนโม่จูบหน้าผากของเหยาเชียนเชียนเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวออกไปยังเรือนของอาเหยียน เขาอุ้มอาเหยียนที่แทบจะรักษาร่างมนุษย์ไว้ไม่ได้เข้าสู่อ้อมแขน และใช้ชุดคลุมตัวใหญ่ปกปิดแสงสีขาวที่พุ่งออกมาเอาไว้ เขากำชับว่าไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามาในห้อง และเขาก็พาลูกแมวน้อยไป
“เชียนเชียน” หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงเ็ปเสียจนเหงื่อเย็นซึมไปทั่วใบหน้า เป่ยเหลียนโม่วางลูกแมวไว้ข้างหมอนอย่างระมัดระวังและทะนุถนอมอย่างยิ่ง
“เจ็บ เจ็บเหลือเกิน” เหยาเชียนเชียนคล้ายกับเจ็บเสียจนสติสัมปชัญญะเลือนราง นางจับแขนเสื้อของเป่ยเหลียนโม่และพึมพำอย่างอ่อนแรง “ท่านอ๋อง หม่อมฉันเจ็บ…”
“ประเดี๋ยวก็จะไม่เจ็บแล้ว เชียนเชียน เ้าอดทนอีกหน่อยได้หรือไม่?”
เป่ยเหลียนโม่ไม่กล้าแม้แต่จะััตัวนาง ดูเหมือนทุกอณูของิักำลังเผาไหม้ หากเพียงแค่ััเบาๆ ก็อาจเจ็บถึงกระดูก ลูกแมวน้อยที่อยู่ข้างๆ นางสามารถช่วยแบกรับความเ็ปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ทว่ายามนี้แมวน้อยก็ยังมีแรงลืมตาขึ้นมามองได้
"เหมียว เหมียว..."
“พ่อรู้แล้ว” เป่ยเหลียนโม่พยักหน้า “พ่อจะช่วยแม่ อาเหยียนเด็กดี อย่าเพิ่งพูดอะไร เก็บแรงไว้”
เขาควรเร่งสืบเื่หมู่กู่ให้เร็วกว่านี้ แต่จะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อที่ผ่านมาเกิดเื่วุ่นวายขึ้นรอบตัวมากมาย จึงทำให้ล่าช้าและเวลาล่วงเลยมาจนถึงยามนี้
เป่ยเหลียนโม่มานึกเสียใจยามนี้ก็สายเกินไปแล้ว เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างกำลังเ็ป เขาก็อยากจะตบตัวเองสักฉาดเหลือเกิน
องครักษ์เงาะโข้ามหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบๆ “นี่เป็ยาที่พบในจวนสกุลเหยา เป็ยาชนิดเดียวกับที่ให้หวังเฟยใช้ในวันนั้นขอรับ"
เป่ยเหลียนโม่รีบรับมันมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่กล้าป้อนให้นางกินสุ่มสี่สุ่มห้า เขากล่าวเสียงเย็นว่า “ให้คนตรวจสอบยานี้หรือยัง?”
“ั้แ่ครั้งที่นายท่านรับสั่งให้สืบเื่หมู่กู่ ข้าน้อยก็ได้สืบเื่ยานี้มาแล้วขอรับ แม้ว่าจะสามารถระงับพิษได้ชั่วคราว แต่ทุกครั้งที่พิษถูกระงับก็จะทำให้พิษทวีความรุนแรงขึ้นอีกหนึ่งระดับ และเมื่ออาการกำเริบครั้งต่อไปก็จะยิ่งเ็ปมากขึ้นไปอีก”
เป่ยเหลียนโม่กำขวดลายครามในมือแน่น เขาอยากจะทุบมันให้แตกละเอียดเสียประเดี๋ยวนี้
ทว่าเหยาเชียนเชียนที่อยู่บนเตียงยามนี้เ็ปเสียจนไม่มีเสียงแล้ว นอกจากให้นางกินสิ่งอันตรายนี้เข้าไป เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“เปิ่นหวังจะต้องตามหาคนวางพิษให้เจอจงได้ รวมถึงหมู่กู่ด้วย เปิ่นหวังจะสับมันเป็หมื่นท่อน บดกระดูกจนเป็ผงและนำไปโปรยทิ้ง!”
