“นายท่านคนของเราที่ให้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ทางนั้นรายงานมาว่า...คนได้เดินทางไปถึงแล้ว นายท่านมีสิ่งใดจะสั่งการเพิ่มเติมหรือไม่ขอรับ”หัวหน้าองครักษ์คนสนิทของฉินเซี่ยวกงแจ้งข่าวแก่นายเหนือหัวที่นั่งอยู่ภายในรถม้าอย่างแ่เบา อีกไม่นานก็จะเดินทางถึงลั่วหยางทางนั้นได้เตรียมการณ์เอาไว้จนพร้อมแล้ว
“ดี...ไม่ต้องทำสิ่งใดเพียงเฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆเป็พอ ยังมีพวกสุนัขจิ้งจอกที่รอให้ข้ากลับไปเล่นด้วยอีกหลายตัว เร่งเดินทางอีกหน่อยข้าอยากชมละครสัตว์สนุกๆ”เสียงแหบต่ำอันเป็เอกลักษณ์เฉพาะตัวดังแว่วออกมาจากภายในรถม้า ่นี้มีเื่ให้คลายความเบื่อหน่ายไม่น้อยเลยทีเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้น
เกาหนิงซินที่นอนหลับอย่างเต็มอิ่มลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืดด้วยความกระปรี้กระเปร่า หญิงสาวไม่เคยชินกับการที่มีคนนอนเฝ้าเธอจึงเลือกที่จะนอนในห้องคนเดียว หลังจากที่จัดการล้างหน้าเปลี่ยนชุดให้ดูรัดกุมร่างเล็กก็เดินตัวปลิวออกจากห้องไปเดินเล่นยามเช้าอย่างกระตือรือร้น
นี่เป็การออกมาเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบตามหลักการทำความคุ้นเคยกับชัยภูมิให้มากที่สุด หญิงสาวใช้เวลาส่วนใหญ่เดินเข้าซอยนั้นทะลุออกซอยนี้ ถนนเส้นน้อยใหญ่ต่างถูกบันทึกลงในความทรงจำอย่างแม่นยำ การเดินสำรวจครั้งนี้กินเวลาราวสองชั่วยามั้แ่เช้ามืดจนตอนนี้แดดเริ่มแรงขึ้นทุกที ตลาดเช้าวายไปได้พักใหญ่เหลือเพียงร้านค้าที่เริ่มเปิดทำการ
เกาหนิงซินที่ใช้เวลาระหว่างเดินสำรวจตะเวนกินอาหารเช้าจนอิ่มแปล้ยามนี้เธอกำลังนั่งจิบชาอยู่บนชั้นสองของโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ดวงตากลมโตหรี่ลงครึ่งหนึ่งอย่างเกียจคร้านร่างอรชรเลื้อยไปกับเก้าอี้ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ท่าทางเช่นนี้ชวนให้คนมองด้วยแรงดึงดูดบางอย่าง
โชคดีที่เป็ห้องส่วนตัว
ร่างอรชรพลิกกายอย่างเชื่องช้าสองมืออันขาวผ่องเกาะขอบหน้าต่างพร้อมกับเกยปลายคางเรียวมนเอาไว้อย่างไม่ใส่ใจ หญิงสาวชื่นชมความครึกครื้นบนท้องถนนอย่างเพลินเพลินโดยไม่ได้สนใจเวลาเท่าไหร่ ก่อนออกมาเธอได้บอกฟ่านมามเอาไว้แล้ว ส่วนเ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสามั้แ่มีแม่นมและท่านอาจารย์ก็ดูเหมือนเ้าตัวเล็กของเธอจะมีสิ่งให้สนใจมากกว่าพี่สาวเช่นเธอ
นั่นจึงเป็สาเหตุที่เธอมานั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่จนถึงตอนนี้
ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะหาเงินทางช่องทางใด
เอาเป็ว่ามีที่อยู่เป็หลักแหล่งค่อยคิดก็ยังไม่สายเกินไป
อืม...เงินหกหมื่นตำลึงทองแบ่งมาซื้อจวนเล็กๆสักสามหมื่นก็ยังเหลือเงินไว้ลงทุนอีกตั้งมากแหน่ะ
