สิ้นเสียงของชายหนุ่มที่พึ่งกล่าวจบลงไป เสื้อคลุมตัวนอกสีเเดงและพู่หยกประจำตัวที่ห้อยอยู่ตรงข้างเอวที่เห็นได้ชัด ทำให้กลุ่มของหนิงอ้ายพอที่จะคาดเดาได้ว่าผู้ที่เอ่ยถ้อยคำคล้ายกับหาเื่พวกเขานั้นเป็ศิษย์สายนอกของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้คนหนึ่ง ตรงด้านหลังของอีกฝ่ายยังมีกลุ่มของชายหนุ่มที่มีอายุไล่เลี่ยกันไปอีกสี่ห้าคนที่ดูเเล้วไม่ต่างไปจากลูกสมุนติดตามสักเท่าไหร่นัก ที่ต่างพากันมองมาทางกลุ่มของพวกเขาด้วยสายตาดูถูกและไร้มรารยาทเป็อย่างยิ่ง
เนตรแห่ง์ได้เเสดงให้ได้รู้ว่ากลุ่มของศิษย์พี่เหล่านี้ต่างมีรากฐานบ่มเพาะพลังิญญาอยู่ในระดับเทวะิญญาขั้นต้นกันทั้งสิ้น มีเพียงชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าสุดที่พึ่งเอ่ยกับเขาไปเมื่อครู่คนเดียวเท่านั้นที่มีพลังิญญาอยู่ในระดับเทวะิญญาขั้นกลาง
แน่นอนว่าทางกลุ่มของหนิงอ้ายย่อมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด บทสนทนาที่เกิดขึ้นตั้งเเต่เเรกเริ่ม ท่าทางแลน้ำเสียงของอีกฝ่ายได้เเสดงออกมาที่พูดจาดูแคลนหนิงอ้าย พวกเขาเองในตอนนี้ต่างรู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมาก
อี้หลินคล้ายกับว่าจะพูดบางอย่างที่รุนเเรงโต้กลับกลุ่มของศิษย์พี่เหล่านี้ไป เเต่หนิงอ้ายที่เห็นท่าทางดังกล่าวนั้นจึงห้ามอีกฝ่ายไว้ได้ทันพอดี ทางฝั่งของหลี่ซวงเองแม้ในยามปกตินิสัยของเขาย่อมไม่ชอบความวุ่นวายสักเท่าไหร่นัก เเต่เมื่อเห็นว่ากลุ่มของศิษย์พี่เหล่านี้ได้เอ่ยถ้อยคำดูถูก เื่เช่นนี้เขาไม่มีทางยอมอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
"การที่พวกข้าเลือกคบหาผู้ใดเป็สหายล้วนขึ้นอยู่กับตัวของพวกข้าเองหาใช่เื่ของคนอื่นที่ต้องบอกไม่ อย่างไรเื่นี้คงไม่รบกวนพวกศิษย์พี่ให้วุ่นวายหรอกขอรับ..." หลี่ซวงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยที่ตรงข้ามกับความหมายของคำนั้น ทำเอาอี้หลินที่ยืนอยู่ข้างกันถึงกับตบไหล่ของอีกฝ่าย พร้อมกับหัวเราะชอบใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะทำหน้าชื่นชมสหายคนนี้เป็อย่างมาก
"เ้าต้องเข้าใจนะสหาย กับคนบางคนต่อให้บางเื่ที่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตน เเต่กลับชื่นชอบในการเอาตัวเองเข้ามายุ่งวุ่นวาย คนประเภทนี้ช่างน่ารังเกียจเสียจริงเ้าว่าหรือไม่?" อี้หลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงคล้ายกับบัณฑิตแก่เรียนผู้หนึ่ง ด้วยท่าทางที่จงใจปั้นแต่งนั้นช่างดูน่าหมั่นไส้ในสายตาของหลายคนที่มองมา โดยเฉพาะกลุ่มของศิษย์พี่ตรงหน้าที่ตอนนี้ต่างโมโหมีโทสะในใจที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"ข้าจำได้ว่าท่านอาจารย์รุ่ยเหอได้กล่าวคำสอนหนึ่งแก่ศิษย์ทุกคนในตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ แน่นอนว่าศิษย์ทุกคนในตำหนักล้วนยึดถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานและเคร่งครัดว่าผู้ซึ่งเป็วิญญูชนนั้นย่อมไม่ปรามาสผู้อื่นโดยไร้ซึ่งการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ สามารถเเยกแยะผิดถูกชั่วดีอย่างเป็กลาง รู้จักว่าสิ่งใดนั้นสมควรหรือไม่เหมาะสมได้อย่างแจ่มแจ้งผู้นั้นย่อมเป็วิญญูชนที่น่าชื่นชมและนับถือยิ่ง!!"
