เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน หรือการเข้าใจความเป็ไปของ์และโลกนั้น เป็เคล็ดวิชาที่ช่วยเสริมพลังการต่อสู้จากภายในให้เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติถึงสามเท่า
อาจกล่าวได้ว่า หากสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้ หมายความว่ามีระดับการเรียนรู้ที่ไม่ธรรมดา และจะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน
หลงนู่เรียนรู้ได้สำเร็จ และสิ่งที่เขาเรียนรู้คือด้านอัสนี
อัสนีนั้นร้ายกาจและอันตรายอย่างยิ่ง
คล้ายกับตัวตนของหลงนู่ที่ขี้หงุดหงิดและดุร้าย
นี่เป็สิ่งที่หลงนู่เพิ่งเรียนรู้ได้ไม่นาน มีคนเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาเรียนรู้ได้สำเร็จ แม้แต่องค์หญิงสามหลงเยียนหรันก็รู้เื่นี้โดยบังเอิญ เมื่อรู้นางก็รู้สึกอิจฉามาก
ด้วยเหตุนี้หลงเยียนหรันจึงให้หลงนู่ออกไปต่อสู้
ด้วยการสนับสนุนของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน นางเชื่อมั่นว่าในตอนสุดท้ายหลงนู่จะต้องเป็ผู้ชนะอย่างแน่นอน
“พี่หลง เผ่าัของท่านได้สร้างบุคคลที่มีคุณสมบัติโดดเด่นอีกคนหนึ่งแล้ว” ซานต้าวจงกล่าวอย่างชื่นชม
หลงโต่วไห่ยกยิ้ม ใน่เวลาสั้นๆ ที่เขาถูกหลัวเลี่ยกดจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ แล้วไหนจะเื่ที่เ้านั่นใช้ทักษะหมัดพญาัประจัญบานของเขาอีก ตอนนั้นเขาคล้ายหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก แต่ตอนนี้ในที่สุดเขามีความสุขขึ้นมาแล้ว
ด้วยวัยของหลงนู่แล้ว การที่สามารถเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้ใน่อายุเพียงเจ็ดสิบหรือแปดสิบปี สำหรับคนอย่างหลงนู่ ขอเพียงเขาไม่เสียชีวิต เขาจะต้องบรรลุระดับกายทองคำได้อย่างแน่นอน
“เื่ที่เผ่าัของข้าเต็มไปด้วยบุคคลที่มีความสามารถนี้ ไม่ใช่เป็เื่ปกติหรือ” หลงโต่วไห่อดไม่ได้ที่จะโอ้อวดตัวเอง
ซานต้าวจงยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “ถูกต้อง จิตใจไม่มีความเกรงกลัว เมื่อออกมาต่อสู้แล้วก็ถูกโจมตี”
หลงโต่วไห่มอง และพูดว่า “พี่ซาน ท่านพูดเกินไปแล้ว เป็ความจริงที่องค์หญิงสามแพ้สิบครั้งติดต่อกัน แม้ในการเผชิญหน้าแบบปกติ หลงนู่จะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน แต่ด้วยความที่ช่องว่างระหว่างพลังมีไม่มาก เมื่อมีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินแล้ว ก็เป็เื่ยากที่เขาจะแพ้ เว้นแต่ว่าเ้าเด็กคนนั้นจะเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน แต่ท่านคิดว่าจะเป็ไปได้หรือ?”
“เื่นั้นหรือ” ซานต้าวจงตรวจสอบตัวตนของหลัวเลี่ย โดยอาศัยสถานะพิเศษของเขาในโลกภพจิตั “เด็กชายคนนี้อายุยังไม่ถึงสิบหกปี เป็หนุ่มน้อย ไม่น่าจะมีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินจริงๆ”
“ท่านหมายถึงอะไร ไม่น่าจะหรือ พูดให้ถูกคือเป็ไปไม่ได้เลยต่างหาก” หลงโต่วไห่เย้ยหยัน “ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกด้านของศิลปะการต่อสู้ ทั้งมีความเข้าใจดี มีศักยภาพสูง และยังเรียนรู้เคล็ดวิชาได้อีกหรือ โชคดีอย่างนี้มีที่ไหนกัน”
“มันยากที่จะพูด เพราะท้ายที่สุดเขาก็ฝึกฝนทักษะหมัดพญาัประจัญบานของท่านจนถึงระดับถ่องแท้สำเร็จแล้ว” ซานต้าวจงกล่าว
หลงโต่วไห่โมโห พูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ซานต้าวจง หากท่านไม่ได้เสียดสี ท่านจะขาดใจใช่หรือไม่”
ซานต้าวจงยิ้ม และพูดว่า “พูดตามตรง ข้าก็ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้ แต่ข้ารู้สึกว่าการรับมือกับเขานั้นไม่ง่ายเลย เพราะเขาสงบนิ่งเกินไป”
หลงโต่วไห่หัวเราะเสียงดัง และพูดว่า “สงบนิ่ง? เขาอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกต่างหาก นั่นคือเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านอัสนีนะ นั่น นั่น...บัดซบ!!!”
