เนื่องจากเืไม่หยุดไหลสักที ปิงโหยวจี้จึงใช้ผ้าพันแผลบนตัวของหร่านซวี่จือไว้แน่น สถานการณ์ถึงดีขึ้นมาหน่อย
ั้แ่เริ่มได้กลิ่น ปิงโหยวจี้ก็รู้สึกว่าตนเองไม่ค่อยปกติและมีความคิดอยากทำร้ายคน
“น้องชาย นายเป็ไข้หรือ? ” หร่านซวี่จือลืมตาขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเขาด้วยอย่างอ่อนแรง
ใบหน้าที่เย็นะเืราวกับน้ำแข็งที่ไม่มีทางทำลายได้กลับแดงระเรื่ออย่างไม่น่าเชื่อ นี่มันน่าอัศจรรย์มาก ถ้ามีกล้องถ่ายรูปก็ดีสิ เขาจะต้องถ่ายเก็บไว้แน่ๆ
หร่านซวี่จือยื่นมือไปตบไหล่ของปิงโหยวจี้ ใครจะรู้ว่าวินาทีถัดมา ปิงโหยวจี้ก็คว้าข้อมือของเขาไว้ทันใด จากนั้นก็กัดลงไปเต็มแรง
“บ้าเอ้ย! ” หร่านซวี่จือเจ็บจนร้องเสียงหลง
เสียงนี้เรียกสติปิงโหยวจี้ให้กลับมา เขาตะลึงแล้วรีบปล่อยปากออกจากมือหร่านซวี่จือ จากนั้นเขาก็ปิดปากแล้วถอยหลังไปหลายก้าว สายตาที่มองหร่านซวี่จือนั้นเหมือนมองเห็นิญญา
ผิวพรรณบนร่างกายเพียงส่วนเดียวที่ยังอยู่ดีกลับถูกเขากัดจนเืไหล หร่านซวี่จือเจ็บจนต่อว่าเขา “นายมันพวกรักความสะอาดไม่ใช่หรือไง? นี่อาการพิษสุนัขบ้ากำเริบหรือสมองถูกซอมบี้กินไปแล้ว??? ”
“ขอโทษ…” ปิงโหยวจี้เอ่ยปากพูด เสียงของเขาแหบพร่าอย่างไม่น่าเชื่อ
หร่านซวี่จือรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงเลื่อนสายตาลงและได้มองเห็นจุดที่ทำให้คนต้องเขินอาย
บ้าน่า…
หร่านซวี่จือเข้าใจแล้วและเขินอายจนทนไม่ไหว: “สองสามสาม สถานะของฉันถูกเปิดเผยแล้ว”
ระบบละวาง: “ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน”
หร่านซวี่จือ: “มีทางไหนที่จะทำให้เขาลืมความทรงจำได้บ้าง?”
ระบบ: “ไม่มีครับ คนอื่นรู้ว่าคุณเป็โอเมก้าไม่ยิ่งดีกว่าหรือครับ? แบบนี้ต่อไปคุณก็จะกลายเป็ที่รักของทุกคนยังไงล่ะครับ”
หร่านซวี่จือ: “…ประเด็นคือฉันไม่ได้้าเป็ที่รักนี่นา”
เหมือนกับซวี๋ฮ่าวที่ถูกพวกผู้ชายอุ้มชูแบบนั้น แค่หร่านซวี่จือคิดก็ขนลุกแล้ว
หลังจากกลิ่นเืหายไป ปิงโหยวจี้ก็กลับมาเป็ปกติ
“นายเป็เบต้าหรือโอเมก้ากันแน่ ?” ปิงโหยวจี้นิ่งเงียบอยู่พักใหญ่กว่าเขาจะเอ่ยปากถาม
หร่านซวี่จือเล่นแง่กับเขาและตอบว่า “บางทีก็โอ บางทีก็บี”
ขณะนี้ปิงโหยวจี้กับหร่านซวี่จือต่างก็นั่งอยู่บนจุดสูงสุงของสองฝั่ง ด้วยความที่ห่างกันไกล ดังนั้นเวลาที่พูดคุยจึงลำบากเล็กน้อย
ปิงโหยวจี้นิ่งเงียบไปอีกชั่วครู่แล้วเอ่ยขี้น “ขอโทษ”
“เอาเถอะน่า ได้ยินแล้ว” หร่านซวี่จือระอาอย่างมาก “นายไม่ต้องพูดซ้ำสองรอบก็ได้ เื่แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่นายควบคุมได้สักหน่อย”
