“เป็อะไร เปิ่นหวางหล่อมากจนเ้าตะลึงงันไปเลยหรือ” เฟิงเจวี๋ยหร่านหันกลับมากะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นดวงตาสุกใสที่ซ่อนแววเ้าเล่ห์แสนกลเบิ่งค้างมองตนเองคล้ายโง่งมไปแล้ว ก็เบิกบานใจยิ่งนัก กระดกมุมปากเปี่ยมเสน่ห์โปรยยิ้มราวกับบุปผาตระการจนผู้คนรู้สึกตาลาย
บุรุษผู้นี้ ช่างหน้าหนาเสียจริง!
โม่เสวี่ยถงถอนสายตากลับ แล้วแอบชำเลืองมองแวบหนึ่ง เห็นเขายักคิ้วให้พลางยิ้มย่องก็ย่นจมูกบ่นกระปอดกระแปด “ความสง่างามของท่านอ๋องย่อมเป็หนึ่งในใต้หล้า จะมีสตรีสักกี่คนที่ไม่หลงใหลในความหล่อเหลาอันล้นเหลือ ดูเหล่าคุณหนูผู้งดงามที่รายล้อมอยู่สิเพคะ สายตาของพวกนางล้วนจับจ้องมาที่พระองค์ไม่ขยับไปไหน หากจะเพิ่มหม่อมฉันเข้าไปอีกสักคน ก็คงมิใช่เื่แปลกเท่าใดกระมัง”
เฟิงเจวี๋ยหร่านอึ้งงัน ดวงตาเป็ประกายสว่างวาบจับจ้องโม่เสวี่ยถง ก่อนฉีกริมฝีปากยิ้มร้าย ไม่เอ่ยวาจา โม่เสวี่ยถงชักรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี จิตใต้สำนึกสั่งให้นางถอยห่างออกไป ทว่ากลับถูกมือใหญ่ที่กุมแน่นไม่ปล่อยออกแรงกระตุกรั้งเข้ามาจนเสียหลักยืนไม่อยู่ หน้าคะมำพุ่งเข้าหาอกแกร่งเต็มแรง
ขณะที่โม่เสวี่ยถงคิดจะดิ้นให้หลุด มือของนางก็ถูกตรึงไว้ทั้งสองข้าง ทั้งตัวฝังมิดอยู่ในอ้อมกอดของเขา แนบชิดจนขยับไม่ได้ น้ำเสียงลอยชายกรุ่นกลิ่นอายยั่วเย้าดังข้างหู “ถงเอ๋อร์ ตอนนี้คนอื่นไม่จ้องมาที่ข้าแล้วล่ะ แต่หันมามองเ้าแทนทั้งหมดเลย”
แล้วก็จริงดังเขาว่า ทุกสายตาที่จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเฟิงเจวี๋ยหร่านอย่างเคลิบเคลิ้มหลงใหล พลันแปรเปลี่ยนเป็มีดดาบคมกริบพุ่งเข้าหาใบหน้าของโม่เสวี่ยถง โชคดีที่นางสวมชุดคลุมตัวใหญ่ของเขาอยู่ จึงเห็นเพียงดวงตาสุกใสเฉลียวฉลาดที่กำลังตะลึง ยามกวาดมองไปโดยรอบเห็นสายตาไม่เป็มิตรที่พุ่งเข้ามามากมายขนาดนั้น ก็นึกโมโหตนเองที่ไปยั่วยุท้าทายเขาเมื่อครู่
เฟิงเจวี๋ยหร่านเคยเล่นไพ่ตามกฎกติกากับใครเขาเสียที่ไหน!