เื่หานายหน้าขายบ้านที่เชื่อถือได้เธอยกให้เป็หน้าที่ของพ่อบ้านลู่เป็คนไปจัดการ การมีผู้เชี่ยวชาญให้ใช้สอยเช่นนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนไปมากเลยทีเดียว จะต้องถ่อไปตะเวนหาจนทั่วเมืองให้เหนื่อยทำไมกันพ่อบ้านลู่อธิบายให้ฟังอย่างชัดเจนหากทำการซื้อขายที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างผ่านนายหน้าที่รับรองโดยทางการก็เชื่อมั่นได้ว่าเ้าจะไม่ถูกโกง
ใครว่าคนยุคโบราณนั้นล้าหลัง จากที่ศึกษากฎหมายของต้าโจวมาส่วนหนึ่งเห็นได้ว่ามันสมองของบรรพบุรุษนั้นล้ำเลิศมากเพียงใด ศาสตร์ต่างๆที่ก้าวล้ำในยุคปัจจุบันล้วนมาจากพื้นฐานความรู้อันแข็งแกร่งในยุคนี้ทั้งสิ้น
หญิงสาวหรี่ตาอย่างครุ่นคิดพลางหม่อมองคนแบกต้นถังหูลู่เดินผ่านไปมา จู่ๆท้องถนนอันพลุกพล่านก็ค่อยสงบลงผู้คนหรือรถม้าที่เดินสัญจรไปปมาต่างหลบอยู่ริมถนนแม้กระทั่งรถม้าที่วิ่งอยู่ก็จอดชิดด้านข้างอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆเพื่อเป็การบอกกล่าวล่วงหน้าการกระทำนี้ล้วนเกิดขึ้นเป็ทอดๆ
หืม...
ไม่ทันที่เธอจะขมวดคิ้วอย่างสงสัย ขบวนรถม้าขนาดใหญ่ก็เคลื่นมาจากปลายสุดถนนอีกฝั่งหนึ่ง รถม้าขนาดใหญ่ภายนอกตกแต่งอย่างหรูหราบ่งบอกฐานะของผู้โดยสารได้เป็อย่างดี รถม้าแล่นเป็ขบวนเรียงรายกันมาห้าคัน เกาหนิงซินวิเคราะห์อย่างนึกสนุก
รถม้าคุ้มกันหน้าหลังด้านละสองตรงกลางต้องเป็ระดับวีไอพีของเมืองนี้เป็แน่ ดูจากกองทหารม้าที่ตั้งขบวนอารักขาอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ นับดูคร่าวๆคงราวสองกองร้อย ยิ่งใหญ่จริงจริงๆ
เกาหนิงซินหรี่ตาชื่นชมความเวอร์วังของคนยุคโบราณคาดว่ารอบๆคงเต็มไปด้วยพลซุ่มยิงคอยสอดส่องอยู่เป็แน่ อืมมหากบรรพบุรุษไม่สร้างแนวทางไว้ลูกหลานรุ่นหลังในอีกหลายพันปีคงไม่เขินที่จะทำตาม ภัยร้ายมันเกิดได้ทุกที่ทุกเวลา
ชั่วขณะที่รถม้าคันที่อยู่ตรงกลางกำลังแล่นผ่านโรงน้ำชาที่เธอนั่งอยู่ สายลมอันแ่เบาพัดผ่านข้างแก้มเนียนไปอย่างเชื่องช้าััคล้ายมีไม่มีนี้ส่งผลให้ขนกายลุกชันอย่างไม่ทราบสาเหตุ แม้ลมจะพัดผ่านไปแล้วแต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดความรู้สึกใจหวิวๆมันไม่ยอมหายไป
หญิงสาวกวาดสายตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งราวกับคนเกียจคร้านมองสำรวจไปทั่วอย่างรวดเร็ว การกระทำนี้ราวกับไม่ได้ตั้งใจหากไม่สังเกตดีๆ แล้วเธอก็เจอต้นตอของความรู้สึกแปลกๆราวกับสัญญาเตือนภัยนี้แล้ว ขณะที่มองลงไปด้านล่างรถม้าคันนั้นก็เคลื่อนมาถึงระยะสายตาของเธอพอดีกับที่ลมพัดผ้าม่านหน้าต่างรถม้าเปิดขึ้น
เมื่อเห็นคนที่นั่งเป็พระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านในก็ได้แต่อุทานอยู่ในใจ
โอ้วว...ว้าวว
เฮลโลเฮล?
