ข่าวสารที่นักฆ่าของตระกูลฮวาส่งกลับมาทำให้ทุกคนมีกำลังวังชาขึ้นมาทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวของตระกูลเยว่ ไม่ต้องลำบากเหน็ดเหนื่อยรีบเร่งเดินทางและที่แห่งนี้ยังมีสระน้ำอีก แม้ว่าพลังฝีมือระดับพวกเขาสิบวันไม่อาบน้ำก็ไม่สกปรก แต่จะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ชื่นชอบการอาบน้ำให้ตัวเองรู้สึกสะอาดสวยงามอยู่ตลอดเวลา ครั้นแล้วทุกคนจึงเริ่มแบ่งงานกันทำ แบ่งออกมาหนึ่งร้อยคนไปเฝ้าตามจุดค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนทั้งสามสิบสามแห่ง ที่เหลืออีกหนึ่งร้อยคนเริ่มจัดเตรียมที่พัก
ะโขึ้นไปดูบนต้นไม้ปรากฏว่ายังมีเตียงนอนอย่างง่ายที่ตระกูลฮวาทำไว้เมื่องานประลองครั้งก่อน ทุกคนยิ้มออกมาอย่างดีใจจากนั้นจัดการทำความสะอาดและรวบรวมหญ้าแห้งที่พอจะหาได้ในละแวกใกล้เคียงมาปูทับลงไป จากนั้นหยิบผ้าปูที่พกติดตัวมาปูทับลงไปก็เป็อันสำเร็จ ส่วนหญิงสาวของตระกูลเยว่ช่วยกันหาไม้มาสร้างเป็ห้องอาบน้ำอย่างง่ายขึ้น ใช้ท่อนไม้ปักตั้งเรียงกันและใช้หญ้ามุงบังปกปิดอย่างมิดชิดอีกทีหนึ่ง
หลังจากที่วุ่นวายจัดเตรียมกันอยู่สักพักในที่สุดทุกคนก็จัดเตรียมจนสำเร็จเสร็จสิ้น จากนั้นจึงเตรียมตัวที่จะพักรับประทานอาหารแต่ไม่คาดคิดว่าจะมีเสียงร้องของนกกระเต็นลอยมาแต่ไกล
พบศัตรู! นี่เป็เสียงสัญญาณเตือนภัยของตระกูลฮวา!
ทุกคนตื่นตัวขึ้นในทันทีรีบเก็บเสบียงอาหารและหยิบอาวุธมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของเสียงที่ดังลอยมา หลังจากที่เข้ามาถึงด้านทิศเหนือภายในอาณาเขตที่เสียงสัญญาณเตือนภัยถูกส่งออกมา มองลอดผ่านต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่มหนาทึบทุกคนมองเห็นไม่ห่างออกไปมีเงาร่างสูงใหญ่สามสายกำลังสอดส่ายสายตามองไปยังทิศต่างๆ ด้วยอาการงุนงง เงาร่างทั้งสามสูงใหญ่กว่าสองเมตรขึ้นไป กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างใหญ่กว่าเฟิงจื่อหลายเท่าตัว แขนทั้งสองข้างอวบใหญ่ยิ่งกว่าขาอ่อนของทุกคน ร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยเกราะหนังสัตว์ใหญ่หนา ศีรษะที่ใหญ่โตพร้อมกับหน้าผากที่โหนกนูน ดวงตาที่ใหญ่โตขนาดเท่าครึ่งกำปั้นปูดโปนออกมา ลักษณะไม่ต่างจากวานรั์ที่ใส่เสื้อเกราะหนังอย่างไรอย่างนั้น
เผ่าคนเถื่อน!
