แม้ภาพนั้นจะถูกวาดขึ้นอย่างหยาบๆ แต่หากมองอย่างละเอียดแล้วจะดูออกได้ว่านั่นคือเสิ่นเสวียน
หากเสิ่นเสวียนได้เห็นเข้าคงสาปแช่งออกมาอย่างแน่นอน คนมากมายไม่วาด มาวาดแค่เขาคนเดียว
ผู้ที่วาดขึ้นคือขั้นบรรพบุรุษที่โดนเสิ่นเสวียนโจมตีจนาเ็ก่อนหน้านี้ เสิ่นเสวียนเพียงชี้นิ้วเดียวใส่เขาก็เกือบทำลายพลังของเขาไปแล้ว เขาจึงจดจำเสิ่นเสวียนได้ขึ้นใจ
“ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน”
เหลยป้าเทียนดึงมือกลับมาทันที แล้วเอ่ยถามคนผู้นั้น
“กำลังกินข้าวอยู่ที่โรงเตี๊ยมในเมือง”
“เรียกพ่อบ้านหนิงไปจับตัวเขามา”
เสียงของเหลยป้าเทียนเปี่ยมไปด้วยโทสะ ดังก้องไปทั่วห้องโถงตระกูลเหลย
ภายในโรงเตี๊ยม ทั้งสี่สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะพร้อมกับเครื่องดื่ม แม้เริ่นเสี้ยวเทียนจะไม่ค่อยระวังคำพูดสักเท่าไร แต่เขาเชี่ยวชาญในการจัดการความสัมพันธ์เป็อย่างมาก ก่อนหน้านี้เสิ่นเสี่ยวเม่ยไม่ค่อยชอบใจเริ่นเสี้ยวเทียนนัก แต่ตอนนี้กลับคล้อยตามนิสัยของอีกฝ่าย และมีตอบรับคำบ้างเล็กน้อย
“พวกเ้าสังเกตไหมว่าที่นี่เงียบมาก”
ทันใดนั้นเริ่นเสี้ยวเทียนดื่มสุราเข้าไปหนึ่งจอก แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อืม”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า
“เงียบแบบนี้พวกเ้าไม่รู้สึกสงสัยบ้างหรือ ข้ามีลางสังหรณ์ว่าตระกูลเหลยรู้ถึงการมาของพวกเราแล้ว”
เริ่นเสี้ยวเทียนสีหน้าไม่สู้ดีนัก ด้วยอำนาจตระกูลเหลยในเมืองเสียเยว่แล้ว การค้นหาตัวพวกเขาเป็เื่ง่ายดายมาก
เสิ่นเสวียนกลับไม่กังวลเลย แม้อีกฝ่ายจะอยู่ในขั้นราชัน เขาก็มั่นใจว่าจะออกจากที่นี่ไปได้อย่างปลอดภัย
“พวกเขามาแล้ว...”
ขณะนั้นเอง เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่กำลังกินอยู่กวาดตามองไปรอบๆ แล้วกล่าวขึ้นเบาๆ
ขณะที่นางกล่าวออกมา เสิ่นเลี่ยนที่นั่งอยู่ข้างๆ กำหมัดแน่น พร้อมโจมตีตลอดเวลา
“ขั้นบรรพบุรุษสี่คน กองกำลังนี้ไม่เลวเลยทีเดียว!”
