เมื่อเห็นว่าหลินเยว่รักการเรียนรู้ขนาดนี้ท่านเฮ่อฉางเหอก็พยักหน้าอย่างพอใจ หลังจากนั้นจึงพูดขึ้น“ความจริงคือคุณจำผิดไปเอง เครื่องเคลือบสีขาวที่สีขาวสะท้อนสีครามเป็ลักษณะเฉพาะของเตาเผาเต๋อฮั่วในสมัยราชวงศ์ชิงแต่ไม่ใช่เตาเผาเต๋อฮั่วในสมัยราชวงศ์ิ”
“ไม่ใช่ลักษณะเฉพาะในสมัยราชวงศ์ิ?”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็อึ้งไปชั่วครู่หลังจากนั้นเขาจึงยิ้มเจื่อนๆ มันเกิดความผิดพลาดเพราะเขาจำผิดนั่นเอง
“ใช่แล้ว ส่วนเครื่องเคลือบสีขาวของเตาเผาเต๋อฮั่วในสมัยราชวงศ์ิจะเป็สีขาวอมแดงเล็กน้อยราวกับสาวน้อยตะวันออกที่มีใบหน้าขาวออกแดงระเรื่อในสมัยราชวงศ์ิตอนกลางสีเคลือบจะเป็ขาวอมสีเหลือง ราวกับสีงาของช้างพลายส่วนในสมัยราชวงศ์ิตอนปลายจนถึงราชวงศ์ชิงตอนต้นสีเคลือบจะเป็สีขาวอมสีขาวของฟัน เป็สีขาวราวกับน้ำมันหมูที่เกาะตัวจนแข็ง ส่วนสีขาวสะท้อนสีครามเป็ลักษณะเฉพาะของสีเคลือบในสมัยราชวงศ์ชิงตอนกลางไปจนถึงตอนปลาย”
หลินเยว่ได้ยินแล้วจึงรีบจดจำอย่างเงียบๆเขาจะไม่จำสับสนอีกแล้ว!
“เมื่อตะกี๊อาจารย์ได้ฟังวิธีที่คุณพิสูจน์แล้วโดยรวมก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ขั้นตอนและวิธีการพิสูจน์ยังน้อยจนเกินไป”ท่านเฮ่อฉางเหอจึงรีบคว้าโอกาสนี้เริ่มเปิดการบรรยายให้กับหลินเยว่“เครื่องเคลือบสีขาวยังสามารถพิสูจน์โดยการสังเกตส่วนที่ชำรุดได้ง่าย หากเป็ของแท้เมื่อผ่านการเก็บรักษามาเป็ระยะเวลานาน เช่น รูปปั้นเ้าแม่กวนอิมตรงส่วนนิ้วมือรอยชุด เม็ดไข่มุก ฟัน หรือส่วนอื่นๆ ที่เป็รายละเอียดเล็กๆ มักจะเกิดความเสียหายเช่น มีรอยหัก หรือหลุดออกมาเป็ส่วนๆ ซึ่งรอยเหล่านี้ถือว่าเป็รอยเก่าส่วนของเลียนแบบขึ้นมาใหม่จะไม่มีลักษณะเฉพาะเหล่านี้”
“การพิสูจน์ว่าเป็ของแท้จะต้องมั่นใจใน 3จุดนี้ จุดแรกคือการดูวิธีการคือใช้แว่นขยายสังเกตส่วนที่ชำรุดได้ง่ายว่ามีร่องรอยแตกร้าวรอยชำรุดหรือรอยหักหรือไม่ มีรอยเก่าเหล่านี้หรือเปล่า จุดที่สองคือการดมวิธีการคือให้นำเครื่องเคลือบไปวางไว้ท่ามกลางภาชนะอื่นๆที่ไม่มีกลิ่นผิดปกติ่เวลาหนึ่ง และสำรวจว่าภายในห้องมีแต่ความเงียบและไม่มีลมพัดหลังจากนั้นให้หยิบเครื่องเคลือบออกมาท่ามกลางภาชนะเ่าั้อย่างรวดเร็วและจังหวะนั้นให้รีบใช้จมูกสูดดมกลิ่นจากรอยแตกหรือรอยร้าวเ่าั้ วิธีการนี้อย่างน้อยจะสามารถพิสูจน์สิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ 1. สามารถบอกว่ารอยแตกรอยร้าวเ่าั้ใช้สิ่งใดในการยึดติดหรือซ่อมแซม2. ตามกลิ่นที่แผ่กระจายออกมาจะสามารถบอกได้ว่ารอยที่ผ่านการยึดติดหรือซ่อมแซมเป็่ระยะเวลาประมาณไหน”
“นอกจากการสังเกตสิ่งยึดติดซ่อมแซมว่าเป็แบบไหนแล้วคุณสามารถสังเกตว่ามีสารเคมีอื่นๆ อีกหรือเปล่า ซึ่งก็คือจุดที่สามที่คุณต้องทดสอบนั่นก็คือการชิมวิธีการเหมือนกับที่คุณใช้ในการพิสูจน์เครื่องปั้นดินเผาชิ้นสุดท้ายเลยแต่ว่าก่อนที่จะชิมคุณต้องแปรงฟันบ้วนปากให้สะอาด จะต้องกำจัดกลิ่นปากให้หมดเสียก่อนและแลบลิ้นชิมเบาๆ ในส่วนที่ไม่มีการลงสีเคลือบ แต่พยายามให้ลิ้นััเป็พื้นที่กว้างดูว่ามีรสชาติประหลาดหรือไม่ โดยปกติ หากรู้สึก “ชา” เล็กน้อยนั่นก็แสดงว่าเครื่องเคลือบชิ้นนั้นผ่านการแช่ด้วยสารเคมีที่มีคุณสมบัติเป็กรด......”