เหมือนจะััได้ถึงสายตาที่จับจ้องอย่างร้อนแรงประหนึ่งลาวาเดือดปุดๆ ใบหน้าที่สามารถฆ่าคนได้นั้นก็ค่อยๆหันมาเหลือบมองขึ้นไปยังชั้นบนของโรงน้ำชา
ทั้งสองสบตากัน
เกาหนิงซินหรี่ตาพร้อมกับเลิกคิ้วหนึ่งข้างให้เป็การทักทาย
...
ความจริงแล้วที่นี่คือโลกในนิยายของมารดาวัยชราของเธอใช่ไหม
จังหวะมันได้ ถูกใจพี่สาวยิ่งนัก
เหตุการณ์เล็กๆผ่านไปอย่างเรียบง่าย เมื่อขบวนของท่านเ้าเมื่องเคลื่อนผ่านไปทุกอย่างก็กลับมาเป็ปกติแต่หญิงสาวที่ถูกคนหล่อใช้สายตาสังหารไปเมื่อครู่ยังไม่สามรถเรียกสติกลับมาได้ ใครมันจะไปทนไหวล่ะโดนล่อลวงทางสายตาขนาดนี้
หนักแน่นในอุดมการณ์เข้าไว้เกาหนิงซิน!
ลัทธิล่อลวงจิตใจคน!
ท่านผู้นำจงมอบความกล้าหาญให้แก่ข้า!
หญิงสาวได้แต่ท่องวาทะของท่านประทานเหมาอยู่ในใจ
หลังจากที่กลับมาถึงโรงเตี๊ยมพ่อบ้านลู่ก็ยืนรอเธออยู่ด้านหน้าอย่างสงบ นั่นแสดงให้เห็นว่าเื่ที่สั่งให้ไปจัดการล้วนเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว
“ทุกคนกินข้าวเช้ากันหมดหรือยัง”
“เรียนนายท่านเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“แล้วเด็กๆเป็เช่นไรบ้างเช้านี้”
“คุณชายน้อยทั้งสามต่างรู้ความยิ่ง ั้แ่ตื่นจนถึงตอนนี้กำลังอยู่ในห้องกับท่านอาจารย์ฟ่าน คาดว่าท่านอาจารย์ฟ่านคงเริ่มทดสอบพวกเขาทีละคน”
“เช่นนั้นข้าจะไปดูพวกเขาสักครู่และก็จะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย มีสิ่งใดก็ไปทำรอข้าเสร็จแล้วเราค่อยไปดูบ้านกัน”สองนายบ่าวเดินตามกันมาจนถึงหน้าของของท่านอาจารย์ของเหล่าหัวผักกาดน้อย หญิงสาวจึงสั่งให้สุดยอดพ่อบ้านของเธอไปหาอะไรทำรอ
“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปเตรียมรถม้ารอ เชิญนายท่านทำธุระอย่างสบายใจ”พ่อบ้านลู่โค้งกายทำความเคารพแล้วหมุนกายเดินจากไป
เกาหนิงซินผลักบานประตูให้แง้มออกเล็กน้อยเพื่อมองผ่านเข้าไปด้านในห้อง เ้าหัวผักกาดตัวน้อยทั้งสามกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดเล็กด้านหน้าเป็โต๊ะขนาดไม่ใหญ่บนโต๊ะวางสิ่งของเอาไว้หลายอย่างให้เด็กๆได้เล่นตามใจ ส่วนท่านอาจารย์ก็เดินสำรวจพวกเขาพร้อมกับชักชวนให้ทำความรู้จักกับสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะอย่างใจเย็น