เสิ่นเสวียนจิบสุราเข้าไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างประหลาดใจ ส่งขั้นบรรพบุรุษออกมาถึงสี่คนเพื่อคนไร้ประโยชน์ผู้หนึ่ง สองคนอยู่ในระดับสูงสุด และอีกสองคนอยู่ในระดับกลาง เห็นได้ชัดว่านี่คือคนประเภทที่มักจะเผยความลับออกไปก่อน
คนที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งขั้นบรรพบุรุษระดับกลางาเ็ได้ในพริบตา จะเป็แค่คนธรรมดาได้อย่างไรกัน
“ขั้นบรรพบุรุษสี่คน ครั้งนี้พวกเราไม่จบเห่กันเลยหรือ”
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเสวียนทำให้เริ่นเสี้ยวเทียนมีสีหน้าตื่นใขึ้นมาทันที กองกำลังที่มีพลังขนาดนี้ก่อให้เกิดแรงกดดันมหาศาลต่อผู้ฝึกตนขั้นปรมาจารย์คนหนึ่ง
“แบบนี้ไม่ได้เป็ไปตามที่เ้า้าหรอกหรือ”
เสิ่นเสวียนมองเริ่นเสี้ยวเทียนแล้วยิ้ม กล่าวอย่างมีเลศนัย
“เอ๋? สหายเสิ่น เ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเพียงแอบตามไปเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นเร็วขนาดนี้” เริ่นเสี้ยวเทียนปฏิเสธออกมาทันที
“ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น เ้าคิดจริงจังไปแล้ว แต่พลังของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก” เสิ่นเสวียนััได้ว่านอกจากขั้นบรรพบุรุษสี่คนนี้แล้ว ยังมีขั้นแม่ทัพอยู่อีกสามสิบกว่าคน ขั้นแม่ทัพมากมายขนาดนี้ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลเสิ่นทั้งตระกูลเสียอีก
หากเป็ก่อนหน้านี้ พลังเช่นนี้เพียงพอที่จะทำลายตระกูลเสิ่นได้เลยทีเดียว
“เสี่ยวเม่ย เ้ากับเสิ่นเลี่ยนพยายามผ่อนคลายเข้าไว้ อย่าต่อต้านไม่ว่าข้าจะทำอะไรกับพวกเ้าก็ตาม”
“อืม”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนพยักหน้าพร้อมกัน
ในพริบตาที่พวกเขาพยักหน้า คลื่นพลังมิติได้พัดผ่านร่างของพวกเขาไป แล้วพวกเขาทั้งสองคนก็หายไปจากตรงนั้นทันที
“หายไปแล้ว?”
เริ่นเสี้ยวเทียนที่นั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้าตื่นใ ทว่าลึกเข้าไปในแววตากลับฉายความแปลกใจออกมา เหมือนกับเื่ที่สงสัยได้ถูกพิสูจน์แล้ว
เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนััได้เพียงทุกสิ่งเบื้องหน้าแปรเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขามองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งก็มาอยู่ในมิติแคบๆ แห่งหนึ่ง เสิ่นเลี่ยนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าร่างไร้ิญญาร่างหนึ่ง นั่นคือร่างของพี่ใหญ่จากเผ่าอนธการที่เสิ่นเสวียนสังหารไปก่อนหน้านี้
เพราะมิติแคบเกินไป ร่างไร้ิญญาร่างนี้จึงอยู่แนบชิดกับเสิ่นเลี่ยนมาก เสิ่นเลี่ยนเบิกตาโพลง ตอนนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ความหวาดกลัวภายในใจทำให้ความคิดของเขาหยุดนิ่งไป