หมอหลวงมาถึงล่าช้า ทั้งยังไม่สามารถวินิจฉัยอาการอะไรได้เลย เขาได้ยินมานานแล้วว่าพระชายาของชิงผิงอ๋องประชวรด้วยโรคประหลาด และใช้ยาวิเศษยื้อชีวิตใน่ที่ยังอยู่จวนสกุลเหยา ยามนี้ดูท่าว่าจะเป็เื่จริง
“กระหม่อมไร้ความสามารถ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย!”
ใบหน้าของเป่ยเหลียนโม่มืดครึ้ม ราวกับมีความดุร้ายที่ไม่อาจยับยั้งได้ภายในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น ทำให้ทุกคนในห้องไม่กล้าขยับเขยื้อนใดๆ คล้ายกับมีูเาสูงใหญ่อยู่ข้างหลัง ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง
“เอาเถิด เ้าออกไปก่อน หากมีผู้ใดถามถึงเหตุการณ์ในวันนี้ก็บอกไปเพียงว่าหวังเฟยหกล้มแต่ไม่ได้าเ็รุนแรง เปิ่นหวังเพียงแค่กังวลมากเกินไป นอกเหนือจากนี้ ห้ามพูดแม้เพียงครึ่งคำ”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจำไว้ กระหม่อมจะออกเทียบยาลดอาการบวมและโลหิตแข็งตัวแด่หวังเฟย เพื่อให้อาการาเ็จากการหกล้มของหวังเฟยฟื้นตัวโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ”
เป่ยเหลียนโม่พยักหน้าเบาๆ “เื่บันทึกก็รบกวนหมอหลวงแล้ว”
“มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา”
หมอหลวงออกไปทั้งเนื้อตัวสั่นเทิ้ม จากนั้นบรรยากาศในห้องก็เงียบลงอีกครั้ง เป่ยเหลียนโม่มองไปยังสองแม่ลูกที่ลมหายใจสงบลงแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรคำพูดที่ติดค้างอยู่ในใจก็ไม่อาจกล่าวออกมาได้
“ที่เปิ่นหวังส่งคนไปสืบ ได้ข้อมูลของพิษจื่อหมู่กู่มาบ้างหรือไม่?”
องครักษ์เงาเดินออกมาจากมุมห้องและคุกเข่าลงด้วยความเคารพ พวกเขาสืบพบเพียงว่าหมู่กู่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายสาม ทว่าองค์ชายสามร่างกายอ่อนแอ ไม่อาจเลี้ยงหมู่กู่ได้ั้แ่แรก ดังนั้นเขาน่าจะเลี้ยงหมู่กู่ไว้ในร่างของผู้อื่น
“หากหมู่กู่ไม่ตาย จื่อกู่ก็จะยังคงอยู่ในร่างกายของหวังเฟยต่อไป เมื่อ...เมื่อหวังเฟยตายไปแล้วเท่านั้นจึงจะหลุดออกมาจากร่างกาย และในยามนั้นหมู่กู่ก็จะรุนแรงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง”
เป็พิษรุนแรงตามที่คาดไว้ เป่ยเหลียนโม่บีบจอกน้ำชาอย่างแรงจนแตก
เื่นี้เกี่ยวข้องกับเป่ยเซวียนเฉิงจริงๆ ในคราแรกเขาและเหยาเชียนเชียนเป็คู่ที่ทุกคนต่างพูดว่าเหมาะสมกันมาก แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าวางพิษกู่กับคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด
ไม่สิ เมื่อพิจารณาดูแล้ว เหยาเชียนเชียนในคราแรกเหมือนเป็เพียงหมากตัวหนึ่งของเขาเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นที่จะกล่าวได้ว่าไว้ใจหรือไม่ หากต้องกล่าวถึงความแตกต่างจริงๆ ก็คงมีเพียงแค่ความลุ่มหลงที่มีมากกว่าสตรีอื่นเท่านั้น
“เร่งค้นหาที่อยู่ของหมู่กู่ให้พบโดยเร็วที่สุด เปิ่นหวังอยากเห็นคนผู้นั้นด้วยตาของตัวเอง” เป่ยเหลียนโม่กล่าวเสียงเย็น
และเป็การถือโอกาสให้นางได้เห็นว่าคนที่นางหลงรักมานานหลายปีนั้น แท้จริงแล้วเป็คนหน้าเนื้อใจเสือและปากว่าตาขยิบอย่างไร
เหยาเชียนเชียนนอนหลับด้วยความไม่สงบเป็อย่างยิ่ง ในคราแรกราวกับกำลังกลิ้งไปมาอยู่ในกองเพลิงและจากนั้นก็ถูกวางลงบนปลายมีด
บนร่างกายไม่มีส่วนใดที่ไม่เ็ป กระทั่งที่บอกไม่ได้ว่าเป็ความเ็ปจากเปลวไฟแผดเผา หรือเป็ความเ็ปรุนแรงจากปลายมีดแหลมคมที่ตัดเฉือนิักันแน่ แต่อย่างไรสุดท้ายก็คือความเ็ป
เปลือกตาราวกับถูกราดด้วยน้ำตะกั่ว เหยาเชียนเชียนต้องใช้แรงอย่างมากถึงจะลืมตาได้ นางสับสนมึนงงและไม่คาดคิดว่าจะมีร่างหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงด้วย
“...ท่านอ๋อง?”
