“หากเ้า้าเช่นนั้นก็ย่อมได้ แต่พรุ่งนี้ข้าจะแจ้งท่านพ่อ ให้ท่านส่งคนมารับเ้าไปจากโรงเรียนยุทธ์ทันที!”
หานปี้ฉือที่ดวงตาเบิกกว้างกัดฟันโกรธเมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็ยิ้มออดอ้อน นางะโไปอยู่ด้านหน้าหานโหรว จากนั้นจึงจับไปที่แขนพี่สาวแล้วกล่าวว่า “ข้าจะไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้ พี่อย่าบอกท่านพ่อให้ส่งคนมารับข้ากลับไปได้หรือไม่?”
“ข้าสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาให้พี่ อีกสามปีข้าจะกลับไปอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำขอของหานปี้ฉือ หานโหรวที่รู้สึกใจอ่อนจึงกล่าวเสียงนิ่งออกมาว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าจะต้องรายงานท่านพ่อเสียหน่อยแล้ว”
หานปี้ฉือพยักหน้ารัวๆ เหมือนดั่งไก่จิกข้าว ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มดีใจออกมา
หานโหรวเบนสายตาจากหานปี้ฉือแล้วหันไปมองหยวนจุน นางกล่าวว่า “มิน่าล่ะเ้าถึงปฏิเสธน้ำใจของข้า ที่แท้เ้าก็มีความสามารถที่ซ่อนอยู่นี่เอง”
“ในเมื่อเ้าเข้าเป็ศิษย์ฝ่ายในแล้ว เราต่างก็เป็พี่น้องโรงเรียนยุทธ์เดียวกัน หากมีปัญหาเ้าสามารถปรึกษาข้าได้”
หยวนจุนพยักหน้าเบาๆ ในใจมีบางอย่างที่อยากจะถามหานโหรว
“ศิษย์พี่หาน หลังจากที่ศิษย์คนใหม่เข้ามา ทุกคนจะถูกจัดให้อยู่กับปรมาจารย์ที่ต่างกันใช่หรือไม่?”
“ใช่ แต่ต้องหลังจากที่พวกเ้าผ่านการทดสอบครั้งที่สองของศิษย์ฝ่ายในก่อน จึงจะสามารถเข้าไปฝึกฝนกับปรมาจารย์ได้”
จากนั้นหานโหรวจึงกล่าวอย่างไม่ปิดบังว่า “โรงเรียนของเรามีปรมาจารย์ทั้งหมดสี่คน โดยแบ่งเป็สี่กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ฟ้า ดิน ดำ และเหลือง อีกหนึ่งเดือนให้หลัง เ้าจะได้รับการทดสอบและสามารถเลือกฝึกฝนจากสี่กลุ่มนี้ได้”
หยวนจุนไม่ค่อยรู้เื่เกี่ยวกับระเบียบขั้นตอนภายในโรงเรียนหรือภายในสำนักมากนัก ตอนนี้เขารู้แค่ว่าตนเองเป็เพียงศิษย์ฝ่ายในธรรมดา ซึ่งหลังจากนี้จะมีโอกาสได้เป็ศิษย์ฝ่ายในที่แท้จริง
ภายใต้การชี้แนะของปรมาจารย์เท่านั้นถึงจะได้รับโอกาสในการฝึกฝน รวมถึงได้ฝึกวิชายุทธ์ที่สืบทอดต่อกันมาอีกด้วย!
