“สู้! หลินเฟิง เขาต้องสู้!”
เมื่อััได้ถึงเจตจำนงการต่อสู้ และจิตสังหารอันรุนแรงที่ปลดปล่อยออกมา ผู้คนก็อดใจเต้นแรงไม่ได้ เขาช่างเป็ชายหนุ่มที่บ้าบิ่นยิ่งนัก
แม้เขาจะอยู่ขอบเขตแห่งจิติญญา แต่เมื่อต้องเผชิญกับผู้ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับ เจตจำนงการต่อสู้ก็ยังคงอยู่ จิติญญาแห่งการต่อสู้ก็ไม่แตกสลาย
สามกระบวนท่าสุดท้ายนั้น ทุกคนล้วนเข้าใจว่าหลินเฟิงจะต้านทานจนถึงที่สุด ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเขาจะตอบโต้กลับไปเช่นกัน?
ผู้นำทูพลันชะงักอยู่ตรงนั้น เพราะไม่คิดว่าหลินเฟิงจะไม่หลบอีกต่อไป และหันมาปะทะกับเขาตรงๆ เช่นนี้!
เงามายาของปีศาจอินทรีส่องแสงสีทองเจิดจ้าและแหลมคม ขณะที่กำลังดูดซับเจินหยวนไม่หยุดหย่อน
ในศึกนี้หลินเฟิงจะต้องตาย!
ขณะนี้หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วเหยียดแขนออกไปก่อนจะะโอย่างเ็าว่า “ดาบ!”
สิ้นเสียงะโเมื่อครู่ ได้มีดาบปรากฏอยู่ในมือของหลินเฟิง ดาบเล่มนี้เต็มไปด้วยพลังเจินหยวน พลังแห่งการทำลายล้างและพลังแห่งเทพา
ร่างของหลินเฟิงในตอนนี้ราวกับดาบที่แหลมคม ตอนนี้เขากำลังปลดปล่อยเจตจำนงแห่งการทำลายล้างและเจตจำนงการต่อสู้
“เจตจำนงการต่อสู้และเจตจำนงดาบนี้ แข็งแกร่งกว่าตอนที่สังหารทูจิ้วอย่างเห็นได้ชัด!” ฝูงชนล้วนใ ในตอนนี้หลินเฟิงมีกลิ่นอายอันแกร่งกล้าราวกับจะสังหารผู้ที่ขัดขวางเขา
“ก็แค่ดาบเจินหยวนเท่านั้น จะสู้กับพลังเจินหยวนที่แท้จริงได้อย่างไร!”
ผู้นำทูยิ้มเยาะ แสงเจิดจ้าของเจินหยวนไหลเวียนรอบกายของเขา เขาเงยหน้าขึ้นและกรีดร้องเหมือนกับอินทรี ซึ่งทำให้ฝูงชนตื่นตาตื่นใจมากขึ้น
ขอบเขตลี้ลับ เมื่อมีพลังจิติญญาที่แข็งแกร่งขึ้น นั่นจะสามารถช่วยในการต่อสู้ได้ดียิ่งขึ้น และทำให้ทักษะยุทธ์แข็งแกร่งขึ้นด้วย
ในตอนนี้ผู้นำทูดูราวกับเขาได้กลายเป็ปีศาจอินทรี ทำให้เขามีวิสัยทัศน์ของปีศาจอินทรีที่แหลมคม
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์บรรลุขอบเขตแต่ละขั้น พลังแฝงของจิติญญาจะพัฒนาได้ถึงจุดสูงสุด หากจิติญญาเป็จิติญญาสัตว์อสรู ทักษะของจิติญญาก็จะเหมือนกับสัตว์อสูรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมันมีพลังมหาศาล
“แค่ดาบเจินหยวนเท่านั้น!” หลินเฟิงยิ้มอย่างเ็า จากนั้นเขาก็ก้าวเดินไปข้างหน้า เจตจำนงดาบก็ค่อยๆ ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ
“สู้!” สิ้นเสียงะโเกรี้ยวกราด เจตจำนงการต่อสู้ได้ปลดปล่อยออกจากร่างของหลินเฟิงและพุ่งเข้าหาผู้นำทูทันที ซึ่งทำให้ผู้คนใจเต้นแรง แม้พวกเขาจะยืนอยู่ไกลมากก็ตาม แต่ก็สามารถััได้ถึงเจตจำนงการต่อสู้ที่แน่วแน่ได้ เจตจำนงการต่อสู้ที่ทรงพลังนี้ไร้ซึ่งความหวั่นเกรง มีเพียงการต่อสู้เท่านั้น!
