วันต่อมา... เจินจูขยับดอกม่านถัวหลัวพลิกไปมาอยู่ตลอด
นางเผาเตียงอิฐให้ร้อน โยกย้ายผ้าห่มกับที่นอนออกไป บนเตียงอิฐจึงเต็มไปด้วยดอกม่านถัวหลัวที่จัดวางเรียงกันไว้
นางสวมผ้าปิดปาก แล้วพลิกกลับไปมาเป็ระยะๆ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าดอกไม้จะได้รับความร้อนอย่างทั่วถึง
ทั้งห้องตกอยู่ในดินแดนแห่งม่านถัวหลัว เจินจูเปิดหน้าต่างและประตูในห้องออกทุกบาน จึงจะกล้าเข้าไปพลิกกลับดอกไม้
อบอยู่ตลอดทั้งบ่าย ดอกไม้จึงนับได้ว่าแห้งอย่างทั่วถึง นางหากระจาดไผ่สานทรงกลมใหญ่หนึ่งใบออกมา กระจายพวกมันออกเป็ระนาบเดียวกันผึ่งให้เย็น วันรุ่งขึ้นจึงใช้หินโม่อันเล็กจัดการพวกมันให้กลายเป็ผง
หลังโม่ทั้งหมดเสร็จสิ้น จึงล้างเครื่องโม่หินให้สะอาดแล้วตากให้แห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ม่านถัวหลัวหลงเหลือติดอยู่
ดอกม่านถัวหลัวหนึ่งกองใหญ่ สุดท้ายโม่เป็ผงออกมาได้ครึ่งค่อนถ้วย
เจินจูหาโถใบเล็กสะอาดหนึ่งใบออกมาใส่ให้เรียบร้อย แล้วยังใช้กระดาษน้ำมันแบ่งห่อไว้อีกสองห่อเล็กเป็พิเศษด้วย เพื่อเตรียมพร้อมไว้ใช้ยามจำเป็
นางหลบเลี่ยงคนในบ้าน ทำการพลิกไปย้ายมาอย่างลับๆ ล่อๆ อยู่สองวัน ทั้งหมดนี้หลี่ซื่อเห็นอยู่ในสายตา แต่ไม่ได้เปิดโปงออกมาแต่อย่างใด สิ่งที่บุตรสาวผู้นี้ทำย่อมต้องมีความสำคัญของนางเอง นางไม่จำเป็ต้องเป็ห่วงมากเกินไปนัก
เวลาล่วงเลยเข้าสู่ปลายเดือนสิบเอ็ด ความเงียบวังเวงและความหนาวเย็นของอากาศก็มากขึ้นเรื่อยๆ
วันแต่งงานของจ้าวหงยู่ใกล้เข้ามาทุกที ตอนนี้นางงานยุ่งเป็อย่างมาก ทั้งงานในบ้านสกุลหูก็ต้องทำ สินเดิมฝ่ายเ้าสาวของตัวเองก็ต้องเตรียม เสื้อผ้ารองเท้ายาวของอาจารย์และศิษย์ก็ต้องตระเตรียมให้พร้อม ั้แ่เช้าจรดค่ำงานในมือไม่ได้หยุดลงเลย แต่อารมณ์ของนางกลับดียิ่ง รอยยิ้มอันอบอุ่นปรากฏอยู่บนใบหน้าไม่ขาดสาย
เจินจูมองแล้วหมดคำพูดอย่างมาก ทางฝ่ายสาวนี้ยุ่งจนตัวหมุนติ้ว ทางฝ่ายชายนั้นเอ้อระเหยสบายใจ นอกจากกวาดบ้านและเปลี่ยนมุ้งลวดใหม่ก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น ช่างเหมือนนายท่านทรงอำนาจร่ำรวยที่ไม่ต้องทำงานเสียจริง
มุ้งลวดใหม่ก็เป็นางให้อาชิงเปลี่ยนอีก ไม่เช่นนั้นแม้แต่มุ้งลวดสองคนก็ไม่ยอมเปลี่ยน
