คนมักพูดกันว่า ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ หรือก็คือการที่ของจำพวกทองนั้นยิ่งเผาไหม้มากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถเผาเอาสิ่งแปลกปลอมออกไปได้มากเท่านั้นทำให้ตัวมันยิ่งบริสุทธิ์ ยิ่งส่องสว่าง และเปล่งประกาย
และยังมีอีกอย่างหนึ่ง ที่ว่ากันว่านกมหัศจรรย์อย่างนกฟีนิกซ์นั้นสืบทอดต่อกันรุ่นสู่รุ่น และมันก็จะไข่เอาไว้ในเปลวไฟร้อนให้ไข่ได้ผ่านการเผาไหม้ของเปลวไฟอยู่ตลอดเวลาลูกนกฟีนิกซ์จึงจะสามารถฟักออกมาได้และเกิดใหม่อีกครั้ง
ตอนแรกหลินลั่วหรานถูกตาข่ายั์คลุมเอาไว้และเพราะว่าจิตความคิดกำลังโดนไฟเผาไหม้อยู่ จึงไม่มีส่วนไหนที่ไม่รู้สึกเ็ปทรมานในตอนแรกความเ็ปยังคงััได้จากร่างกาย แต่หลังจากที่ร่างกายถูกยึดไปแล้วความเ็ปก็เข้ามารวมกันที่จิตความคิดและความเ็ปทรมานก็เพิ่มมากขึ้นกว่าร้อยเท่า
ถ้าหากไม่ใช่ว่าเธอเป็คนเข้มแข็งไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมแพ้หรือแม้แต่มีความคิดจะย่อท้อก็คงจะทำให้ผีสาวนั้นได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ และเผาไหม้เธอจนกลายเป็ผุยผงไป
แต่ยิ่งหลินลั่วหรานดิ้นรนมากเท่าไร เธอก็ยิ่งเ็ปทรมานมากเท่านั้นจนเธอเริ่มรู้สึกว่าสติของตัวเองนั้นเลือนรางไปทุกทีถูกเผาไหม้จนแยกไม่ออกว่าคืออะไร ได้แต่ห่อตัวเป็ก้อน
ในตอนแรกเธอยังสามารถรับรู้ได้ถึงการสนทนาระหว่างเหวินกวนจิ่งและผีสาวที่แย่งร่างของเธอไปก่อนจะรู้สึกว่าเสียงของภายนอกค่อยๆ เบาลงหลังจากนั้นเธอก็จำได้เพียงแค่ชื่อของตัวเอง ไม่นานนักเธอก็ถูกไฟแห่งจิตความคิดเผาไหม้จนแม้แต่เข้ามาอยู่ในสถานการณ์นี้ได้อย่างไรก็ยังคิดไม่ออก
หดเล็กลง หดเล็กลงอีก อาจไม่เ็ปแล้วใช่ไหม?
จิตความคิดของหลินลั่วหรานค่อยๆ หดตัวเล็กลงก่อนจะเหลือขนาดเพียงเท่าเมล็ดท้อ มันคือการปกป้องตัวเองของจิตใต้สำนึกของเธอความจริงแล้วจิตความคิดของเธอนั้นก็ไม่ได้ใหญ่อะไรแต่ด้วยความช่วยเหลือจากดอกไม้สีดำจากหน้าผาเมื่อหลินลั่วหรานเริ่มสร้างจิตความคิดขึ้นมา มันก็มากกว่านักปราชญ์ทั่วไปแล้วตลอดที่ผ่านมา ในใจของเธอเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหลายครั้งยิ่งนานเข้าก็ยิ่งเหมาะสมแก่การฝึกศาสตร์ จิตความคิดของเธอแข็งแกร่ง และมันไม่สามารถเทียบเคียงกันได้กับนักฝึกระดับลมปราณทั่วไป
แต่สิ่งที่ลำบากก็คือ เธอต้องปกป้องจิตของเธอเอาไว้แม้ว่าที่นี่จะเป็แหล่งรับรู้ของตัวเธอเองแต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากพื้นที่นี้โต้กลับอย่างไรได้แต่ถูกผีสาวนั่นบังคับให้ถอยออกไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ติดอยู่ในพื้นที่เล็กๆไม่สามารถจะขยับหนีไปไหนได้
ในระหว่างที่เธอกำลังมึนงงอยู่นั้น อยู่ๆก็ได้ยินเสียงร้องก้องวานของนกฟีนิกซ์ดังขึ้นมามันเหมือนดั่งนาฬิกาที่ส่งเสียงปลุกในยามเช้า ดังซ้ำไปซ้ำมาปลุกให้จิตความคิดที่กำลังค่อยๆ ยอมแพ้ของหลินลั่วหรานให้ตื่นขึ้นมา
ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความเ็ปจากการถูกเปลวไฟเผาไหม้ไฟจากจิตความคิดของผีสาวกำลังเผาไหม้เธอความเ็ปที่ชัดเจนเข้ามาถึงจิติญญานี้เ็ปยิ่งกว่าทางร่างกายหลายร้อยเท่า
ในตอนที่หลินลั่วหรานไร้กำลังเสียงร้องกังวานของฟีนิกซ์ก็ดังขึ้นในหูของเธออีกครั้งเธอไม่ทันได้คิดว่าทำไมถึงมีเสียงร้องของฟีนิกซ์ได้เธอก็คิดถึงเื่ตำนานการเกิดใหม่ของฟีนิกซ์ขึ้นมาเสียก่อน
ลูกนกฟีนิกซ์นั้นเกิดขึ้นมาท่ามกลางไฟที่แผดเผาทำไมมันถึงไม่ทรมานเพราะความร้อนของเปลวไฟกัน?
