ฮองเฮาตู้ทรงพาคนออกมาทั้งที่ไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว หมอหลวงหลี่เองก็ถูกโยนออกจากตำหนักเชียนชิวด้วยสีหน้าตกตะลึง
ทันทีที่ประตูตำหนักปิดลง ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้าง ใบหน้าของพวกเขาทั้งใทั้งสงสัย
พวกเขาได้เห็นการให้บทเรียนฮองเฮาตู้ของชิงอีด้วยตาตัวเอง มันเป็วิธีแสนธรรมดาและไม่ได้รุนแรงอะไร พวกเขาเลยดูได้อย่างสบายใจ เพียงแต่...เหตุใดฮองเฮาตู้ทรงไม่โต้กลับมาแม้แต่น้อยล่ะ?
ถูกจัดการจนเช่นนั้น คิดไม่ถึงว่าจะเดินออกไปง่ายๆ?
ทุกคนต่างสงสัย และยิ่งรู้สึกว่าองค์หญิงของพวกเขาไม่อาจคาดเดาได้เลย พวกจิ๋วกุ่ยเข้าใจสิ่งที่ชิวอวี่กำชับในวันนั้นได้ทันที
คิดไปแล้ว ต่อไปตำหนักเชียนชิวก็คงเงียบสงบไม่น้อยเลยใช่ไหม?
องค์หญิงใหญ่ทรงเก่งกาจจริงๆ!
ส่วนเื่ลึกลับนั้น ทุกคนต่างแสร้งทำเป็ไม่รู้เื่ มีเื่บางเื่ที่แค่รับรู้ก็พอ ไม่จำเป็ต้องพูดออกมา
“องค์หญิงเพคะ ฝ่าามีพระประสงค์ให้ท่านไปเข้าเฝ้า พวกเรารีบไปกันเถอะเพคะ” ต้านเสวี่ยรีบพูด เพราะถูกฮองเฮามารังควาน จนนางเกือบลืมไปเื่นี้ไปเลย
ชิงอีมีสีหน้าหงุดหงิด “ฮ่องเต้เฒ่านี่มากเื่จริงๆ ”
ทุกคนต่างหน้าชาไม่กล้าส่งเสียง นั่นเพราะองค์หญิงของพวกเขาทรงกล้าถึงขนาดไม่เห็นว่าฮ่องเต้เป็ฮ่องเต้!
นั่นคือท่านพ่อของท่านเลยนะ!
วังเฟิ่งเทียน
ฮ่องเต้เหยียนทรงฟื้นขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่พระวรกายอ่อนแอเกินไป กระทั่งจะทรงลุกจากเตียงก็เป็ปัญหา จึงบรรทมอยู่ในวังทั้งวันไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนไร้ค่าแม้แต่น้อย
เมื่อชิงอีมาถึง เหล่าข้าหลวงก็กำลังป้อนโอสถอยู่พอดี
ฮ่องเต้ทรงรู้สึกว่าเสวยโอสถไปก็ไม่ดีขึ้นเสียที ซึ่งพลอยทำให้พระองค์ทรงหงุดหงิด
“พวกหมอต้มตุ๋น ถ้ายาต้มพวกนี้ได้ผลจริงๆ เหตุใดข้าถึงลุกจากเตียงไม่ได้สักที! เอามันไปทิ้ง! ทิ้งไปให้หมด!”
ถ้วยโอสถกระแทกกับพื้น ทำให้โอสถกระเด็นไปทั่วจนเลอะกระโปรงชิงอี
นางขมวดคิ้ว และมองชายชราชั่วบนเตียงด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“องค์หญิง!”
เมื่อเห็นว่ากระโปรงของชิงอีเปียก ขันทีจึงรีบสั่งคนให้ทำความสะอาด ชิงอีปฏิเสธและมุ่งไปที่แท่นบรรทม
นางกำนัลและหมอหลวงรีบคุกเข่าลงเป็แถว ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมารับความโกรธเกรี้ยวของฮ่องเต้เหยียน
เมื่อทรงเห็นชิงอี สีพระพักตร์โกรธเคืองก็จางหาย ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์และทรงสั่งให้หมอหลวงและเหล่านางกำนัลออกไป
ชิงอียืนอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไม่เข้าไปใกล้ ราวกับว่านางมองไม่เห็นสายพระเนตรที่จ้องมาของอีกฝ่าย
ฮ่องเต้ทรงพระสรวลอย่างเยาะเย้ยทันที “นอกจากวันที่ข้าฟื้น หลังจากนั้น กระทั่งคำทักทายก็ไม่มีแม้แต่คำเดียว ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเ้ายังเป็ลูกสาวของข้าหรือไม่!”