เครื่องเรือนใหม่มอบให้ไปหมดแล้ว ส่วนเครื่องเรือนเก่าย้ายเข้าไปในห้องอาชิง เจินจูนับนิ้วคำนวณวันยังมีเวลาอีกสิบกว่าวันที่ต้องช่วยจัดการเื่แต่งงาน สำหรับฟางเสิงไม่มีความเข้าใจในเื่เหล่านี้เลยสักนิดเดียว หากเอาตามความคิดเห็นของเขาคงไปรับเ้าสาวที่บ้านมาคำนับกันและกันก็สามารถเข้าเรือนหอได้เลยกระมัง
เจินจูคร้านที่จะจัดการจึงส่งต่อให้หวังซื่อไปทั้งหมด ให้หวังซื่อคอยเตือนฟางเสิงในเื่ที่ควรเตรียมและใส่ใจเอาเอง
ส่วนใหญ่นางคอยช่วยหลี่ซื่อทำงาน เลี้ยงเด็กน้อย และวิ่งเล่นไปทั่วเมื่อมีเวลาว่าง
...ซิ่วจูที่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวจนกลายเป็ก้อนกลม กำลังตามอยู่ด้านหลังเจินจู ยามนี้พวกนางอยู่ในสถานที่ทำอาหารหมัก
เจินจูยืนอยู่หน้าประตู เห็นชุ่ยจูที่ยุ่งอย่างมีความสุขก็หมดคำพูดไปพักหนึ่ง
นางให้ชุ่ยจูมาช่วยหวังซื่อดูแล ไม่ใช่ให้นางมาช่วยกรรมกรหญิงทำงาน
ขณะนี้ชุ่ยจูกำลังช่วยเลี่ยวซื่อกรอกไส้ การกระทำคล่องแคล่วและชำนาญ เห็นได้ชัดว่าเป็งานที่ทำบ่อยใน่นี้ เจินจูโกรธจนแทบมีควันพวยพุ่งออกมา นางไอแห้งอย่างเ็าหนึ่งที
กลุ่มคนที่ยุ่งกับการกรอกไส้ล้วนเงยหน้าขึ้นมองมาทางนาง ชุ่ยจูสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลางลุกขึ้นยืนมือไม้อ่อนทำอะไรไม่ถูก
“พี่รอง ท่านมาช่วยท่านย่าคุมงานนะ ไม่ใช่มาช่วยทำงาน ท่านทราบความแตกต่างนี้หรือไม่?” เจินจูกล่าวออกมาตามตรงโดยไม่เกรงใจ
ชุ่ยจูบีบมือที่เต็มไปด้วยน้ำมันอย่างประหม่า “เจินจู ข้าแค่เห็นพวกนางยุ่งกันจนทำไม่ทันเท่านั้นเอง ก็เลยช่วยนิดหน่อย”
เลี่ยวซื่อยืนขึ้นด้วยสีหน้าเป็กังวล เริ่มแรกนางทำงานตามกฎระเบียบอย่างมาก ต่อมาชุ่ยจูก็ติดตามอยู่ข้างหลังหวังซื่อเริ่มดูแลสถานที่ทำอาหารหมัก จากนั้นหวังซื่อก็ค่อยๆ ปล่อยมือและให้ซิ่วจูรับผิดชอบ ชุ่ยจูพูดจาดีไม่เข้มงวด พวกนางที่ระดับความเร็วฉับไวมาตลอดก็เลยช้าลง อย่างไรเสียก็คิดเงินตามวัน ช้าหน่อยก็สามารถได้รับเงินหลายวันขึ้น ด้วยความคิดเช่นนี้ประสิทธิภาพในการทำงานไม่กี่วันที่ผ่านมาจึงแย่ลงไปมาก
ชุ่ยจูในใจเป็กังวล จึงเริ่มพาตัวเองเข้าไปร่วมลงมือทำงานกับพวกนาง พอเป็เช่นนี้มาไม่กี่วันเข้า งานของชุ่ยจูที่ทำส่วนใหญ่ก็มากกว่าพวกนางไปมากแล้ว
โดยเฉพาะช่วยงานที่เป็หน้าที่ของนางมากที่สุด ในใจเลี่ยวซื่อจึงเป็กังวลขึ้น
