“พี่เต้าเซียง ข้าชอบท่านที่สุด วันนี้มีเื่อะไรดีๆ หรือไม่?” ซานหนิวไม่กลัวนางแม้แต่น้อย รู้สึกเพียงว่าทุกครั้งที่หลิวเต้าเซียงเจอพวกเขาก็ยิ้มร่า จึงชอบพี่สาวคนนี้จากใจจริง
หลิวเต้าเซียงหันกลับมาเอ่ยกับจางกุ้ยฮัว “ท่านแม่ รอผ่านพ้นซวงเจี้ยงไป ข้าจะหาเวลาสอนตำราให้แก่ซานหนิวกับเพื่อน”
“ข้าว่าดี กุ้ยฮัว เต้าเซียงเป็คนดี ชีวิตครอบครัวพวกเ้าดีขึ้นทุกวัน ควรจะสร้างสัมพันธ์ดีๆ กับคนในหมู่บ้านจึงจะดี ว่ากันว่าญาติห่างๆ ยังเปรียบกับเพื่อนบ้านไม่ได้!”
เฉินซื่อเป็คนแรกที่เห็นด้วย
เมื่อจางกุ้ยฮัวได้ฟังก็ไม่ได้คัดค้าน จึงตกลงตามนี้
น้ำค้างเกาะบนทุ่งนาสิ้นสารทฤดู ชายปราดเปรื่องพร้อมพู่กันมีนัดหมาย
หลังจากการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ก็คือการสอบชิวเหวย
ทะเบียนบ้านของหลิวซานกุ้ยคือหมู่บ้านสามสิบลี้ เขาจึงได้เข้าสอบในอำเภอถู่หนิว นี่เป็เื่ปกติ
“ท่านแม่ ท่านแม่ ไม่ดีแล้ว!” หลิวจูเอ๋อร์จับกระโปรง วิ่งอย่างหายใจหอบเข้าไปในบ้านเดิมตระกูลหลิว
“เด็กบ้า แม่สบายดี!” หลิวซุนซื่อที่กำลังเอนพิงหัวเตียงเพื่องีบ รู้สึกตื่นตระหนกกับคําพูดของหลิวจูเอ๋อร์
ั้แ่หวงเสียวหู่จากไป หลิวซุนซื่อก็ไม่มีบุตรเขยที่เข้าตา
ดังนั้นการแต่งงานของหลิวจูเอ๋อร์จึงถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ
“ท่านแม่ เมื่อครู่ข้าได้ยินคนในหมู่บ้านบอกว่า อาสามไปสอบที่อำเภอ”
หลิวซุนซื่อโบกมืออย่างเฉยเมยและตอบว่า “ฮึ อาสามเ้าน่ะหรือ? เขาเล่าเรียนแค่ไม่ถึงสองปี แล้วจะเทียบกับน้องชายเ้าได้อย่างไร ปีหน้าจื้อเอ๋อร์ก็จะเตรียมสอบ ถึงแม้สอบไม่ผ่านก็ไม่รีบร้อน จื้อเอ๋อร์อายุเท่าไรเอง ต่อไปยังมีโอกาสอีกมาก อาสามของเ้าโตปูนนี้แล้ว ถึงแม้สอบถงเซิงได้แล้วอย่างไร คิดว่านายท่านซิ่วไฉนั้นได้มาโดยง่ายหรือ อย่างที่รู้กัน การสอบผ่านซิ่วไฉแม้เจอนายอำเภอก็ไม่ต้องคุกเข่าคำนับ”
นี่คือเหตุผลที่ผู้คนในราชวงศ์โจว เมื่อมีเงินพอประมาณก็มักจะส่งบุตรชายตนเองไปร่ำเรียน
นายอำเภอ ขุนนางระดับใหญ่เพียงใด แต่ไม่ต้องคำนับเวลาที่เจอ นับว่าเป็เกียรติอย่างใหญ่หลวง
ลำพังแค่ข้อนี้ก็ทำให้คนอยากลับคมสมองเพื่อพยายาม
“ท่านแม่ ไม่ต้องทำอะไรจริงหรือ?” หลิวจูเอ๋อร์ชูนิ้วมือเรียวสวยขึ้นแล้วจิ้มไปมา
“จูเอ๋อร์ของเราโตแล้ว ฮ่าๆ!” หลิวเหรินกุ้ยได้ยินจากด้านนอกถึงกับหัวเราะร่าแล้วเดินเข้ามา
“ท่านพ่อ อาสามเรากำลังจะไปสอบถงเซิง เราไม่ไปห้ามจริงหรือ?”