ชิงอีมองเขาอย่างเ็า “ท่านคงไม่ได้คาดหวังความรักแบบพ่อลูกระหว่างท่านกับข้าใช่หรือไม่?”
ฮ่องเต้เหยียนทรงชะงักไป พร้อมกับแววพระเนตรอันสั่นไหว ไม่นานก็เศร้าหมองจมดิ่งลงไป
“ที่ข้าฟื้นขึ้นมา เพราะเ้าเป็คนช่วยใช่หรือไม่?” เขาจ้องชิงอีราวกับว่าเขากำลังลองเชิง
เขาไม่ได้เจอลูกสาวคนนี้มากว่าสิบปีแล้ว ในความทรงจำมีแค่ใบหน้าตอนที่นางเยาว์วัย ซึ่งเป็คนหยิ่งทะนงตนและขี้โมโห ทว่า หลายปีที่ผ่านมา นางอยู่ในเมืองหย่งเย่แล้วถูกหักเขี้ยวจนกลายเป็คนขี้ขลาด หนึ่งปีหลังจากกลับมาที่วัง นางก็ยิ่งถูกผู้อื่นรังแก แล้วเหตุใดนิสัยถึงได้เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนเช่นนี้?
อีกทั้งวิชาเซวียนเหมิน นางไปเรียนรู้มาจากผู้ใดกัน?
ดวงเนตรของฮ่องเต้เหยียนเต็มไปด้วยความลังเล ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัยตัวตนของชิงอี
หลังจากที่สั่งให้นางออกไปวันนั้น เขาก็เรียกเซียวเจวี๋ยเข้ามาถามถึงเื่นี้ทันที ทว่า ผลที่ได้ก็คือนางคือลูกสาวของเขา ฉู่ชิงอี!
สุดท้ายแล้วฮ่องเต้เหยียนก็ยังทรงสงสัยอยู่บ้าง ทว่า ไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยัน หากคนตรงหน้าเป็ลูกสาวของตนจริงๆ นี่ไม่ใช่ว่านางเสแสร้งทำตัวเช่นนั้นั้แ่แรกจนกระทั่งไปอยู่ที่เมืองหย่งเย่อันห่างไกลนั่นหรอกหรือ?
ชิงอีไม่ตอบคำถามนั้นทำเพียงจ้องเขาครู่หนึ่ง แล้วอดทนของเขาก็สิ้นสุดลง ในขณะที่นางหาว พร้อมลากเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างแท่นบรรทม แล้วมองเขาด้วยความหงุดหงิด “สรุปแล้วเรียกข้ามาทำไมกัน?”
ฮ่องเต้เหยียนถูกนางแสดงท่าทางไม่เหมาะสมใส่ก็ขมวดขนงบ่อยครั้ง และทรงดุว่า “มารยาทนี่มันอะไรกัน! ข้ายังเป็...”
ยังไม่ทันพูดจบ ชิงอีก็กลอกตาใส่เขาและลุกขึ้นเดินออกไป
หากคิดว่าเขาเป็พ่อของข้าจริงๆ ข้าก็ต้องเชื่อฟังเขาใช่หรือไม่?
“เ้าหยุดนะ! แคก แคก...”
สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เหยียนเปลี่ยนไปทันทีและรีบะโ ทว่า นั่นกลับทำให้เขาไออย่างรุนแรง
พอชิงอี้าจะจากไป นางก็นึกถึงดวงตาใสแป๋วราวกับลูกสุนัขของฉู่จื่ออวี้ขึ้นมาก็เลยหงุดหงิด นางเดินไปเทน้ำหนึ่งแก้ว ก่อนจะหันหลังกลับมาบีบพระหนุของฮ่องเต้เหยียน แล้วกรอกน้ำใส่พระโอษฐ์
ฮ่องเต้เหยียนที่ทรงจะหยุดไอแล้ว จู่ๆ นางก็กรอกน้ำลงมาอีกแก้วจนเกือบสำลักตาย สายพระเนตรคมจ้องไปที่นาง เด็กสาวผู้นี้ยังคงมีท่วงท่าสง่างาม ราวกับว่าการเทน้ำเมื่อครู่เป็การกระทำที่จริงใจ
“ข้าขอแนะนำท่านว่าหากไม่อยากตายก็เอาแต่ใจให้น้อยลงหน่อย กินโอสถตามที่หมอสั่ง บางทีท่านอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายเดือน” ชิงอีพูดด้วยน้ำเสียงเ็า
ฮ่องเต้เหยียนถึงกับตกพระทัย และสีพระพักตร์ก็เปลี่ยนไป “หลายเดือน?! เ้าหมายความว่าอย่างไร”
ชิงอีมองเขาอย่างเฉยเมย “ท่านทำตัวเอง ทำไมจะไม่รู้ มาถามข้าแล้วข้าจะรู้หรือ?”
สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เหยียนมีความลังเล “เ้า เ้ารู้อะไรมากันแน่?”
นอกจากชิงอีจะเกลียดปัญหาแล้ว ยังเกลียดเื่ไร้สาระเป็พิเศษอีกด้วย นางกรีดลายมือที่อยู่ใต้พระกนิษฐาของฮ่องเต้เหยียน ซึ่งตรงนั้นเป็เส้นการสมรส และพูดว่า “ทุกคนมีชีวิตของตัวเอง คนที่ควรตายกลับถูกบังคับให้มีชีวิตอยู่ต่อ การแต่งงานเปลี่ยนไปเป็ชะตากรรมอันเลวร้าย ท่านคิดว่ามนต์โลหิตเป็สิ่งที่ดีแล้วหรือไร?
ตอนนั้นเคยถูกหลอกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พิเรนทร์กว่าเดิมเสียอีก ชีวิตในวัยชราก็ถูกพรากไปกว่าครึ่ง ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าท่านคบกับคนผู้นั้นมากว่าสิบกว่าปี ย่อมมีการกระทบกระทั่งกันเป็ธรรมดา ทว่า ต้องเกลียดท่านมากแค่ไหนถึงได้เอาซานหุนของท่านไปแช่ในน้ำมันศพ เพื่อทรมานท่านเช่นนี้?”
สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะคำพูดที่แทงใจดำของชิงอี
“เ้ารู้ทุกเื่เลยหรือ?!”
“เื่ชั่วที่เคยทำไว้ ยังไงก็ต้องปรากฏขึ้นสักวัน” ชิงอีหลุดขำออกมาด้วยสีหน้าไม่แยแส
ฮ่องเต้เหยียนทรงกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด พระองค์ทรงพยายามบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง โดยการจับมือนางเอาไว้
“ในเมื่อเ้ารู้แล้ว เช่นนั้นเ้าต้องช่วยนาง ต้องช่วยนางให้ได้!”
ชิงอีมองดูเขาอย่างไร้อารมณ์ ชายตรงหน้าที่ผมหงอกเต็มไปทั่วศีรษะ เขาไม่ได้เกือบแก่จริงๆ ทว่า กลับดูเหมือนว่าเขาเป็ชายชราที่ใกล้ถึงจุดจบของชีวิต
สละอายุขัยครึ่งหนึ่ง เพื่อแลกให้คนคนนั้นมีชีวิตอยู่บนโลก
“นางเป็ใคร” ชิงอีมองเขาอย่างเฉยเมย
ฮ่องเต้เหยียนทรงหยุดนิ่ง สายพระเนตรของเขาซับซ้อนอย่างมากครู่หนึ่ง และไม่รู้ว่าจะตรัสอย่างไร
“เช่นนั้น ข้าเปลี่ยนคำถามดีกว่า” สีหน้าท่าทางของชิงอียังคงเ็า “พวกท่านโอนิญญาของฮองเฮาคนก่อนไปให้ใคร”
พระวรกายของฮ่องเต้เหยียนสั่นเทารุนแรง “เ้า เ้าก็รู้ว่านางคือ...”
“เปลี่ยนแปลงความจริงตบตาผู้คน บังคับคนที่หมดอายุขัยให้มีชีวิตในโลกนี้” ชิงอีหัวเราะเย็นะเื สายตาที่มองไปยังเขาเต็มไปด้วยความดูถูกอย่างหาที่เปรียบมิได้ “ท่านคิดจริงๆ หรือว่า นี่เป็การช่วยนาง?”
ฮ่องเต้เหยียนทรงหลับตาลงด้วยความเ็ป
ถ้าเขารู้ว่าจะมีผลลัพธ์ดั่งเช่นในตอนนี้ ในตอนนั้นเขาคงไม่ตอบรับคำขอของคนชั่วผู้นั้นหรอก
พลัน ชิงอีก็ถอนหายใจ “คนที่แช่ซานหุนของท่านในน้ำมันศพคือนางใช่หรือไม่?”
ความแดงก่ำบนใบหน้าของฮ่องเต้เหยียนหายไปในทันตา
นางคือฮองเฮาคนก่อน คนที่ควรจะตายแต่กลับยัง “มีชีวิตอยู่”
นางคือแม่ของฉู่จื่ออวี้