พวกจางซื่อทั้งหมดต่างยืนขึ้นเช่นกัน นางเป็คนงานในสถานที่นี้มานานที่สุด ขยันจริงจังและทำตามกฎระเบียบมาโดยตลอด นางรู้ว่าการจัดการของชุ่ยจูไร้ความเหมาะสม แต่นางก็แสดงออกไปอย่างชัดเจนไม่ได้ นางรู้อยู่ลางๆ เช่นกันว่าสกุลหูเตรียมจะเกี่ยวดองกับครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้าน นางกลัวว่าปากมากไปจะกลายเป็ผิดใจกับทั้งสองคน
“ทำไมถึงทำไม่ทัน? เนื้อทั้งหมดมีปริมาณมากเหมือนกันทุกวัน เมื่อก่อนทำกันทัน หลังจากท่านมาดูแลก็ทำไม่ทันเสียแล้ว ท่านไม่ได้คิดทบทวนปัญหานี้หน่อยหรือ?” เจินจูชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง แล้วจึงเริ่มกวาดตามองใบหน้าของทุกคน
ชุ่ยจูสีหน้าเปลี่ยนไปจนไร้สีเืในชั่วพริบตา... แน่นอนว่านางรู้
แต่นางไม่กล้าจัดการพวกนางแต่อย่างใด ทำได้เพียงลงมือทำด้วยตัวเอง คิดจะเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปเล็กน้อย ซึ่งนางก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้เช่นกัน ชั่วขณะหนึ่งน้ำตาของนางเกือบจะร่วงหล่นลงมา แต่คิดถึงบทสนทนาของพวกนางในวันนั้นได้ นางจึงกัดริมฝีปากให้แน่นกลั้นน้ำตากลับเข้าไป
“น้ำหนักเนื้อในสถานที่ทำอาหารหมักล้วนมีการนับจำนวน ทำเสร็จบรรลุผลได้หรือไม่ก็ถือเป็ข้อตกลงอย่างหนึ่งในการปฏิบัติด้วย หากพวกท่านรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ เช่นนั้นก็ถือโอกาสกลับบ้านไปพักเสียแต่เนิ่นๆ อย่าฝืนทำต่อไป ครอบครัวข้าเปิดสถานที่ทำอาหารหมักในหลายปีมานี้ เงินเดือนทุกเดือนล้วนแจกจ่ายให้ตรงเวลา ไม่เคยค้างจ่ายแม้แต่หนึ่งเหวินกับพวกท่านเลยแม้แต่คนเดียว พี่รองของข้าเป็แม่นางน้อยผู้หนึ่งอายุสิบห้าปี เพิ่งเข้ามาัักับการดูแลสถานที่นี้ มีส่วนที่จัดการได้ไม่ดีบ้างจริงๆ แต่นี่ไม่ใช่ข้ออ้างให้พวกท่านลดประสิทธิภาพต่ำลงได้เลย หากพวกท่านทำงานด้วยความเฉื่อยชาเช่นนี้ต่อไปอีก เช่นนั้นสกุลหูทำได้เพียงต้องจ้างผู้อื่นแล้ว ทุกท่านฟังเข้าใจใช่หรือไม่เ้าคะ?” เสียงเยือกเย็นของเจินจูดังกังวานอยู่ภายในห้อง
ฟู่เหรินในห้องไม่ทำเสียงอะไรออกมาคล้ายกับจั๊กจั่นปลายฤดูใบไม้ร่วง ล้วนได้ยินกันมาว่าแม่นางคนที่สามของสกุลหู เป็บุคคลที่เป็เสาหลักสำคัญของครอบครัวรอง คิดไม่ถึงเลย นางอายุน้อยนิดเพียงนี้ กลับน่าเกรงขามไปเสียหมด เหตุผลที่กล่าวมากดจนพวกนางเงยหน้าไม่ขึ้น