ในตอนนี้หลินเฟิงราวกับเทพแห่งา!
“ตาย!”
ผู้นำทูะโเสียงแหลมราวกับปีศาจอินทรีกำลังกรีดร้อง ร่างกายของเขากลายเป็เงาพุ่งเข้าหาหลินเฟิง
“โฮก!!!”
จิติญญาสีม่วงด้านหลังหลินเฟิงกลายเป็เงาปีศาจงูนับร้อย ซึ่งทุกตัวต่างพุ่งหาผู้นำทู และบีบรัดร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้นำทูต้องสั่นเทาและพลังจิติญญาของเขาก็เริ่มผันผวนขึ้นมา
“กลืนกิน!” หลินเฟิงกล่าวเสียงเบา เงาปีศาจงูเหล่านี้ได้กลายเป็อสรพิษ มันเริ่มกัดกินจิติญญาอินทรีอย่างบ้าคลั่ง มันดูเหมือนว่าพวกมันกำลังละลายเจินหยวนทั้งหมดที่ล้อมรอบร่างของผู้นำทู
“ทำลาย!”
ผู้นำทูะโอย่างกราดเกรี้ยว พลังเจินหยวนกลายเป็ใบมีดขนาดใหญ่และฟาดฟันเงาปีศาจงูสีม่วงนั้น
อย่างไรก็ตามในนาทีต่อมา ปีศาจงูสีม่วงที่บ้าคลั่งได้ม้วนตัวเป็เกลียวล้อมรอบผู้นำทูและเริ่มหมุนด้วยความเร็วแสง พลังของจิติญญามันช่างน่าเหลือเชื่อ การเคลื่อนไหวของมันทั้งแม่นยำและรุนแรง
“บีบรัด!”
หลินเฟิงะโอย่างโกรธเกรี้ยว ทันใดนั้นปีศาจงูสีม่วงนับร้อยจึงเข้าล้อมรอบร่างกายผู้นำทูและรัดตัวเขาอีกครั้ง
หลินเฟิงได้อาศัยพลังของจิติญญา ทำให้มันบีบรัดร่างของผู้นำทู
ฉากนี้ทำให้ฝูงชนถึงกับอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
ช่างเป็จิติญญาที่แข็งแกร่งมาก หลินเฟิง... แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! จิติญญาประหลาดนี้ราวกับมีปีศาจงูสีม่วงนับล้านตัว นอกจากนี้มันยังเป็ประโยชน์กับหลินเฟิงอย่างมาก ขณะที่พวกมันกำลังบีบรัดร่างของผู้นำทู
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าจิติญญาสีม่วงในตอนนี้กำลังกลืนกินพลังชีวิตของผู้ใช้งาน หากจะควบคุมให้แม่นยำได้ขนาดนี้หลินเฟิงต้องทนต่อความเ็ปที่ประดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะเขาต้องแบ่งจิติญญาให้กับเสี้ยวิญญา์ จากนั้นเสี้ยวิญญานับร้อยนี้จะสามารถใช้จิติญญาสีม่วงได้ แต่ในขณะที่ใช้มันก็กัดกินพลังชีวิตไปด้วย
พลังชีวิตคือจิติญญาของเขา
หลินเฟิงหลับตาลงและรู้สึกได้ว่าจิติญญาอ่อนแอลงเล็กน้อย เพียงครั้งเดียวที่ใช้พลังจิติญญาไปมหาศาลขนาดนี้ ขณะนี้เขารู้สึกว่ารับไม่ไหวแล้ว มันยากเกินไปที่จะควบคุมมันต่อไปได้
มันเป็เื่ยากสำหรับเขาที่จะจินตนาการถึงการสร้างเสี้ยวิญญา์นับล้าน มันไม่ใช่เื่ง่ายเลยที่จะทำเช่นนั้น…
ถึงแม้หลินเฟิงจะหลับตาอยู่ แต่เจตจำนงการต่อสู้ของเขากลับแข็งแกร่งขึ้น คลื่นดาบก็ทรงพลังขึ้น ดาบในมือก็ดูเหมือนจะฟาดฟันออกไปได้ทุกเมื่อ
ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของผู้นำทูที่ถูกงูรัดกลายเป็แข็งค้าง พลังเจินหยวนของเขากลายเป็ใบมีดที่แหลมคม
“สะบั้น!”
