“นายท่าน ฮูหยิน ข้าจะไปยกของว่างมาให้นะเ้าคะ” ในที่สุดลู่ซิวหรงก็มิอาจระงับความรู้สึกบางอย่างที่เติบโตขึ้นในใจได้ นางฝืนยกยิ้มเสี้ยวหนึ่ง ทำลายความเงียบอันแปลกประหลาดนั้น
ทว่ามิมีผู้ใดเหลือบมองนาง ลู่ซิวหรงจึงเดินออกจากห้องโถงไปด้วยใบหน้าเหยเก และไม่ได้ไปเอาของว่างอย่างที่เอ่ย
นางเดินไปที่แห่งหนึ่งอย่างรีบร้อน ราวกับกำลังรอคอยใครบางคนอยู่ ผ่านไปครู่ใหญ่ สาวใช้ของนาง ‘ชุ่ยเอ๋อร์’ ก้าวเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ลู่ซิวหรงเห็นทุกสิ่งในสายตา นางจึงรีบก้าวเข้าไปหา และเอ่ยถามอย่างไม่รีรอ “เป็อย่างไรบ้าง เ้าเห็นอะไรหรือไม่”
“นายหญิง...นายหญิง” ชุ่ยเอ๋อร์หอบหายใจด้วยท่าทีหวาดกลัว “บ่าว...บ่าวเห็นชุนเซียงออกมาจากห้องฮูหยินเ้าค่ะ บ่าวเห็นนางทำท่าทีลับๆ ล่อๆ จึงตามนางไปที่ห้องครัว นาง...นางหยิบของบางอย่างออกมา แล้วใส่ลงในขวดยาเ้าค่ะ"
ลู่ซิวหรงสดชื่นขึ้นทันใด นางรู้ดีว่าของที่ใส่เข้าไปนั่นต้องไม่ใช่อะไรดีๆ อย่างแน่นอน
หรือจะเป็ยาพิษ
ความคิดคาดเดานี้ ทำให้ลู่ซิวหรงสมองว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง
ยาพิษหรือ? หากเป็ยาพิษจริงๆ เช่นนั้นหนานกงเยวี่ย้าชีวิตของผู้ใดกันแน่
"ขวดยา..." ลู่ซิวหรงพึมพำ ดวงตานางสั่นไหวเล็กน้อย ในหัวนางราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
่นี้ในจวนเหนียนคนที่ต้องใช้ยามีอยู่ไม่กี่คน คุณชายใหญ่เหนียนเฉิง...ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย...และยังมีคุณหนูใหญ่เหนียนอีหลานที่มือเพิ่งได้รับาเ็มา
หนานกงเยวี่ยไม่มีทางลงมือทำร้ายลูกสาวและลูกชายทั้งสองของตนเองแน่ ดังนั้นความเป็ไปได้เพียงอย่างเดียวคือ...
ลู่ซิวหรงตื่นใทันใด หรือว่าหนานกงเยวี่ย้าวางยาพิษท่านหญิงอิ้งเสวี่ย?
ครั้นนึกถึงตรงนี้ ร่างกายลู่ซิวหรงพลันสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้ นางก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ไม่ง่ายเลยที่จะยืนอย่างมั่นคง แม้นางอยากจะเห็นการต่อสู้ฟาดฟันกันระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้ ทว่าการวางยาพิษเช่นนี้ มันเกินความคาดหมายของนาง
หากท่านหญิงอิ้งเสวี่ยตายไป เช่นนั้น...จวนเหนียนแห่งนี้ จะไม่กลับไปตกอยู่ในการปกครองของหนานกงเยวี่ยอีกหรือ?