คำสบถของเขาทำให้ผู้ฟังตกตะลึง
เนื่องจากทุกคนพบว่า หลัวเลี่ยก็เป็เหมือนหลงนู่ เส้นผมปลิวไสวและดวงตาเหมือนสายฟ้า ความแตกต่างก็คือด้านหลังเขาเป็ูเาตระหง่านที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณ อีกทั้งมีสายน้ำไหล เห็นได้ชัดว่าข้างหลังเขานั้นทำให้หลัวเลี่ยเปรียบดั่งยืนอยู่บนยอดเขา ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรรอบตัวเขา นอกจากนี้โดยรอบยังปกคลุมด้วยดวงดาวนับพัน ดั่งขุนเขาสูงใหญ่ข้าคือจุดสูงสุด
เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านขุนเขา!
“อา เ้า เ้าไม่ใช่มนุษย์ เ้าเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้อย่างไร”
คนแรกที่คลั่งคือหลงเยียนหรัน
นางเชื่อว่าไพ่ลับของหลงนู่ ซึ่งก็คือเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านอัสนีนี้จะต้องเอาชนะเขาได้แน่ ใครจะรู้ว่า หลัวเลี่ยก็มีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินเช่นกัน
หลัวเลี่ยยังมีแก่ใจหันกลับมามอง “ขออธิบายหน่อย ข้าเป็เผ่าพันธุ์มนุษย์ ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ั ไม่ใช่เผ่าพันธุ์นกยูง หรือเผ่าพันธุ์ทะเล แต่เป็เผ่าพันธุ์มนุษย์บริสุทธิ์”
หลงเยียนหรันโกรธมากจนแทบเป็ลม
เมื่อเห็นเช่นนั้นหลัวเลี่ยก็กล่าวเสริม “อย่าโกรธไปเลย หากเ้าโกรธจนเป็อะไรไป แล้วใครจะเป็คนให้เืัระดับทลายยุทธ์แก่ข้าล่ะ”
“อา! ให้ตายเถอะ!”
หลงเยียนหรันกำลังจะบ้า
ทั้งหลงโต่วไห่ ซานต้าวจง และผู้ชมคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง
พวกเขาตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
เป็เวลานานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นการเผชิญหน้าระหว่างการต่อสู้ของพลังจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน พวกเขาทั้งหมดรู้สึกตื่นเต้น เพราะการเผชิญหน้าของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินนี้ สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกถึงวรยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย
“เดชอัสนี!”
“หมัดัคลั่ง!”
“ทั้งสองสิ่งรวมกัน ไม่มีใครสามารถต้านทานได้!”
ปรากฏัดุร้ายผงกหัวขึ้นไปบนท้องฟ้า และส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง นอกจากนี้เขายังได้รับการกระตุ้นพลังจากหลัวเลี่ย
วินาทีต่อมาหลงนู่ก็บินออกไป
ตูม!
เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง และสายฟ้านับพันก็ตกลงมาจากท้องฟ้า ในขณะเดียวกันนั้น หลงนู่ก็ปล่อยหมัดัคลั่งออกมา เมื่อสองพลังรวมกันจึงก่อร่างเป็พลังัอัสนีที่แสนทรงพลัง
ร่างของหลัวเลี่ยขยับเล็กน้อย หากเขาปีนขึ้นไปบนยอดเขา เขาจะกลายเป็เหมือนเทพเ้าที่มองลงมายังสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
เขายื่นมือออกมาทั้งสองข้าง ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรอยู่รอบๆ
“ขุนเขาสูงส่งข้าคือจุดสูงสุด ฟ้าดินกว้างใหญ่ตัวข้าคือผู้สูงสุด!”
“สองมือคือดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ร่างกายคือดวงดาวอันสว่างไสว!”