“ตอนนี้เป็อย่างไร ยังรู้สึกว่าเปิ่นหวางงดงามอยู่หรือไม่” เฟิงเจวี๋ยหร่านหรี่ตาลงอย่างผ่อนคลาย ปรายหางตาชำเลืองมองเหล่าสตรีที่ถลึงตาจ้องโม่เสวี่ยถงอย่างอิจฉาผ่านๆ คล้ายมิได้ตั้งใจ มุมปากกระดกโค้ง ดวงตาประดุจโมราสีนิลพราวระยับ
แม้จะมีเสื้อคลุมขนจิ้งจอกหิมะกั้นกลางอยู่ แต่โม่เสวี่ยถงก็ยังััได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดข้างหูอย่างจงใจถึงสองครั้ง เมื่อนึกขึ้นว่าตนเองถูกเขากอดแน่นจนขยับไม่ได้ และเขาก็ทำท่าเหมือนกับกำลังกระซิบกระซาบ โม่เสวี่ยถงเป็คนหัวไวฉลาดเป็กรดอยู่แล้ว ไฉนเลยจะไม่รู้ว่าคนผู้นี้จิตใจคับแคบนัก จงใจกอดนางเพื่อสร้างภาพว่าเขากำลังเอ่ยถ้อยคำหวานกับนางอยู่
ผู้มีสติปัญญาเป็เลิศย่อมรู้จักกาลเทศะ นางไม่คิดว่าหากยั่วโทสะเขายามนี้จะเป็สิ่งที่ถูกต้อง
โม่เสวี่ยถงถูกเขากอดไว้แแ่ ทั้งยังต้องเผชิญกับสายตาพิฆาตที่อาบไปด้วยความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังของเหล่าสตรี แม้ว่าใจจะต่อต้านอย่างไร ยามนี้คงได้แต่ต้องตบก้นม้ากันไปก่อน ยิ่งไปกว่านั้นนางก็หาใช่คนกล้าหาญอันใด ตัดสินใจแล้วก็คลี่ยิ้มไปถึงดวงตา สรรหาสารพัดคำยกยอมาเอาอกเอาใจ
“ท่านอ๋องเสมือนัในหมู่มนุษย์ คือผู้องอาจกล้าหาญในโลกหล้า ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็ยอดบุรุษผู้สง่าผ่าเผย หม่อมฉันความรู้ตื้นเขิน เจตนาเดิมเพียงแค่้าชื่นชมในความหล่อเหลาของพระองค์ ไม่คิดว่าตนเองจะเลือกใช้วาจาผิดไป ขอท่านอ๋องซึ่งเป็ผู้ใหญ่มีน้ำพระทัยกว้างขวางดั่งทะเล อย่าได้ถือสาสาวน้อยผู้โง่เขลาคนหนึ่งเลย”
“พูดแบบนี้ั้แ่ทีแรกก็สิ้นเื่... ดูสิ เป็เพราะเ้าทีเดียว สุขภาพของเปิ่นหวางยิ่งไม่ค่อยดีอยู่ ยังต้องให้กอดเ้าอีก เกินไปแล้วจริงๆ”
เฟิงเจวี๋ยหร่านทำตาใสซื่อราวกับเป็ผู้บริสุทธิ์ มือค่อยๆ คลายออก ยิ่งเห็นสาวน้อยต้องจำใจกล่าวคำสรรเสริญเยินยอตนเองด้วยสีหน้ากล้ำกลืนเป็ที่สุด ก็ยิ่งสำราญใจ สายตาเลื่อนมองไปบนเวที ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งความเมตตากรุณายิ่งใหญ่ ริมฝีปากหยักโค้งเผยยิ้มทรงเสน่ห์ เมื่อครู่เพิ่งกลั่นแกล้งนางไป ยามนี้ก็สมควรแจกบ๊วยหวานเป็รางวัลใหญ่เสียหน่อย นางต้องรู้สึกซาบซึ้งในตัวเขาเป็แน่
เขาน่ะหรือสุขภาพไม่ดี มิหนำซ้ำนางยังเป็คนไปให้เขากอดอีกด้วย โม่เสวี่ยถงรู้สึกว่าความพยายามในการควบคุมตนเองของนางในเวลานี้ช่างดียิ่ง ได้ยินคำพูดหน้าไม่อายชี้กวางเป็ม้าของเขาแล้วก็ยังไม่แสดงโทสะออกมา นางเพียรบอกตนเองซ้ำๆ ว่าต้องรักษาภาพลักษณ์ความสง่างามเอาไว้ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ว่ามือของเขาคลายลงแล้ว จึงสูดหายใจลึก ทันใดนั้นความคิดแผลงๆ ก็ผุดขึ้นในหัวอย่างฉับพลัน เตรียมหาจังหวะผลักเขาออกไปในขณะที่ไม่ทันระวังตัว ก็เมื่อครู่เขาพูดเองว่าสุขภาพไม่ดีไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็ดูซิว่าจะยืนอยู่หรือไม่
