ใครจะไปคิดว่าตอนนี้เวลานี้พวกเราสามพี่น้องจะมาอยู่ที่นี่เพราะเมื่อวานพวกเรายังเฮฮาปาร์ตี้กันอยู่ที่ประเทศไทย
ย้อนกลับไปเมื่อวาน………
เมื่อคืนพวกเราปาร์ตี้กันอย่างหนัก คือเมาจนแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นขึ้นมานอนที่ห้องพักได้อย่างไรกว่าจะขุดตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง สภาพแต่ละคนคือดูไม่จืดกันเลยทีเดียว แฮงค์ไปตามๆกัน ดูดีสุดก็คงเป็พี่ชายของพวกเขา ภายในสมองตอนนี้ยังมึนๆเบลอๆอยากได้อะไรร้อนๆ พอตกลงกันได้ว่าจะไปกินโจ๊ก กลับต้องล้มเลิกเมื่อพวกเราทั้งเก้าคนโดนเรียกตัวกลับบ้านใหญ่โดยด่วน
พวกเราทั้งเก้าคนคิดกันไปต่างๆนาๆ เพราะไม่รู้ว่าตอนเมาไม่ได้สตินั้นเผลอทำอะไรลงไปบ้าง แต่ทว่าเมื่อกลับมาถึงบ้าน ทุกอย่างไม่ได้เป็อย่างที่คิด
“แด๊ดจะส่งลูกทั้งสามคนไปเรียนต่อที่อังกฤษ เอกสารเรียบร้อย เดินทางพรุ่งนี้” แด๊ดดี้ฟีนิกซ์เอ่ยบอกเสียงเรียบ
พวกเราทั้งสามคนรู้ดีว่านั่นคือคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธ ซึ่งเขาเข้าใจในเจตนาของพ่อและแด๊ด
ฟิลและพายต่างแยกย้ายกันเข้าห้องเพื่อไปเก็บของที่คิดว่าตัวเองจำเป็จะต้องใช้ พอเก็บของเรียบร้อยแล้วฟิลก็เดินไปหาน้องชายที่ห้องนอนแต่กลับไม่พบ ไปห้องไฟท์อีกฝ่ายก็ไม่อยู่ เขาจึงเดินลงมาที่สวนหลังบ้านซึ่งเป็เรือนกระจกของคุณเบลล่า พอเดินมาถึงก็เห็นพายนอนกอดคุณเบลล่าอยู่บนพื้น
“คุณเบลล่าครับ พ่อพายุกับแด๊ดฟีนิกซ์ให้พวกเราไปเรียนที่อังกฤษ 4 ปี น้องพายคงคิดถึงคุณเบลล่าแย่เลย” เสียงหวานของพายเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย
“คุณเบลล่าอย่าลืมคิดถึงน้องพายนะครับ จุ๊บ”
ริมฝีปากจูบลงที่ข้างแก้มของคุณเบลล่าอย่างอ่อนโยน เป็ภาพที่ใครมาเห็นก็ต่างพากันหลงรัก
“กูคิดไว้แล้วว่ามึงต้องอยู่ที่นี่” ฟิลเดินเข้ามาในเรือนกระจกก่อนจะนั่งยองๆข้างน้องชาย
“กูมาลาคุณเบลล่า มึงก็มาลาคุณเบลล่าเหมือนกันเหรอว่ะ?” พายพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะถามพี่ชายคนรองกลับไปแม้ว่าจะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้วก็ตาม
“เออดิ กูคงคิดถึงคุณเบลล่ามากแน่ๆเลยว่ะ เห้อออ”
ฟิลตอบก่อนจะถอนหายใจแรงๆ ถึงแม้จะไม่ได้ซีเรียสเื่ที่เรียนแต่เขาก็อดใจหายไม่ได้ คือทุกอย่างดูปุบปับไปหมด