เกิดพลังกดดันรอบกายของเขาโดยถ่ายทอดผ่านูเานั้น เปรียบดั่งความเชื่อมั่นที่มั่นคงและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พื้นที่ที่ถูกพลังกดดันเริ่มทรุดตัวและแตกสลาย ก่อนที่ัอัสนีจะถูกบังคับให้สยบด้วยแรงกดดันนั้น
เขายังไม่ได้เริ่มลงมืออย่างจริงจังเลย
ระดับถ่องแท้ของหมัดพญาัประจัญบาน!
หลัวเลี่ยใช้ประโยชน์จากูเาแสดงทักษะการต่อสู้อันทรงพลังนี้
วินาทีต่อมา พลังนั้นก็เกิดเป็ัศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งพัวพันกับูเาดั่งได้รับพลังจากูเา แล้วมันก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ต่อกรกับัอัสนี
“โฮก!”
ัอัสนีคำรามและพุ่งโจมตี
ตูม!
ัขุนเขากดัอัสนี
ขุนเขาและอัสนีแตกเป็เสี่ยงๆ จากการปะทะกัน กลายเป็เม็ดฝนปรอยๆ นับพันปลิวว่อนไปทุกทิศทาง
ท่ามกลางสายฝน คนคนหนึ่งกรีดร้องและปลิวออกไป
คนผู้นี้มิใช่ใครอื่นนอกจากหลงนู่
ในทางกลับกัน หลัวเลี่ยที่ร่างกายไม่บุบสลายแม้แต่น้อยเดินไปหาหลงนู่ ก่อนจะพูดอย่างเ็า “ถ้าไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน พลังของท่านกับข้าก็ไม่ต่างกัน แต่ท่านใช้เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน พลังขุนเขาของข้าแท้จริงแล้วควรจะเท่ากับพลังอัสนีของท่าน แต่ความเข้าใจของท่านเกี่ยวกับอัสนีนั้นยังไม่ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ จึงยังไม่เป็อัสนีที่สมบูรณ์ แต่ข้าเข้าใจขุนเขาอย่างถ่องแท้แล้ว เช่นนั้นพลังของท่านจะเทียบพลังของข้าได้อย่างไร”
พลังใช้ไม่ได้ หมัดใช้ไม่ได้ คนก็แตกสลาย
หลงนู่ได้รับความขมขื่น และสลายออกจากสนาม
ผู้ชมทั้งสนามเงียบสงบ แล้วเสียงกลไกก็ดังขึ้น
“การต่อสู้สนามที่เจ็ดของสนามประลองัแท้จริง ผู้ชนะ : มีัอยู่ในเป้า สถิติ : การต่อสู้สิบเอ็ดครั้ง ชนะสิบเอ็ดครั้ง และแพ้เป็ศูนย์”
ชนะอีกครั้ง
สิ่งที่ตามมาคือเสียงโห่ร้องดังระงม
ทุกคนใอย่างมากกับการแสดงพลังของหลัวเลี่ย แม้แต่คนที่ไม่เชื่ออย่างหลงโต่วไห่ ผู้ซึ่งคิดว่ายังมีอัจฉริยะในเผ่าัที่สามารถต่อกรได้ ก็ยังต้องยอมรับความจริง เพราะถ้าเป็เขาในตอนที่มีพลังระดับที่ห้า แล้วต้องเผชิญหน้ากับหลัวเลี่ย เขาก็คงไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่หมัดเดียว
หลัวเลี่ยไม่สนใจเสียงเชียร์จากคนอื่นๆ เขาเดินตรงไปหยุดหน้าหลงเยียนหรัน และยื่นมือออกไป “เอามา”
หลงเยียนหรันกัดฟัน คนคนนี้น่ารำคาญจริงๆ ไม่รู้ว่าหากจากไปแล้วยัง้าอีกไหม เขาขอมันในที่สาธารณะ องค์หญิงเพิ่งถูกละความสนใจไป แต่ตอนนี้นางกลับมาได้รับความสนใจแล้ว
“เอาไป!” หลงเยียนหรันหยิบขวดเืัระดับทลายยุทธ์ออกมา แล้วโยนให้หลัวเลี่ย “จำไว้ ข้าสาบานว่าจะต้องเอาชนะเ้าให้ได้อย่างแน่นอน!”
หลัวเลี่ยไม่ได้ยินเสียงใดเลย เขาเพียงตรวจสอบว่าสิ่งของไม่มีปัญหา จากนั้นก็ออกจากโลกภพจิตัไป
ภายหลังออกมาจากหยกเชื่อมิญญา เขาก็เห็นเสวี่ยปิงหนิงที่เฝ้าคุ้มครองอยู่ที่นี่