ปิงโหยวจี้เอ่ย “ที่ก่อนหน้านี้เข้าใจนายผิด เป็ความผิดของฉันเอง”
หร่านซวี่จือถึงเพิ่งรู้ตัว ที่ปิงโหยวจี้พูดหมายถึงเื่ก่อนหน้านี้ที่ทำไม่ดีกับเขา
แม่นายเถอะ เื่มันผ่านไปตั้งนานแล้ว
หร่านซวี่จือคิดด้วยความเก้อเขิน
“ส่วนเื่ที่นายบอกว่าฉันหนีเอาตัวรอดก่อนหน้านั้น” หร่านซวี่จือชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ “เพราะฉันไม่มีความสามารถช่วยพวกเขาออกมาได้ ฉันจึงไม่ปฏิเสธเื่นี้”
“เื่ที่ทีม G8 ต้องสูญสิ้นเป็สิ่งที่ฉันเองก็คาดคิดไม่ถึง มีบางเื่ที่ไร้ซึ่งความสามารถ ตอนนั้นฉันมีแค่สองทางเลือก หนึ่งคือตายไปด้วยกันกับหนีเอาตัวรอด”
ร่างเดิมยังมีความฝันมากมายที่ยังไม่ได้ทำสำเร็จ
หากไม่มีการช่วยเหลือจากระบบ ภารกิจของหร่านซวี่จือครั้งนี้คงล้มเหลวไปนานแล้ว
เนื่องจากเขาไม่ใช่อัลฟ่า จึงไม่มีทางไปยืนอยู่แถวหน้าสุดได้ ร่างเดิมเดิมที่สามารถเลือกใช้ชีวิตสุขสบายไม่ต้องเป็กังวล อยู่ในโลกที่ไม่มีซอมบี้ก็ได้ แต่เขากลับแน่วแน่ที่จะตัดสินใจเลือกเส้นทางที่เต็มไปด้วยเื
น้อยมากที่หร่านซวี่จือจะบอกว่าตนเองนับถือใคร แต่ครั้งนี้อดไม่ได้ที่จะต้องพูดว่า เขานับถือทังเหวยอย่างมาก
ตลอดมาโอเมก้า ถือเป็สัญลักษณ์ของความอ่อนแอที่สุดและกลายเป็ของเชยชมของอัลฟ่า ความฝันของร่างเดิมก็คือเริ่มต้นจากการที่ถูกคนมากมายหัวเราะเยาะบวกกับร่างกายที่อ่อนแอเกินไปของโอเมก้าจึงไม่มีทางสามารถปฏิบัติภารกิจที่ยากเย็นได้
ร่างเดิมก็ถูกฉีดยาเข้าร่างกาย ระหว่างนั้นได้รับความเ็ปทรมานอย่างมาก หลังจากที่ผ่าน่จังหวะที่ตายทั้งเป็มา ก็มีเพียงร่างเดิมที่รู้อยู่แก่ใจ
พอไม่มียีนส์เจริญพันธุ์ของโอเมก้า แม้กระทั่งใบหน้าก็ใกล้เคียงกับเบต้า เพื่อที่จะได้เข้าร่วมกับกองกำลังพิเศษ ร่างเดิมจึงยอมละทิ้งอะไรมากมาย
เทียบกับการถูกคนประคบประหงมเอาใจใส่กับการมาคลุกฝุ่นอยู่กลางทะเลทราย คนปกติทั่วไปก็รู้ว่าควรเลือกข้อไหน
“หัวหน้า” หร่านซวี่จือยิ้มแล้วเอ่ย “นายวางใจได้ แม้ว่าฉันจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ฉันก็จะช่วยคุ้มกันดอกเตอร์ซวี๋ฮ่าวไปส่งที่หน่วยบัญชาการให้ได้ หากฉันเป็ตัวถ่วงของพวกนาย พวกนายก็สละฉันได้เลย”
การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้คือส่งตัวซวี๋ฮ่าวให้ถึงหน่วยบัญชาการ ส่วนความฝันของร่างเดิมคือช่วยกู้โลก หากซวี๋ฮ่าวสามารถวิจัยยาออกมาได้ก็จะทำให้ความฝันของร่างเดิมเป็จริง
ระหว่างทางที่หร่านซวี่จือเดินทางกับทุกคน เขาได้รับาเ็และได้รับความลำบากนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเอ่ยกับใคร อาวุธที่ได้รับก็แทบจะไม่มีอะไร กระทั่งอาหารก็ได้รับน้อยที่สุด