ไม่ ลู่ซิวหรงส่ายหัว จากนิสัยของหนานกงเยวี่ย เพียงมือเดียวของหนานกงเยวี่ยก็ปกคลุมไปทั่วจวนเหนียน นางและลูกสาวคงมิมีวันหลุดพ้นจากความทุกข์แน่แล้ว
ตัวนางนั้นไม่สนใจหรอก ทว่าชิ่นเอ๋อร์ของนาง ปีหน้าก็เข้าพิธีปักปิ่นได้แล้ว นางมิมีทางยอมให้หนานกงเยวี่ยบังคับขู่เข็ญพวกนางสองแม่ลูกให้ต้องอยู่อย่างไม่สบายใจไปตลอดชีวิตแน่ เพราะฉะนั้น...
ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย จะตายไม่ได้!
ลู่ซิวหรงสูดหายใจลึก นางคิดถึงเหนียนยวี่...
จวนเหนียนมีปัจจัยไม่แน่นอนเพิ่มเข้ามาสองคน นั่นคือเหนียนยวี่และท่านหญิงอิ้งเสวี่ย แท้จริงนางคอยเฝ้าสังเกตมาโดยตลอดว่าจะเลือกอยู่ข้างไหน ทว่าตอนนี้...นางจำเป็ต้องเลือกแล้ว!
ทว่านางเองก็รู้ดีว่าหากนางเลือก...
ลู่ซิวหรงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สีหน้าแววตานางทวีความเคร่งเครียดยิ่งขึ้น
"นายหญิง ยานั่น..." ชุ่ยเอ๋อร์ลอบมองสีหน้าของลู่ซิวหรง ปกติอนุสองจะดูรีบร้อนตลอดเวลา นี่เป็ครั้งแรกที่นางเห็นนายตัวเองเงียบงันเช่นนี้
ลู่ซิวหรงเงียบไปครู่ใหญ่ ในที่สุดก็เอ่ยออกมาว่า “เ้าไปตามดูต่อเสียเื่ขวดยานั่น ไม่ เ้าอย่าไป...”
ลู่ซิวหรงเกิดเปลี่ยนใจทันใด ครั้นนางคิดอะไรบางอย่างได้
“ั้แ่วันนี้ เ้าห้ามเข้าใกล้ห้องครัวเด็ดขาดแม้เพียงวินาทีเดียว” ลู่ซิวหรงเอ่ยกระซิบ ทว่าน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก จวนเหนียนยามนี้ยุ่งเหยิงเกินไป หากก้าวพลาดแม้เพียงก้าวเดียว ก็มิอาจย้อนคืนมาได้แล้ว หนานกงเยวี่ยก็จะจับจุดอ่อนของนางไม่ได้ มิเช่นนั้นคงฆ่านางเป็ผักปลา เหมือนที่ทำกับมารดาของเหนียนยวี่ เมื่อสิบกว่าปีก่อน...
ลู่ซิวหรงนึกถึงอดีต สีหน้าแววตานางราวกับฉาบไปด้วยความหวาดกลัว นางสูดหายใจลึกหลายรอบ พยายามสงบอารมณ์ตนเอง จากนั้นก็เอ่ยกับชุ่ยเอ๋อร์ต่อว่า “คุณหนูสามเล่า?”
"คุณหนูสามอยู่ที่ลานสวนข้างเรือนเ้าค่ะ ยามนี้น่าจะฝึกเย็บปักถักร้อยอยู่เ้าค่ะ ผ้าที่คุณหนูสามปักใน่ที่ผ่านมานี้ใกล้จะเสร็จแล้ว มองดูลวดลายแล้วราวกับมีชีวิตก็มิปานเลยเ้าค่ะ”
ยามที่เอ่ยถึงคุณหนูสาม สีหน้าของลู่ซิวหรงเปี่ยมล้นไปด้วยความอบอุ่น “ยังดีที่ชิ่นเอ๋อร์ของข้านั้นมีสิ่งที่เชี่ยวชาญ นางเป็บุตรีอนุภรรยา คงเทียบกับคุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอกไม่ได้”
ทั้งพิณ กู่ฉิน หมากล้อม พู่กันและภาพวาด เื่พวกนั้น หนานกงเยวี่ยไม่ยอมให้ลูกสาวนาง
ฮึ่ม หนานกงเยวี่ยกังวลหรือว่าคนอื่นจะขโมยความเจิดจรัสของลูกสาวนาง ไม่ยอมให้เรียนรู้ เพราะฉะนั้น นางจึงทำได้เพียงบอกให้ชิ่นเอ๋อร์แอบเรียนอะไรบางอย่างที่ไม่เป็จุดสนใจอยู่ในลานอย่างเงียบเชียบ
หึ หนานกงเยวี่ยคงกลัวผู้อื่นจะแย่งความโดดเด่นของลูกสาวตนเองไปสินะ
ตอนนี้ช่างดีเสียจริง...