"คำกล่าวของท่านอาจารย์รุ่ยเหอในตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ของพวกเราต่างถือปฏิบัติไม่ต่างไปจากคำประกาศิต ตัวข้าที่เป็ศิษย์ใหม่นั้นน้อมรับปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเเต่เหตุใดพวกท่านที่เป็ศิษย์พี่จึงเอ่ยเช่นนี้กับพวกข้ากับสหายของข้าเช่นนี้เล่า หากมีสิ่งใดไม่กระจ่างหรือสงสัยสอบถามความเป็จริงได้นะขอรับ..." จินหั่วเอ่ยขึ้นอย่างยาวเหยียดพร้อมกับถามกลับไปด้วยความสุภาพ เเต่กลับดูขัดหูขัดตาของกลุ่มศิษย์พี่ที่ถูกกล่าวถึงเป็อย่างมาก ความหมายที่ซ่อนเร้นเอาไว้ในคำกล่าวไม่ต่างไปจากการติเตียนว่าพวกเขาไม่รู้จักเคารพคำสั่งสอนของท่านอาจารย์เสียอย่างนั้น
"ปากดีนักนะ!! พวกเ้ามีสิทธิเอ่ยเช่นนี้กับพวกข้าที่เป็ศิษย์พี่ของพวกเ้าได้อย่างนั้นรึ? ช่างไร้สัมมาคารวะยิ่งนักมารยาทที่ศิษย์น้องพึงกระทำต่อศิษย์พี่นั้นพวกเ้าไม่รู้จักธรรมเนียมปฏิบัติใช่หรือไม่ เช่นนั้นพวกข้าจะยอมเสียเวลาสักเล็กน้อยเพื่อสั่งสอนพวกเ้าให้ได้รู้เสียบ้าง!!!" ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มของศิษย์พี่นั้นได้ะโขึ้นมาเสียงดังด้วยท่าทางที่กักขฬะยิ่งนัก
"ศิษย์ใหม่ปีนี้ช่างจองหองไม่รู้จักเคารพศิษย์พี่ศิษย์น้อง ข้าจะให้โอกาสพวกเ้าให้ได้เเก้ตัวกันสักหน่อย! จงคุกเข่าขอโทษจนกว่าพวกข้าจะพอใจ จากนี้ไปอีกสามเดือนจงเป็ข้ารับใช้ทำตามคำสั่งทุกอย่างของพวกข้าอย่างไร้ซึ่งข้อแม้ โดยเฉพาะเ้าที่ชื่อว่าหนิงอ้ายจักต้องคอยทำความสะอาดห้องปฏิกูลของพวกข้าเป็ระยะเวลาสามเดือนเช่นกัน!!" ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ตรงข้างกันเอ่ยเสริมขึ้น ขณะที่เอ่ยออกมาก็ได้ส่งสายตาเหยียดหยามกลุ่มของหนิงอ้ายทุกคนจนมาสายตามาหยุดตรงที่เด็กหนุ่มผู้เป็เ้าของชื่อ
เเต่ศิษย์พี่คนนี้คงหลงลืมอะไรไปบางอย่างและได้ทำผิดพลาดไปแล้วอย่างไม่น่าให้อภัยเป็อย่างยิ่ง พึงทราบเอาไว้ว่าตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดนั้นมีฐานะที่สูงขั้นกว่าศิษย์โดยทั่วไปเป็อย่างมาก พบเห็นศิษย์ผู้สืบทอดที่ใดย่อมต้องให้ความเคารพนับถือไปไม่ต่างท่านเ้าตำหนัก
ฟังว่าด้วยฐานะตำแหน่งนี้แม้กระทั่งผู้าุโในสำนักศึกษายังต้องไว้หน้าสามถึงสี่ส่วนเลยทีเดียว เห็นว่าตำแหน่งนี้นั้นเป็ที่น่านับถือยำเกรงมากเพียงใด ศิษย์ส่วนใหญ่ที่ได้เข้าศึกษาในสำนักนี้ต่างคาดหวังว่าตนนจะถูกเลือกให้เป็หนึ่งในสี่ของศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักทั้งสี่กันทั้งสิ้น