ระหว่างเขากับนาง คนหนึ่งจับจ้องให้ความสนใจอยู่บนเวที อีกคนสายตาก็จดจ่ออยู่ที่คนข้างตัว ทั้งสองต่างมิได้สังเกตว่าข้างกายมีหญิงชายโดดเด่นคู่หนึ่งปรากฏตัวขึ้น ฝ่ายชายสวมอาภรณ์ไหมปักดิ้นทอง สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีเงิน มุมปากประดับด้วยรอยยิ้ม ราศีเหนือคิ้วและหางตาดูทรงภูมิงามสง่า รูปโฉมประหนึ่งหยกงามวิจิตร ฝ่ายหญิงงามก็งดงามเฉิดฉัน ท่วงท่าดูสูงส่งงามสง่าดุจพญาหงส์ สวมชุดกระโปรงสีขาวปักลายสีแดงกระจุ๋มกระจิ๋ม เกล้าผมทรงสูงมุ่นมวยตกหลังม้า[1] ซึ่งกำลังเป็ที่นิยมสูงสุดในขณะนั้น ซึ่งช่วยขับผิวงามละเมียดให้ดูผุดผ่องและงามสง่า
เมื่อทั้งสองแทรกเข้าไปยืนตรงจุดนั้น จึงกลายเป็เป้าสายตาของผู้คนทันที แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็หันไปเห็นเฟิงเจวี๋ยหร่านผู้มีรูปโฉมงดงามโดดเด่นดั่งพญาหงส์ในฝูงไก่ กำลังกอดใครบางคนไว้ในอ้อมอก พอมองออกว่าเป็สตรี แต่เห็นใบหน้าไม่ชัด
“น้องแปดออกมาเที่ยวได้อย่างไร ไหนบอกว่าคืนนี้ไม่ว่าง มีงานเลี้ยงเชิญสาวงามมาร้องรำตลอดทั้งคืนมิใช่หรือ” เฟิงเจวี๋ยเสวียนยิ้มอย่างสุภาพ คล้ายลืมไปแล้วว่าเมื่อกลางวันตนเองส่งคนไปถามเฟิงเจวี๋ยหร่านที่จวนอ๋องว่าจะออกมาเที่ยวชมเมืองยามค่ำคืนด้วยกันหรือไม่ แต่ถูกปฏิเสธอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย
เฟิงเจวี๋ยหร่านเพิ่งเห็นเฟิ่งเจวี๋ยเสวียน จึงปล่อยตัวโม่เสวี่ยถง แล้วจูงมือนางเดินเข้าไปหาพลางหัวเราะเสียงดัง ไม่มีท่าทางเคอะเขินว่าถูกคนจับเท็จได้แม้แต่น้อย
“คนงามไม่ยอมร้องเพลงและร่ายรำให้ข้าชมในจวนน่ะสิ ก็เลยต้องพาออกมาเที่ยว เพื่อให้นางเบิกบานใจ เมื่อครู่ข้าต้องทั้งเกลี้ยกล่อมทั้งหลอกล่อเลยทีเดียว แต่เสด็จพี่ช่างมีความสามารถนัก ไม่ต้องลงแรงมากมายก็มีหญิงงามล้ำเลิศตามมาด้วย วันหน้าเสด็จพี่ต้องให้คำชี้แนะน้องชายบ้างเล่า ข้าเพิ่งมาอยู่ในเมืองหลวงได้ไม่นาน ยังมิใคร่สันทัดเื่เอาอกเอาใจหญิงงามเท่าใดนัก”
ใครเลยจะคิดว่าเขาจะพูดจาเหิมเกริมโดยไม่ละอายใจเลยแม้แต่น้อย กล่าวจนสตรีที่มาพร้อมกับเฟิงเจวี๋ยเสวียนดูคล้ายหญิงคณิกาประเภทขายศิลปะร่ายรำและขับร้องไปได้ ทั้งยังพูดเสียจนเฟิงเจวี๋ยเสวียนกลายเป็ชายหนุ่มเสเพลผู้ช่ำชองในทางโลกีย์ จนกระทั่งสตรีที่มีรูปโฉมงามพิลาสข้างกายเฟิงเจวี๋ยเสวียนถึงกับหน้าเสีย รอยยิ้มอ่อนหวานพลันแข็งค้างชะงักงัน
เมื่อมองไปยังโม่เสวี่ยถงที่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่ปกปิดทุกอย่างมิดชิด มีเพียงดวงตางดงามอ่อนโยนราวกับสายน้ำเท่านั้นที่ปรากฏออกมาให้เห็น แม้ว่าเฟิงเจวี๋ยเสวียนจะพยายามเพ่งมองเพียงใดก็ไม่อาจเห็นได้ชัดเจน เมื่อครู่ตอนที่มาถึง เฟิงเจวี๋ยหร่านยกหมวกของเสื้อคลุมขึ้นมาคลุมศีรษะให้โม่เสวี่ยถงจนมิดชิด ต่อให้เฟิงเจวี๋ยเสวียนคุ้นเคยกับโม่เสวี่ยถงเป็อย่างดีก็ยังจำไม่ได้ ทว่าในความเป็จริงโม่เสวียถงเองก็มิได้รู้จักมักคุ้นกับเฟิงเจวี๋ยเสวียนแม้แต่น้อย