ครั้งล่าสุดที่แย่งผู้ชายกัน ครอบครัวหลิวเต้าเซียงตบหน้าครอบครัวหลิวเหรินกุ้ย เื่นี้เขายังสะกดกลั้นความโมโหไว้ ต่อมาเมื่อเขานึกถึงเื่การค้าขาย จึงยังไม่กล้าหาเื่ครอบครัวหลิวซานกุ้ยต่อหน้า โดยเฉพาะจางกุ้ยฮัว
หลิวเหรินกุ้ยตอบว่า “ไม่ต้องกังวล จูเอ๋อร์ เ้าต้องรู้ว่าบางครั้งการปีนป่ายยิ่งสูงก็ยิ่งเข้าใกล้ความหวัง เวลาที่ตกลงมาจึงยิ่งเ็ปและสามารถทำลายคนได้ ชาตินี้ไม่อาจพลิกตัวกลับมาได้อีก นี่สิจึงจะเรียกว่าร้ายกาจ”
เขานึกขึ้นได้อีกเื่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ “โอ้ ใช่สิ ซุนซื่อ เ้าจัดการให้คนมาเก็บกวาดเรือนหลักหน่อย ท่านแม่กำลังจะเดินทางกลับมาจากบ้านพี่ใหญ่แล้ว”
“ฮึ ท่านแม่ไม่ใช่ว่าชอบใจที่จะเลี้ยงหลานหรอกหรือ? ยังจะกลับมาด้วยเหตุใด? บอกให้นางไปเลี้ยงหลานรักต่อสิ?” หลิวซุนซื่อกลอกตาใส่เขา จากนั้นก็ยังพิงตัวอยู่บนเตียงไม่ลุกขึ้นมา
หลิวเหรินกุ้ยเกลี้ยกล่อมด้วยคำพูดอ่อนหวาน “โกรธอะไรอีกแล้ว ก็บ้านพี่ใหญ่ยุ่งนี่นา”
“ไปๆๆ!” หลิวซุนซื่อโบกมือปัดใส่เขาด้วยความหงุดหงิด แล้วเอ่ยต่อ “ฮึ ใช่สิ พี่สะใภ้ใหญ่คลอดก็คือหลานชายทองคำ ส่วนจื้อเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์เป็เพียงต้นหญ้า”
“ที่ไหนกัน แม่ข้าก็เอ็นดูจื้อเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ?” หลิวเหรินกุ้ยปลอบโยนนางต่อ
“ฮึ เ้าโกหกใครกัน ตอนนั้นข้าคลอดจื้อเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ นางเคยช่วยเลี้ยงหรือ? ฮึ ปากว่าเลี้ยงแต่ก็เคยมาแค่ช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อม แล้วไม่ยอมช่วยซักแม้แต่ผืนเดียว ยังมาบอกว่ารักจื้อเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ อีกอย่างตอนที่เราอยู่ในตำบล จะรับนางไปช่วย นางยังไม่ยินยอม หรือเ้าลืมแล้ว ตอนที่ข้าอยู่เดือน มีเพียงท่านแม่ข้าที่ช่วยดูแลทุกอย่างเอง แม่เ้ายังพูดอีกว่า ในเมื่อมีแม่แท้ๆ อยู่ด้วย เช่นนั้นนางก็ไม่อยากไปทำให้รังเกียจ! ถุย!”
เมื่อหลิวซุนซื่อนึกถึงเื่นี้ ก็มีแต่ไฟแห่งความโมโหอยู่เต็มท้อง
“แล้วจะทำอย่างไร? นี่คือบ้านของแม่ข้า นางจะกลับมา ข้าก็ห้ามไม่ได้” ในสายตาของหลิวเหรินกุ้ยเผยความรังเกียจ รอก่อนเถิด รอแม่นางชุ่ยหลิวกลับมา ดูสิว่าเขาจะยังสนใจภรรยาเฒ่านี่หรือไม่!