เหยาเชียนเชียนเอ่ยถามหยั่งเชิง ลำคอของนางแหบแห้ง และในขณะที่นางพยายามกลืนน้ำลายอยู่นั้น น้ำอุ่นแก้วหนึ่งก็ถูกป้อนให้ถึงปาก เหยาเชียนเชียนในยามนี้จึงสามารถรวมจุดวางสายตาได้ ทำให้เห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักของเป่ยเหลียนโม่ได้อย่างชัดเจน
“ช้าหน่อย” เขากล่าว “หิวหรือไม่ ห้องเครื่องยังพอมีอาหารเหลืออยู่ หรือว่าเ้าอยากกินโจ๊กหรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนดื่มน้ำอึกๆ จนหมดแก้ว จากนั้นก็กระซิบถามอย่างได้ใจว่า “หม่อมฉันกินซี่โครงได้หรือไม่?”
ชิงผิงอ๋องแอบสะอึกเบาๆ แต่ก็ยังรับสั่งกับบ่าวไพร่ที่อยู่ข้างนอก ท่าทางจนใจของเขาทำให้เหยาเชียนเชียนอดหัวเราะไม่ได้ ถึงอย่างไรนางก็ถูกเขาสั่งกักบริเวณอยู่ในห้องเพราะเื่อวี่เหลียนเอ๋อร์
ถึงจะบอกว่าถูกกักบริเวณ ทว่าทั้งขาหมู ซี่โครง ปลาสด และกุ้งล้วนไม่เคยขาด ยามนี้พอมาคิดดูแล้วคงไม่อาจเรียกว่าถูกกักบริเวณได้ เขาเพียงแค่แสดงละครให้อวี่เหลียนเอ๋อร์ดูเท่านั้น
“หากเปิ่นหวังเป็เ้าก็คงหัวเราะไม่ออก” เป่ยเหลียนโม่เหลือบมองนาง “เ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดถึงได้มีอาการเ็ปขึ้นมาอย่างกะทันหันจนถึงขั้นที่เป็ลมไป?”
เหยาเชียนเชียนถามหยั่งเชิงว่า "เพราะถูกวางยาพิษหรือเพคะ?"
“เหตุใดถึงถูกวางยาพิษ?”