ดังนั้นการที่ศิษย์พี่สายนอกคนนี้ที่ได้กล่าวดูถูกเหยียดหยามและปฏิบัติตัวอย่างไม่เหมาะสมกับหนิงอ้ายผู้เป็ศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา แม้เด็กหนุ่มจะยังไม่ได้เ้ารับพิธีการเเต่งตั้งอย่างเป็ทางการ
เเต่ถึงอย่างไรท่านเ้าสำนักเจียงเฉิง ท่านเ้าตำหนักทั้งสาม ผู้าุโคุมกฎ ผู้าุโในสำนักรวมไปถึงศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกที่อยู่ร่วมในงานพิธีรับศิษย์ใหม่ในเมื่อวานนี้ ต่างรับรู้โดยทั่วกันเเล้ว หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นเด็กหนุ่มย่อมมีสิทธิลงโทษอีกฝ่ายด้วยตำแหน่งที่ถือครองอยู่นั่นเอง
เนื่องจากตอนนี้เป็ยามสายไปมากเเล้วเป็การเปิดตลาดในวันเเรกหลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมงานรับศิษย์ใหม่ที่พึ่งจบลงไปในเมื่อวานนี้ ดังนั้นจึงทำให้บรรยากาศของตลาดในวันนี้ต่างคึกคักและเต็มไปด้วยศิษย์ชายหญิงมากมายที่เลือกมาเดินเล่นหรือจับจ่ายใช้สอยกันอย่างมากมาย
แน่นอนว่าการเสียงพูดคุยที่ดังขึ้นของศิษย์พี่ทั้งสองคนกลับกลุ่มของหนิงอ้าย ได้เรียกสายตาของทุกคนในตลาดให้หันมองมาทางนี้ด้วยความสงสัยและความสนใจเป็อย่างมาก มีไม่น้อยที่พากันยืนอยู่รายล้อมกลุ่มของพวกเขาทั้งสองด้วยความตื่นเต้น
ความอยากรู้และความสนุกสนาน เพราะไม่ว่าจะเป็กลุ่มของศิษย์สายนอกของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ที่แน่นอนว่าพวกเขาย่อมคุ้นตา พวกศิษย์น้องที่ประกอบไปด้วยรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยฝีมืออย่างแท้จริงและเด็กหนุ่มผู้เป็เ้าของตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา พวกเขาต่างอยากรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเื่ราวนั้นจะจบลงไปได้อย่างไร
เหล่าศิษย์เก่าทุกคนในที่นี้ต่างทราบกันดีว่ากลุ่มของศิษย์สายนอกที่ถูกนำด้วยหัวหน้าอย่างเฉินหลานนั้นเป็หลานของผู้าุโประจำระดับสูงสำนักศึกษาเเห่งนี้ มีพฤติกรรมหยาบคายและเอาเเต่ใจเป็อย่างยิ่งผู้ใดพบเห็นต่างหลีกเร้นไม่อยากมีเื่ เเต่กลับไม่ใช่กับกลุ่มศิษย์น้องสายนอกพวกนี้เป็แน่ ซึ่งพวกเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าตนนั้นมีเื่กับผู้ใดเนื่องจากพึ่งเข้าเป็ศิษย์ของสำนักได้นั่นเอง
"ข้ากับสหายต่างล้วนเดินเที่ยวชมตลาดด้วยความราบรื่นปกติ มีเเต่พวกท่านที่เข้ามาหาเื่กัน กล่าวที่ว่าสหายข้าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้สืบทอดของตำหนักอีกทั้งยังได้ตำแหน่งนี้มาด้วยเลห์กลหาใช่ได้ด้วยความสามารถช่างเป็คำกล่าวหาที่หยาบคายยิ่ง ผู้ที่เอ่ยถามช่างไร้สติปัญญานึกคิดเป็อย่างยิ่ง!!!" อี้หลินเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห
"สหายของข้าผู้นี้ได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดมาอย่างชอบธรรมท่ามกลางประจักษ์พยานอย่างท่านเ้าสำนัก ท่านเ้าตำหนักทั้งสาม ผู้าุโคุมกฎ ผู้าุโระดับสูงรวมไปถึงเหล่าศิษย์พี่คนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมงานพิธีในเมื่อวานนี้ คงมีเเต่พวกท่านที่ไม่สนใจเข้าร่วมจึงกล่าวออกมาได้อย่างไม่รู้ความจริงเช่นนี้"จ้าวหลานเอ่ยเสริมขึ้นด้วยความเดือดดาลไปไม่แพ้กัน
ศิษย์พี่สายนอกทั้งสองคนก่อนหน้าเมื่อเห็นว่ากลุ่มของศิษย์น้องเหล่านี้กล้าที่จะต่อปากต่อคำกลับอย่างไม่หวั่นเกรง อีกทั้งสายตาที่มองมายังกลุ่มพวกเขา เสียงกระซิบพูดคุยเห็นด้วยกับเหล่าศิษย์น้องเหล่านี้ยิ่งทำให้เขานั้นรู้สึกอับอายและโมโหเป็อย่างมาก ก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองคนจะตั้งท่าชักกระบี่พร้อมกับจะพุ่งตัวออกไปเพียงเเต่ถูกห้ามเอาไว้เสียก่อนอย่างทันท่วงที
"อย่าทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของข้า!!!" เสียงของเฉินหลางดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเ็า
"เเต่ว่าศิษย์น้องพวกนี้มัน..." ชายหนุ่มทั้งสองคนเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่ตนนับถือเป็หัวหน้านั้นมองมาด้วยสายตาเ็าจึงหยุดการกระทำเ่าั้ลงในทันที
"ท่านคือเฉินหลาน หนึ่งในสิบสุดยอดรุ่นเยาว์ของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ใช่หรือไม่??" หนิงอ้ายเอ่ยถามอีกฝ่ายพร้อมกับก้าวขาอยู่ด้านหน้ากลุ่มสหายของตนอย่างไม่เกรงกลัว
"ในเมื่อเ้าก็รู้เเล้วว่าข้าคือใครก็ดี เอาเถอะเห็นแก่ว่าเ้าเป็ศิษย์ใหม่ที่ยังโง่เขวาไม่รู้จักธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนั้นคุกเข่าโค้งคำนับข้าเเล้วเื่ที่เกิดขึ้นข้าจะไม่ถือสาเอาความอย่างนี้ดีหรือไม่?" เฉินหลานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงถือดี
"ท่านไม่คู่ควรให้ข้าต้องกระทำด้วยเช่นนั้น เข่าของบุรุษมีค่าเพียงใดท่านย่อมทราบดีอยู่เเล้วการคุกเข่าให้กับคนที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมไม่ต่างไปจากการดูถูกตน ท่านว่าเช่นนั้นหรือไม่?" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นตอบกลับไปช่างเป็คำกล่าวที่ชัดเจนเสียจริง
"ศิษย์ใหม่เช่นเ้าหาได้คู่ควรกล่าวกับข้าเช่นนี้ ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็ใครเ้าคงรู้เช่นกันว่าใครที่อยู่เื้ัข้า!!" เฉินหยางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงรอดไรฟันด้วยความโกรธ