ผู้นำทูะโอย่างเกรี้ยวกราด แสงของใบมีดที่เจิดจ้าส่องสว่างไปทั่วบริเวณ และได้ตัดจิติญญาสีม่วง จากนั้นร่างของเขาก็ร่วงสู่พื้น
แต่ในขณะนั้น หลินเฟิงที่กำลังหลับตาอยู่กลับค่อยๆ ลืมตาขึ้น!
“เงาไม้กางเขน!”
แสงเจิดจ้าของไม้กางเขนสาดส่องไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว มันว่องไวจนผู้คนยังมองไม่ทัน
แต่มีเพียงเจตจำนงการต่อสู้และเจตจำนงแห่งการทำลายล้างที่ยังชัดเจน
ขณะที่ไม้กางเขนส่องแสง ตอนนี้เองก็ได้มีเืสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ เมื่อผู้คนเห็นต่างก็ตกตะลึง ในตอนที่ผู้นำทูกำลังร่วงสู่พื้น เขาก็มีเครื่องหมายไม้กางเขนปรากฏอยู่บนหน้าอกของเขา
พลังเจินหยวนที่แข็งแกร่งถูกตัดเป็เสี่ยงๆ แสงที่เจิดจ้าของปีศาจอินทรีก็สลายไป แล้วเืก็ทะลักออกมาจากรอยไม้กางเขน
พลังเจินหยวน ผสานกับเทวโลก ดาบแห่งเทพา จิติญญางูม่วง ประกอบกับทักษะเงาไม้กางเขน เพียงการโจมตีครั้งเดียวก็สามารถสังหารผู้ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับได้
ดาบเจินหยวนของหลินเฟิง มันไม่ได้เป็แค่ดาบเจินหยวนที่อ่อนแอเท่านั้น แต่ดาบนี้มันแฝงไปด้วยพลังต่อสู้มหาศาล
“กระบวนท่าที่แปด ยังเหลืออีกสองกระบวนท่า!”
หลินเฟิงกล่าวทำลายบรรยากาศที่เงียบงัน
ผ่านไปแล้วแปดกระบวนท่า ยังเหลืออีกสองกระบวนท่า แต่กลับพ่ายแพ้ นั่นไม่ใช่หลินเฟิง แต่เป็ผู้นำทูซึ่งอยู่ขอบเขตลี้ลับ
ในสิบกระบวนท่า ใครจะเป็คนสังหารใคร?
การไหลเวียนของพลังเจินหยวนทำให้าแได้รับการรักษา ทว่าเขาในตอนนี้ยังคงเซื่องซึม แสงจากไม้กางเขนสร้างความเ็ปแก่เขาอย่างมาก ไม่ใช่แค่ภายนอกเท่านั้น คลื่นดาบยังทำลายอวัยวะภายในของเขาอีกด้วย
“ช่างเป็ดาบที่น่าหวาดกลัวอะไรขนาดนี้! เขาเป็ชายหนุ่มที่น่าทึ่งจริงๆ!”
