สายตาของเหนียนยวี่เบนออกจากอวี่เหวินหรูเยียนไปยังร่างของบุรุษบนเรือลำน้อย ณ ผิวทะเลสาบ
อวี่เหวินหรูเยียนคิดว่าเหนียนยวี่จะพูดคุยกับนาง นึกไม่ถึงเลยว่า นางจะฟังเสียงขลุ่ยอย่างนิ่งสงบ อวี่เหวินหรูเยียนรู้สึกประหลาดใจ สายตาจ้องมองเหนียนยวี่อย่างสำรวจเล็กน้อย ราวกับกำลังมองหาคำตอบอะไรบางอย่าง
“เสียงขลุ่ยของท่านพี่มิมีผู้ใดในเป่ยฉีจะเทียบเคียงเขาได้ ทว่านานมากแล้วที่เขาไม่ได้เป่าขลุ่ยเลย การมาเป่ยฉีครานี้ คงทำให้เขาหวนนึกถึงภาพที่ทำให้ะเืใจ” หรูเยียนถือโอกาสมองตามสายตาของเหนียนยวี่ เห็นบุคคลในทะเลสาบจึงกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
“หวนนึกถึงภาพที่ทำให้ะเืใจหรือเพคะ?” ั์ตาเหนียนยวี่ฉายแววตกตะลึงเล็กน้อย ความหมายของถ้อยคำนี้คือ ความรักของอวี่เหวินเจี๋ยเกิดขึ้นในเป่ยฉีอย่างนั้นหรือ?
ความคะนึงถึง ชื่นชมรักใคร่ในบทเพลงบทนั้น เกิดจากสตรีแคว้นเป่ยฉีหรือ?
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว แม้แต่ในชาติก่อนที่พวกเขาเคยต่อสู้กันในสนามรบ นางยังไม่เคยได้ยินเื่ความรักระหว่างบุรุษและสตรีของอวี่เหวินเจี๋ยผู้นี้เลยแม้แต่น้อย ทั้งยังเป็สตรีจากแคว้นเป่ยฉีอีกด้วย?
ครั้นมองออกถึงความสงสัยของเหนียนยวี่ รอยยิ้มบนใบหน้าอวี่เหวินหรูเยียนพลันแย้มยิ้มลุ่มลึกขึ้นกว่าเดิม “วันนั้นยามที่ข้าเห็นท่านครั้งแรก เพียงแวบเดียวยังคิดว่าเป็นางเลย ทว่าหลังนำมาครุ่นคิดให้รอบคอบ จึงนึกได้ว่านางไม่ได้อยู่ในเป่ยฉีตั้งนานแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังเป็ไปไม่ได้ที่นางจะปรากฏตัวในเป่ยฉีได้อีก คุณหนูยวี่รู้จักหรือไม่? ท่านช่างเหมือนนางมากเสียจริง มิใช่รูปโฉม ทว่าเป็ความงามประหนึ่งเทพเซียน เป็สตรีประเภทที่งดงามปราดเปรียวและฉลาดเฉียบแหลม ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นรู้สึกสบายใจและยากจะละสายตา”
อวี่เหวินหรูเยียนกล่าว พลางนึกคิดในใจ ท่านอ๋องมู่ชอบเหนียนยวี่ก็เพราะตรงจุดนี้ด้วยงั้นหรือ?
“หม่อมฉันคล้ายกับนางมากเลยหรือเพคะ?” เหนียนยวี่ยังคงเฝ้ามองบุคคลบนผืนทะเลสาบ “สตรีผู้นั้นเป็ใครหรือเพคะ?”
ในใจของเหนียนยวี่เกิดความอยากรู้อยากเห็น เมื่ออยู่ต่อหน้าอวี่เหวินหรูเยียน นางไม่จำเป็ต้องปิดบังความอยากรู้อยากเห็นนี้
“ฉินซู...ฉินซูผู้ที่เคยเป็สาวงามอันดับหนึ่งของเป่ยฉี” ยามที่อวี่เหวินหรูเยียนเอ่ยนามนี้ นอกจากั์ตาจะเปล่งประกายงดงามแล้ว ยังฉายแววเคารพยำเกรง “เมื่อเวลานั้นข้ายังเด็ก ข้าแอบตามท่านพี่มายังแคว้นเป่ยฉี โชคดีที่เคยได้พบเห็นท่วงท่าอันสง่างามของสตรีผู้นั้นซึ่งยากจะลืมเลือน ไม่น่าแปลกใจที่หัวใจของท่านพี่ยังคงคะนึงถึงนาง แม้ผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม”
?
