“ข้าได้ยินบ่าวพูด ว่าท่านจะไม่พากลับมาที่จวนอีก หากเป็นั้นจริงก็ขอให้ท่านทำตามประสงค์” เขาหันมองมายังหญิงสาว ประกายั์ตาบ่งบอกว่านางมิได้ทุกข์ร้อนใจแต่อย่างใด กลับกันรอยยิ้มที่เผยออกมาแสดงถึงความพอใจอย่างมาก หากเป็เสี่ยวเฟยคนเก่า บ่าวที่พูดสิ่งไม่ควรออกมา อาจโดนนางทำโทษจนเืกบปาก
“เ้าเห็นด้วย ที่ข้าจะไม่พาเ้ากลับมางั้นเหรอ” เขาหยั่งเชิงอย่างชาญฉลาด ก่อนหญิงสาวจะยิ้มแป้น
“ข้าเห็นควรว่าเป็เช่นนั้น คนไม่รักกันจะอยู่ให้ปวดใจทำไม ท่านไม่ต้องพาข้ากลับมาน่ะดีแล้ว ให้ตัดขาดความเป็สามีภรรยาได้ก็ยิ่งดีใหญ่เลย” นางพูดจบก็หาวหวอดอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มหวานแล้วค่อย ๆ ผล็อยหลับไป ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของม้าที่ส่งเสียงดังเป็จังหวะ
สายตาคมจับจ้องไปยังภรรยาเอกด้วยความแปลกใจอย่างถึงที่สุด เป็เพราะพิษที่นางดื่ม หรือเป็เพราะนางมีแผนการใหญ่รองรับอยู่ ข้อนี้โม่โฉวไม่อาจวางใจ
เขาหยิบแหวนของเซียนเยว่ขึ้นมอง แล้วกำไว้แแ่ภาพการตายของนางยังตราตรึงไม่อาจลืมได้ ก่อนจะหันใบหน้าหล่อเหลา มายังฆาตกรที่ลอยนวล โดยมีสกุลใหญ่โตคอยให้ท้ายเสมอ ๆ
หลังจากเดินทางมาถึงวังหลวง สายตาของฮูหยินเสี่ยวเฟยก็เบิกกว้าง ทหารนับหมื่นยืนเรียงรายตามจุดต่าง ๆ ความใหญ่โตนี้ยากจะเปรียบเทียบสิ่งใดได้ กิริยาท่าทางของเสี่ยวเฟยอยู่ในสายตาของโม่โฉว ก่อนหญิงสาวจะหันมาแล้วถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“นี่คือวังหลวงจริง ๆ เหรอ” เขาทำได้แต่พยักหน้า
“ใหญ่โตขนาดนี้จะเดินหากันได้ยังไง ถ้าหลงคงหลายวันกว่าจะเจอตัว” หญิงสาวพึมพำราวกับไม่เคยเห็น ข้อนี้ทำให้โม่โฉวขมวดคิ้วแปลกใจ
“เ้าโตในวังหลวงมาั้แ่เด็ก เหตุใดยังตื่นเต้นเหมือนคนไม่เคยเห็นเช่นนี้” น้ำเสียงสุขุมราบเรียบทำให้จื่อหลานในร่างของเสี่ยวเฟยหันมา
“จริงด้วย ข้าโตมาจากวังหลวง ข้าเคยอยู่ในวังหลวงมาก่อน ใช่ ๆ ท่านพูดถูก” หญิงสาวหันมาแล้วข่มความตื่นเต้นของตัวเองไว้ ทว่าสายตาล่อกแล่กของนาง ยังคงสอดส่ายมองดูราวกับไม่เคยพบเคยเห็นอยู่ดี
เมื่อเดินทางมาถึง โม่โฉวรีบเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทันที ก่อนาาผู้สูงศักดิ์ มีอำนาจควบคุมทุกสิ่งในอาณาจักร สวมชุดที่ทอด้วยไหมทองสีเหลืองอร่าม นั่งบนบัลลังก์ั จะรับสั่งให้ทหารทั้งหมดออกจากจวนไป เหลือเพียงแค่โม่โฉวตามลำพังเท่านั้น
“เ้าลุกขึ้นมานั่งตรงนี้กับข้า” สุรเสียงกังวาน พูดกับโม่โฉวก่อนชายหนุ่ม จะทำตามด้วยกิริยานอบน้อมอย่างถึงที่สุด