ท่านเฮ่อฉางเหอพูดอย่างยาวเหยียดหลินเยว่ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็พยายามจดจำในทุกๆ รายละเอียดเมื่อท่านเฮ่อฉางเหอพูดจบแล้ว หลินเยว่ก็แอบทบทวนในใจอีกหลายๆครั้งเพื่อทำให้จดจำได้ดียิ่งขึ้น
ท่านเฮ่อฉางเหอไม่ได้พูดแค่เฉพาะเครื่องเคลือบสีขาวจากเตาเผาเต๋อฮั่วเท่านั้นเขายังพูดถึงเครื่องเคลือบทั้งหมดที่ผลิตจากเตาเผาเต๋อฮั่วในทุกยุคทุกสมัยอีกด้วยรวมทั้งเครื่องลายคราม เขาก็พูดถึงอีกรอบเช่นกันเมื่ออธิบายข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดก็เป็เวลาครึ่งชั่วโมงแล้วและหลี่เฉียนโจวก็เดินออกมาจากคฤหาสน์ด้วยเช่นกัน
หลี่เฉียนโจวเดินออกมาด้วยสีหน้ามั่นใจเขามองเฮ่อฉางเหอและหลินเยว่อย่างท้าทาย
เมื่อเฮ่อฉางเหอเห็นหลี่เฉียนโจวเดินหน้าเชิดไปทางศาลาเขาก็ถึงกับขมวดคิ้วและพูดขึ้น “ดูแล้วเขาก็น่าจะหาของแท้เจอเหมือนกันเราห้ามดูถูกความสามารถของเขาจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ หากเป็เพียงคนที่ไม่เอาไหนคนหนึ่งเฉินเฟยก็คงไม่มีทางให้เขามาหรอก เพราะเขาต้องเลือกอย่างมั่นใจว่าตนเองสามารถข่มพวกเราได้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
หลินเยว่มองเื้ัของหลี่เฉียนโจวด้วยสายตาราบเรียบมุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย
การแข่งขันครั้งนี้ทำให้เขารู้ตัวเองว่าเขาไม่ได้ดูแย่มากเหมือนที่ตัวเองคาดการณ์ไว้อย่างน้อยเขาก็สามารถดึงความรู้ที่ตัวเองมีออกมาปรับใช้ได้ดีพอสมควรถึงแม้ว่าความรู้บางส่วนเขาอาจจะจดจำได้ไม่ค่อยแม่นยำนักและการพิสูจน์ก็ยังค่อนข้างลำบาก แต่ทว่าความแตกต่างระหว่างเขากับคนอื่นๆก็ไม่ได้ห่างไกลจนถึงขั้นที่เขาจะวิ่งตามไม่ทัน
การทดสอบส่วนแรกทำให้หลินเยว่เกิดความมั่นใจอย่างแท้จริง!
ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงดินเกาลินเขายังไม่เคยใช้พลังพิเศษตาทิพย์ในการทดสอบมาก่อนตอนนี้เครื่องปั้นดินเผาถือว่าเป็จุดอ่อนของเขาโดยตรง ไม่แน่เขาอาจจะสามารถใช้พลังพิเศษตาทิพย์ในการแยกความแตกต่างของดินเกาลินในแต่ละยุคแต่ละสมัยก็ได้และหากทำได้จริง มันก็สามารถทดแทนจุดอ่อนที่เขามีได้เลย
บ่ายวันนี้เขาจะลองไปดูก็แล้วกัน
หลินเยว่แอบคิดอยู่ในใจ
“ไปกันเถอะ พวกเราไปหาพวกเขากัน” และเวลานี้เองที่เฮ่อฉางเหอเอ่ยขึ้น
หลินเยว่เดินตามอาจารย์ของตนไปยังศาลา
เมื่อถึงศาลาเจี่ยเหวยเกิ่งและจางฮุยิจึงชะโงกหน้าเข้ามาหา
“เป็อย่างไรบ้าง?การทดสอบแรกมั่นใจแล้วใช่ไหมล่ะ?”