บรรยากาศในห้องเรียนเช่นนี้สร้างความประทับใจให้พี่ใหญ่ของเหล่าหัวผักกาดไม่น้อย เห็นเด็กๆกำลังให้ความสนใจกับการเรียนรู้เธอก็ไม่้าไปรบกวนสมาธิของพวกเขา ขณะที่กำลังเดินกลับไปยังห้องของตนเองก็พบเข้ากับฟ่านมามาที่กำลังยกของว่างและน้ำชาเข้ามา
“คาราวะนายท่านเ้าค่ะ”
“ขนมของเด็กๆงั้นหรือ”
“เ้าค่ะคุณชายน้อยมักหิวง่ายให้ทานของว่างรองท้องพวกเขาจะได้มีสมาธิในการเล่าเรียนมากยิ่งขึ้น”ฟ่านมามาตอบอย่างอ่อนโยน
“ดี...ยกของว่างเข้าไปแล้วมาช่วยข้าแต่งกายเสียหน่อย”
“รับทราบเ้าค่ะ”ฟ่านมามาย่อกายทำความเคารพอีกฝ่ายแล้วผลักประตูห้องเข้าไป
หญิงสาวใช้เวลาชำระร่างกายไม่นานนักก็ขึ้นมาจากถังอาบน้ำใบใหญ่ ร่างอรชรที่พร่างพราวไปด้วยหยดน้ำที่เกาะอยู่บนผิวกายราวกับเม็ดไข่มุกเดินเปลือยกายมาหยิบเสื้อคลุมผ้าแพรสีขาวผืนบางมาห่มปกปิดร่างกายอย่างหลวมๆ เส้นผมที่เปียกน้ำแนบสนิทไปกับแผนหลังไม่นานผ้าแพรผืนปากก็เปียกชุ่ม
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้งเป็ฟ่านมามาที่พึ่งกลับมาจากการส่งของว่าง หญิงสาวส่งเสียงให้นางเข้ามาได้ ยามนี้เธอกำลังนั่งอยู่หน้ากระจกรอให้อีกฝ่ายมาปรนิบัติ ฟ่านมามาเมื่อเข้ามาพบผู้เป็นายอยู่ในลักษณะเช่นนี้ก็รีบงับประตูลงกลอนอย่างแ่าทันที แม้กระทั่งหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ก็ถูกงับปิดจนหมด
“นายท่านบ่าวขอพูดสักหน่อยเถิด ท่านต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะเ้าคะ เรือนร่างอันบริสุทธิ์ของท่านจะให้ผู้ใดเห็นไม่ได้”ฟ่านมามากล่าวกับเด็กสาวอย่างเข้มงวด ในเมื่อมอบหน้าที่ในการอบรมกุลสตรีให้นางแล้วเื่เล็กๆน้อยไม่สมควรที่จะปล่อยผ่าน
“มามาท่านกังวลเกินไปแล้ว ตัวข้ารู้ขอบเขตความเหมาะสมดี”กล่าวจบหญิงสาวก็ถลกแขนเสื้อเผยตรงส่วนข้อพับให้ฟ่านมามาดู จะอยู่ด้วยกันก็ต้องรู้จริงรู้ลึกถึงจะสมฐานะสุดยอดแม่บ้าน
“นายท่านบ่าวผิดไปแล้วที่กล่าววาจาล่วงเกิน”ฟ่านมามาที่เข้าใจสิ่งที่เด็กสาว้าจะบอกให้นางทราบก็ใจนขวัญกระเจิง เมื่อครู่นางเพิ่งจะกล่าววาจาดูิ่อีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ
