บรรยากาศภพุ์นั้นไม่ต่างจากที่ร่ำเรียนและรับรู้มามากไปนัก สถานที่นี้บรรยากาศสลัวๆ รกร้าง แห้งเหือด เงียบเหงา มีแต่ม่านหมอกดักิญญา ฝุ่นผงในอากาศ ชื้นๆ แห้งๆ ลมแรง และเต็มไปด้วยเสาหินผาผุดสูงมากมาย บรรยากาศรัดตึง และกดดันไปด้วยไอพยาบาทกรีดบาดลึกถึงกระดูก เกล็ดั และขนไฟของไป่ชิงหลง และหลิ่งกวางสามารถทนต่อแรงอาฆาตพวกนี้ได้ตามธรรมชาติ ส่วนฮวาเฟยฟาและเ้าวั่งซูจะสามารถทานทนได้ ถ้าคืนร่างต้นกำเนิด แต่ถ้าอยู่ในร่างมนุษย์จำต้องมีสิ่งป้องกันนั่นคือเสื้อเกล็ดัและเสื้อขนหมาป่าดำที่จะสะท้อนไออาฆาตพวกนี้ออกไป
ระหว่างทางไปก็จะได้พบเจอุ์หน้าตาประหลาดมากมาย กายมนุษย์ผู้หญิงมีปีกมีหัวเป็นก หัวเป็มนุษย์ผู้ชายปากฉีกตัวมีแปดขาเหมือนแมงมุม กายเป็มนุษย์แต่ใบหน้าไม่มีแต่ปนเปื้อนไปด้วยเชื้อรางอกผุดเต็มร่างกาย หัวมนุษย์ผู้หญิงลิ้นยาวเหยียดตาโบ๋ลำตัวยาวมีสี่ขาเหมือนตั๊กแตน ลำตัวเป็มนุษย์แต่แผ่แม่เบี้ยลิ้นสองแฉกและติดดวงไฟทั้งตัว หัวเป็ผู้หญิงโบราณแต่ตัวมีขนมีขาเล็กๆ ออกมามากมายเหมือนแมลง หัวเป็มนุษย์ผู้ชายปากฉีกมีเขา และลอยในอากาศไร้ร่างกาย ดวงตาถลนมีเขาลอยไปมาในอากาศ และอื่นๆ ที่มีลักษณะเหมือนผสมเข้ากับต้นไม้แต่มีหน้าตามนุษย์ ฝังอยู่แต่ลำตัวมีเส้นสายเหมือนแมลง บ้างก็ตัวใหญ่เท่าูเา บ้างก็เล็ก เต็มไปหมด ภพุ์ช่างเป็ที่รวมของสิ่งมีชีวิตที่น่าขนลุกสยดสยองมากเหลือเกิน
“เ้าดูลักษณะพวกนี้สิ มันทำข้าขนลุกไปหมด แต่ทำไมพวกเค้าดูนิ่ง และไม่ทำร้ายใคร เหมือนเลื่อนลอยแต่ไอพยาบาทรุนแรงมาก” เ้าวั่งซูเอ่ยสงสัย
“ร่างุ์เป็ร่างมนุษย์ที่รวมเข้ากับสิ่งมีชีวิตจากภพอื่นๆ ข้าว่าเหล่าดวงจิตพวกนั้นน่าจะมีทั้งที่หมดสิ้นหนทางหลงมาหรือไม่ก็มีความ้ามีชีวิต และมองหาร่างเพื่อตั้งอาศัย และอีกอย่างคือ พวกที่โดนฆ่า และชิงิญญามาผนวกเข้ากับเป็ร่างุ์ขึ้นมา แต่ร่างุ์นั้นแม้นแข็งแกร่งเพราะรวมเข้าหลายิญญาหลายพลังจักรา แต่ไร้ซึ่งศูนย์กลางควบคุมจักรา ความคิดล้วนไม่ประสานเข้ากันทั้งนี้เพราะมีมากเกินหนึ่งดวงจิต เกินหนึ่งปัญญา และเกินหนึ่งร่างกาย ทำให้ขาดการควบคุมร่าง และขาดการตัดสินใจที่ดี ร่างุ์ได้แค่ตามกลิ่นิญญาสิ่งมีชีวิต และใช้กำลังเข้าชิงกัดกลืนกินเข้าไปในร่างตน หรือไม่ก็รอให้ิญญาอื่นเดินทางรวมเข้าแบบง่ายๆ ข้าเข้าใจว่าร่างุ์นี้ก็ไม่ต่างอะไรจากร่างกลวงเปล่าที่หลายๆ ิญญามารวมกัน และมีอยู่ไม่สลายไปในร่างนั้นๆ” เฟยฟาเล่า