เมื่อก่อนหลินลั่วหรานดูถูกตำนานเหล่านี้ แต่เมื่อเธอได้ก้าวเข้ามาสู่โลกฝึกศาสตร์ในสายตาของนักปราชญ์แล้ว ก็สามารถอธิบายได้ว่า เป็เพราะฟีนิกซ์นั้นเดิมทีก็เป็ธาตุไฟอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รับความเ็ปจากเปลวไฟงั้นสินะ?
ในตอนนี้เธอเองก็เหมือนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันรอบตัวนั้นเต็มไปด้วยเปลวไฟ ไม่มีตอนไหนที่มันจะไม่เผาไหม้ตัวเธอในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกันนี้ ฟีนิกซ์สามารถอาบไฟจนเกิดขึ้นมาใหม่ได้แต่ที่ตัวเองกลับต้องทรมานอยู่แบบนั้นเพราะว่ามันเกิดมาเป็นกมหัศจรรย์ที่ได้รับการเคารพ หรือว่ายังมีความลับอื่นอีก?
ถ้าหากว่าตัวเราเป็ธาตุไฟละก็...หลินลั่วหรานถูกความคิดนี้ทำเอาใขึ้นมาจนทำให้แม้แต่อาการเ็ปก็ถูกทำให้ลืมเลือนไป เธอได้เพียงแต่คิดว่าความคิดนี้มีความเป็ไปได้อยู่เท่าไร
อย่างแรกคือเธอคิดถึงพลังธาตุไฟที่แบ่งออกมาในร่างของตัวเองก่อนจะนึกไปถึงสาเหตุที่มาของพวกมัน
หลินลั่วหรานจำได้ว่า ตอนนั้นเธออยู่บนดาดฟ้าของบ้านเป่าเจียเธอไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเลยเธอในตอนนั้นกำลังพยายามไตร่ตรองเวทลูกไฟที่เหวินกวนจิ่งปล่อยออกมาและในความบังเอิญของโชคชะตานั้นเองเธอก็เข้าสู่สมาธิและััได้ถึงเหล่าเม็ดพลังธาตุต่างๆ ที่อยู่บนโลก
พลังธาตุไฟที่ปล่อยแสงราวกับดาวหางที่ซุกซนที่สุดในตอนนั้นจิตความคิดของหลินลั่วหรานได้รับความเสียหายพลังพวกนั้นก็คิดว่าเธอรังแกได้ง่าย ต่างพากันเข้ามาหยอกล้อเธอ
ในตอนที่เธอกำลังมัวเมาไปกับดวงตาทั้งห้าสี เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งพลังในร่างก็แบ่งออกมาเป็ธาตุไฟส่วนหนึ่ง...ความรู้สึกในตอนนั้นดูเหมือนว่าจะเป็แบบนี้สินะ?