“ซุนซื่อ ข้าบอกเ้าแล้วว่าให้คนไปเก็บกวาด ถึงอย่างไรเ้าก็ไม่ได้ลงมือเอง แล้วจะมาบ่นด้วยเหตุใดกัน”
เมื่อหลิวเหรินกุ้ยพูดเช่นนี้ก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปอย่างสบายใจ
เื่ที่หลิวฉีซื่อจะกลับมา ไม่นานนักครอบครัวหลิวเต้าเซียงก็ได้รับข่าว
เฉินซื่อมองไปที่จางกุ้ยฮัวที่ท้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และพูดว่า “ข้าว่าลูกรัก ท้องเ้าใหญ่เกินไปหน่อยหรือไม่ ไม่ได้ นับจากวันนี้ไป ข้าต้องทำผักเขียวให้เ้ากินเยอะๆ กับข้าวรวมมิตรต้องกินให้น้อย เด็กน้อยหากตัวโตเกินไป ตอนที่คลอดจะคลอดยาก แม่ไม่อยากให้เ้าต้องไปหาพ่อเ้าที่เป็ิญญาก่อน”
คําพูดของเฉินซื่อทำให้ครอบครัวของหลิวเต้าเซียงได้ทานอาหารที่มีเนื้อเพียงน้อยนิด แม้นเป็เช่นนี้ ท้องของจางกุ้ยฮัวก็ยังโตขึ้นเรื่อยๆ
โอกาสในการสอบถงเซิงมีขึ้นทุกปี เนื่องจากจัดในอำเภอ เพียงแค่สี่ห้าวัน หลิวซานกุ้ยก็กลับมาพร้อมกับลา
“ท่านพ่อกลับมาแล้ว ท่านแม่ ท่านพ่อกลับมาแล้ว”
จากอีกฝั่งของแม่น้ำ หลิวเต้าเซียงะโร้องเสียงดังด้วยความดีใจ จากนั้นวางมือไว้ใกล้ปากแล้วะโเสียงดังอีก ท่านพ่อ!
แม้ว่าหลิวซานกุ้ยจะจากบ้านไปสี่ห้าวัน แต่ก็เป็ห่วงที่บ้าน เมื่อเห็นบุตรสาวคนรองจูงมือบุตรสาวคนที่สามมายืนโบกมืออยู่ตรงฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ เขาก็รู้สึกว่าหัวใจอบอุ่นเหลือเกิน เมื่อเงยหน้ามองนกที่บินผ่าน พลันคิดในใจว่าชีวิตแบบนี้ช่างดียิ่งนัก!
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านกลับมาแล้ว เหตุใดจึงผอมลงมากนัก?”
หลิวเต้าเซียงพาหลิวชุนเซียงมาทักทายเขา
หลิวชุนเซียงปล่อยมือเล็กๆ แล้วเดินเตาะแตะไปให้หลิวซานกุ้ยอุ้ม ปากเล็กๆ คอยเรียกแต่ “ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”
“ลูกรักของพ่อ คิดถึงท่านพ่อหรือไม่?” หลิวซานกุ้ยรีบจอดเกวียนลาแล้วลงมา เอื้อมมือโก่งหลังเพื่อช้อนตัวหลิวชุนเซียงที่น่ารักไร้เดียงสาขึ้นมาอุ้มไว้
“เซียง เซียง!” หลิวชุนเซียงน้ำลายไหลเยิ้ม มือน้อยโอบบิดาที่ไม่เจอกันสักพัก จากนั้นก็ทำน้ำลายเปื้อนใส่หน้าของหลิวซานกุ้ยเต็มไปหมด
หลิวเต้าเซียงยิ้มอย่างมีความสุข “ฮ่าๆ ชุนเซียง เ้าร้ายจริงๆ หากท่านแม่เห็นเข้า เ้าจะโดนตีอีก”
“ท่านแม่ ไม่นะ!” หลิวชุนเซียงใช้แขนโอบคอของหลิวซานกุ้ยแน่น
เด็กสาวตัวเล็กฉลาดล้ำนัก รู้ว่าหลิวซานกุ้ยต้องปกป้องตนเอง
ทั้งสามคนหัวเราะและเดินเข้าบ้าน เฉินซื่อที่กำลังหั่นผักได้ยินความเคลื่อนไหวด้านนอกจึงถือมีดหั่นผักเดินออกมา
“ซานกุ้ยกลับมาแล้วหรือ เ้าเหนื่อยหรือไม่? นั่งลงก่อน ชิวเซียง ชิวเซียง พ่อเ้ากลับมาแล้ว รีบเอาน้ำชามาเร็ว”
หลิวชิวเซียงตอบด้วยน้ำเสียงใสแจ๋วจากในครัว “มาแล้ว ท่านพ่อ กลับมาแล้วหรือ?”