“ภายในหนึ่งเดือนนี้พวกเ้าจะมิได้อยู่เฉยๆ อย่างแน่นอน ในโรงเรียนยุทธ์เสวียนจีมีหอเสวียนจีที่ศิษย์ฝ่ายในสามารถใช้ป้ายหยกเข้าออกได้ หอแห่งนี้เป็สถานที่ที่มีปราณดาราหนาแน่นมากกว่าด้านนอกหลายเท่า หากโชคดีจะสามารถเชื่อมประสานกับดวงดาวพิเศษบนท้องฟ้าได้”
“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อโอกาสในการเป็ศิษย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในวันข้างหน้า”
เมื่อพูดจบ หานโหรวก็ไม่ลืมที่จะเสริมท้ายประโยคไปว่า “ศิษย์ฝ่ายในนั้นมีจำนวนมาก และหอเสวียนจีก็ไม่สามารถรองรับคนได้มากถึงเพียงนั้น หากเ้า้าเลื่อนระดับพลังยุทธ์อย่างรวดเร็ว เ้าจะต้องแย่งชิงด้วยตนเอง”
เมื่อหานโหรวจากไป กว่าหยวนจุนจะทำให้หานปี้ฉือออกไปได้ก็ใช้เวลาสักพัก จากนั้นเขาจึงนั่งลงในห้องพักขนาดเล็กนี้
จู่ๆ หยวนจุนก็คิดเื่บางอย่างที่สำคัญออก เขาจึงรีบควบคุมจิตแล้วเข้าสู่สร้อยเอกภพทันที งูเหลือมเกล็ดโลหิตยังคงนอนเงียบๆ อยู่บนใบไม้แห้ง ส่วนผลึกอสูรของหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์หลายร้อยก้อนที่หยวนจุนใส่ไว้ไม่กี่วันก่อน ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่สิบก้อนแล้ว
หยวนจุนถึงกับใ เมื่อคิดว่าในเวลาเพียงไม่กี่วันลูกงูเหลือมตัวนี้ได้กลืนผลึกอสูรของสัตว์อสูรระดับสองไปเกือบร้อยก้อน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่มัน
ราวกับว่างูเหลือมเกล็ดโลหิตตัวนี้ััได้ถึงความสนใจของหยวนจุน มันจึงค่อยๆ เปิดตา ก่อนจะเลื้อยไปตามกิ่งไม้ที่แห้งเหี่ยว
ตอนนี้รูปร่างของมันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เว้นแต่คลื่นพลังที่อยู่บนเกล็ดที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น หากหยวนจุนคาดการณ์ไม่ผิด ตอนนี้งูเหลือมเกล็ดโลหิตน่าจะอยู่ขอบของระดับหนึ่งแล้ว อีกไม่นานมันต้องบรรลุเข้าสู่สัตว์อสูรระดับสองได้อย่างแน่นอน!
“ทำได้ดีทีเดียว ไม่เสียแรงที่ข้านั้นพยายาม”
หยวนจุนยิ้มแล้วพึมพำ จากนั้นจึงดึงจิตออกมาจากสร้อยเอกภพ
ในขณะที่หยวนจุนดึงจิตกลับมา งูเหลือมเกล็ดโลหิตได้ตามเขาออกมาด้วย มันส่ายหัวให้หยวนจุนด้วยความคุ้นเคย ดูแล้วน่าพึงใจเป็อย่างมาก
ลูกงูเหลือมแลบลิ้นออกมาราวกับกำลังจะบอกอะไรกับหยวนจุน ตอนนี้มันเป็เพียงสัตว์อสูรระดับหนึ่งจึงไม่สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ หยวนจุนจึงรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่มัน้าจะสื่อสาร
สีแดงหม่นบนลำตัวทำให้งูเหลือมเกล็ดโลหิตดูลึกลับมากขึ้นกว่าเดิม หยวนจุนใช้มือลูบที่หน้ามัน จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปนี้ข้าจะเรียกเ้าว่า ‘เสี่ยวโยว’ ก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินในสิ่งที่หยวนจุนพูด งูเหลือมเกล็ดโลหิตจึงแลบลิ้นออกมา มันยกหัวขึ้นด้วยท่าทางมีความสุข
เมื่อเห็นเสี่ยวโยวเลื้อยอยู่บนโต๊ะอย่างร่าเริง หยวนจุนที่ไม่อยากจะนำมันกลับเข้าไปในสร้อยเอกภพจึงหยิบขวดน้ำลั่วสุ่ยออกมาจากแหวนมิติ ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์เป็ตื่นเต้นเล็กน้อย
เขาสามารถเชื่อมประสานกับปราณธาตุไฟของดาวอี้เสอได้สำเร็จ เมื่อรวมกับตะวันทรงกลดของอักษรลับเก้าตะวันและอัคคีกลืน์แล้ว เขาก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้น จนไม่จำเป็ต้องใช้น้ำลั่วสุ่ยที่หายากนี้อีกต่อไป
ของสิ่งนี้มิได้เป็ที่้าของจักรวรรดิชิงหยางเท่านั้น เพราะแม้แต่จักรวรรดิต่างๆ ที่อยู่ในดินแดนิญญาต่างก็้ากันทั้งสิ้น
หากจะให้อธิบายคุณสมบัติล้ำค่าของน้ำลั่วสุ่ยภายในหนึ่งประโยค คงกล่าวได้แค่ว่ามันล้ำค่าจนไม่สามารถประเมินค่าได้
เหล่านักยุทธ์ั้แ่ระดับดาราไปจนถึงระดับตะวัน จะต้องต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อน้ำลั่วสุ่ยนี้อย่างแน่นอน!