"ท่านคงจะภูมิใจมากสินะ จึงมักที่จะหยิบอ้างชื่อของบรรพบุรุษของตระกูลของตนมายกข่มคนอื่นเช่นนี้ เป็ข้าคงละอายยิ่งนักที่ทำตัวเสียชื่อเกียรติของวงศ์ตระกูลเช่นท่าน!!" หนิงอ้ายเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนับถือที่คนฟังเเล้วชวนให้รู้สึกโมโหกว่าเดิมอย่างมาก
"หากตัดชื่อแซ่ตัดตระกูลตัดบรรพบุรุษของท่านออกไปแล้วท่านนั้นมีสิ่งใดที่ผู้คนควรนับถือเช่นนั้นรึ??" หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย หลังจากจบคำเสียงของอี้หลินได้หัวเราะขึ้นอย่างชอบใจในฝีปากของสหายตนคนนี้ยิ่ง
"ช่างปากกล้าเสียจริง! เอาเถอะวันนี้ข้าจะลดตัวลงสั่งสอนเ้าเเทนบิดามารดาของเ้าเสียเเล้วกัน..." เฉินหลานเอ่ยขึ้น
"หากใครคิดช่วยเหลือกลุ่มศิษย์น้องเหล่านี้ ข้าเฉินหลานจะถือว่าพวกเ้าเป็ศัตรูของข้าทั้งสิ้น!!" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงดังพร้อมกับมองไปโดยรอบ แน่นอนว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้แม้จะไม่ชื่นชอบนิสัยของเฉินหลานก็จริง
ทว่าฝีมือของอีกฝ่ายนั้นนับได้ว่าเป็ของจริงเช่นกัน เพราะไม่อย่างนั้นแล้วอีกฝ่ายคงไม่ติดรายชื่อเป็หนึ่งในสิบศิษย์สุดยอดรุ่นเยาว์ของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ เป็ที่ยอมรับในลำดับต้น ๆ ในสำนักศึกษานี้
"เ้าถอยออกมาเถอะ คนผู้นี้ให้เกอจัดการเองเสียดีกว่า..." ลู่ซีแม้จะไม่เอ่ยคำใดมาตั้งเเต่เเรก ทว่าในใจของเขารู้สึกโกรธเป็อย่างมาก
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คล้ายคลึงกับในวัยเด็กของพวกเขาทั้งสองคนยิ่งนักที่ถูกรังแกอย่างไร้หนทางโต้กลับ เเต่ในวันนี้ตัวของเขานั้นโตขึ้นและมีความสามารถเพียงพอที่จะปกป้องหนิงอ้ายได้เเล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าที่จะบอกความ้าของตนออกไปในทันที
"เกอไม่ต้องเป็ห่วงขอรับเื่นี้หากไล่เรียงดูแล้วสาเหตุนั่นเป็เพราะคนพาลเหล่านี้ไม่ชอบในตัวข้า...เกอเชื่อใจข้านะขอรับ" หนิงอ้ายตอบกลับไปด้วยรับรู้ได้ถึงความเป็ห่วงที่ลู่ซีถ่ายทอดออกมา
"ช่างน่าขันยิ่งนักผู้ฝึกตนพลังิญญาระดับจักรพรรดิขั้นสูงเช่นเ้าจะรับมือกับพวกข้าที่เป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นต้นได้อย่างนั่นรึ? แม้ว่าพวกข้าจะไม่สามารถเลื่อนระดับเทวะขั้นกลางได้ในตอนนี้ เเต่ด้วยเพราะติดอยู่ในขั้นต้นมาหลายปีรากฐานบ่มเพาะของพวกข้าย่อมมากกว่าเ้าอย่างแน่นอน รับมือ!!!" ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างนั้นเฉินหลานหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงดังก่อนที่จะร่ายเวทย์โจมตีออกมา
โซ่ตรวนอัสนีลงทัณฑ์!