หลิวซานกุ้ยตอบแล้วพาเด็กตัวเล็กทั้งสองเดินขึ้นบันไดเรือนหลัก หลิวเต้าเซียงรีบวิ่งเหยาะๆ ไปหยิบเก้าอี้มาให้เขานั่ง ยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านพ่อนั่งก่อน”
“นี่ พ่อออกจากบ้านไปไม่กี่วัน ลูกสาวพ่อโตขึ้นไม่น้อยทีเดียว”
จางกุ้ยฮัวได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวด้านนอก จึงเอ่ยถามเต้าเซียงว่าพ่อกลับมาใช่หรือไม่
หลิวเต้าเซียงตอบอย่างมีความสุข จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงจางกุ้ยฮัวพยายามลุกจากเตียง
“ท่านแม่ เหตุใดไม่เรียกข้าเข้าไปช่วยพยุง?”
“แม่ไม่ได้บอบบางอ่อนแอปานนั้น ตอนนั้นที่ตั้งครรภ์พวกเ้าจนใกล้คลอดก็ยังดูแลแปลงผักทั้งที่ท้องโต ตอนนั้นงานเกษตรค่อนข้างว่าง พ่อเ้าไปรับงานข้างนอก ในบ้านจึงมีเพียงปู่กับย่าเ้า แล้วก็เราทั้งหลาย”
จางกุ้ยฮัวคิดว่าตนเองไม่เป็ไร แต่หลิวเต้าเซียงกลับไม่พอใจ นางอยากตามใจมารดา ถึงอย่างไรตอนนี้ในบ้านนางก็มีต้นทุนที่จะตามใจคนได้
หลิวซานกุ้ยรีบลุกขึ้นและเดินเข้าไป ไม่นานนักก็พยุงจางกุ้ยฮัวออกมาที่ห้องโถง
“เ้าก็นะ ตอนนี้จะเทียบกับแต่ก่อนได้อย่างไรกัน ตอนนั้นเพราะข้าไม่ดีเอง มิฉะนั้น...”
“ท่านพ่อ ตอนนี้เรามีชีวิตที่ดี ใช่แล้ว ท่านพ่อ ท่านยังไม่ได้บอกว่าการสอบเป็เช่นไรบ้าง!” หลิวเต้าเซียงสำรวจสีหน้าของบิดาแล้วจึงเอ่ยถาม
หลิวซานกุ้ยช่วยพยุงจางกุ้ยฮัวอย่างระมัดระวัง จากนั้นให้นั่งตรงระเบียงด้านนอกห้องโถง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ย “ลูกรัก เราโชคดีที่ได้อาจารย์กัวพร่ำสอน หากว่าอาจารย์กัวกลับมาจากการสอบที่ตัวเขต ต้องจับไก่กับไข่สักตะกร้า ส่วนพ่อจะไปจับปลาที่แม่น้ำสักสองตัว แล้วก็เหล้าดีสักสองไห เราต้องตอบแทนอาจารย์กัวให้ดี!”