น้ำลั่วสุ่ยขวดนี้เป็ขวดที่หยวนจุนได้แบ่งให้ผู้าุโชิวไปแล้ว ส่วนอีกขวดก็เพื่อเป็สิ่งที่ช่วยเสริมความมั่งคั่งให้แก่เขาเท่านั้น!
“ฟ่อ”
เสี่ยวโยวส่งเสียงออกมา มันเลื้อยพันรอบขวดและพยายามออกแรงเปิดขวดน้ำลั่วสุ่ยนั้น
เมื่อหยวนจุนเห็นดังนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เ้า้าสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ?”
หัวของเสี่ยวโยวขยับขึ้นลงสองสามครั้ง ราวกับว่ามันเข้าใจในสิ่งที่หยวนจุนพูด
เขาเปิดฝาขวดหยกอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเทน้ำลั่วสุ่ยสีฟ้าอ่อนหยดหนึ่งลงบนโต๊ะ เขานึกไม่ถึงว่าคลื่นพลังที่บริสุทธิ์จะแผ่กระจายออกมาจนทำให้ห้องเล็กๆ เต็มไปด้วยพลังปราณดาราที่หนาแน่น
ไม่นานหยดน้ำลั่วสุ่ยที่กำลังปลดปล่อยพลังออกมาก็ถูกเสี่ยวโยวดูดเข้าไปในปากทันที
มันแลบลิ้นเลียปาก จากนั้นจึงมองไปที่หยวนจุนและมองไปที่ขวดหยกด้วยแววตาที่้า
หยวนจุนหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบเก็บน้ำลั่วสุ่ย เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าสงสารออกมา
“การที่เสี่ยวโยวกลืนน้ำลั่วสุ่ยลงไปแค่เพียงหยดเดียว สามารถทำให้กระแสปราณในร่างกายแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างนั้นหรือ?”
หยวนจุนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะคิดได้ว่า งูเหลือมเกล็ดโลหิตอาศัยอยู่ในูเาสองแดนมาหลายปี มันย่อมได้รับผลจากน้ำลั่วสุ่ยอยู่แล้ว ดังนั้นร่างกายของมันจึงต้องมีกระแสปราณของน้ำลั่วสุ่ยอย่างแน่นอน
เสี่ยวโยวมีร่างกายที่กลายพันธุ์ การดูดซับปราณดาราของมันจึงไม่ต่างอะไรกับการได้ดื่มน้ำเย็น
ซึ่งความแข็งแกร่งที่ได้จากน้ำลั่วสุ่ยนั้น ส่งผลต่อสัตว์อสูรอย่างเสี่ยวโยวด้วยเช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น หยวนจุนถูกหานปี้ฉือปลุก แน่นอนว่าเพื่อเรียกเขาให้ไปบ่มเพาะพลังที่หอเสวียนจี
“เรารีบไปที่หอเสวียนจีกันเถอะ! พวกศิษย์ใหม่ไปกันั้แ่เช้าแล้ว ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจไม่มีที่ให้เราแล้วก็ได้”
หานปี้ฉือขยับตัวเล็กน้อย จากนั้นจึงดึงมือหยวนจุนออกไปทันที
ทั้งสองใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยามจึงไปถึงหอเสวียนจีที่อยู่ภายในโรงเรียนยุทธ์เสวียนจี ด้วยความกว้างใหญ่ของหอแห่งนี้ จึงทำให้พวกเขาที่อยู่ภายนอกสามารถััคลื่นพลังที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้