“อื้ออออ” พายครางเสียงแ่ เอียงใบหน้าสวยซบตรงใบหน้าของงูเหลือมเผือกสัตว์เลี้ยงสุดที่รักของคุณพ่อพายุ
นอกจากคุณเบลล่าจะเป็ที่รักของพ่อพายุแล้ว คุณเบลล่ายังเป็ที่รักของพวกเราทั้งสามคนอีกด้วย
“แค่ 4 ปีเอง ถึงตอนนั้นค่อยกลับมากอด แต่คุณเบลล่าคงกลายเป็คุณย่าไปแล้วแน่เลยว่ะ” ฟิลตบไหล่บางเบาๆพร้อมเอ่ยปลอบใจน้องชาย
“ตอนนี้ก็เกือบ 20 แล้วนะ กูกลัวว่าคุณเบลล่าจะไม่อยู่รอเราเรียนจบอ่ะดิ” พายพูดอย่างเป็กังวล
เพราะพายรู้ดีว่างูเหลือมส่วนใหญ่มีอายุไขไม่เกินยี่สิบปี เขากลัวว่าวันที่เรียนจบอีกฝ่ายจะจากไปแล้ว ได้แต่หวังว่าคุณเบลล่าจะอายุยืนกว่านั้น ถึงแม้เปอร์เซ็นจะน้อยแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความหวัง เพราะมีบางตัวที่อายุยืนถึงยี่สิบห้าปี
“อย่าคิดมาก มึงก็รู้ทุกอย่างต้องเป็ไปตามวัฏจักร” มือหนาของฟิลยกขึ้นลูบหัวพายเบาๆ
“กูรู้ กูเข้าใจและกูคงเสียใจมากเมื่อวันนั้นมาถึง” พายเข้าใจในสิ่งที่พี่ชายบอก
“เออๆ กูก็รักคุณเบลล่าไม่น้อยกว่ามึงหรอกพาย ว่าแต่พี่มึงไปไหนว่ะ กูไปหาที่ห้องนอนก็ไม่เจอ”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เห็นมันขับรถออกไปข้างนอกั้แ่ตอนที่กูเก็บของ ดูเหมือนจะรีบๆ คงไปลาใครละมั้ง”
“ลาใครว่ะ?” ฟิลถามด้วยความสงสัย คนอย่างพี่ชายเขามีใครให้มันต้องไปลาด้วยหรือไง
“เห็นขี้เสือก กูก็คิดว่ามึงรู้ ฮ่าๆๆๆ”
พายว่าอย่างขำๆ เสือกเก่งแต่ไม่เคยได้คำตอบ ยอมใจพี่ชายคนรองของเขาจริงๆ
“ไอ้พาย เดี๋ยวมึงโดน” ฟิลว่าพร้อมขยี้หัวน้องชายด้วยความหมั่นเขี้ยว
“คุณเบลล่าครับ ฟิลแกล้งน้องพายอ่ะ” พายหันไปออดอ้อนงูเหลือมเผือกสุดที่รักทันที
คุณเบลล่าก็เหมือนจะดุฟิลทางสายตา ทำให้พายถึงกับฉีกยิ้มกว้างอวดฟันขาวก่อนจุ๊บแก้มของคุณเบลล่าเป็การขอบคุณ
18:05น.
มื้อเย็นวันนี้มีแต่ของโปรดฟิลกับพายทั้งนั้น ดูก็รู้ว่าพ่อพายุสั่งแม่ครัวเพื่อเอาใจลูกๆ ทุกคนอยู่กันครบขาดแค่ไฟท์เพียงคนเดียว
“พ่อครับ ไอ้ไฟท์ล่ะ ?” ฟิลเอ่ยถามพ่อพายุด้วยความสงสัย ไม่คิดว่าพี่ชายจะออกไปข้างนอกนานแบบนี้
“ไปหาเพื่อน” ฟีนิกซ์เอ่ยตอบลูกชายคนกลางแทนภรรยาเพราะอีกฝ่ายคงไม่รู้ ไฟท์อยู่คุยกับเขาแล้วก็ออกไปเลย
“มันเนี่ยนะไปหาเพื่อน?”