“ุ์นี่ก็ฟังดูน่าทึ่ง และน่าขนลุกไปพร้อมกัน เอ๊ะ! ดูนั่นสิ! ปราสาทหินเก่าแก่นั่น” เ้าวั่งซูชี้ให้ทั้งสี่หยุดลอยเหนือปราสาทเก่าแก่หลังคาทะลุบางจุด และมีศีรษะมากมายติดอยู่กรีดร้องอ้าปากตั้งอยู่บนยอดหินผายอดหนึ่งที่แทงสูงจากพื้นขึ้นมา ประทีปอนันตกาล ลอย และเปล่งแสงเหนือเสาหินนั่น และลอยกลับคืนสลายตัวหายเข้าไปในร่างฮวาเฟยฟา
“แสดงว่าต้องเป็ที่นี่แหละ หัวใจบริสุทธิ์แห่งุ์” ฮวาเฟยฟาเอ่ย ทุกคนลดระดับลงไปหน้าประตูทางเข้า เป็ซุ้มบานใหญ่เส้นสายรากไม้ห้อยแสดงถึงความเก่าแก่ และไม่มีผู้มาเยี่ยมชม แต่ที่สำคัญคือบนประตูมีหน้าผู้หญิงขนาดใหญ่หน้าตาลักษณะคล้ายผู้หญิงแต่งหน้าสวยจากในวังใส่เครื่องแต่งผม แต่มีแค่หัวใหญ่ตั้งอยู่เหนือประตู หัวนั้นแม้จะขยับได้ และมีเสียง แต่พูดไม่เป็คำพูด ปากฉีกยิ้มฟันแหลมคม ทุกคนมองแบบระมัดระวังและรีบเดินผ่านซุ้มประตูทางเข้าไป และเดินต่อไปยังประตูหน้าหลังใหญ่เป็ประตูไม้เก่าแก่บ้านใหญ่โตผุพัง และหนักมาก ทุกคนพากันผลักแง้มเข้าไป
ด้านในตามโถงทาง และกำแพงรวมถึงเพดานมีุ์มากมายเป็ร่างที่เหมือนคนตาปากกลวงโบ๋ร้องโหยหวนเหมือนถูกติดตรึงอยู่กับพื้นปราสาท ชิงหลงสร้างเกราะกันทั้งสี่ไว้ให้ปลอดภัยจากการฉวยคว้าดึงจากมือมากมายเ่าั้ ตัวปราสาทเก่าผุพังมีรูที่แสงแดดส่องทะลุเข้ามามากมาย เดินเข้าไปเรื่อยๆ ผ่านุ์มามากมายจนเข้าไปด้านในสุดเป็บันไดสูงประมาณหนึ่งเหมือนนำทางสู่บัลลังค์เก่า และใหญ่้า
“เอ๊ะ! ดูนั่น! บนบัลลังค์!” เ้าวั่งซูชี้ไป้า เหมือนมีบางสิ่งใหญ่โตมโหฬารถูกตรึงล่ามด้วยโซ่ตรวนเอาไว้อย่างหนักแน่น ก้มหน้าสงบนิ่งไม่ขยับ เ้าวั่งซูและฮวาเฟยฟาจุดดวงประทีปขึ้นส่องไปทางร่างกายใหญ่โตที่ถูกตรึงไว้กับที่นั่น “ร่างกายเป็สีขาวเต็มไปด้วยรอยมัดกล้ามเนื้อและมีดอกคล้ายเห็ด และดวงตานับพันนับมื่นงอกขึ้นตามตัวเต็มไปหมด เหล่าดวงตาพากันกะพริบมองผู้มาเยือน รูปร่างสูงใหญ่โตคล้ายสัตว์โบราณเหมือนไป่ชิงหลงแต่ไม่มีปีก ใบหน้ายาวทรงหน้าเหมือนั มีเขาเจ็ดแปดอันเสยย้อนกลับขึ้นไปด้านหลังขดเกลียวเหมือนแพะกระจายเรียงตัวเป็แฉก หูยาวเรียวตั้งตรงชี้ขึ้นทางเดียวกับเขา ดวงตากลวงโบ๋สีดำว่างเปล่าทรงยาว ปากก็เช่นกัน มีเส้นรุงรังมากมายคล้ายหนวดยาวครอบั้แ่บริเวณเหนือปากลงมาพื้น ข้างในปากดำมืดกลวงโบ๋เวิ้งว้างเหมือนดวงตา ถูกล่ามโซ่ตรวนตรึงไว้ ไม่ขยับตัว”