“หลีกไป!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องะโออกมา พลางใช้ฝ่ามือโจมตีใส่ร่างไร้ิญญา แต่ร่างนั้นกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
ตรงหน้าของเสิ่นเสี่ยวเม่ยมีร่างไร้ิญญายืนอยู่เช่นกัน ร่างนี้ก็คือเหลยต้งจากสำนักตี้หยิน ผู้ที่เกือบทำลายตระกูลเสิ่นก่อนหน้านี้นั่นเอง
“เสี่ยวเม่ยไม่ต้องกลัว พวกเขาเป็เพียงร่างไร้ิญญาเท่านั้น”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังขึ้นในหูของพวกเขาทั้งสอง สำหรับเสิ่นเสวียนแล้วนี่เป็เพียงร่างไร้ิญญาเท่านั้นจริงๆ แต่สำหรับเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนที่เพิ่งอายุสิบกว่าปีกลับเป็สถานการณ์ที่ปรับตัวได้ยากมาก แม้พวกเขาจะไม่เกรงกลัวการสังหารคน แต่หากต้องสบตากับร่างไร้ิญญาเช่นนี้ เป็เื่ยากมากที่จะควบคุมความหวาดกลัวภายในจิตใจ
“อ้อ... อ้อ”
แม้ยังหวาดกลัวแต่เสิ่นเสี่ยวเม่ยก็ตอบกลับเสิ่นเสวียนไปทันที ทว่าเสิ่นเลี่ยนไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขายังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน เห็นได้ชัดว่าเขายังผ่านมันไปไม่ได้
“พวก... พวกเขา... หายไปไหนแล้ว”
เริ่นเสี้ยวเทียนนั่งอยู่ข้างๆ เสิ่นเสวียน เขาเห็นเสิ่นเลี่ยนหายตัวไป จึงถามเสิ่นเสวียนทันทีด้วยอาการตื่นใ
“ถูกข้าซ่อนไว้แล้ว หลังจากนี้จะอันตรายมาก ไม่จำเป็ต้องให้พวกเขาเข้าร่วมด้วย”
เสิ่นเสวียนกระตุกยิ้มมุมปากพลางกล่าว
“สหายเสิ่น ความจริงแล้วข้าก็กลัวอันตรายเช่นกัน” เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวทันที
“เ้า? ช่างเถอะ!”
เสิ่นเสวียนส่ายหัว แสดงออกว่าไม่ยอมรับ
เขาไม่เชื่อมาั้แ่แรกว่าเริ่นเสี้ยวเทียนจะธรรมดาเหมือนอย่างที่เห็น คนผู้นี้เก็บงำบางอย่างไว้ลึกๆ ที่เข้ามาตีสนิทกับพวกเขาต้องมีเป้าหมายอย่างอื่นแน่ เื่ที่เกิดขึ้นในเมืองเสียเยว่ครั้งนี้อาจเป็แผนการของเขาก็ได้ เสิ่นเสวียนยังรู้สึกแคลงใจ แล้วจะให้เปิดเผยของล้ำค่าออกไปได้อย่างไรกัน
“เหอๆ คิดว่าซ่อนตัวแล้วพวกเ้าจะรอดพ้นไปได้อย่างนั้นหรือ”
เสียงชายชราผู้หนึ่งดังเข้ามาในโรงเตี๊ยม ขณะเดียวกันก็มีไอพลังสังหารพุ่งตามเข้ามาด้วย
ทันทีที่เสียงดังขึ้น ในโรงเตี๊ยมก็ปั่นป่วนทันที ลูกค้าทั้งหลายพากันหนีออกจากโรงเตี๊ยม ภายในไม่กี่ลมหายใจก็เหลือเพียงเสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
จากนั้นชายชราสวมชุดลายกระเรียนผู้หนึ่งค่อยๆ ย่างเท้าเข้ามาจากถนนทิศใต้ เขาดูมีอายุประมาณห้าสิบหกสิบปี ที่เด่นชัดที่สุดบนใบหน้าคือไฝตรงมุมปากซ้าย ไว้หนวดสีดำยาวลงมาถึงคาง ทำให้เกิดความรู้สึกประทับใจที่ต่างออกไป
“ปรมาจารย์อี้เกินหู!”