ฟิลมองสบตากับแด๊ดด้วยความแปลกใจ คนอย่างพี่ชายเขาเนี่ยนะจะมีเพื่อนนอกจากพวกเราแปดคน นอกนั้นที่สนิทกันก็มีแค่ไอ้คีย์คนเดียว คำถามคือมันไปหาใคร ?
“หึ” ฟีนิกซ์ขำในลำคอเบาๆ ฟิลชั่งมีนิสัยอยากรู้อยากเห็นเหมือนพายุไม่มีผิด
“เลิกเสือกเื่คนอื่นแล้วกินข้าว” พายว่าอย่างขำขัน ตักข้าวเข้าปากด้วยรอยยิ้ม
“แล้วมึงไม่อยากรู้เหวอว่ะพาย ว่าพี่มึงไปหาใคร ?” ฟิลถาม
“ไม่อ่ะ เพราะกูไม่ชอบเสือก” พาย
“ไอ้พายกวนตีนว่ะ” ฟิลว่าอย่างไม่จริงจังนัก เพราะเขาโดนน้องชายหลอกด่าเป็รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“เลิกเถียงกันได้แล้ว เดี๋ยวไฟท์ก็กลับมาเอง พี่ของลูกดูแลตัวเองได้ไม่ต้องห่วงหรอก โตๆกันแล้ว” พายุรีบห้ามเพราะไม่อย่างนั้นคงเถียงกันอีกนานกว่าจะได้ทานข้าว
“ครับพ่อ” ฟิลพยักหน้ารับเบาๆ
ในระหว่างที่ทุกคนนั่งทานข้าวกันอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของฟีนิกซ์ดังขึ้นทำให้ทุกคนมองกันอย่างสนใจ เขากดรับและคุยตรงนั้นไม่ได้ลุกออกไปคุยส่วนตัว
“อืม พรุ่งนี้อย่าสาย” แด๊ดดี้ฟีนิกซ์รับคำในลำคอก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“ใครโทรมาว่ะนิกซ์?” พายุ
“ลูกโทรมาขอค้างข้างนอก” ฟีนิกซ์ตอบเสียงเรียบ
“ไอ้ไฟท์ค้างข้างนอก?”
เมื่อได้ยินคำตอบฟิลก็พูดทวนคำพูดของแด๊ดอย่างตั้งคำถาม ออกไปหาเพื่อนว่าแปลกแล้ว แต่การขอข้างข้างนอกแปลกยิ่งกว่า
“หึ” มุมปากหนายกขึ้นเล็กน้อย ขำในลำคอเบาๆ ตักอาหารโปรดใส่จานให้พายุ
“กูบอกว่าไม่ต้องไปเสือกเื่ของมันไงไอ้ฟิล” พายว่าอย่างขัดใจในความขี้เสือกของพี่ชายคนรอง
“ก็กูอยากรู้นี่หว่า กูใส่ใจพี่ชายผิดหรือไง?” ฟิลถามกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“ผิดที่มึงขี้เสือกเนี่ย” พายด่าพร้อมรอยยิ้มสวย
“ฮ่าๆๆๆๆ” คำพูดของพายสร้างเสียงหัวเราะได้จากทุกคน จะมีเพียงแค่แด๊ดคนเดียวที่ยกยิ้มบางๆ
ทุกคนนั่งทานข้าวพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน แต่ดูเหมือนวันนี้แด๊ดจะหวานใส่พ่อพายุเป็พิเศษ ตักอาหารให้อย่างเอาใจดูอบอุ่นละมุนสุดๆ
พวกเราเป็แฝดสามเกิดจากแม่ที่เป็ผู้ชาย แต่เชื่อไหมพวกเราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็ปมด้อยสักนิด ไม่ได้สนใจการเหยียด การโดนบลูลี่หรืออะไรก็ตาม ออกจะภูมิใจด้วยซ้ำ