อายุสิบสี่สิบห้าปีเหมือนกัน แต่นิสัยเจินจูกับชุ่ยจูสองคนต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ
“หากฟังเข้าใจแล้วก็เชิญทุกท่านทำงานกันต่อเถอะเ้าค่ะ ส่วนรวมคือส่วนรวม ส่วนตัวคือส่วนตัว อย่านำฐานะเส้นสายส่วนตัวเข้ามาในการทำงาน ผู้ใดมีความเห็นต่างก็เอ่ยออกมาได้เลย แต่การเกียจคร้านอืดอาดจะไม่มีการอนุญาตอย่างเด็ดขาด”
เจินจูกวาดสายตาผ่านพวกนาง มีผู้ที่ก้มศีรษะอย่างหวาดผวาเพราะทำงานผิดพลาดไม่กี่คนที่หลบเลี่ยงสายตา และในนั้นก็มีเลี่ยวซื่อลูกสะใภ้คนรองของครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ด้วย เจินจูแค่นลมหายใจอยู่ข้างใน เลี่ยวซื่อผู้นี้เห็นว่าซื่อๆ ซึมๆ ทว่าก็เป็ผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดเช่นกัน
เมื่อไม่มีความเห็นต่างเอ่ยออกมา งานกรอกไส้ก็เริ่มยุ่งขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีคนแอบอู้งานอีกต่อไป การกระทำในมือล้วนปราดเปรียวอย่างมาก
การเข้ามาทำงานในสถานที่นี้ของสกุลหู เป็งานที่ทุกคนในหมู่บ้านต่างอิจฉา หากพวกนางถูกไล่ออกไป ยังไม่ต้องพูดถึงเื่ขายหน้าเลย แต่หน้าหนาวมากเช่นนี้จะไปหางานที่ไหนที่ให้เงินมากมายเช่นนี้ได้อีก
ชุ่ยจูใบหน้าแดงสลับเขียวไปมาทั้งดวง นางรู้... เจินจูเฉลียวฉลาดความสามารถเก่งกาจ ความคิดการตัดสินใจก็มีมากยิ่ง นี่เป็ครั้งแรกที่นางได้เห็นพลังอำนาจของเจินจูที่ปล่อยออกมาทำให้ทุกคนใกลัวได้ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเจินจูจะมีใบหน้าเคร่งขรึมและน่าเกรงขามเช่นนี้
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ตนเองกลับอ่อนปวกเปียกจนถึงขั้นต้องลงมือทำงานด้วยตัวเอง ใบหน้าของนางร้อนจนแทบจะไหม้ไปทั้งหน้า
“พี่รอง ท่านออกมาสักหน่อยสิ” เจินจูจูงซิ่วจูเดินออกไป
ซิ่วจูรออยู่ด้านข้างอย่างเฉลียวฉลาดและว่าง่าย นางรู้อยู่แล้วว่าผู้เป็พี่สาวโกรธขึ้นมาจะทำตัวก่อกวนไม่ได้
ชุ่ยจูกัดริมฝีปากล่างแล้วตามออกไป
เจินจูมองความมันที่อยู่เต็มมือของนางแล้วขมวดคิ้วขึ้น นี่ทำให้นางคิดถึงวันเวลาที่กรอกไส้ทุกวันในเมื่อก่อนขึ้นเลย “พี่รอง ท่านไปล้างมือก่อนเถอะ”
ชุ่ยจูมองนางทีหนึ่งด้วยดวงตาแดงรื้น และเดินไปห้องครัวอย่างว่าง่าย ควักขี้เถ้าแล้วเริ่มถูฝ่ามือให้สะอาด