เจี่ยเหวยเกิ่งถามพร้อมรอยยิ้มน้ำเสียงเต็มไปด้วยความชื่นชม
เมื่อประโยคนี้ถูกถามออกมา ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างรีบเตรียมตั้งใจฟังคำตอบทันทีสายตาของพวกเขาเหลือบมองหลินเยว่อยู่เป็ระยะๆ
เฮ่อฉางเหอหัวเราะ “ฮ่าๆ” แล้วพูดตอบ “แน่นอนสิ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาดูถูกความสามารถของลูกศิษย์ของผม!”
ขณะที่พูดเขาก็เหลือบตามองไปยังเฉินเฟยที่อยู่ห่างไกลตรงนั้น
เฉินเฟยได้ยินเช่นนี้ก็สบถหึๆ ในลำคอ หลังจากนั้นจึงเบี่ยงสายตาหันไปมองทางอื่นทันที
“สุดยอด!”
จางฮุยิอดไม่ได้ที่จะทุบหน้าอกของหลินเยว่แล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ผลอย่างเป็ทางการยังไม่ออกมา ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าคำตอบของตนเองจะถูกต้องหรือเปล่าอีกทั้งอาจารย์ของผมยังพิจารณาจากคำบรรยายของผม ผมอาจจะไม่ได้สังเกตในบางจุด ซึ่งถ้าเป็แบบนั้นก็คงจะแย่แน่ๆ”
หลินเยว่พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจราวกับว่าเขากำลังคิดเช่นนั้นจริงๆ แต่ทว่าความจริงแล้วมีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่สามารถสังเกตในทุกๆส่วนเท่าที่เขา้าสังเกตเพราะว่าสายตาอันเฉียบคมของเขาเป็ตัวกำหนดว่าเขาไม่มีทางมองข้ามในจุดเล็กๆ น้อยๆ ได้เลย
จางฮุยิได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้ารับทราบ และดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อในคำพูดของหลินเยว่จริงๆแต่เขาก็ยังคงพูดให้กำลังใจหลินเยว่ต่อ
“ผมเชื่อว่าคุณต้องหาเครื่องเคลือบของแท้ได้ถูกต้องจริงๆ”
“อ้อ!ยังมีอีกเื่ที่ผม้าบอกกับคุณ เกี่ยวกับเื่ด้านในน่ะ” หลินเยว่พูดขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นอกจากหลี่เฉียนโจวและจวงเมิ่งเตี๋ยแล้วอีก 6 คนที่เหลือต่างหันมามองที่ตัวหลินเยว่ทันทีพวกเขา้าข้อมูลที่เป็ประโยชน์จากอีกฝ่ายเพราะั้แ่หลี่เฉียนโจวและจวงเมิ่งเตี๋ยออกมาจากคฤหาสน์พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ถึงแม้ว่าจะเป็คนที่สนิทกับสองคนนี้แต่สองคนนี้ก็ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น พวกเขาที่กำลังรู้สึกผิดหวังก็อยากจะฝากความหวังไว้ที่ตัวของหลินเยว่
แต่ทว่า พวกเขาก็ต้องพบกับความผิดหวังที่มากยิ่งกว่าเดิม
หลินเยว่ยื่นหน้าเข้าไปที่ข้างหูของจางฮุยิเขาใช้เสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนพูดขึ้น “ด้านในนั้น มีจุดที่ใช้แว่นขยายช่วยได้อย่าลืมพกมันเข้าไปด้วยล่ะ”
เมื่อพูดจบ หลินเยว่ก็ส่งยิ้มให้กับจางฮุยิที่เขาไม่ได้บอกผลการพิสูจน์ของเขากับจางฮุยิส่วนหนึ่งเป็เพราะเวลานี้พวกเขาทั้งสองถือว่าเป็คู่แข่งกันและการบอกคำตอบกับอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเป็การดูถูกอีกฝ่ายได้ด้วย การบอกออกไปตรงๆ ก็ไม่ได้เป็สิ่งที่ดีนัก
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเยว่จางฮุยิก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื้นตัน
ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในการแข่งขันนะเป็การแข่งขันที่เอาจริงเอาจัง เอาเป็เอาตาย แต่หลินเยว่กลับยอมบอกเื่นี้ให้กับคู่แข่งของเขานี่มันเป็ความใจเด็ดขนาดไหน?
นี่มันเป็มิตรภาพระหว่างเพื่อนจริงๆ!
เพื่อนคนนี้ ผมจางฮุยิ ขอยอมรับเป็เพื่อนแท้แล้ว!
จางฮุยิตบบ่าของหลินเยว่หนักๆเขาไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถััได้แม้ไม่มีการพูดจา
เมื่อเห็นมิตรภาพความเป็เพื่อนระหว่างจางฮุยิและหลินเยว่แล้วเฮ่อฉางเหอและเจี่ยเหวยเกิ่งก็สบตาส่งยิ้มให้กัน
พวกเขาคิดถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เป็ตัวสร้างมิตรภาพระหว่างพวกเขา มันมีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์เบื้องหน้าเหลือเกิน
คนรุ่นก่อนก็เป็สหายรักกันคนรุ่นเด็กก็เป็สหายรักเช่นกัน นี่มันเป็ความสุขอย่างแท้จริง!!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้