นางยอบกายคารวะต่อเฟิงเจวี๋ยเสวียนตามมารยาท แล้วกลับมายืนแอบอยู่ข้างกายเฟิงเจวี๋ยหร่านประหนึ่งนกน้อย้าที่พึ่งพา แต่แท้ที่จริงแล้วมีเพียงพวกเขาสองคนที่รู้กัน เฟิงเจวี๋ยหร่านรั้งเอวบางเข้ามาแนบชิดประหนึ่งกักนางไว้ในอ้อมแขน แม้นางคิดจะดิ้นรนขัดขืนในเวลานี้ก็ไม่อาจสมดังใจ และแน่นอนว่านางก็มิได้ทำเช่นนั้น ซ้ำยังแนบซบบนไหล่กว้างอย่างสนิทสนม นอกจากนี้นางยังรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของเฟิงเจวี๋ยหร่านแปรเปลี่ยนไปเป็เ็าห่างเหิน มิได้มีความอบอุ่นอ่อนโยนเช่นยามที่เขายิ้มให้นาง
โม่เสวี่ยถงััได้ถึงความแตกต่าง แต่ก็มิได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกไป เพียงแค่สังเกตความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อยู่เงียบๆ
“น้องแปดยังไม่รู้จักนางกระมัง นางคือคุณหนูรองหลิงเฟิงเยียนแห่งจวนติ้งกั๋วกง คุณหนูรองหลิง นี่คืออนุชาแปดของข้า เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็เซวียนอ๋อง” เฟิงเจวี๋ยเสวียนรั้งสายตาที่มองพินิจโม่เสวียถงกลับมา ก่อนแนะนำให้หลิงเฟิงเยียนกับเฟิงเจวี๋ยหร่านได้รู้จักกัน
เฟิงเจวี๋ยหร่านเลิกคิ้วเล็กน้อย ทั้งยังจงใจโอบโม่เสวี่ยถงเดินวนรอบกายของหลิงเฟิงเยียน ดวงตาลุกวาว พลางส่งเสียงหัวเราะอย่างนึกขันก่อนเอ่ยถาม “คุณหนูรองแห่งจวนติ้งกั๋วกง? ที่เป็ยอดพธูอันดับหนึ่งของเมืองหลวงผู้นั้นใช่หรือไม่”
ผู้อื่นไม่เคยเห็นหลิงเฟิงเยียน แต่เขาไม่ใช่ นี่ก็คือสตรีในภาพแรกที่ฮองเฮาทรงมาดหมายให้เขาเลือกเป็ชายาเอกมิใช่หรือ เขารู้นานแล้วว่าฮองเฮาทรงตั้งพระทัยไว้เช่นนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าที่แท้นางก็เป็หลานสาวในตระกูลของฮองเฮา เมื่อไม่ได้เป็ชายาเอกของตนก็โผไปหาเฟิงเจวี๋ยเสวียนเสียแล้ว
หลานสาวของฮองเฮาผู้นี้ช่างเป็ของมีราคาที่ควรค่าแก่การสะสมจริงๆ
อย่างไรก็หนีไม่พ้นการเป็ชายาเอกขององค์ชายสักพระองค์
การที่หญิงงามเลือกพระเชษฐาองค์โตเป็สิ่งที่อยู่ในความคาดหมายของเขา ในเมื่อออกมาเป็รูปนี้ เห็นทีพระเชษฐาสามที่มักสร้างภาพว่าเป็ผู้มีจิตใจงดงามเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมสูงส่ง ความดีงามของเขาเ่าั้คงมีอันต้องหมดความหมายแล้วกระมัง
โม่เสวี่ยถงก็มองหลิงเฟิงเยียน คุณหนูรองแห่งจวนติ้งกั๋วกงผู้นี้เป็ยอดหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ชาติที่แล้วจำได้ว่านางรั้งตำแหน่งชายาเอกฉู่อ๋อง
ยอดหญิงงามล้ำเลิศเช่นนี้ เพียงแค่ยืนเฉิดฉายอยู่ที่นั่นก็สามารถดึงดูดสายตาของชายหนุ่มมากมายให้จับจ้องมาที่ตัวนาง หากมิใช่ว่ามีเฟิงเจวี๋ยเสวียนผู้เปี่ยมไปด้วยสง่าราศีแลดูสูงศักดิ์อยู่ข้างกาย คงมีคนเข้าไปพูดคุยด้วยนานแล้ว
หลิงเฟิงเยียนเป็ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่อาจนำไปเทียบกับหลิงิเยี่ยนผู้เย่อหยิ่งได้ นางไม่เพียงแต่หน้าตาสะสวย กิริยาวาจายังนุ่มนวล จิตใจกว้างขวาง มีพร์ความสามารถ สูงส่งยิ่งกว่าโม่เสวี่ยิ่มิใช่เพียงระดับเดียว แต่น้อยคนนักที่จะได้ยลโฉมหญิงงามอันดับหนึ่งผู้นี้ และน้อยครั้งที่นางจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ตามวิถีของกุลสตรีที่ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในเหย้าเรือน