เย่ชิงหานและเฟิงจื่อมองตากันแล้วพยักหน้าออกมาเบาๆ เย่ชิงหานโบกมือขึ้นครั้งหนึ่ง นักรบระดับหัวกะทิที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตนักรบของตระกูลเย่สิบคนโดยการนำของเย่สือซานพุ่งทะยานเข้าไปหานักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งสามในทันที
หลังจากที่งุนงงอยู่ชั่วครู่ นักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งสามจึงได้เรียกสติกลับคืนมา จากนั้นทำการพินิจพิเคราะห์สภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระมัดระวังขึ้น ดวงตาที่ใหญ่ปูดโปนราวกับดวงตาวัวของทั้งสามหันมองมาทางเย่ชิงหาน เมื่อเห็นนักรบของตระกูลเย่ชุดดำสิบคนที่ทั่วทั้งร่างแผ่พุ่งไอสังหารออกมา พวกมันทั้งสามปากสั่นกระตุกร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธหลายประโยค จากนั้นควงแขนที่แข็งแรงอวบใหญ่ของมันด้วยท่าทางดุดันพร้อมกับออกพุ่งทะยานตรงเข้าหานักรบของตระกูลเย่
“รวมร่างสัตว์อสูร!”
นักรบของตระกูลเย่ทั้งหมดเห็นได้ชัดว่าล้วนเป็ลูกหลานที่มีสายเืของตระกูลเย่ ต่างพากันรวมร่างสัตว์อสูรในทันที ชั่วพริบตาเดียวกลางอากาศปรากฏเงาร่างของสัตว์อสูรนับสิบขึ้น ร่างกายของนักรบตระกูลเย่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นโดยพร้อมๆ กัน มีทั้งใบหูกลายเป็เล็กแหลมขึ้น มีทั้งมือกลายเป็กรงเล็บที่แหลมคมขึ้น มีทั้งขาอวบใหญ่ขึ้น และมีทั้งเขางอกขึ้นมาสองข้างบนหัว หางตาของทั้งสิบคนล้วนปรากฏรูปรอยสักสีดำขนาดเล็กขึ้น ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกถึงพลังอำนาจที่ไม่ธรรมดาซึ่งมีเสน่ห์แปลกประหลาดอย่างลึกลับ
“%¥ตระกูล&เย่%¥%¥” นักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งสามถูกพลังอำนาจกดดันจากนักรบตระกูลเย่ทำให้ตกตะลึงไปชั่วครู่ ปากพูดภาษาที่ฟังคล้ายกับภาษาของเผ่ามนุษย์ออกมา ความหมายในคำพูดน่าจะประมาณว่าพวกมันก็รู้จักนักรบทั้งสิบคนที่อยู่ด้านหน้าว่าคือนักรบของตระกูลเย่ เนื่องจากทั้งห้าตระกูลใหญ่ถือว่าเป็สัญลักษณ์ของเขตปกครองเทพา อีกทั้งยังรบราฆ่าฟันกันมานับพันๆ ปี ทั้งเขตปกครองเทพปีศาจและเขตปกครองเทพคนเถื่อนย่อมต้องมีการเก็บรวมรวบข้อมูลของพวกเขาไว้เช่นเดียวกัน
ทุกคนต่างให้ความสนใจดูการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มขึ้น เนื่องจากว่าพวกเขาล้วนเป็ครั้งแรกที่เคยเข้าร่วมงานประลอง ดังนั้นการศึกษาเรียนรู้รูปแบบการสู้ต่อและวิชาของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่ใช้ต่อสู้จึงเป็เื่ที่สำคัญ ตอนนี้ศึกษาทำความเข้าใจให้ดีๆ ต่อไปหากเกิดการต่อสู้ตะลุมบอนขนาดใหญ่ขึ้นจะได้ง่ายต่อการรับมือ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็เอาตัวรอดได้ร้อยครั้ง...