เจินจูตามเข้ามา นางยืนพิงประตู “พี่รอง ท่านไม่รู้ว่าน้ำหนักเนื้อหมูในทุกวันของครอบครัวเราล้วนพอๆ กันหรือ เมื่อก่อนสามารถทำเสร็จได้หมด แต่ตอนนี้ทำไมถึงมีการเร่งทำไม่ทันเกิดขึ้นได้ ท่านต้องใส่ใจคิดให้มากๆ”
ชุ่ยจูก้มหน้าออกแรงถูฝ่ามือ น้ำตาหล่นลงมาอย่างไม่อาจควบคุมไว้ได้ นางย่อมรู้ แต่นางรู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะเอ่ยปากบอกกับพวกนาง เื่ราวเลยกลายเป็อย่างที่เห็น นางก็ไม่ได้อยากให้เป็แบบนี้เช่นกัน
“เื่กลายมาเป็เช่นนี้ เพราะภาระหน้าที่ของท่านใหญ่ยิ่งแต่ท่านอ่อนแอเกินไป เห็นผู้อื่นแอบอู้งานกลับไม่กล้าจัดการ คนอื่นรังแกท่านง่ายเพียงนี้ ไม่แอบอู้สิถึงจะแปลก” เจินจูราวกับไม่เห็นน้ำตาที่ร่วงหล่น ยังคงทิ่มแทงบริเวณที่เ็ปของนางต่อไป
“พี่รอง ท่านต้องประทับหลักการหนึ่งเข้าสู่สมองไว้ พวกเราไม่ก่อปัญหาแต่ก็ไม่กลัวปัญหา ภายนอกของท่านอ่อนแอได้ แต่ภายในใจต้องเข้มแข็งมีอำนาจ หากเื่ที่จำเป็ต้องจัดการก็ต้องจัดการ หากปล่อยไปทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้ เื่เล็กก็จะเปลี่ยนเป็เื่ใหญ่ ท่านไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใด ผู้ที่ทำเื่ผิดไม่ใช่ท่านเสียหน่อย ท่านจะกลัวอะไรกัน มนุษย์ขอแค่ยืนอยู่บนความมีเหตุผล ไม่ว่าจะเื่ใดก็ล้วนสามารถกระทำออกมาอย่างกล้าหาญได้ทั้งสิ้น”
ชุ่ยจูล้างมือจนสะอาด จึงถือโอกาสกอบน้ำขึ้นมาล้างหน้าไปด้วย น้ำเย็นเฉียบได้เรียกสติให้กลับมา นางเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำ ปล่อยให้น้ำไหลหยดลงเป็สาย
เจินจูหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากในอก มองข้ามดวงตาแดงเรื่อสองข้างของนางไป แล้วเช็ดให้นางอย่างใส่ใจและระมัดระวัง
“พี่รอง อีกสักพัก ท่านแบ่งพวกนางออกเป็สองกลุ่ม หนึ่งกลุ่มให้อาสะใภ้เจิ้งเป็หัวหน้ากลุ่ม อีกหนึ่งกลุ่มให้ท่านย่าของตงเซิ่งเป็หัวหน้ากลุ่ม สองคนล้วนทำงานอยู่ในครอบครัวสกุลหูมานานมากแล้ว ขยันและมีประสบการณ์มาก ท่านเรียนรู้กับพวกนางเยอะๆ เลี่ยวซื่อผู้นั้นแม้เป็อาสะใภ้รองของพี่ไป่ิ แต่ท่านต้องแบ่งเื่ส่วนรวมกับเื่ส่วนตัวให้ชัดเจน จะเป็เพราะความสัมพันธ์เช่นนี้ แล้วดูแลนางเป็พิเศษไม่ได้ หากเป็เช่นนั้นผู้อื่นก็จะมีความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา ส่วนค่าตอบแทนของหัวหน้ากลุ่มสองคนก็ขึ้นให้คนละห้าสิบเหวิน ท่านให้หัวหน้ากลุ่มไปจัดการพวกนางเอง งานของทุกวันแบ่งเป็สองส่วน ทุกกลุ่มต้องทำงานของกลุ่มตัวเองให้เสร็จ หากทำไม่เสร็จก็เรียกหัวหน้ากลุ่มมาสอบถาม เช่นนี้ท่านก็ไม่ต้องจัดการคนมากมายเพียงนั้นแล้ว”
