หลังจากพักฟื้นประมาณหนึ่งสัปดาห์าแที่หลังก็ตกสะเก็ดแล้ว
ไป๋เซี่ยเหอไม่รู้สึกเจ็บแผลนัก เพียงแต่อาการคันที่หลังทำให้นางต้องพลิกตัวไปมาด้วยความทุกข์ทรมาน
แม้แต่ตำราแพทย์ในมือยังอ่านต่อไปไม่ไหว
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ช่วยด้วยเ้าค่ะ คุณหนูใหญ่...”
เสียงแหลมบาดหูดังใกล้เข้ามา เงาร่างสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชนเข้ากับโต๊ะจนเครื่องลายครามที่วางอยู่้าหล่นลงมาแตกกระจาย
คนผู้นั้นคุกเข่าลงกับพื้นราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่เศษเครื่องลายครามบาดผิวของนางจนเืไหลนอง
“เอ๊ะ นี่ไม่ใช่เหลียงเอ๋อร์หรอกหรือ? เหตุใดเ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
ฝูเอ๋อร์โยนงานในมือทิ้ง ก่อนจะรีบเดินไปประคองอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น
ไป๋เซี่ยเหอเหลือบมองคราบเืบนพื้น นางมุ่นคิ้วเล็กน้อย ดวงตาสีดำทอประกายเ็า
“มีเื่อันใด?”
สาวใช้ที่ชื่อว่าเหลียงเอ๋อร์รีบเอ่ย “เช้าวันนี้คุณหนูรองนาง...นางไม่สบาย รู้สึกคลื่นไส้ จึงเข้าไปเดินเล่นในป่าเ้าค่ะ”
ฝูเอ๋อร์เองก็มุ่นคิ้ว ก่อนจะเก็บสีหน้า “ในป่าเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย คุณหนูรองไปเดินเล่นในป่าคนเดียว เกรงว่าจะหาเื่ใส่ตัวแล้วกระมัง”
เหลียงเอ๋อร์มองฝูเอ๋อร์พร้อมกับส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น “บ่าวรู้ว่าปกติแล้วคุณหนูรองทำให้คุณหนูใหญ่ขุ่นเคืองอยู่บ่อยครั้ง พวกท่านจึงไม่ชอบนาง แต่ว่าตอนนี้เป็เื่คอขาดบาดตาย บ่าวขอร้องคุณหนูใหญ่ ได้โปรดช่วยคุณหนูรองด้วยเถิดเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอโน้มตัวไปข้างหน้า สายตาตรึงอยู่ที่เหลียงเอ๋อร์ราวกับตะขอ ดวงตาสีดำขลับฉายแววอันตราย “คุณหนูรองของเ้าคือไท่จื่อเฟยในอนาคต เ้าไม่ไปขอให้ไท่จื่อช่วย ทว่ากลับมาขอให้สตรีบอบบางที่ไม่มีแรงแม้แต่จะเชือดไก่อย่างข้าช่วยหรือ?”
แม้ว่าประโยคไม่มีแรงแม้แต่จะเชือดไก่ออกจะเกินจริงไปหน่อย
ทว่าไป๋เซี่ยเหอรู้สึกว่าเื่นี้อาจมีเงื่อนงำซ่อนอยู่
เมื่อเหลียงเอ๋อร์ได้ยินว่าไป๋เซี่ยเหอไม่เต็มใจจะช่วย นางก็คุกเข่าลงอีกครั้งทันที ก่อนจะโขกศีรษะกับพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียง
“บ่าวไปหาไท่จื่อมาแล้วเ้าค่ะ แต่ไท่จื่อพาพระสนมไปเดินเล่น บ่าวรออยู่สักพักก็ไม่ได้พบ บ่าวจึงต้องมาหาคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ก็รู้ว่าร่างกายของคุณหนูรอง...ไม่ค่อยดีนัก ได้โปรดเมตตาช่วยชีวิตคุณหนูรองด้วยเถิดเ้าค่ะ”
เหลียงเอ๋อร์ร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก หน้าผากที่โขกกับพื้นบวมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดูน่าสงสารเป็อย่างยิ่ง
“คุณหนู หรือว่าเราจะลองไปดูเ้าคะ?”