จิตความคิดของเธอยังคงถูกไฟแผดเผา ความจริงแล้วเป็เวลาเพียงแค่่สั้นๆแต่หลินลั่วหรานกลับรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกินยาวนานจนเธอรับรู้ได้เพียงความเ็ป สร้างจิตใจที่ดื้อรั้นขึ้นมา และไม่้าให้ไฟนี้จำกัดเธออีกต่อไป
เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการมองข้ามความเ็ปเหล่านี้ไป ก่อนจะค่อยๆเข้าไปทำความรู้จักกับพวกไฟแห่งจิตความคิด
เมื่อไร้การปกป้องจากร่างกายอีกทั้งตอนนี้ยังอยู่ในแหล่งรับรู้ของตัวเธอเอง จิตความคิดก็ไวต่อความรู้สึกขึ้นหลายเท่าไฟในโลกนี้ต่างก็เกิดมาจากโมเลกุลเล็กๆ พวกนี้ทั้งนั้นจิตความคิดขนาดเท่าเมล็ดท้อของหลินลั่วหรานกำลังรู้สึกได้ถึงสิ่งเล็กๆที่เปล่งกายเ่าั้อีกครั้ง
พวกนั้นมีนิสัยแย่กว่าพลังธรรมชาติภายนอกเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าจิตความคิดของหลินลั่วหรานไม่ได้จับกลุ่มเป็ก้อนแล้วก็ต่างพุ่งเข้ามากัดเธอโดยไม่พูดอะไรสักนิด ดุร้ายจนผิดปกติ
ความคิดที่ว่าจะทำให้พวกมันใจอ่อนของหลินลั่วหรานตกลงไปก่อนที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็พลังที่ดุร้ายขึ้นมาแทนท่าทางดุร้ายของเธอทำให้พวกมันใไฟแห่งจิตความคิดเหล่านี้เริ่มเกิดความลังเลขึ้นมาแล้วและไม่กล้ามาเผาไหม้เธอเหมือนอย่างตอนแรก
ในใจของหลินลั่วหรานดีใจขึ้นมา ก่อนจะกลับไปเป็มารร้ายอีกครั้งเธอแบ่งจิตความคิดของตัวเองเข้าไปยังช่องว่างของพวกจิตไฟทั้งหลาย ทุกๆกลุ่มก้อนต่างเป็หลินลั่วหรานที่แสนจะดุร้ายทั้งนั้น แม้ว่าพวกจิตไฟอยากจะหนีไปแต่ก็ถูกผีสาวควบคุมเอาไว้อยู่ดี พวกมันไร้สิทธิ์ในการควบคุมตัวเองและกลายเป็ตัวรับอารมณ์อยู่ตรงกลาง
เมื่อมีความไม่มั่นคงเกิดขึ้น เห็นว่าคนนี้ดุร้ายมาก มันก็ถือโอกาสโดยการเข้าหาหลินลั่วหรานผู้เป็ “ศัตรู” คนนี้
ในตอนที่หลินลั่วหรานกำลังเล่นอย่างสนุกสนานมือทั้งสองของเธอกลับขยับร่ายเวทขึ้นมาเธอเสพติดความรุนแรงมาจากเหล่าพลังธาตุไฟเสียแล้วเธอสั่งให้พลังธาตุไฟที่ยอมแพ้ย้อนกลับไปเผาไหม้เ้าของของมันแทนโดยไม่แม้แต่จะคิดเมื่อได้ยินเสียงร้องแสดงความเ็ปและคำด่ากราดของผีสาวหลินลั่วหรานก็ยิ่งมีความสุขจนส่งเสียงหัวเราะเยาะออกไป
ผีสาวโมโหมาก “ออกไปเดี๋ยวนี้!”
หลินลั่วหรานถูกพลังไฟทรยศพวกนั้นปกป้องเอาไว้ และไม่ได้รับความทรมานจากการเผาไหม้อีกแล้วแต่อย่างไรนั่นก็เป็ร่างของตัวเธอเองเพียงแต่ถูกผีสาวอาศัยสักพักเท่านั้นจึงทำให้อันตรายขึ้นมา จะไม่สนใจก็ไม่ได้อีกทั้งเธอก็รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถหลบซ่อนตลอดไปได้ แน่นอนว่าเธอต้องอยากออกไป
แต่ว่าภายนอกนั้นต่างถูกล้อมไปด้วยจิตไฟอีกทั้งยังอยู่ภายใต้การควบคุมของผีสาว ตัวเธอถูกล้อมให้อยู่ตรงกลางแล้วจะออกไปได้อย่างไร?