เหนียนยวี่รู้สึกแปลกใจมาก เหตุใดองค์หญิงหรูเยียนจึงพยายามดึงนางเข้าไปเชื่อมโยงกับอดีตหญิงงามอันดับหนึ่งผู้นั้น
เหนียนยวี่สบตาอวี่เหวินเจี๋ย ั์ตาคู่นั้นดูเหม่อลอย ทว่าเพียงพริบตา ชายหนุ่มหล่อเหลาพลันแย้มยิ้มเบิกบาน “คุณหนูยวี่กับฉินซู ทั้งสองคนไม่เหมือนกัน”
“ทั้งสองคนไม่เหมือนกันอะไรหรือ?”
ทันทีที่ถ้อยคำของอวี่เหวินเจี๋ยเอ่ยจบพลันได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังเข้ามา เหนียนยวี่หันหลังกลับไป ทั้งสามต่างหันไปมองตามทิศทางเสียงนั้น เห็นเงาร่างของคนสองคน หนึ่งในชุดสีน้ำเงิน หนึ่งในชุดสีขาว ก็คือมู่อ๋องจ้าวอี้และหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนนั่นเอง
ทั้งสองก้าวเดินเข้ามา สายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่ที่อวี่เหวินหรูเยียนและอวี่เหวินเจี๋ยอยู่ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเบนสายตาไปมองเหนียนยวี่
“ท่านอ๋องมู่ ท่านอ๋องหลี...” อวี่เหวินเจี๋ยและอวี่เหวินหรูเยียนคำนับพวกเขาอย่างเรียบง่าย เหนียนยวี่เหลือบมองโดยไม่ได้ตั้งใจ นางไม่พลาดโอกาสเห็นความประหม่าบนสีหน้าของอวี่เหวินหรูเยียน
ประหม่าหรือ?
ในชาติก่อน อวี่เหวินหรูเยียนหลงรักจ้าวอี้อย่างสุดหัวใจ แม้กระทั่งไม่เสียดายที่จะเสียสละตัวเองเพื่อเขา ส่วนชาตินี้...
“ยวี่เอ๋อร์ เหตุใดเ้าจึงเดินมาที่นี่คนเดียว ทำให้ข้ากับพี่หลีอ๋องลำบากในการตามหาเ้า” จ้าวอี้ไม่สนใจสองคนนั้นที่คำนับทักทายตัวเอง ราวกับว่ามีเพียงเปี่ยวเม่ยเหนียนยวี่คนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของเขา
หากเป็สตรีทั่วไปที่ชื่นชอบท่านอ๋องมู่และถูกเขาเหลือบมองอย่างเ็าเพียงนี้ ก็คงจะตื่นตระหนกไปแล้ว ทว่าองค์หญิงหรูเยียนตรงหน้าผู้นี้ กลับข่มอารมณ์ได้เป็อย่างดี
“ไปกันเถิด หากเ้าอยากเดินชมเรือนพำนักแห่งนี้ ข้าจะพาเ้าไปเดินรอบๆ” มู่อ๋องกล่าว สำหรับเหนียนยวี่ เขาดูหลงใหลและกระตือรือร้นเป็อย่างยิ่ง
เปรียบเทียบทั้งสองเหตุการณ์นี้ ยิ่งทำให้เหนียนยวี่ถึงกับสาปแช่งในใจ นางลอบก่นด่าท่าทีของมู่อ๋องที่มีต่อนาง ท่าทีเช่นนี้ง่ายมากที่จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ครั้นอวี่เหวินเจี๋ยกล่าวถึงตอนท้าย ดวงตาของเขาพลันมืดมน
อวี่เหวินหรูเยียนขมวดคิ้ว ใจร้อนหรือ?
สติปัญญาที่เหนียนยวี่มีนั้น นางจะพบหรือไม่ว่าตนเองตั้งใจเชื่อมโยงนางกับฉินซู?
“หัวใจของท่านพี่ลืมฉินซูไม่ได้จริงหรือ?” เงียบไปครู่ใหญ่ อวี่เหวินหรูเยียนพลันเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนมีบางอย่างไหลวนอยู่ในดวงตาสดใสอ่อนโยนและสงบนิ่งคู่นั้น
ยามได้ยินชื่อนั้นอีกครั้ง หัวใจของอวี่เหวินเจี๋ยยังคงสั่นสะท้านเล็กน้อย แม้จะผ่านมาหลายปี ทว่าชื่อนั้นไม่เคยลบเลือนไปจากสมอง ทุกครั้งที่ได้ยินยังคงะเือารมณ์ในจิตใจของเขาไม่น้อย
อวี่เหวินเจี๋ยไม่ตอบ ทว่าความเงียบงันของเขาได้ให้คำตอบกับอวี่เหวินหรูเยียนแล้ว