“มามาลุกขึ้นเถิด ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด...สำหรับเื่ที่ว่าบริสุทธิ์หรือไม่ข้ายิ่งไม่นำมันมาเป็สิ่งตัดสินชะตาชีวิต ฉะนั้นไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใดล้วนผ่านการคิดไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วน ท่านมีหน้าที่ทำให้ภาพลักษณ์ของข้าน่าเชื่อถือและดูแลเื่ภายเรือนให้สงบสุข เท่านี้ท่านทำได้หรือไม่”
“บ่าวจะทำให้ดีที่สุดเ้าค่ะ”ฟ่านมามารับคำอย่างหนักแน่นพร้อมกับเริ่มลงมือใช้ผ้าซับผมที่เปียกชื้นของเด็กสาวเป็อันดับแรก
“ดี ข้าจะรอชมผลงานของเ้า”หญิงสาวสบตาฟ่านมามาผ่านกระจกบานใหญ่
“เช่นนั้น นายท่านจะแต่งกายเช่นไรดีเ้าคะ”
“เอาเป็ชุดบุรุษก็แล้วกัน”แต่งชุดสตรีไปเกรงว่าจะถูกเอาเปรียบ เลี่ยงการมีเื่ราวสักหน่อยเพื่อตัดความรำคาญ
ใช้เวลไม่นานหญิงสาวในชุดบุรุษที่ดูภูมิฐานพร้อมกับมีดสั้นที่เหน็บอยู่ตรงสายคาดเอวก็เดินขึ้นรถม้าที่พ่อบ้านลู่จัดเตรียมไว้รอ ใช้เวลาเดินทางราวๆสองเค่อจนมาถึงจวนแห่งแรกที่นัดนายหน้าเอาไว้ ระหว่างทางพ่อบ้านลู่ก็แจกแจงให้เธอฟังว่าวันนี้จะไปดูจวนทั้งหมดห้าแห่ง
ด้วยงบประมาณสามหมื่นตำลึงทองที่กำหนด การที่จะได้ที่ตั้งจวนทำเลดีๆใจกลางเมืองเช่นนี้หาได้ถึงห้าแห่งถือว่าโชคดี
แต่หญิงสาวที่ไม่ค่อยสันทัดเื่ค่าเงินในยุคนี้เท่าไรนักก็ไม่เข้าใจว่าสามหมื่นตำลึงทองที่เธอ้าจ่ายหากนำเงินไปสร้างเองคงได้คฤหาสน์หลังใหญ่เลยทีเดียวล่ะ ใช่ว่าเ้าตัวจะไม่คิดว่าการสร้างจวนใหม่ย่อมได้สิ่งที่ถูกใจกว่า แต่ด้วยสถานการณ์เร่งด่วนเธอจึงเลือกได้ไม่มากนัก
“นายท่านมากันแล้วหรือขอรับ ยินดีที่ได้พบๆข้าน้อยแซ่เจียงได้โปรดเรียกข้าน้อยว่านายหน้าเจียง วันนี้ข้าน้อยมีความยินดีที่ได้รับใช้นายท่านยิ่งนัก”
“ยินดีเช่นกัน นายหน้าเจียงท่านคงทราบความ้าของข้าจากพ่อบ้านลู่แล้ว เช่นนั้นเราอย่าเสียเวลาอยู่อีกเลยเ้านำทางไปเถิด”
“ได้ขอรับนายท่าน”
การเดินชมบ้านเพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อเป็ไปอย่างไม่รีบร้อนด้วยตัวเธอไม่ได้อยู่เพียงลำพังเช่นนั้นสถานที่อยู่อาศัยจะเล็กเกินไปก็ไม่ดีใหญ่เกินไปก็จ่ายไม่ไหว อีกทั้งปัจจัยหลายๆอย่างทั้งสภาพแวดล้อม เพื่อนบ้านหรือทำเลที่ตั้ง
บ้านสี่หลังแรกอยู่ในชุมชนคหบดี มีหนึ่งในสี่ที่ถูกใจเธอยิ่งแต่บ้านข้างๆไม่ผ่านมาตราฐานอย่างแรง แค่พลังการสอดรู้สอดเห็นของบ้านข้างๆตอนเธอเดินชมสถานที่อยู่ก็ต้องทำให้เธอตัดความคิดที่จะซื้อทิ้งไปทันที