พ่อพายุที่อุ้มท้องพวกเรามา แมนกว่าพ่อของใครหลายๆคน แด๊ดดี้ฟีนิกซ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรียกได้ว่าโคตรแมน เมื่อก่อนเราทั้งสามเรียกพ่อพายุว่ามี้ แต่พอเริ่มโตขึ้นพวกเราก็เปลี่ยนสรรพนามไปเอง พ่อพายุก็ถามเหตุผลในเื่นี้และคำตอบที่พวกเราตอบคือ พ่อพายุแมนเกินกว่าจะเรียกมี้ ซึ่งคำตอบนี้สร้างเสียงหัวเราะจากพ่อพายุและแด๊ดฟีนิกซ์ได้เป็อย่างดี
ท่านทั้งคู่ต่างเลี้ยงดูพวกเราด้วยความรัก และนอกจากพ่อกับแด๊ดแล้วเรายังได้รับความรักจากคุณปู่ คุณย่า คุณตา และคุณยาย ทั้งยังมีเพื่อนๆของพ่อกับแด๊ดอีกหลายคน จำได้ว่าเมื่อก่อนพวกน้าๆลุงๆมักพาลูกๆของท่านมาเล่นด้วยกันในวันที่พวกท่านว่าง แต่พอเริ่มโตก็ไม่ได้สนิทกับพวกน้าๆลุงๆอย่างเมื่อตอนเด็ก จะเจอกันบ้างบางครั้งในงานเลี้ยงธุรกิจ
แต่ส่วนใหญ่พวกแด๊ดกับพ่อและลุงๆชอบนัดกันไปแฮงค์เอ้าท์กันที่ร้านเหล้าเสียมากกว่า
พฤติกรรมของพ่อกับแด๊ดเปลี่ยนไปเมื่อพวกเราทั้งสามคนโตขึ้น ั้แ่เรายังจำความไม่ได้จนถึงอายุ 16 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อจะแทนตัวเองด้วยชื่อเสมอเมื่ออยู่กับแด๊ด ส่วนแด๊ดแทบไม่พูดคำหยาบคายเลยยกเว้นกับเพื่อนสนิทอย่างคุณลุงเควินหรือคุณอาวิสกี้ น้อยครั้งมากจะได้ยินคำพูดหยาบคายออกจากปากของทั้งคู่
ในความเป็จริงนั้นก็ไม่ได้เป็คำพูดที่หยาบคายอะไร ก็แค่คำว่ากูมึง ซึ่งคำพวกนี้เราทั้งสามคนใช้ั้แ่ 10 ขวบได้ละมั้ง ทั้งที่ตอนนั้นทั้งพ่อและแด๊ดไม่เคยหลุดพูดออกมาให้ได้ยินสักครั้ง อาจจะด้วยเพราะการที่เรามีเพื่อน สังคม โรงเรียน และผู้คนที่พบเจอ คือต่างคนต่างร้อยพ่อพันแม่ การเลี้ยงดูจึงไม่เหมือนกัน
แต่ใช่ว่าพ่อกับแด๊ดจะพูดกูมึงบ่อย จากที่สังเกตพ่อพายุจะเป็คนพูดเสียมากกว่า และพูดตอนที่โกรธแด๊ดฟีนิกซ์เท่านั้น หรือโดนแด๊ดแกล้งมากๆแล้วทำอะไรแด๊ดไม่ได้เลยระบายอารมณ์ด้วยการด่าแทน เป็การด่าที่พวกเรามักจะได้เห็นรอยยิ้มของแด๊ด ท่านทั้งคู่ไม่เคยพูดหยาบคายกับพวกเราทั้งสามคนเลยสักครั้งไม่ว่าพวกเราจะทำผิดแค่ไหนก็ตาม
แต่มีอย่างหนึ่งที่ทั้งคุณย่าและคุณยายต่างส่ายหน้าให้พวกเราทั้งสามคนคือความเ้าชู้ พวกท่านบอกว่าพวกเรานั้นเ้าชู้เหมือนพ่อกับแด๊ดสมัยวัยรุ่นไม่มีผิด มันเป็ความจริงที่พวกเราต่างยอมรับ
จำได้ว่าพวกเรามีเซ็กส์ครั้งแรกั้แ่อายุ 14 ปีมั้ง ด้วยความอยากรู้อยากลองแต่ถูกพ่อสอนเสมอให้รู้จักป้องกัน ไม่ว่าจะเป็โรคและผลที่ตามมา พวกเราเลยต้องดูแลตัวเองอย่างดีเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด และั้แ่จำความได้เราทั้งสามคนมีเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันอีก 6 คนคือ ไดม่อน สิงห์ กัน คราม อากิและพอร์ช