“อันนี้คือตัวอะไร และไหนคือหัวใจบริสุทธิ์แห่งุ์ที่พระแม่แห่งจิติญญาบอก” เ้าวั่งซูกระซิบเสียงดังฮวาเฟยฟายกมือปราม และใช้ความคิด
“ท่านผู้าุโ ไม่ทราบว่าท่านพอจะชี้แนะได้หรือไม่ พวกข้ามาที่นี่เพื่อตามหาหัวใจบริสุทธิ์แห่งุ์” ฮวาเฟยฟาเอ่ยพร้อมทำความเคารพ
“ข้ารู้สึกถึงพลังจักรา แต่ร่างนี้แม้นดวงตากะพริบ แต่ไร้สัญญาณมีชีวิตเหมือนเป็สิ่งแปลกปลอมที่มาผนวกเข้าร่างมากกว่าร่างจริงของเค้าดูเหมือนรูปปั้นหินมากกว่าตอนนี้ หรือว่าเค้าอาจจะเคยมีชีวิต แต่ตอนนี้แข็งเป็หิน อืม! ข้าว่า ไม่น่าจะตอบอะไรเราได้” เ้าวั่งซูและหลิ่งกวางเดินเข้าไปใกล้ๆ สังเกต
“ได้สิ! ข้ายังสามารถขยับ และพูดได้!” เสียงสิ่งมีชีวิตร่างใหญ่ตรงนั้นส่งเสียงมา แต่ร่างกายไม่มีส่วนใดขยับยกเว้นดวงตาที่ยังคงกะพริบไปมาทั่วร่างกาย
“นี่ท่าน” ฮวาเฟยฟายังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงตอบ
“องค์ชายัสินะ ไม่ได้พบกันนาน ทรงสบายดีไม๊ เพราะเป็ท่านสินะ ถึงมาเหยียบยังภพุ์นี้ได้”
“ท่านรู้จักข้าด้วย ข้าน้อยขอทราบว่าท่านคือใคร” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม พร้อมทำความเคารพอีกทีหนึ่ง
“ข้าเป็ใคร!? ข้าเป็ร้อยสิ่งพันสิ่ง เ้าอาจจะมองว่าุ์นั้นน่าเกลียดน่ากลัวแต่จริงๆ แล้วุ์คือสิ่งมีชีวิตพิเศษที่เป็เหมือนภาชนะรองรับิญญาเร่ร่อนไร้ที่ทางไป หรือบางดวงแม้แต่จะกลับภพต้นกำเนิดก็ไม่อาจทำได้ บ้างก็เป็แค่เศษเสี้ยวที่ล่องลอยมาหาที่พักพิง และอย่างที่พวกเ้าก็รู้ว่าการข้ามภพนั้นไม่ได้รับการอนุญาต และยิ่งการเข้าแฝงร่างนั้นยิ่งเป็ความผิดมหันต์ แล้วพวกเหล่าิญญาที่ยังต้องเวียนว่ายไร้ที่ไปหล่ะ!? พวกเ้าคิดว่าพวกเค้าจะไปอยู่ไหน ในเมื่อทุกดวงิญญาล้วนเวียนว่ายไม่รู้จบไร้ทางดับสูญ คำตอบคือเข้ารวมร่างกับุ์ไง