เพราะเขาคือเบต้า
ถึงแม้เดิมทีเขาจะเป็โอเมก้า
หากทุกคนยังยอมรับเขาไม่ได้ เขาก็หมดหนทาง
ในที่สุดหนึ่งชั่วโมงให้หลังทั้งสองคนก็รวมตัวกับทีม เควินเห็นหร่านซวี่จือนั้นถูกพยุงเดินเป๋ออกมาก็รีบพุ่งตัวไปหน้าเขา
เควินคว้าแขนของหร่านซวี่จือออกมาจากมือของปิงโหยวจี้ทันทีพร้อมกับเอ่ยอย่างร้อนใจ “ทังเหวย นายไม่เป็อะไรใช่ไหม? ”
ปิงโหยวจี้ช้อนตาขึ้นมอง ปรายตามองไปที่เควินแวบหนึ่งแต่ไม่พูดจาอะไร แล้วก็เดินไปอีกทาง
“ไม่เลว ยังรอดอยู่” หร่านซวี่จือหัวเราะ
ไอค์วิ่งมาแล้วตบหลังหร่านซวี่จือเสียงดัง “นายนี่มันชอบเล่นบทฮีโร่ผู้เสียสละจริงๆ ! รักษาตัวให้ดีนะ ได้ยินหรือเปล่า? ”
ฝ่ามือนั้นตบโดนแผลเข้าทำให้หร่านซวี่จือสีหน้าเปลี่ยน
เควินถีบไอค์หนึ่งที “นายทำอะไรให้มันเบาๆ หน่อย! ”
ซาจือดึงชายเสื้อของหร่านซวี่จือ สีหน้าของเธอซีดขาว “พี่ชาย…”
หร่านซวี่จือก้มศีรษะแล่วลูบศีรษะของซาจือพร้อมกับพูดว่า “ฉันไม่เป็อะไร”
พอตกกลางคืน
หร่านซวี่จือนั่งอยู่ในเต็นท์ของตนเอง ซาจือลุกขึ้นมาทายาที่หลังให้เขา ส่วนเควินก็ถามเขาจากด้านนอก “ทังเหวย นายเป็อย่างไรบ้าง? ”
“นายเข้ามาพูดข้างใน” หร่านซวี่จือกำลังเช็ดปืนของตนเอง
เควินมุดเข้าเต็นท์มา พอเงยหน้าก็เห็นหร่านซวี่จือเปลือยกายท่อนบน ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อทันใดแล้วรีบก้มศีรษะต่ำลง
“มีเื่อะไร? ” หร่านซวี่จือถาม
เควินวางของไว้ข้างหร่านซวี่จือ “นี่คืออาวุธที่ปิงโหยวจี้แบ่งให้นายนะ”
ปิงโหยวจี้?
หร่านซวี่จือตกตะลึง
ทำไมจู่ๆ ถึงให้ของกับเขาล่ะ? หรือเพราะรู้ว่าตนเองคือโอเมก้าก็เลยเปลี่ยนใจแล้ว?
เมื่อคิดถึงความเป็ไปได้นี้ หร่านซวี่จือก็ขมวดคิ้ว “นายเอากลับไปเถอะ บอกกับเขาว่าฉันไม่้า”
“ทำไมถึงไม่อยากได้ล่ะ? ” ทันใดนั้นเสียงของปิงโหยวจี้ก็ดังขึ้นจากด้านนอก
หร่านซวี่จือลุกขึ้นยืน พลางหยิบเสื้อที่ซาจือยื่นมาคลุมไว้บนตัว จากนั้นเปิดม่านเต็นท์ออก
ปิงโหยวจี้กำลังยืนกอดอกและพิงต้นไม้อยู่ เขามองหร่านซวี่จือด้วยสายตาราบเรียบ
หร่านซวี่จือหันหลังและอุ้มลังนั้นขึ้นมาแล้ววางไว้ตรงหน้า: “ฉันไม่้าของพวกนี้”
ถัดจากนั้น หร่านซวี่จือก็เดินไปหน้าปิงโหยวจี้และใช้ระดับเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเอ่ย: “ฉันไม่ได้ไร้ยางอายขนาดนั้นหรอกนะ นายทำแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า? ”
“ฉันก็แค่แบ่งอาวุธให้เพื่อนในทีมตนเอง” ปิงโหยวจี้ช้อนเปลือกตาขึ้น “ไม่ได้หรือ? ”