“ความเชื่อใจเป็พื้นฐานในการร่วมมือกันของทั้งสองฝ่าย” กัวไฮว่ััได้ว่ามีผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางตนเองก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับพูดยิ้มๆ “ถ้าพวกเธอซื่อสัตย์พอฉันก็จะไม่ทำให้พวกเธอผิดหวัง” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็เดินออกไปจากห้องเพื่อต้อนรับ
“เสี่ยวไฮว่ ผู้บำเพ็ญทั้งหมดของตระกูลเซวียนหยวนอยู่นี่หมดแล้ว” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ ผู้บำเพ็ญที่อยู่ด้านหลังต่างก็มีท่าทีที่ต่างกันไป บางคนก็ตั้งหน้าตั้งตา บางคนก็ดูถูก บางคนก็กระปรี้กระเปร่า บางคนก็ป้ำๆ เป๋อๆ กัวไฮว่มองทุกคนแล้วก็ผงกศีรษะเบาๆ
“นี่ ผู้นำให้พวกเรามา บอกว่าเธอมีวิธีช่วยให้พวกเราเพิ่มขั้น จริงหรือเปล่า เธอมีความสามารถอะไรถึงกล้าพูดซะใหญ่โตขนาดนี้” ชายวัยกลางคนเซียนเทียนระยะกลางคนหนึ่งพูดด้วยเสียงดัง
“โจมตีภายในสิบท่า...ถ้าคุณจับผมได้แม้แต่ปลายเสื้อผมก็จะยอมแพ้” กัวไฮว่พูดกับชายวัยกลางคนผู้นั้นอย่างยิ้มแย้ม “ผมจะไม่ขยับขาเลย” ที่บอกกับยอดฝีมือเซียนเทียนระยะกลางว่าจับตัวเองได้ภายในสิบท่าถือเป็การดูถูกอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัยและอย่างถึงที่สุด ตอนท้ายยังเพิ่มอีกว่าจะไม่ขยับขาอีก ทำเอาชายวัยกลางคนผู้นั้นะเิความโกรธไปแล้วเรียบร้อย
“ไม่ว่าแกจะเป็แขกคนสำคัญของตระกูลเซวียนหยวนหรือไม่ แกพูดแบบนี้ก็ต้องเจอดี” ชายวัยกลางคนผู้นั้นชื่อว่าเซวียนหยวนเป้า เป็หลานชายของเซวียนหยวนซยงเฟิง อารมณ์ร้ายมาั้แ่เด็ก ขนาดกับเซวียนหยวนซยงเฟิงตอนเขาเด็กๆ ก็เคยย้อนเถียงมาแล้ว นับประสาอะไรกับที่ตอนนี้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดจาไร้มารยาทกับตน
“เซวียนหยวนเป้า หยุดนะ!” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดเสียงดัง ทว่ากลับสายไปแล้ว จากนั้นไม่นานทุกคนถึงกับเบิกตาโพล่ง เซวียนหยวนเถิงเฟยเคยได้ยินเพียงที่เซวียนตั่วบอกว่าบนเครื่องบินกัวไฮว่จะสู้กับสี่คนเพียงคนเดียว ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้สู้กัน เลยไม่รู้ว่ากัวไฮว่มีความสามารถอะไรกันแน่ ทว่าหลังจากที่การโจมตีอันปราดเปรียวติดต่อกันของเซวียนหยวนเป้าถูกกัวไฮว่สลายไปได้อย่างสบายๆ ทำเอาเซวียนหยวนซยงเฟิงเริ่มหัวเราะขึ้นมา
“เกินไปสิบท่าแล้ว ยังจะลงมืออีกเหรอ งั้นผมก็จะคืนให้นะ” กัวไฮว่พูดพลางกำมือ เซวียนหยวนเป้าเองก็ลอยมาโจมตีทางกัวไฮว่ จากนั้นก็บินลอยออกไปราวกับเป็ว่าวเชือกขาด
“เป้าจื่อ ไม่เป็ไรนะ” ในขณะที่เซวียนหยวนเป้าลอยออกไปนั่นเอง คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขาคนหนึ่งก็ลอยเข้ามารับเขาเอาไว้