ชาติที่แล้วหลังจากงานเลี้ยงเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาของไทเฮาได้สองวัน หลิงเฟิงเยียนได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนด้วยการบรรเลงพิณร่วมกับไป๋อี้เฮ่าได้อย่างกลมกลืน จนกลายเป็ที่ยอมรับของคนทั้งใต้หล้า กอปรกับรูปโฉมที่งดงามล้ำเลิศ ทำให้เป็ที่จับตามองของคนทุกผู้ในคราเดียว เพียงข้ามวันก็กลายเป็ยอดหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นฉิน ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว
ครั้นแล้วไม่นานนัก ฉู่อ๋องเฟิงเจวี๋ยเสวียนก็อภิเษกสมรสกับคุณหนูรองหลิง ขบวนแห่เ้าสาวยาวถึงสิบลี้งดงามอลังการยิ่ง
“ท่านอ๋องเซวียนกล่าวชมมากไปแล้ว อันดับหนึ่งอันใดล้วนแล้วแต่เป็เพียงถ้อยคำเยินยอหวานหูที่ผู้อื่นมีต่อเฟิงเยียนเท่านั้น หญิงงามในใต้หล้านี้ย่อมมีมากมาย เฟิงเยียนไหนเลยจะกล้ารับว่าเป็อันดับหนึ่งได้”
หลิงเฟิงเยียนซ่อนแววตาเย็นเยียบไว้มิดชิด ใบหน้าพริ้มเพราเผยรอยยิ้มอ่อนโยน งดงามประหนึ่งบุปผาบานสะพรั่ง กอปรกับวาจาอ่อนน้อมถ่อมตนก็ย่อมทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกดี แววตาของเฟิงเจวี๋ยเสวียนที่ทอดมองนางยิ่งดูอบอุ่นอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่น่าจะเกินไปหรอก ไม่ว่าแท้จริงแล้วจะเป็เช่นไร ในสายพระเนตรของเสด็จพี่ใหญ่ย่อมเห็นคุณหนูหลิงเป็หญิงงามอันดับหนึ่งแน่นอน วันนี้พวกเราต่างพาหญิงงามมาด้วย เสด็จพี่ก็ย่อมคิดว่าคุณหนูรองสกุลหลิงงดงามที่สุด ส่วนข้า… แน่นอนว่าก็ย่อมเห็นสตรีในอ้อมอกของตนเองงดงามกว่าผู้ใด เสด็จพี่ พวกเรามาแข่งกันดีหรือไม่ ดูว่าวันนี้ใครจะทายปริศนาได้มากกว่ากัน ฝ่ายไหนทายปริศนาได้มากกว่า สตรีของผู้นั้นคือหญิงงามอันดับหนึ่ง เสด็จพี่คิดเห็นเป็อย่างไร” เฟิงเจวี๋ยหร่านกลอกตาไปรอบหนึ่ง ก่อนเอ่ยประโยคครึ่งหลังกับเฟิงเจวี๋ยเสวียน
โม่เสวี่ยถงที่อยู่ภายใต้อ้อมกอดของเขาแอบเบ้ปากมิให้ใครเห็น คนผู้นี้ปากเสียเป็ที่หนึ่ง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าไม่ยอมรับว่าหลิงเฟิงเยียนงดงามที่สุด แต่กลับจงใจดึงตนเองเข้ามาร่วมวงด้วย ครั้นนึกได้ว่าตัวติดหนี้บุญคุณเขาไว้มาก เช่นนั้นก็ช่วยให้เขาได้หน้าสักครั้งก็แล้วกัน เพราะหลังออกจากที่นี่ไป ไม่ว่าเฟิงเจวี๋ยเสวียนหรือว่าหลิงเฟิงเยียนอยากจะตามหาตนก็ไม่อาจทำได้แล้ว
…...........................................................................................................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] มวยตกหลังม้า มีลักษณะเป็มวยแกละคล้ายหลังม้า โดยเกล้าแบบหลวมๆ แล้วปล่อยให้ตกลงมา นิยมนำดอกไม้มาประดับบริเวณมวยผม เป็ทรงผมที่นิยมในสมัยราชวงศ์ถัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้