พระแม่แห่งจิติญญาปลอบประโลมและซ่อมแซมบางส่วนของดวงจิตที่ดับ และคืนสู่ท่าน และส่งออกไปยังภพภูมิที่คู่ควร และภพภูมิุ์นั้นก็เป็ภพที่ได้ชื่อว่ามีดวงจิตถูกส่งมามากที่สุด และที่เ้าเห็นพวกข้าหน้าตารูปร่างอัปลักษณะ ความรู้ ความคิด ความสามารถ มิอาจรวมศูนย์ ทำให้ไม่สามารถสื่อสารได้ถนัดเหมือนสัตว์จากภพอื่นๆ และร่างกายที่ประหลาดพิกลพิการ เนื่องมาจากการรวมร่างกับสิ่งแปลกๆ มากมายทำให้ท่าทางที่แสดงออกนั้นถูกตีความโดยผู้ที่เรียกตัวเองว่ามีอารยะว่า ป่าเถื่อน ชั่วช้า ชั้นต่ำ และไร้ซึ่งหัวใจแห่งความดีงามตามภพต้นกำเนิดเดิมใช่ไม๊! เ้าหนุ่มแห่งสกุลเ้า เ้าแห่งภพมนุษย์” ผู้เฒ่าเอ่ยชื่อเ้าวั่งซูขึ้นปิดท้าย ถึงกับทำให้เ้าวั่งซูสะอึก
“เดี๋ยวนะ! นี่ท่านก็รู้จักข้าหรอ?” เ้าวั่งซูเอ่ยถามเอามือป้องปากแปลกใจ
“ไม่มีใครไม่รู้จักเ้าวั่งซู บุตรกำเนิดจากราชันย์หมาป่าดำแห่งปรภพหรอก ฟังดูป็นเ้านรกชั่วร้ายแต่จริงๆ ให้กำเนิดบุตรทุกหนึ่งร้อยปีเพื่อรักษาสมดุลแห่งภพ และปกครองภพมนุษย์ ภาระที่ใหญ่ยิ่งนี้หนีไม่พ้นสิ่งที่ควรค่าเฉกเช่นคำว่า “วีรบุรุษ” ที่ควรถูกจดจำพวกข้าุ์ก็เช่นกัน การมีอยู่ของทุกสรรพสิ่งทุกภพ ที่ถูกมองว่าร้ายบ้าง ดีบ้าง เทาบ้าง ประเสริฐบ้าง ล้วนแล้วแต่มีผลจากการทำให้ถูกเกิดมา เพื่อความสมดุล และถ่วงดุลการเกิด การดับ และเวียนว่ายของดวงจิตสลับไปมาในทุกภพ” ท่านผู้เฒ่าพูดจบพร้อมกับการเว้นช่องไฟที่ยาวจนเหมือนหลับไปชั่วขณะ ในขณะที่ทั้งสี่ยังรอฟังเื่ราวต่อ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนตรงหน้าจะตื่นมาเล่าต่อจนจบ
“เอ้า! และยังไงเนี๊ยะ! ชื่อแซ่ก็ยังไม่รู้เื่ก็กำลังสนุก หลับ! เห้อ! ท่านผู้เฒ่านี่น้า!” เ้าวั่งซูเข้าไปมองหน้าใกล้ เพื่อดูว่าหลับแน่นอน และตัดพ้อ
“เป็จริงตามท่านผู้เฒ่านี้ว่านะ เ้าจำได้ไม๊ั้แ่ที่เราพบ เทพยดาเม่งเซี๊ยะ และั์ถูหลันแห่งภพฝัน เหล่าหมู่ซู่ผีเสื้อราตรีรวมถึงพระแม่แห่งจิติญญาที่ภพพืชพันธุ์ ทุกสิ่งจากทุกภพล้วนเกี่ยวข้องกัน ทำหน้าที่ของตน ให้รองรับดวงจิตในแต่ละ่เพื่อให้เหล่าดวงจิตนั้นก้าวข้ามผ่าน่เวียนว่ายหนึ่งๆ ไป เสมือนว่าการพบเจอกันเป็ฉากๆ หนึ่งในละครแห่งการเวียนว่ายของดวงิญญา และสิ่งที่ทุกคนทำที่เคยถูกตีตราว่าดำมืดหรือเทาขลับ ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลเพื่อขับเคลื่อน ถ่วงดุล และปั่นวงล้อแห่งกรรมและโชคชะตาให้หมุนเวียนไปอย่างเสมอภาคและยุติธรรม ทุกสิ่งในทุกภพภูมิล้วนมีอยู่เพื่อเกื้อกูล และ เชื่อมต่อถึงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก” ฮวาเฟยฟาเล่า
