เขาที่แบกร่างฉันมายังรถสปอร์ตสุดหรูที่ไม่บอกก็รู้ว่าราคาจะสูงลิบลับมากแค่ไหน จากนั้นเขาก็ได้เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับแล้วจับฉันโยนเข้าไป และด้วยการกระทำที่รุนแรงของเขาก็เป็ผลทำให้หัวของฉันโขกเข้ากับขอบประตูรถอย่างจัง!!
โป๊ก...!!
“โอ๊ยยยยย เจ็บนะ!!” ฉันลูบหัวตัวเองปรอย ๆ ก่อนจะมองค้อนเข้าไปหนึ่งที
(คนอะไรป่าเถื่อนชะมัด) (-*-)
แต่ทว่า...เสียงร้องของฉันกลับไม่มีผลทำให้คนด้านข้างรู้สึกรู้สาอะไร แถมเขายังคงทำหน้านิ่งไม่ใส่ใจ ก่อนจะสตาร์ตรถหรูของตัวเอง แล้วรับบทนักขับตีนผีเหยียบคันเร่งส่งเครื่องยนต์ให้สมกับแรงม้าให้พุ่งทะยานออกไป จนตัวฉันที่ยังไม่ทันได้คาดเข็มขัดนิรภัยถูกแรงกระชากจนตัวปลิวติดเบาะไปตามแรงรถทันที
“นะ...นี่นายขับให้มันช้า ๆ หน่อยได้ไหม จะรีบไปตายก็ไปคนเดียวนะฉันยังไม่รีบ” ฉันแว้ดออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับมือที่คว้านหาเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพื่อป้องกันตัวเอง
“หุบปาก...!!” และเสียงตวาดของเขาที่ส่งมา ก็ทำให้คนที่นั่งด้านข้างอย่างฉันถึงกับเม้มปากเงียบลงแทบจะทันที
จากนั้นรถสปอร์ตสุดหรูรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันที่มีไม่ถึง 10 คันบนโลกก็ได้ถูกควบมาจอดยังหน้าผับขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในแวดวงไฮโซแห่งหนึ่ง สถานเริงรมย์ระดับไฮเอนด์ที่ชาตินี้ฉันคงไม่มีปัญญาจะได้พาร่างมาโยกย้ายส่ายสะโพกได้อย่างแน่นอน
ในขณะที่ฉันกำลังตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้าจนลืมสถานการณ์อันน่าหวาดหวั่นไปชั่วขณะ คนที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขาที่กำลังจะลุกออกไปจากที่นั่งก็ได้หันมาตวาดใส่ฉันอีกครั้ง จนฉันถึงกับสะดุ้งผวาปรับสีหน้าแทบไม่ทัน
“อ้าว...จะนั่งแช่อีกนานไหม...หรือว่าเปลี่ยนใจอยากจะทำงานใช้หนี้กูบนรถนี้แทน...ฮึ” เสียงคำรามลั่นกังวานถูกส่งออกมาจนแก้วหูฉันแทบะเื อีกทั้งยังมาพร้อมกับประโยคสองแง่สองง่ามฟังดูน่าหวาดหวั่นใจยังไงแปลก ๆ
“ชิ...ไม่เห็นต้องเสียงดังขนาดนี้ก็ได้ อยู่ใกล้กันแค่เนี้ย” ฉันบ่นกระปอดกระแปดออกไปเบา ๆ ก่อนจะจับหูเขย่าไปมาด้วยกลัวว่ามันจะหนวกขึ้นมา
จากนั้นเขาก็ได้เปิดประตูลงไปจากฝั่งคนขับ พร้อมกับฉันที่รีบเปิดประตูฝั่งคนนั่งตามเขาลงไปติด ๆ
ฉันเดินตามเขาไปด้วยตัวที่ลีบเล็กเพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอไปตวัดเกี่ยวโดนสิ่งของภายในร้านพังเสียหาย และภาพที่ฉันได้สังเกตเห็นตลอดระยะที่ฉันเดินตามหลังเขาไป ก็ทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าเขาน่าจะเป็แขกคนสำคัญของที่นี่
“สวัสดีครับคุณดีแลน”
“สวัสดีค่ะคุณดีแลน”
“สวัสดีค่ะคุณดีแลน”
ภาพของบุคคลที่น่าจะเป็ผู้ดูแลสถานเริงรมย์แห่งนี้ รวมถึงเหล่าพนักงานและบอดี้การ์ดทั้งหลายต่างพากันยืนโค้งตัวก้มหัวเพื่อทำความเคารพคนร่างสูงด้วยความนอบน้อมยามที่เขาเดินผ่าน มันช่างเป็ภาพที่ทำให้ฉันยิ่งรู้สึกหวั่นกลัวคนตรงหน้ามากขึ้นทุกที
“คุณดีแลนครับ ห้องพร้อมแล้วครับ ให้ผมเรียกน้อง ๆ มาบริการเลยไหมครับ” เสียงของผู้ที่มาใหม่ที่มีลักษณะดูแล้วน่าจะเป็ผู้จัดการใหญ่ของที่นี่ แสดงความนอบน้อมทั้งทางกายและทางวาจา โดยที่คำพูดของชายคนนั้นที่พูดออกมาก็แสดงให้รู้ได้ว่าเขาน่ะรู้ใจคนตรงหน้าดีมากแค่ไหน
“ไม่ต้อง...” ส่วนคนตัวโตที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน เขาก็ได้ตอบกลับเพียงประโยคสั้น ๆ ก่อนจะยกมือเป็สัญญาณให้ผู้ชายคนนั้นออกไป
แต่ในขณะที่ชายคนที่เป็ผู้จัดการกำลังจะเดินผละออกไป คนร่างโตที่พาฉันมาก็เหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาออก เขาที่ได้เรียกให้ผู้จัดการผับหยุดแล้วทำการกระซิบสั่งอะไรบางอย่างกับชายคนนั้นโดยที่ฉันเองก็ไม่ได้ยิน