“ซานกุ้ย เ้าผ่านหรือ?” จางกุ้ยฮัวยกคิ้วขึ้น
“ท่านแม่ ผ่านอะไรหรือ?” หลิวชิวเซียงเพิ่งออกมาจากในครัวพอดี เมื่อเห็นบิดาก็ขานเรียกด้วยความดีใจแล้วรีบวิ่งมา
“ท่านพี่ เมื่อครู่ท่านพ่อบอกว่าจะตอบแทนคุณอาจารย์กัว ย่อมต้องสอบผ่านถงเซิงอยู่แล้ว” หัวใจของหลิวเต้าเซียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
จางกุ้ยฮัวยังคงไม่เชื่อเล็กน้อย จึงเอ่ยถามย้ำ เมื่อได้รับคำตอบจากหลิวซานกุ้ย ก็ดีใจจนน้ำตาไหลแล้วพึมพำ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าต้องทำได้ ข้ารู้ว่าเ้าต้องสอบผ่าน”
“ข้อสอบไม่ได้ยากมากนัก” อันที่จริงหลิวซานกุ้ยอยากบอกว่าข้อสอบเ่าั้ง่ายมาก แต่ก็กลัวจะทำลายชื่อเสียง จึงเลือกตอบแบบนี้
ทั้งครอบครัวพากันปลื้มใจ หลิวเต้าเซียงอาศัยโอกาสนี้เอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ รอจนผลประกาศออกแล้วค่อยกลับมาหรือ?”
หลิวซานกุ้ยตอบว่า “ใช่แล้ว ถงเซิงสอบเพียงวันเดียวก็เสร็จ อีกทั้งมีเพียงลูกศิษย์ที่อยู่ละแวกนี้ พอคำนวณ ครั้งนี้อำเภอเรามีถงเซิงจำนวนสามร้อยกว่าคน”
“มากกว่าสามร้อย?” จางกุ้ยฮัวรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าถงเซิงไม่ค่อยมีค่านัก?”
หลิวซานกุ้ยกล่าวเสริมว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ลูกศิษย์ที่สอบผ่านถงเซิงได้รับแนวข้อสอบจากในสำนักอยู่แล้ว รอตรุษจีนปีหน้า ข้าก็ต้องไปเล่าเรียนที่สำนักในอำเภอ หากไม่ยอมไปก็ต้องไปสถาบันเอกชนที่ตำบล”
เมื่อทุกคนได้ฟังก็ขมวดคิ้วแน่น จากนั้นเริ่มมีสีหน้า หากท่านพ่อหรือสามีไปเรียนที่อำเภอ เกรงว่าที่บ้านคง...
“พวกเ้าไม่ต้องกังวลใจ ข้าคิดแล้วว่าจะไปเรียนที่สถาบันเอกชนในตำบล รอจนสอบชิวเหวยปีหน้า หลังจากเข้าร่วมการสอบของระดับถงเซิงแล้วค่อยไปเล่าเรียนข้างนอก ก่อนที่อาจารย์กัวจะไปสอบได้วางแผนให้ข้าแล้ว เขาบอกว่า ไม่ว่าจะสอบผ่านจวี่เหรินหรือไม่ เขาก็จะกลับมา”
หลิวเต้าเซียงได้ยินดังนั้นก็มีความคิดบางอย่างที่หนักแน่น
“ท่านพ่อ หากว่าอาจารย์กัวสอบผ่านจวี่เหริน หรือไม่ ท่านพ่อก็คำนับอาจารย์กัวและเล่าเรียนกับเขาต่อ”
“นั่นคือสิ่งที่ข้าหมายถึง” หลิวซานกุ้ยได้วางแผนไว้แล้ว
ขณะที่คนทั้งครอบครัวชื่นมื่นกันอยู่ เฉินซื่อก็เดินเข้ามาจากด้านนอก สีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ท่านแม่!” จางกุ้ยฮัวเป็คนแรกที่เห็นนาง
“ท่านแม่ ท่านไปไหนกัน รีบเอามาให้ข้าถือ” หลิวซานกุ้ยรีบเข้าไปรับ
เฉินซื่อยื่นตะกร้าให้เขา “เ้ากลับมาั้แ่เมื่อไรกัน ข้าไปหลังเขาเพื่อหาองุ่นป่ากับเห็ดหอม คิดว่าอากาศกำลังดี อยากจะตากเห็ดหอมให้มากหน่อย ฤดูหนาวจะได้เอามาทำไก่ตุ๋นเห็ดหอมกินกัน”
หลิวซานกุ้ยรับของมาและตอบว่า “ท่านตามใจพวกนางเกินไปแล้ว! ข้าเพิ่งกลับมาถึง!”
-----