ในระหว่างที่หลินลั่วหรานกำลังสับสนนั้นก็ได้ยินเสียงร้องของฟีนิกซ์ดังขึ้นเธอข่มฟันแน่น ก่อนที่จะเสี่ยงชีวิตพุ่งออกไป ถ้าเกิดใหม่ไม่ได้ ก็ต้องตายอย่างเจิดจรัสทองแท้นั้นต่างก็ต้องผ่านเส้นทางทะเลไฟนี้ไปกันทั้งนั้น!
เด็กฝึกหัดมือใหม่ที่ไม่รู้ถึงการใช้จิตความคิดโจมตีแม้แต่ชีวิตก็ยังนำออกมาเสี่ยง แล้วเธอจะไปสนใจอะไรกับภาพลักษณ์เธอใช้จิตความคิดของตัวเองผสมเข้ากับจิตไฟที่ยอมโอนอ่อนให้ ก่อนจะพุ่งเข้าฉีกจิตไฟที่ล้อมอยู่ออก
จิตไฟที่ล้อมอยู่ภายนอกนั้น ราวกับกองทัพที่ถูกคนควบคุมจิตไฟที่ยอมโอนอ่อนให้ขยับเข้าใกล้จิตความคิดแล้วะโข้ามผ่านไปยังยุคาแรกๆ ต่อสู้กันอย่างไม่คิดชีวิตมันไม่ใช่พลังของเธอ ดังนั้นหลินลั่วหรานจึงไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิดหลังจากที่พวกจิตไฟล้มตายกันไปกว่าครึ่ง สุดท้ายก็ยังนับได้ว่าโชคดีเมื่อได้กำลังเข้า ในที่สุดก็หลุดออกมาจากพวกกองทัพศัตรูได้!
เมื่อทางหลินลั่วหรานกำลังจะได้รับชัยชนะการที่ผีสาวจะรับรู้ได้นั้นเป็เื่ตามสัญชาตญาณเริ่มจากการที่หลินลั่วหรานแปลงร่างกายเป็มารสาว ใช้ตัวเองเข้าไปรวมกับพวกจิตไฟแน่นอนว่าผีสาวนั้นไม่อาจรับรู้ได้แต่หลังจากที่เธอสั่งให้พวกกองทัพจิตไฟโจมตีผู้เป็นายก่อนหน้าความรู้สึกก็ชัดเจนขึ้นทันที
เธอไม่เคยพบกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อนและคิดไม่ถึงว่านี่จะเป็แผนการรบของนักปราชญ์ระดับฝึกลมปราณคนหนึ่งเธอจึงคิดว่านี่เป็แผนการของหั่วเฟิ่ง(นกฟีนิกซ์ไฟ)ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปในพื้นที่ลึกลับเธอทั้งใและโมโหผสมกัน เมื่อกำลังจะโต้กลับก็ค่อยๆรู้สึกได้ว่าตัวของเธอไม่อาจจะควบคุมไฟเ่าั้ได้อีกต่อไปแล้ว
ในตอนที่หลินลั่วหรานสั่งให้กองทัพของเธอจัดการพวกศัตรูในสายตาของผีสาวนั้น เห็นเพียงเปลวไฟที่ยืดหดสลับกันไปก่อนจะกลายเป็กองไฟที่เปลี่ยนรูปร่างไปไม่หยุด จากเล็กเป็ใหญ่จนสุดท้ายก็กลายเป็รูปร่างนกฟีนิกซ์ขึ้นมา
ผีสาวถอยหลังกลับ ก่อนจะกัดปากของตัวเองแน่น
ภายในหั่วเฟิ่งนั้นราวกับมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่ด้านในแม้ว่าจะเป็เพียงรูปร่างของจิตความคิด แต่ก็ยังคงสร้างความใให้แก่ผู้คน
“พรึ่บ”
ขนของหั่วเฟิ่งร่วงโรยลง ปลิวไสวราวกับกลีบดอกไม้ กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศหลินลั่วหรานสวมชุดสีแดงเพลิง ก่อนจะค่อยๆ เผยร่างออกมา อย่างแรกคือแขนและขาก่อนที่ใบหน้าของเธอจะค่อยๆ ชัดขึ้นจนกระทั่งแสงไฟเข้าไปในดวงตาของเธอจนกลายเป็ั์ตาเธอมองมาที่ผีสาวด้วยสายตาเย็นะเืมันคือความรู้สึกเย็นเฉียบที่ทำให้เธอััได้ถึงความกลัวเหมือนกับนกฟินิกซ์ไฟตัวนั้น!