“ใคร ๆ ก็รู้ว่าข้าเมตตาเ้ามาเพียงใด เพราะเ้ามิใช่คนอื่นคนไกล เปรียบเสมือนหลานของข้าก็ว่าได้ ข้าได้ข่าวว่าโองการของข้าไปถึงมือเ้าช้าไปงั้นเหรอ”
“พ่ะย่ะค่ะ เสี่ยวเฟยนางดื่มพิษไปก่อนหน้าที่โองการจะถึงมือข้า”
“นับว่า์ยังมีตา ที่ไม่ยอมนางเป็อะไรไป” คำพูดของฮ่องเต้ทำให้โม่โฉวกำมือแน่น เพราะรู้สึกว่าเซียนเยว่กับลูกในครรภ์ไม่ได้รับความยุติธรรมมากพอ ก่อนฮ่องเต้จะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้ารู้ว่าเ้ารักแม่นางเซียนเยว่เพียงใด การจากไปของนางสร้างความทุกข์ให้เ้ามากแค่ไหน โม่โฉวแต่เ้าอย่างลืมว่าสกุลเติ้งสร้างคุณงามความดีให้กับบ้านเมืองไว้มากมายนัก บิดาของนางเป็รองแม่ทัพที่เก่งกาจ เสี่ยวเฟยเป็บุตรสาวที่เขารักดังดวงใจ หากเขารู้ว่าเ้าสังหารบุตรสาวอันเป็ที่รักของเขา เื่ราวจะใหญ่โตเพียงใด”
“แล้วเซียนเยว่กับลูกในครรภ์ผิดอันใดพ่ะย่ะค่ะ นางต้องตายเพราะความมืดดำในใจของเสี่ยวเฟย โดยไม่ได้รับความยุติธรรมแม้เพียงนิด” น้ำตาของโม่โฉวค่อย ๆ รินไหลออกมาด้วยความอัดอั้น เขาอยากสังหารเสี่ยวเฟยตลอดเวลาทว่าต้องหักห้ามใจอย่างทรมาน ก่อนฮ่องเต้จะถอนหายใจเบา ๆ
“ตอนนี้ชายแดนต้าเหรินไม่น่าไว้วางใจอย่างมาก ข้าจำเป็ต้องรักษาความสงบสุขนี้ไว้ เ้าอย่าพึ่งลงโทษนางไปมากกว่านี้เลย หากจะพูดถึงการเสียสละแล้วล่ะก็ ม่อยวนบิดาของนางรักชาติบ้านเมืองยิ่งชีพ ข้าไม่อยากให้เขาต้องพะวงสิ่งใด เ้าอย่าเอาความผาสุกของประชาชนนับแสนคนมาแลกเลยนะโม่โฉว” สิ้นเสียงของฮ่องเต้ชายหนุ่มชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ขอบพระทัยที่เตือนสติ ชีวิตของเซียนเยว่ไม่อาจแลกกับชีวิตและความผาสุกของประชาชนนับแสนได้ ข้าคิดน้อยเกินไปพ่ะย่ะค่ะ” เขาค่อย ๆ ได้สติ แล้วยอมอ่อนลง ก่อนรอยยิ้มเมตตาจากฮ่องเต้จะเผยออกมา
“ข้าดีใจที่เ้ายอมเว้นโทษตายให้นาง” ก่อนชายหนุ่มจะน้อมกายลงเล็กน้อย
“ข้ายินดีเว้นโทษตายให้นาง แต่ข้าขอไม่รับนางกลับไปอีก ข้าอยากตัดขาดความสัมพันธ์กับนางนับจากบัดนี้พ่ะย่ะค่ะ” ก่อนฮ่องเต้จะแน่นิ่งไปแล้วพูดขึ้น
“โม่โฉว ข้ารู้ว่าจิตใจเ้าไม่อาจยอมรับนางได้อีก แต่เวลานี้แม้แต่ตัดความสัมพันธ์กับนาง ข้าก็ไม่เห็นควรอย่างยิ่ง รอให้ม่อยวนเสร็จศึกากลับมา แล้วข้าจะพูดกับเขาให้เข้าใจ ถึงตอนนั้นเ้าอยากตัดสัมพันธ์กับเสี่ยวเฟย ข้าจะไม่ห้ามเ้าอีกเลย” โม่โฉวแน่นิ่ง สายตาของเขาสั่นไหวต่อต้านในใจอย่างหนัก ก่อนฮ่องเต้จะเอ่ยขึ้น