หลังจากที่เขากระซิบสั่งอะไรบางอย่างกับผู้จัดการผับเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้นำฉันขึ้นมายังห้องส่วนตัวที่ถูกเปิดไว้รอก่อนล่วงหน้าแล้ว และทันทีที่ฉันก้าวเท้าเข้าไปก็ต้องพบเข้ากับความตื่นตาตื่นใจและความหวั่นใจในคราวเดียวกัน
นั่นก็เพราะว่า...ภาพภายในห้องนั้นได้มีลักษณะเป็ห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ที่เก็บเสียงทั้งจากภายนอกและภายใน อีกทั้งยังมีกระจกใสบานใหญ่ที่ถูกติดตั้งเป็ผนังห้องที่สามารถมองเห็นผู้คนด้านล่างที่ต่างกำลังโยกย้ายส่ายเอวไปตามเสียงเพลงด้วยความสนุกสนาน โดยที่คนด้านล่างไม่อาจมองเห็นคนที่อยู่ภายในห้องนี้ที่กำลังจ้องมองพวกเขาได้เลย
อีกทั้งห้องนี้ยังถูกตกแต่งด้วยโทนสีแดงดำ และยังมีภาพขนาดใหญ่ที่ถูกติดอยู่บนฝาผนังด้านในถัดเข้าไป โดยที่ภาพนั้นช่างดูวาบหวามรัญจวนใจจนเรียกความเห่อร้อนให้ขึ้นมาบนใบหน้าสาวแทบจะทันที
แต่ทว่า...สิ่งนั้นยังไม่น่าใเท่ากับสิ่งที่ฉันกำลังจะได้เห็นในภาพถัดไป
เมื่อสายตากลมโตกวาดมองจนไปสะดุดเข้ากับที่นอนคิงไซซ์ขนาดใหญ่ที่ถูกตั้งวางไว้อยู่ภายในห้อง ความตื่นตาตื่นใจที่มีมาแต่ต้น กลับถูกกลืนหายกลายเป็ความรู้สึกหวาดหวั่นเข้ามาแทนที่...และนี่ยังไม่รวมกับเหล่าพวกอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูแปลกตาที่สัญชาตญาณส่วนลึกของฉันได้บอกว่าเ้าพวกอุปกรณ์เหล่านี้ดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
ฉันที่ยืนตัวสั่นงันงกเดินถอยหลังจนกระทั่งหลังแนบกับประตู อีกทั้งเมื่อสายตาสอดส่องไปทั่วจนกระทั่งไปสบเข้ากับที่นอนขนาดใหญ่ ทำให้ฉันรีบหลุบต่ำลงอย่างอัตโนมัติ ความรู้สึกวูบวาบยามที่สายตาของคนตรงหน้าที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟาได้ส่งมา มันช่างให้ความรู้สึกอึดอัดปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากที่เราทั้งสองคนเข้ามาที่ห้องได้ไม่นาน สักพักผู้ชายที่เป็ผู้จัดการคนนั้นเขาก็ได้เข้ามาในห้องโดยที่มีสิ่งของบางอย่างที่อยู่ในมือ...
และเมื่อผู้จัดการนำของถุงที่อยู่ในมือมาส่งให้กับผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันตามคำสั่ง คนตัวโตนั้นเขาก็ได้ไล่ผู้จัดการคนนั้นให้ออกไปทันที ก่อนที่เขาจะโยนถุงที่อยู่ตรงหน้าเขาให้ตกมาอยู่ที่ด้านหน้าของฉันแทน
“เปลี่ยนซะ...” เขาออกคำสั่ง พร้อมใช้สายตาเ้าเล่ห์จ้องเขม็งมาที่ฉัน
ส่วนฉันที่ยังคงยืนอึ้งกับคำสั่งของเขานั้น ก็ยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน
“อ้าว...หูตึงหรือไงกูบอกให้เปลี่ยนซะ!!” ส่วนเขาที่เห็นฉันไม่ยอมไหวติงขยับเขยื้อนร่างกาย ก็ได้เอ่ยปากตะคอกเสียงดังจนฉันสะดุ้งโหยง
“อะ...เออ...” ฉันยืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ด้วยไม่เข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไรจริง ๆ
จากนั้นฉันที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ ในตอนแรกก็ค่อย ๆ ตั้งสติแล้วขยับตัวก้มลงไปหยิบถุงที่ถูกโยนมาตกลงหน้าขึ้นมาดู ก่อนจะมองไปยังเขาเพื่อใช้สายตาถามย้ำความสงสัยอีกที
“เปลี่ยน...” และเขาที่ดูท่าจะเข้าใจความหมายจากสายตาที่ฉันอยากสื่อ ก็ได้ย้ำสำทับอีกครั้งด้วยแววตาที่จริงจัง
และทันทีที่ฉันเห็นแววตาที่ไม่ล้อเล่นคู่นั้น ฉันก็มั่นใจแล้วว่าเขาคงอยากจะให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าในถุงนั้นแล้วจริง ๆ
จากนั้นฉันก็ได้มองหาห้องน้ำเพื่อเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่เขาบอก...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้