เพราะหากเป็ความเ็ปเล็กน้อยจากโรคธรรมดาก็คงไม่เจ็บมากถึงเพียงนี้ และสีหน้าของเขาในยามนี้ก็ย่ำแย่เหลือเกิน เมื่อคิดดูแล้วคงไม่ใช่เื่ธรรมดาเป็แน่
“หม่อมฉันก็แค่...เดาสุ่มเพคะ” นางยิ้มอย่างประจบประแจง “สรุปแล้วคือถูกวางยาพิษจริงๆ หรือเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่ยกมุมปากขึ้นอย่างเ็า ยามนี้ฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว เช่นนั้นในคราแรกเหตุใดถึงได้กินพิษกู่เข้าไปได้ สิ่งนี้ไม่ใช่ของที่จะกินได้ตามอำเภอใจ หรือว่านางรู้อยู่แล้วั้แ่แรกว่าตัวเองถูกพิษกู่ และยอมรับโทษนี้แทนเป่ยเซวียนเฉิงด้วยความเต็มใจ
ไม่แปลกเลยที่เขาจะคิดมาก ในคราแรกเหยาเชียนเชียนทำเื่ต่างๆ เพื่อเป่ยเซวียนเฉิงมากมายเกินไป หากเป่ยเซวียนเฉิงให้นางกินพิษกู่ลงไปต่อหน้าจริงๆ และนางก็ตัดสินใจกินมันเข้าไปก็ไม่ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
“เปิ่นหวังได้ยินมาว่าหวังเฟยเป็โรคประหลาดนี้เมื่อหลายปีก่อน ใต้เท้าเหยาตามหาหมอที่มีชื่อเสียงมาแล้วแต่ก็ยังคงไร้หนทางรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงใช้ยาวิเศษบรรเทาอาการ หวังเฟยไม่เคยสงสัยในอาการป่วยของตัวเองเลยหรือ?"
เหยาเชียนเชียนน้ำท่วมปาก นางไม่รู้ว่าควรจะบ่นว่าตัวเองโชคร้ายก่อนหรือว่าจะพิจารณาคำถามของเป่ยเหลียนโม่ก่อนอยู่ครู่หนึ่ง
นางมีโรคประหลาดเพิ่มขึ้นมาอีกั้แ่เมื่อใดกัน?
์กลั่นแกล้ง พ่อไม่เอ็นดูแม่ไม่รัก มิหนำซ้ำยังเป็โรคประหลาดที่รักษาไม่หายอีก นี่มันเป็การจัดสรรการย้อนเวลาแบบใดกัน นางจะวิจารณ์ให้แย่ๆ เลย!
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันเพียงได้ยินจากที่ท่านพ่อบอกมาเท่านั้น และรู้เพียงว่าไม่มีหนทางรักษา ส่วนข้อมูลอื่นๆ ไม่เคยได้ยินเื่ใดมาก่อนเลยเพคะ”
นางดึงชายอาภรณ์ของเขาอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋องทรงรู้อะไรมาใช่หรือไม่ พระองค์สามารถบอกหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และถามอย่างไม่วางใจว่า “เ้าไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับโรคนี้เลยจริงๆ หรือ?”
นางไม่ได้ยินยอมกินมันเพื่อเป่ยเซวียนเฉิงจริงๆ หรือ?
เหยาเชียนเชียนส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ นางไม่รู้ว่าเ้าของร่างเดิมรู้หรือไม่รู้ แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่รู้จริงๆ อยู่ดี
เมื่อเห็นความแน่วแน่ในดวงตาของนางชัดเจนแล้ว เป่ยเหลียนโม่ก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงพิษที่สามารถทำให้ผู้คนสับสนมึนงงได้ เช่นนั้นก็ต้องมีจิตใจระแวงต่ออีกฝ่ายเป็แน่ ดังนั้นเขาจึงมีสีหน้าไม่พอใจอีกครั้ง
“ท่านอ๋อง โรคของหม่อมฉันไม่สามารถรักษาได้จริงหรือ?”
เหยาเชียนเชียนใกับสีหน้าของเขา จิตใจนางไม่สงบ สรุปแล้วสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่เล่า นางเพิ่งได้เริ่มมีชีวิตใหม่เอง คงจะไม่ต้องมาตายตกไปแบบนี้กระมัง?
“มันคือพิษกู่” เป่ยเหลียนโม่กล่าว “พิษในร่างกายของเ้าคือจื่อกู่ หากอยากช่วยให้รอด มีแต่ต้องหาหมู่กู่ให้พบ และฆ่าหนอนกู่ทิ้งเท่านั้น”
เหยาเชียนเชียนพลันเบิกตากว้าง และเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า “พระองค์บอกว่า ในร่างกายของหม่อมฉันมี...หนอน?”
แหวะ!
แหวะ...
ไม่ใช่แค่หนอนธรรมดา แต่ยังเป็หนอนที่อันตรายมากเสียด้วย เหยาเชียนเชียนตาเหลือกและเป็ลมไปอีกครั้ง นางหวังจากใจจริงว่าครั้งนี้นางจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