ผู้คนต่างใจเต้นแรงและร่างสั่นสะท้านอย่างไม่อาจห้ามได้ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีอะไรเป็ไปตามที่พวกเขาคาดคิด
เป็อีกครั้งที่หลินเฟิงได้สร้างความประหลาดใจให้ ดาบเดียว… เพียงดาบเดียว และด้วยพลังของขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 8 ก็สามารถเอาชนะผู้ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับได้!
เพียงดาบเดียวที่ฟาดฟันออกไป ทำให้แววตาที่พวกเขามองหลินเฟิงต้องเปลี่ยนไป หลินเฟิงและผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับที่มีขอบเขตแตกต่างกัน สิ่งนี้ต้องทำให้พวกเขามองข้ามไป
หลันเจียวตาค้างขณะมองหลินเฟิง ชายหนุ่มที่เยาว์วัยเช่นนี้ ไม่แปลกใจที่ทักษะปีศาจมายาของนางจะไม่ได้ผล หลินเฟิงไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็อัจฉริยะที่แท้จริง
ส่วนปิงเหอเถิงในตอนนี้ มีแต่จิตสังหารที่หนักแน่นอยู่เต็มอก เขาพึมพำในใจว่า “ไอ้ปีศาจ!”
หลินเฟิงเป็ปีศาจของจริง เขาน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าศิษย์ของหมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน หากนิกายหยุนไห่ไม่ถูกทำลายไปล่ะก็ ลูกศิษย์อย่างหลินเฟิงคงได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวด จนอาจจำเป็ต้องสังหารคนคนนี้!
“เศษขยะ!”
ขณะนั้นได้มีเสียงอันชั่วร้ายดังขึ้นมา จากนั้นก็เห็นว่าม่อชั่งหลันกำลังสั่นเทา ขณะเดียวกันท่านหัวเองก็เคลื่อนไหวติดตามเขาไป โดยไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสแตะต้องหลินเฟิงได้
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของม่อชั่งหลันกลับไม่ใช่หลินเฟิง แต่เป็ผู้นำทู
“ไม่นะ!” ผู้นำทูราวกับตระหนักได้ถึงบางอย่าง ร่างของเขาสั่นไหวและทะยานออกไป แต่ในขณะนั้นมีเถาวัลย์เข้าล้อมรอบตัวเขา ทันใดนั้นเถาวัลย์ก็กลายเป็พืชดูดเื มันดูดกลืนทั้งเืและเนื้อของผู้นำทู เืเนื้อที่ถูกดูดเข้าไปนั้นมันกำลังเข้าไปในร่างกายของม่อชั่งหลัน
“ตูม!”
ผู้คนต่างตัวสั่นเทา ทักษะนี้ช่างชั่วร้ายเกินไปแล้ว!
เถาวัลย์ของม่อชั่งหลันได้กลืนกินเืเนื้อและเจินหยวนของผู้นำทู ตอนนี้ใบหน้าของผู้นำทูกลายเป็บิดเบี้ยวอย่างน่ากลัวเพราะความเ็ป ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าเขาไร้พลังอำนาจที่จะต่อกร
อย่างไรก็ตามม่อชั่งหลันกลับดูเหมือนปีศาจจอมโลภ เขาเพลิดเพลินไปกับการกลืนกินร่างของผู้นำทู
ผู้คนของป้อมอีแร้งต่างหวาดกลัวและสั่นเทาเล็กน้อย ปีศาจร้าย ผู้นำของพวกเขา... เป็ปีศาจร้าย พวกเขาไม่คิดว่าจะมีทักษะปีศาจที่ชั่วช้าขนาดนี้
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของผู้นำทูก็กลายเป็โครงกระดูก เถาวัลย์เลื้อยกลับที่เดิม ม่อชั่งหลันในตอนนี้มีสีหน้าราวกับคนเมา
“สัตว์เดรัจฉาน!” ตอนนี้หลินเฟิงมีดวงตาเยือกเย็น ม่อชั่งหลันได้ทรยศนิกายหยุนไห่ และคาดไม่ถึงว่าจะฝึกฝนทักษะปีศาจเช่นนี้!