ฝูเอ๋อร์ถามหยั่งเชิง
ไป๋เซี่ยเหอเหลือบมองนางและไม่พูดอะไร ทว่ากลับถามเหลียงเอ๋อร์ “นางหายไปนานเพียงใดแล้ว?”
“หนึ่งชั่วยามเ้าค่ะ”
หากเทียบกับเวลาในยุคปัจจุบันก็คือสองชั่วโมง
หญิงสาวตั้งครรภ์คนหนึ่งเข้าไปเดินเล่นในป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าต่างๆ เพียงลำพัง ทั้งยังเดินเล่นมาเป็เวลาสองชั่วโมงแล้ว...
ก้อนเนื้อในครรภ์ของไป๋หว่านหนิงล้ำค่าเพียงใด นางย่อมเข้าใจเื่นี้ชัดเจนยิ่งกว่าผู้ใด นางไม่มีทางทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย เว้นเสียแต่ว่าจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง
“เ้าออกไปรอด้านนอกก่อน”
เหลียงเอ๋อร์พยักหน้าแล้วเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง
ไป๋เซี่ยเหอมองไปทางฝูเอ๋อร์ “เ้ารู้จักเหลียงเอ๋อร์มากเพียงใด?”
ฝูเอ๋อร์ตอบอย่างหดหู่ “บ่าวรู้จักเหลียงเอ๋อร์มานานแล้วเ้าค่ะ เพียงแต่ตอนนั้นเหลียงเอ๋อร์ยังไม่ได้มารับใช้คุณหนูรอง แม่ของนางทำงานในครัว ส่วนนางก็ทำงานจิปาถะอยู่ข้างๆ ตอนนั้นที่คุณหนูไม่ได้กินข้าว มีหลายครั้งที่เหลียงเอ๋อร์แอบเก็บหมั่นโถวไว้ให้บ่าว บ่าวถึงได้นำมาให้คุณหนูเ้าค่ะ”
“ต่อมาเล่า?”
“ต่อมาแม่ของนางทำให้ลู่อี๋เหนียงขุ่นเคืองจึงถูกไล่ออกจากจวน แต่ดูจากการที่แม่ของนางมีความดีความชอบ ทั้งยังทำงานหนัก เหลียงเอ๋อร์จึงไม่ถูกไล่ออกไป เพียงแต่ต่อมาพวกเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันน้อยมาก เื่ที่ว่านางเข้าไปรับใช้ในเรือนของคุณหนูรองได้อย่างไรนั้นบ่าวเองก็ไม่แน่ใจ เพียงแต่บ่าวคิดว่าเหลียงเอ๋อร์ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอเคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะทีละนิ้วเบาๆ
“ช่างเถิด ถือเสียว่าตอบแทนพระคุณเื่หมั่นโถวแล้วกัน”
ป่าแห่งนี้ทั้งกว้างและรกชัฏ
แตกต่างจากคราวก่อนที่มีทั้งคนและม้าฝูงใหญ่ คราวนี้ไป๋เซี่ยเหอเดินเข้าไปในป่าเพียงลำพัง
เงียบสงัดราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตก็ไม่ปาน
ใบไม้ถูกสายลมพัดจนเกิดเสียงหวีดหวิว ก่อให้เกิดเป็บทเพลงที่ฟังดูแปลกประหลาด
ในพงหญ้าสีเขียว ไป๋เซี่ยเหอเห็นต่างหูมุกข้างหนึ่งตกอยู่
ดวงตาของนางมืดครึ้ม ก่อนจะก้าวไปหยิบต่างหูนั้นขึ้นมา
ช่างดูคุ้นตานัก
นางเคยเห็นต่างหูมุกข้างนี้บนหูของไป๋หว่านหนิง
นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายเคยผ่านมาทางนี้
หากต่างหูข้างนี้เป็ของไป๋หว่านหนิงจริงๆ ตอนนี้นางน่าจะเผชิญกับโชคร้ายมากกว่าโชคดีเสียแล้ว
กลิ่นหอมเจือจางลอยมาแตะจมูก
นี่คือกลิ่นของยากระดูกระทวย
ในสมุดบันทึกได้กล่าวถึงยาชนิดนี้เอาไว้
ทว่าน่าเสียดาย...