ตระกูลเย่ส่งยอดฝีมือระดับขอบเขตนักรบจำนวนสิบคนเข้าไปประมือ ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็การทดสอบรูปแบบการโจมตีของเผ่าคนเถื่อนว่าเป็อย่างไร อีกทั้งข้างๆ ยังมีนักรบที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบอีกถึงเจ็ดคนที่จ้องตาเป็มันอยู่ เื่ความปลอดภัยจึงไม่ต้องพูดถึง
นักรบระดับหัวกะทิของตระกูลเย่หลังจากที่รวมร่างสัตว์อสูรแล้วจึงทำการโอบล้อมนักรบของเผ่าคนเถื่อนเอาไว้ แต่ยังไม่ได้รีบทำการโจมตีในทันทีแต่อย่างใด ทำเพียงแยกออกมาจำนวนสามคนแล้วเข้าประมือกับนักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งสาม
ปัง!
นักรบระดับหัวกะทิของตระกูลเย่ทางด้านซ้ายเข้าประมือกับนักรบเผ่าคนเถื่อนก่อนเป็คนแรก ดูจากรูปแบบของการต่อสู้สัตว์อสูรของเขาน่าจะเป็ประเภทพละกำลัง เขาไม่ได้ใช้อาวุธใดๆ มีเพียงหมัดเปล่าๆ ที่ต่อยโจมตีออกไป และไม่ได้มีการปล่อยพลังปราณรบออกมา ทำเพียงประสานรวมพลังปราณรบทั้งหมดไว้ที่หมัดเพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น หมัดที่ใหญ่โตของทั้งสองปะทะชนเข้าด้วยกัน พลังปราณรบที่รุนแรงะเิแตกกระจายกลายเป็แสงที่แสบตา หลังจากที่เสียงะเิดังขึ้นจากการปะทะ นักรบของตระกูลเย่และนักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งสองคนต่างถูกแรงปะทะกระแทกลอยกระเด็นออกมาพร้อมๆ กัน...
ทุกคนที่มองดูอยู่ต่างพากันถอนหายใจและตื่นใกับสิ่งที่เห็น คนเถื่อนสมกับที่เป็คนเถื่อน นักรบระดับหัวกะทิของตระกูลเย่คนนี้หลังจากที่รวมร่างกับสัตว์อสูรพลังฝีมือน่าจะบรรลุถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตนักรบ แต่ตอนนี้ประมือกันแค่หมัดเดียวกับกลายเป็ว่าาเ็กันทั้งสองฝ่าย ดูท่าจะเป็จริงดังข้อมูลที่ได้รับมา เผ่าคนเถื่อนมีพละกำลังมหาศาลติดตัวมาแต่เกิด มุ่งฝึกฝนความแข็งแกร่งทางร่างกายโดยเฉพาะ ร่างกายเปรียบได้กับศาสตราวุธ...
นักรบระดับหัวกะทิของตระกูลเย่คนที่อยู่ตรงกลางดูจากรูปแบบของการต่อสู้ สัตว์อสูรน่าจะเป็ประเภทที่มีประสาทััรับรู้ไว ในมือของเขาถือดาบฆ่าม้าเล่มหนึ่ง พลังปราณรบที่ปล่อยออกมาเคลือบไว้ที่คมดาบซึ่งเกิดเป็แสงคมดาบสีเขียวขึ้น แสงคมดาบสีเขียวนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อให้ดูสวยงาม แต่มันคือรูปแบบการโจมตีพิเศษของผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตนักรบที่สามารถปล่อยพลังปราณรบออกมาเพิ่มพลังโจมตีให้กับอาวุธ ทำให้อาวุธแข็งแกร่งและคมกริบมากยิ่งขึ้น อานุภาพเกรียงไกรที่สามารถทำลายได้แม้กระทั่งกำแพงเหล็กที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเล่าลือกันว่าพลังป้องกันของเผ่าคนเถื่อนนั้นแข็งแกร่งเป็อย่างมาก อาศัยแค่การปลดปล่อยพลังปราณรบออกมาภายนอกเพื่อโจมตีอย่างเดียวคิดว่าคงไม่สามารถแม้แต่จะทำลายการป้องกันของพวกมันได้