เจินจูออกความเห็นให้นาง ที่จริงนางเคยบอกหวังซื่อไว้นานแล้ว แต่ตอนหวังซื่ออยู่คนที่มารับจ้างทำงานล้วนประพฤติดีกันอย่างมาก หวังซื่อคิดว่าไม่ต้องยุ่งยากลำบากเพียงนั้น จึงไม่ได้ใช้วิธีนี้มาโดยตลอด
ชุ่ยจูดวงตาแดงขึ้น สะอื้นไห้เล็กน้อย “ไม่เช่นนั้น ให้ท่านย่ามาจัดการเถอะ ข้าไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว”
เจินจูหน้านิ่งขึ้นทันที “ความล้มเหลวเล็กน้อยเพียงนี้ ท่านก็จะท้อถอยแล้วหรือ ต่อไปหากพี่ไป่ิสอบเคอจวี่ได้หรือเป็ขุนนางใหญ่โต ท่านจะเป็ภรรยาผู้เพียบพร้อมได้อย่างไร หรือจะต้องให้พี่ไป่ิจัดการเื่ภายในบ้านเอง?”
ชุ่ยจูใบหน้าแดงและเปลี่ยนเป็ขาวซีดขึ้นมาอีก ภายในใจยุ่งเหยิงไม่หยุด
“…ข้ากลัวว่าจะรักษาความสงบของพวกนางไว้ไม่อยู่”
“กลัวอะไรกัน มีข้ากับท่านย่าอยู่นะ หากผู้ใดไร้ระเบียบก่อเื่ขึ้นอีก ท่านมาบอกพวกเราได้เลย อย่าเก็บความอึดอัดไว้ในใจกับตัวเอง อีกสักพักท่านไปประกาศตามนี้ ข้าจะคอยหนุนท่านอยู่ด้านหลังเอง” เจินจูให้กำลังใจนาง
ชุ่ยจูมองเจินจูที่อายุน้อยกว่านางหนึ่งปี นางยืนอยู่ตรงนั้นมีลักษณะท่าทางอันเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม ราวกับไม่มีเื่อะไรที่จะสามารถสร้างความยุ่งยากแก่นางได้ แข็งแกร่งและมั่นใจในตัวเองนัก
กำลังใจจากเจินจูได้ผล ชุ่ยจูปลุกจิตใจขึ้นและแสดงท่าทีที่คิดว่ามั่นใจในตัวเองและน่าเกรงขามอย่างมากออกมา ทำการป่าวประกาศเื่การแบ่งกลุ่มที่เจินจูเอ่ยขึ้นเมื่อสักครู่ออกไป จางซื่อกับพานซื่อต่างก็สะดุ้งใเล็กน้อย ทว่าก็รับหน้าที่ไว้ด้วยความเชื่อฟังอย่างมาก พวกนางหนึ่งคนดูแลสามคน รับผิดชอบงานประจำวันที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้น
แน่นอนว่ามีคนไม่พึงพอใจด้วย แต่ขณะเดียวกันเมื่อคิดจะคัดค้านกลับเห็นเจินจูที่ยืนอยู่ข้างหลังชุ่ยจู จึงหดตัวกลับไปทันที
บรรพบุรุษตัวน้อยนั่นไม่ได้พูดคุยง่ายเช่นชุ่ยจู หากทำให้นางโมโหก็ไม่แน่ว่าวันพรุ่งนี้อาจถูกเตะออกจากสถานที่ทำอาหารหมักแห่งนี้ก็เป็ได้ ไม่สามารถแหย่ได้ง่ายๆ เลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้