“นายหน้าเจียงเราไปดูจวนหลังสุดท้ายกันเถอะ”หญิงสาวกล่าวกับนายหน้าเจียงอย่างเรียบเฉย ในใจก็คิดว่าหรือเป็เพราะเ้าคนนี้จงใจหาบ้านที่ไม่ดีเช่นนี้ให้เธอ หรือสามหมื่นตำลึงทองที่จะจ่ายยังน้อยไป
“พ่อบ้านลู่สามหมื่นตำลึงทองกับจวนที่ทำเลดีๆยังถือว่าน้อยไปอีกหรือ”เมื่อขึ้นมานั่งบนรถม้าหญิงสาวก็ถามคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวทันที
“ราคานี้ถือว่าสูงแล้วขอรับ...แต่ที่ลั่วหยางแห่งนี้ล้วนไม่ขาดคนมีเงิน”
“อ้อ เข้าใจแล้ว”ถ้าหายากขนาดนั้นหรือจะไปซื้อูเาสักลูกสองลูก สร้างบ้านปลูกผักทำไร่ดี
นั่งรถมาราวครึ่งชั่วยามก็มาถึงอีกฝั่งหนึ่งของเมือง เกาหนิงซินมองสำรวจรอบๆอย่างถี่ถ้วนโซนที่อยู่อาศัยแห่งนี้เงียบสงบผู้คนไม่พลุกพล่านแม้แต่คนจรจัดยังไม่มีให้เห็น
“ที่พักอาศัยในเขตนี้เป็ของกลุ่มชนชั้นสูงและขุนนางในลั่วหยางขอรับ”พ่อบ้านลู่ตอบข้อสงสัยของเ้านายโดยที่อีกฝ่ายยังไม่เอ่ยถาม
“ทำเลทองเช่นนี้ราคาคงสูงน่าดู”
“เพราะเ้าของจวนคนก่อนทำความผิดทรัพย์สินเลยถูกยึดเป็ของทางการ นายหน้าเจียงบอกว่าจวนที่มีประวัติเช่นนี้ไม่มีผู้ใดอยากจะซื้อ”
“แล้วเ้าของคนเดิมทำความผิดอะไร ร้ายแรงหรือไม่?”
“เท่าที่นายหน้าเจียงเล่าให้บ่าวฟัง สามปีก่อนอ๋องแปดก่อฏเ้าของจวนเดิมทีในตอนนั้นก็เป็ขุนนางขั้นสองได้เข้าร่วมก่อการณ์ในครั้งนั้นด้วย...เห็นว่าโดนปะาเก้าชั่วโคตร”
“ในเมื่อจวนหลังนี้อยู่ในมือของทางการมาถึงสามปีแล้วจะต้องกลัวสิ่งใดอยู่อีก คนก็ได้ตายไปแล้วไปดูเสียหน่อยหากเห็นว่าใช้ได้ก็ซื้อ”เกาหนิงซินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ถูกใจก็ซื้อ คนที่ตายเพราะทำความผิดมีอะไรให้ต้องกลัว
แล้วคำที่ว่าสิ่งดีๆมักอยู่ท้ายสุดเสมอนับเป็เื่จริง
จวนขุนนางขั้นสองจะธรรมดาได้อย่างไร แค่ประตูสีแดงบานใหญ่ด้านหน้าก็สะกดผู้คนได้ไม่น้อย เมื่อเดินเข้าไปด้านในคะแนนความชื่นชอบยิ่งเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ภายในจวนประกอบไปด้วยเรือนหลักส่วนหน้าขนาดใหญ่สามแห่ง ส่วนหมู่เรือนด้านหลังมีทั้งหมดเก้าแห่ง มีสระบัวสองแห่งศาลาอีกหลายหลังส่วนพื้นที่ของสวนนั้นไม่ต้องพูดถึงใหญ่มาก!