รอยสักบนหางตาของนักรบระดับหัวกะทิของตระกูลเย่คนนี้คือรูปเสือดาว แม้จะไม่รู้ว่าอยู่ในระดับคุณภาพที่เท่าไร แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากที่รวมร่างแล้วระดับความเร็วของเขาบรรลุถึงระดับที่น่ากลัวเป็อย่างมาก เขาควงมีดฆ่าม้าที่เคลือบด้วยคมมีดพลังปราณรบสีเขียว อาศัยระดับความเร็วที่ยอดเยี่ยมหลบหลีกหมัดที่เต็มไปด้วยพลังทำลายมหาศาลของนักรบเผ่าคนเถื่อนที่ควงออกมาได้อย่างง่ายดาย จากนั้นใช้มีดฆ่าม้าฟันลงไปบนร่างกายที่ใหญ่โตของนักรบเผ่าคนเถื่อนอย่างต่อเนื่องจนปรากฏเป็รอยมีดกรีดขึ้นเด่นชัดหลายแห่ง
ดาบฆ่าม้าที่เคลือบด้วยพลังปราณรบของนักรบตระกูลเย่คนนี้เทียบได้กับของล้ำค่าระดับิญญา แต่เมื่อฟันลงไปยังเกาะหนังของนักรบเผ่าคนเถื่อนกลับปรากฏเป็แค่เพียงรอยกรีดเท่านั้น และไม่สามารถที่จะฟันให้ลึกลงไปกว่านั้นได้ ส่วนผิวเนื้อที่ไม่ได้ถูกปกป้องด้วยเกราะหนังคมมีดทำได้แค่เพียงเฉือนผ่านิัเกิดเป็รอยแผลเพียงเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตัดให้ขาดออกจากกันเป็สองท่อน นักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งสามที่ยังไม่รู้ระดับพลังฝีมือที่แท้จริงนี้พลังป้องกันช่างน่ากลัวยิ่งนัก...
นักรบระดับหัวกะทิของตระกูลเย่คนที่สามดูจากรูปแบบของการต่อสู้แล้วสัตว์อสูรน่าจะเป็ประเภทป้องกัน สัตว์อสูรไม่รู้ว่าเป็ช้างหรือแรดกันแน่ ทั่วทั้งร่างห่อหุ้มด้วยพลังปราณรบหลายชั้นเปล่งประกายแสงวูบวาบไปมา กำลังตั้งท่ารับหมัดของนักรบเผ่าคนเถื่อนที่กำลังโจมตีเข้ามา
ปัง!
นักรบเผ่าคนเถื่อนคนนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังเดือดดาล ดวงตาที่ใหญ่โตราวกับดวงตาวัวของมันปรากฏรอยยิ้มที่โหดร้ายเหี้ยมเกรียม จากนั้นมันควงหมัดที่ใหญ่ราวกับหม้อต้มแกงของมันกระแทกลงไปด้วยความเร็วและแรง หมัดแหวกผ่านอากาศจนบังเกิดเสียงลมหวีดหวิวขึ้น หมัดของมันและเกราะพลังปราณรบของนักรบระดับหัวกะทิตระกูลเย่ปะทะชนกันบังเกิดแสงแสบตาแผ่กระจายออกมา และตามด้วยเสียงะเิที่ดังขึ้น นักรบเผ่าคนเถื่อนถูกแรงกระแทกจากการะเิซัดถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นใช้สายตาที่ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นมองไปยังนักรบระดับหัวกะทิของตระกูลเย่ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม มันมองดูหมัดของตนเองและมองไปที่เกราะพลังปราณรบของนักรบระดับหัวกะทิของตระกูลเย่ที่เบาบางลงแวบหนึ่งแล้วก็กลับมาเปล่งประกายแสบตาดังเดิม...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้