ยาชนิดนี้ไม่มีผลกับนาง เพราะนางคือจิ้งจอก ทั้งยังเป็ถึงจิ้งจอกหิมะพันปี แม้ว่าร่างกายจะยังไม่โตเต็มที่ ยังไม่ถึงขั้นร้อยพิษไม่กล้ำกลาย ทว่าละครปาหี่เล็กจ้อยนี้ นางก็ไม่นำมาไว้ในสายตาเช่นเดียวกัน
นางเดินตามกลิ่นไปอย่างรวดเร็ว
สุดทางของเขตล่าสัตว์คือหน้าผาขรุขระราวกับสร้างจากคมดาบ ไอหมอกสีขาวเข้มข้นลอยอ้อยอิ่ง ทำให้มองไม่เห็นก้นบึ้งของหุบเหว
บริเวณริมหน้าผา มีร่างของหญิงสาวนอนอยู่
ไม่ใช่ไป๋หว่านหนิงแล้วจะเป็ผู้ใด?
“ไป๋หว่านหนิง”
ไป๋เซี่ยเหอเกิดความระแวดระวัง นางะโอยู่ไกลๆ สองสามที ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ขยับเขยื้อน
ไม่ตายก็น่าจะสลบไป
ไป๋เซี่ยเหออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จู่ๆ แผ่นหลังก็หนาวเหน็บ นางรู้สึกใขึ้นมาทันที จึงรีบเบี่ยงร่างหลบและพลิกตัวกระโจนไปด้านหลัง
‘ฮิๆๆๆ’
เสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดดังแว่วมาจากรอบทิศทาง
“ชายาเซ่อเจิ้งอ๋องคือยอดฝีมืออย่างที่คาด”
ไป๋เซี่ยเหอมุ่นคิ้ว ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย การหยั่งเชิงเมื่อครู่ทำให้รู้ว่าฝีมือของอีกฝ่ายลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา
แม้ว่านางจะสามารถหลบกระบวนท่าสังหารจากอีกฝ่ายได้ ทว่าระหว่างที่นางหลบ อีกฝ่ายก็หายเข้าไปในป่าด้วยความรวดเร็ว
รวดเร็วผิดปกติ
นางเคยชื่นชมวิชาตัวเบาของอิ๋งเฟิง เพราะมันถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของเทียนเช่อ ทว่าฝีมือของคนตรงหน้า เกรงว่าจะทัดเทียมกับฮั่วเยี่ยนไหว
“เ้าหลบซ่อนทางนั้นทีทางนี้ที ไม่กล้าเผชิญหน้าหรือ?”
“ฮิๆๆๆ อย่าดูถูกข้าเกินไป วิธียั่วยุใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก”
แม้จะพูดเช่นนี้ ทว่าก็ยังคงซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของป่า
อีกฝ่ายมีเพียงสามคนเท่านั้น ทว่าแรงกดดันจากไอสังหารทำให้ไป๋เซี่ยเหออดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
ทั้งสามสวมชุดสีดำทั้งตัวรวมถึงใบหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตาเท่านั้น
“ไป๋เซี่ยเหอ นึกไม่ถึงว่าเ้าจะยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเหลือคนที่อยากจะสับเ้าเป็พันเป็หมื่นครั้งทุกวัน!”
แววตาของคนที่ยืนอยู่ตรงกลางเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นและเจตนาที่จะสังหาร
เมื่อพิจารณาให้ดี ไป๋เซี่ยเหอกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูคุ้นตาอย่างประหลาด ทว่านางกลับนึกไม่ออกว่าเป็ผู้ใด
ส่วนอีกสองคนเป็คนแปลกหน้า เห็นได้ชัดว่าถูกคนตรงกลางพามาเท่านั้น ทว่าอดีตทหารรับจ้างอย่างนางย่อมไวต่อจิตสังหาร ไป๋เซี่ยเหอจึงรู้สึกได้ั้แ่แรกว่าผู้ที่แข็งแกร่งจริงๆ คือสองคนนี้
“ข้าวางแผนเพื่อวันนี้มาเนิ่นนานโดยไม่เสียเปล่า วันตายของเ้ามาถึงแล้ว”
ไป๋เซี่ยเหอเหลือบมองทั้งสามที่ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างเ็า ดวงตาฉายแววอันตราย นางยืนบังร่างของไป๋หว่านหนิงที่นอนอยู่บนพื้นโดยไม่ทราบว่าเป็หรือตาย
“พูดเช่นนี้ออกจะเร็วไปหน่อยกระมัง”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้