ครั้นนางนึกถึงมือที่าเ็ของเหนียนอีหลาน ดวงตาของลู่ซิวหรงยิ่งรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกเล็กน้อย
“เ้าไปอยู่กับคุณหนูสามที่ลานเรือน ไม่ว่าในจวนแห่งนี้จะเกิดอันใดขึ้น ก็ห้ามออกมาเด็ดขาด” ลู่ซิวหรงเอ่ยสั่ง พวกนางยังต้องทน รอจนกว่าจะถึงวันที่ได้หลุดพ้น นางถึงจะปล่อยให้ลูกสาวนางปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชนอย่างสมบูรณ์แบบ
“เ้าค่ะ” ชุ่ยเอ๋อร์ย่อกายโค้งคำนับรับคำสั่ง แล้วจากไปอย่างเร่งรีบ
ลู่ซิวหรงยืนอยู่ที่เดิม มิรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงค่อยเดินกลับไปที่ห้องโถง ประจวบเหมาะเห็นสาวใช้คนหนึ่งด้านนอกห้องโถงกำลังจัดเตรียมยกของว่างน้ำชาเข้าไปข้างในอย่างพอดิบพอดี ลู่ซิวหรงจึงเรียกสาวใช้คนนั้น และยกของว่างพวกนั้นมาถือเอง
ยามที่นางเดินเข้าไปในห้องโถง เสียงหัวเราะเรียกความสนใจแบบเดิมดังขึ้นอีกครั้ง “ฮ่าๆ ข้าต้องรออยู่นานมากกว่าจะได้ขนมบัวพวกนี้ มา มาเถิด ขอเชิญฮูหยินทุกท่านชิมดู ขนมยังร้อนๆ อยู่ รสชาติเองก็อร่อยไม่เลวเลยทีเดียว”
ลู่ซิวหรงต้อนรับอย่างกระตือรือร้น ราวกับไม่ได้ตั้งใจ ทว่ายามที่นางเดินเข้าประตูมา นางกวาดตาสำรวจสถานการณ์ในห้องโถงแล้ว
ท่าทีทุกคนยังคงเหมือนตอนที่นางลุกออกไปเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อต่อกันเลย
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหนานกงเยวี่ย นางหวนนึกถึงเื่ที่ตัวเองพบเจอเมื่อครู่นี้
หึ ไม่น่าแปลกใจเลยที่หนานกงเยวี่ยจะสามารถหัวเราะได้อย่างสบายใจเช่นนี้ นางคงกำลังรอให้จ้าวอิ้งเสวี่ยตาย ทว่าในโอกาสเช่นนี้ ความกล้าของหนานกงเยวี่ยที่จะวางยาพิษท่านหญิงอิ้งเสวี่ยในที่นี้นั้น ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ
ส่วนจ้าวอิ้งเสวี่ย...