เริ่นเสี้ยวเทียนที่นั่งอยู่ข้างๆ กล่าวชื่อนี้ขึ้นมา
“ดูเหมือนพวกเ้าก็ไม่ได้โง่เขลา เหตุใดถึงยังกล้าย่างกรายเข้ามาที่เมืองเสียเยว่อีก”
เมื่อได้ยินคำของเริ่นเสี้ยวเทียน ชายชราชุดกระเรียนส่ายหัวเล็กน้อย คิดจริงๆ ว่าอีกฝ่ายโง่เขลายิ่งนัก เพราะพวกเขากล้าทำเช่นนี้ทั้งที่ก็รู้จักตน
“อี้เกินหู ชื่อนี้ค่อนข้างเข้ากับภาพลักษณ์ของท่าน ขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุด พลังไม่เลวเลยทีเดียว”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่าย ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกชอบใจอย่างอธิบายไม่ถูก
“เฮอะ! เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
อี้เกินหูได้ยินคำเหยียดหยามของเสิ่นเสวียนจึงสะบัดแขนเสื้อก่อให้เกิดพลังรุนแรงพุ่งออกไปทันที เมื่อััได้ถึงพลังที่พุ่งเข้ามา เสิ่นเสวียนจึงตบโต๊ะเบาๆ หลบหลีกออกจากมิติเดิม
เปรี้ยง!
พลังรุนแรงนั้นฟาดลงที่พื้น ทำให้เกิดรอยแตกลึกเป็แนวยาว
“ช่างไม่รู้ค่าของอาหารกันเลยจริงๆ เกือบต้องเสียเปล่าแล้ว”
เสิ่นเสวียนหยิบไหสุราขึ้นจากโต๊ะแล้วรินสุราจนเต็มจอก
“เป็อย่างที่พ่อบ้านหนิงกล่าวไว้ไม่ผิด เ้าไม่ธรรมดาจริงๆ”
เห็นเสิ่นเสวียนสามารถรับมือพลังโจมตีของตนได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น อี้เกินหูจึงแสดงสีหน้าจริงจังออกมา คนผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ก่อนหน้านี้เขายังสงสัยว่าเหตุใดท่านผู้นำถึงส่งพวกเขาสี่คนมาที่นี่ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
“ออกมาเถอะ อย่าซ่อนตัวอีกเลย”
หลังจากดื่มสุราจนหมดจอก เสิ่นเสวียนที่นั่งอยู่ภายในโรงเตี๊ยมจึงกล่าวด้วยเสียงดังก้อง โรงเตี๊ยมแห่งนี้ล้อมด้วยถนนสามด้าน และยังเป็อาคารเปิดโล่ง เขากล่าวออกไปทั้งสามด้านจะได้ยินอย่างชัดเจน
เมื่อกล่าวจบ ชายชราอีกสามคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันจากสามด้าน ตะวันออก ใต้ และตะวันตก หากรวมอี้เกินหูเข้าไปด้วยก็ครบสี่คนพอดี
ขั้นบรรพบุรุษสี่คนมารวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว
หลายคนที่พยายามเข้ามาเพื่อดูเื่สนุกได้เห็นเหตุการณ์นั้น ต่างก็ครุ่นคิดว่าคนผู้นั้นเป็ใครมาจากไหน ถึงทำให้ผู้าุโทั้งสี่คนต้องปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันเช่นนี้ ทว่าแววตาที่พวกเขามองเสิ่นเสวียนเหมือนเห็นเสิ่นเสวียนเป็เพียงร่างไร้ิญญา ไม่มีอย่างอื่นเลย
ล่วงเกินตระกูลเหลยในเมืองเสียเยว่ และยังทำให้ผู้าุโทั้งสี่คนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ยากที่จะรอดชีวิตไปได้
“เ้าจะลงมือเอง หรือให้พวกข้าช่วยเ้า”
อี้เกินหูมองเสิ่นเสวียนแล้วกล่าวอีกครั้ง
“เหอๆ ผู้าุโทั้งสี่รวมตัวกันเช่นนี้จะกล้ารบกวนพวกท่านได้อย่างไร อย่าสู้กันเลย ข้าตามพวกท่านไปยังตระกูลเหลยเป็อย่างไร”
เสิ่นเสวียนลุกยืน เขายกมือขึ้นสองข้างแสดงท่าทางยอมแพ้