“จริงของเ้า เฟยเฟย ที่ทุกสรรพชีวิตจากทุกภพนั้น ล้วนต่างคิดว่าต่างคนต่างอยู่ ประตูแต่ละภพก็ปิดตาย ห้ามข้ามไปมา ห้ามล่วงละเมิด แต่จริงๆ แล้ว สายสัมพันธ์ที่พวกเราทุกคนล้วนกำเนิดมาจากพระแม่แห่งจิติญญานั้นมัน คือสายใยที่รัดผูกพวกเราไว้ด้วยกัน ด้วยความเกื้อกูล ต่างวาระ ต่างบริบท ต่างหน้าที่ แต่ท้ายสุดก็หนีไม่พ้นสายธารแห่งการเวียนว่ายตายเกิดนี้ ที่ทำให้เราผูกเข้าด้วยกันแบบไม่มีวันขาด” เ้าวั่งซูเล่าต่อจนจบ
“ถูกต้อง พระแม่แห่งจิติญญาคือกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง ท่านยิ่งใหญ่ด้วยการให้กำเนิด และ ยิ่งใหญ่ด้วยการสร้างตัวละครแต่ละตัวให้มีอยู่เพื่อถ่วงดุล สมดุล และควบคุมทั้งสองสิ่งนั้นไว้ พวกเ้าพอเข้าใจไม๊ ภพทุกภพถือกำเนิด และดูเหมือนจะแยกจากกันอย่างมีจุดมุ่งหมาย อย่างเช่น ปรภพมีหมาป่าดำเ้าภพและเทพธิดาแห่งแสงจันทร์บิดามารดาเ้า ภพพืชพันธุ์มีหมู่ซู่และผีเสื้อราตรี ภพ์มีองค์จักรพรรดิและเทพเซียนมากมายแต่ล้วนไร้ประโยชน์ มีท่านองค์ชายัผู้ถ่วงดุลแห่งภพ ภพเดรัจฉานมีฉีเทียนลู่และ” สายตาเหลือบขึ้นมองชิงหลงและหลิ่งกวางที่ลอยอยู่ใกล้ตั้งใจฟัง “เ้าัขาวนี่ และจิ้งจอกดำเก้าหาง ภพจิตภูติ ภพฝันแห่งความเงียบงัน ภพปีศาจ และภพอื่นๆ รวมถึงภพมนุษย์ ที่มีตระกูลเ้าผู้ถือครองเคียวแห่งภพ และภพุ์ที่มีข้า “หัวใจบริสุทธิ์แห่งุ์ ซินรั่วเจี๋ย” และ “หัวใจดำมืดแห่งุ์ ปู้จื๋อเต๋อ” นั่นก็คือุ์หุ่นกระบอกที่ข้ามไปภพพวกเ้าในตอนนี้ เห้อ!” ท่านผู้เฒ่าซินรั่วเจี๋ยเล่าพร้อมถอนหายใจ
“แสดงว่าท่านกับุ์หุ่นกระบอก คือพลังหยิน และพลังหยาง ยืนหยัดคานจักรากันในภพุ์นี้” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“เื่ราวมันเเป็ยังไงกันแน่ แล้วทำไมพระแม่แห่งจิติญญาถึงบอกให้พวกเราค้นหาท่านเพื่อหยุดเ้าหุ่นกระบอกนั่น” เ้าวั่งซูถามต่อ รอฟังอย่างสนใจ โดยมีชิงหลงและหลิ่งกวางลอยตัวอยู่ในอากาศเหนือหัว รอฟังอย่างตั้งใจ