ลู่ซิวหรงวางของว่างลง จากนั้นจึงกลับไปนั่งที่ของตนเอง ระหว่างนั้นบังเอิญเห็นจ้าวอิ้งเสวี่ยอยู่ตรงหน้าพอดี
นางมองใบหน้าของจ้าวอิ้งเสวี่ยได้ไม่ชัดเจนนัก ทว่ารอยแผลเป็สีชมพูและสีน้ำตาลที่กระจัดกระจายอยู่บนมือที่ถือถ้วยชานั่น ทำให้นางหวาดกลัว
“ฮูหยินเหนียนมิใช่ว่าอยากจะขอโทษหรือ ยังมัวทำอะไรอยู่อีก” จิ้นหวางเฟยเอ่ยออกมาด้วยเสียงดังกังวาน ราวกับว่าในที่สุดก็ไม่สามารถทนได้ต่อไป มิปกปิดความเกลียดชังเป็ปฏิปักษ์ในน้ำเสียงอันเ็านั้นเลยแม้แต่น้อย
“ขอโทษ...ใช่แล้ว ขอโทษ ต้องมาขอโทษแน่นอน” ใบหน้าของหนานกงเยวี่ยยังคงยิ้มแย้ม ขณะที่เอ่ย นางลุกยืนขึ้นและค่อยๆ ก้าวเดินไปตรงหน้าจ้าวอิ้งเสวี่ย และจับมือของนางอย่างสนิทสนม
ยามที่มือของหนานกงเยวี่ยััจ้าวอิ้งเสวี่ย จ้าวอิ้งเสวี่ยสะบัดมือออกโดยที่แทบจะไม่รู้ตัว ในใจนางรู้สึกขยะแขยง ราวกับเหนียนเฉิงมาัันางก็มิปาน มันทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้
“นี่...” ใบหน้ายิ้มแย้มของหนานกงเยวี่ย แลดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นทันใด ทว่าสิ่งนี้เป็สิ่งที่หนานกงเยวี่ยคาดเดาไว้แล้ว
จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ๋ยจ้าวอิ้งเสวี่ย แม้จะใช้ฐานะท่านหญิงของตัวเองมากดดันนางแล้วอย่างไร?
ครั้นหนานกงเยวี่ยครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ ดวงตานางพลันสว่างวาบ ดูเหมือนว่านางจะไม่ถอยหนีจากการสะบัดมือของจ้าวอิ้งเสวี่ยเมื่อครู่นี้ ครานี้นางมิได้ก้าวไปจับมือจ้าวอิ้งเสวี่ยอีก ทว่ารินชาให้นางด้วยตัวเองแทน
“อิ้งเสวี่ย วันนั้นข้ามิสมควรเลยจริงๆ ใบหน้าของเ้า...” หนานกงเยวี่ยพูดถึงตรงนี้แล้วหยุดชะงักไป ความหมายนั้นชัดเจนมาก
การกล่าวถึงใบหน้าของจ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างกะทันหัน ทำให้สีหน้าของฮูหยินทุกคนและเหล่าอนุจวนเหนียนที่อยู่ตรงนั้น รวมถึงเหนียนเย่าและฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แม้ฮูหยินเ่าั้จะไม่รู้ว่าใน่เวลาที่ผ่านมานี้เกิดอะไรขึ้นในจวนเหนียน ทว่าทุกคนต่างเข้าใจว่าใบหน้าของสตรีนั้น แท้จริงแล้วมีความสำคัญมากแค่ไหนในโลกใบนี้ ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยสูญเสียรูปโฉม ทั้งยังต้องมาแต่งงานกับคนที่ทำร้ายนาง ซึ่งก็คือเหนียนเฉิง บุตรชายของหนานกงเยวี่ย ยามนี้นางกลับจงใจเอ่ยถึงเื่รูปลักษณ์เช่นนี้ มิใช่ว่า้าตอกย้ำท่านหญิงอิ้งเสวี่ยหรอกหรือ?
เป็ดั่งที่คาดคิด คนที่คอยจดจ้องการเคลื่อนไหวของจ้าวอิ้งเสวี่ย ล้วนสังเกตเห็นว่ามือของจ้าวอิ้งเสวี่ยนั้นสั่นเทาเล็กน้อย จิ้นหวางเฟยลุกพรวดขึ้นทันที และผลักหนานกงเยวี่ยออกไป