แด๊ดพูดเสมอว่าไม่มีทางที่คนทั้งหกคนนี้จะไม่มีทางหันหลังให้เราแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
พวกเขาจะเป็คนสุดท้ายที่จะยังยืนหยัดอยู่ข้างๆเสมอ แต่ห้ามไว้ใจใครนอกจากตัวเองเป็คำสอนที่ขัดแย้งแต่พอเข้าใจได้ สภาพแวดดล้อมที่เต็มไปด้วยความว่าธุรกิจและการแข่งขัน เราไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร เพื่อการมีชีวิตรอดและปลอดภัยแด๊ดจึงสอนให้พวกเราเรียนรู้การใช้ชีวิต การเอาตัวรอดในด้านต่างๆ ศิลปะต่อสู้ที่หลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเทวันโด ยูโด มวยไทย ฟันดาบ ยิงปืน ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การใช้ยาบางชนิด รวมไปถึงการทำอาหาร ทั้งยังวัดระดับความสามารถของพวกเราทุกๆเดือน นอกจากทั้งหกคนที่ดูแลอย่างใกล้ชิดแล้วยังมีบอดี้การ์ดรุ่นใหญ่ที่คอยตามดูแลพวกเราอยู่ห่างๆทั้งรับรู้ และที่ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาเ่าั้
ครอบครัวของเราเรียกได้ว่ารวยอันดับต้นๆของประเทศ และติด 1 ใน 1000 ของโลก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามมักเป็ที่จับตามองเสมอ มีธุรกิจมากมายหลายอย่าง แต่หลักๆคือโรงพยาบาลที่มีมากกว่า 20 สาขาในประเทศและอีกหลายสาขาในยุโรป
ธุรกิจหลักอีกอย่างของครอบครัวคืออสังหาริมทรัพย์ ที่เป็บริษัทั์ใหญ่ ใครๆก็ต่างให้ความเคารพเกรงอกเกรงใจ นี่ยังไม่รวมหุ้นต่างๆที่ซื้อทิ้งไว้อีกนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่ไว้เก็บปันผลรายปี แค่เงินในส่วนนี้ก็ทำให้มีกินมีใช้ตลอดชีวิตโดยที่ไม่ต้องทำงาน คือพวกเรารวยั้แ่อยู่ในท้องพ่อ พอคลอดออกมาก็มีทรัพย์สินเงินทองในชื่อตัวเองคนละ 200M+ พ่อกับแด๊ดบอกว่าเป็ของขวัญวันเกิดในทุกๆปีที่ได้จากคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย บรรดาคุณลุงคุณน้าที่เป็เพื่อนกับพ่อและแด๊ด
และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ตอนนี้พวกเราทั้งสามคนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
“ก๊อก ! ก๊อก ! ก๊อก !”
………………………………………………….
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้