เปรี้ยง!
เวทย์โจมตีที่ถูกร่ายขึ้นจากผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาขั้นต้นแม้จะมีความรุนแรงความรวดเร็วมากเพียงใด เเต่ถึงอย่างนั้นด้วยญาณััที่ลึกล้ำของหนิงอ้ายที่แผ่ซ่านคลอบคลุมบริเวณหลายลี้ตรงนี้เเล้ว การโจมตีนับได้ว่าไม่เป็ปัญหาที่มากมายสักเท่าไหร่ของเขานัก ก่อนที่เด็กหนุ่มนั้นจะร่ายบทเวทย์ป้องกันของตนในทันที
ปราการวารีอหังการ!
ตู้ม!
"ไม่จริง!! นี่เป็เวทย์โจมตีระดับสูงของข้า เเล้วเหตุใด..." ชายหนุ่มผู้ร่ายเวทย์โจมตีเมื่อเห็นว่าเวทย์ของตนนั้นได้สลายหายไปอย่างง่ายดายเช่นนี้จึงทำให้รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก
"ถอยไป!!!ปล่อยให้พวกข้าทั้งสองคนจัดการเ้าเด็กจองหองคนนี้เอง..."
คลื่นพสุธาสังหาร!
ตู้ม!
วายุทมิฬพิฆาต!
ตู้ม!
เสียงะเิของเวทย์โจมตีระดับสูงถึงสองบทได้สะท้อนดังขึ้นพร้อมกันไปทั่วทั้งบริเวณ ผู้ร่ายบทเวทย์ดังกล่าวนี้เป็ชายหนุ่มสองคนที่มีนามว่าลู่ซือและลู่จื้อ สองฝาแฝดตระกูลลู่ผู้เป็ศิษย์สายนอกของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ ชื่อเสียงของทั้งสองคนนี้เป็ที่รู้จักไปไม่น้อยเช่นกัน
อาจด้วยเพราะว่าคุณชายลู่ทั้งสองคนนี้เป็ถึงคุณชายใหญ่และคุณชายรองของตระกูลใหญ่ที่มีเื้ัสนับสนุนเป็ผู้าุโระดับสูงอยู่ในสำนักศึกษาแห่งนี้ อีกทั้งมีฝีมือความสามารถเชิงยุทธ์การต่อสู้เป็อย่างมากสมกับเป็ลูกหลานของตระกูลใหญ่ของแคว้น
ตระกูลลู่นั้นเป็ตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจฝังลึกอยู่ในแคว้นนี้มาอย่างช้านานเเล้วหลายร้อยปี มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ประจำแคว้นไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือทางอ้อม เนื่องด้วยเพราะเป็หนึ่งในตระกูลใหญ่ที่คอยสนับสนุนปกป้องผู้นั่งราชบัลลังก์ของแคว้น ที่ว่ากันว่าตระกูลลู่นั่นได้รับหน้าที่สืบทอดอันทรงเกียรตินี้จากรุ่นสู่รุ่นเป็เวลาหลายร้อยปีมาเเล้ว ด้วยเหตุผลหลายสิ่งอย่างนี้จึงทำให้คุณชายลู่ทั้งสองคนถือว่าตนอยู่เหนือกว่าผู้อื่น มีความถือดีอยู่ในตัวเองเป็อย่างมากนั่นเอง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้