“นายหน้าเจียง จวนหลังนี้คงไม่ได้ราคาสามหมื่นตำลึงทองกระมัง”หญิงสาวถามอย่างสงสัย
“เดิมทีราคาแรกที่ทางการตั้งเอาไว้คือหนึ่งแสนตำลึงทอง แต่นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้วยังขายไม่ออกทางการเลยจำต้องลดราคาลงมาครึ่งหนึ่ง เพียงแค่ห้าหมื่นตำลึงทองเท่านั้นหากนายท่านตัดสินใจซื้อและจ่ายเต็มจำนวนค่าธรรมเนียมตอนโอนกรรมสิทธิ์ทางการจะทำให้โดยไม่คิดเงิน!”
เกาหนิงซินมองสุดยอดเซลในยุคโบราณอย่างทึ่งๆ แต่ห้าหมื่นตำลึงทองเชียวเกิบงบไปตั้งสองหมื่น เอาวะซื้อไว้ก็ไม่เสียหายวันหน้าหากไม่ใช้อยู่อาศัยแล้วก็เอาไปทำอย่างอื่นได้
“ตกลงข้าซื้อ!”
“ขอรับๆ...เช่นนั้นเรามาทำหนังสือสัญญากันก่อนค่อยไปทำเื่ที่ศาลและจ่ายเงินดีหรือไม่ขอรับ”นายหน้าเจียงถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดว่าวันนี้จะขายไม่ได้เสียแล้ว
หลังจากลงนามในสัญญากันเรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายก็นัดทำเื่ที่ศาลในอีกหนึ่งชั่วยาม ขณะที่หญิงสาวเก้าเท้าออกมาจากประตูหน้าจวนเมื่อเหลือบสายตาไปมองยังฝั่งตรงข้ามก็ทำให้ร่างเล็กแข็งค้างในทันที
ทั้งพ่อบ้านลู่และนายหน้าเจียงต่างก็หยุดฝีเท้าตามอย่างช่วยไม่ได้ นายหน้าเจียงที่ไม่เข้าใจการกระทำของหญิงสาวได้แต่มองตาสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองจนตาค้าง อ๋อ
“นายท่านเบื้องหน้าของท่านเป็จวนเ้าเมืองลั่วหยางของพวกเรา ทราบว่าท่านพึ่งย้ายถิ่นฐานมาเลยยังไม่รู้”นายหน้าเจียงกล่าวอย่างกระตือรือร้น
ใครอยากรู้กันหา
สุดยอดพ่อบ้านของข้า...เื่เช่นนี้ทำไม่ถึงไม่สะกิดกันบ้าง?
“นายท่านการอาศัยอยู่ใกล้จวนเ้าเมืองเช่นนี้ปลอดภัยยิ่งนะขอรับ”พ่อบ้านเจียงที่อ่านความคิดของผู้เป็นายออก ก็เอ่ยตอบอย่างภาคภูมิใจ
“ใช่ๆท่านพ่อบ้านลู่กล่าวได้ถูกต้อง ว่าแล้วข้าน้อยก็เป็หลานชายของท่านพ่อบ้านเจียงแห่งจวนเ้าเมืองนะขอรับ รับประกันได้เลยว่าในลั่วหยางแห่งนี้ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินคนในจวนท่านเป็แน่”
สู่รู้!ไม่ถามความเห็นรู้ได้ยังไงว่าปลอดภัย พวกเ้าทุกคนล้วนปลอดภัย บรรพบุรุษของพวกเ้าล้วนปลอดภัยกันหมด มีแต่มารดาผู้เดียวที่อาจจะเจอวิบากกรรมครั้งใหญ่
ถึงกับส่งหลานชายของพ่อบ้านเจียงมา
เด็กสามขวบยังมองออกว่าจงใจ
ดันตกหลุมที่โดนคนขุดล่อไว้ดังโครมใหญ่
ขายหน้าจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้