“ปล่อย ปล่อยนะ ฉันไม่เป็ไร” เซวียนหยวนเป้าพูดด้วยเสียงดัง จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าของกัวไฮว่ “ฉันแพ้แล้วล่ะ ยอมทั้งกายใจเลย ถ้าเป็ไปได้ช่วยแนะนำผมเื่การบำเพ็ญเพียรหน่อยได้ไหมครับ” เซวียนหยวนเป้าพูดด้วยเสียงดัง เขาอารมณ์ร้าย ทว่านิสัยตรงไปตรงมา
“ใช้ได้นี่ แต่วิธีบำเพ็ญมีปัญหานิดหน่อย รอให้จัดการเื่นี้เสร็จผมค่อยบอกให้คุณก็ได้” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ทราบว่ามีใครอยากฝึกบ้างครับ หู่จื่อ ฉันเห็นว่านายอยู่ขั้นสุดยอดโฮ่วเทียนแล้ว ไม่มาประลองกับฉันหน่อยเหรอ”
“ช่างเถอะ อาเป้าจื่อแพ้ไปแล้ว ผมไปก็ไปตายน่ะสิ ช่างมันเถอะ” เซวียนหยวนหู่พูดเบาๆ แม้ตัวเขาเองจะดูกำปั้นไทเก๊กของกัวไฮว่เมื่อสักครู่นี้ไม่ออก ทว่าหากใช้ไทเก๊กแล้วทำให้ยอดฝีมือเซียนเทียนระยะกลางลอยไปได้ ทั้งยังาเ็ไปถึงแก่น นั่นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
“หู่จื่อ มานี่สิ นายเรียกฉันว่าพี่มาสองวันแล้ว พี่คนนี้จะไม่ทำให้นายต้องเรียกฟรีๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
หู่จื่อเดินยิ้มซื่อมายังตรงหน้ากัวไฮว่ กัวไฮว่ยื่นมือมาจับชีพจรหู่จื่อ จากนั้นก็เอายาลูกกลอนสีแดงออกมา
“พี่ใหญ่ นี่ยากระตุ้นปรารณเหรอ” หู่จื่อพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขาอายุยี่สิบปีแล้วยังอยู่ขั้นสูงสุดโฮ่วเทียนอยู่เลย แม้คนอื่นจะมองว่ามีพร์ ทว่าจากโฮ่วเทียนไปเซียนเทียน แม้จะขาดไปเพียงคำเดียว แต่ก็ไม่รู้ว่ามีตั้งกี่คนที่ลำบากอยู่ในหลุมนี้ทั้งชีวิต
“ไม่ใช่ยากระตุ้นปราณ เมื่อกี้ฉันดูสภาพร่างกายนายแล้ว ใช้ยากระตุ้นปราณออกจะเปลืองไปหน่อย” กัวไฮว่พูดขึ้นด้วยความยิ้มแย้ม
“อย่างนี้นี่เอง งั้นผมก็ไม่มีทางจะไปถึงเขตแดนเซียนเทียนเหรอ” หู่จื่อพูดด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
“ยากระตุ้นปราณเป็แค่ยาธรรมดาๆ พี่ได้เตรียมยาที่มีชื่อว่ายาเก้าโคจรหลอมปราณไว้ให้เธอแล้ว พี่ไม่เพียงแค่อยากให้เธอเข้าสู่เขตแดนเซียนเทียน พี่ยังอยากช่วยตัดการเส้นทางในภายหลังให้นายด้วย ตอนนายบรรลุจากเซียนเทียนไประยะไคกวงจะได้ราบรื่น และทำให้นายบรรลุระยะไคกวงภายในสามสิบปี” กัวไฮว่พูดขึ้นด้วยเสียงดัง
คราวนี้ไม่ได้มีเพียงแค่หู่จื่อเท่านั้น คนทั้งตระกูลเซวียนหยวนต่างก็ดีใจกันขึ้นมา ระยะไคกวง? นี่มันเขตแดนใหม่ที่มีบันทึกไว้ในตำราโบราณนี่ หลายร้อยปีมานี้ในเมืองหลวงไม่เคยได้ยินว่ามีคนจะเข้าสู่ระยะไคกวงได้ ทว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้กล้าคุยโวโอ้อวดว่าทำให้ผู้บำเพ็ญโฮ่วเทียนคนหนึ่งเข้าสู่ระยะไคกวงได้ภายในสามสิบปี
“พี่ใหญ่ ผมอ่านหนังสือมาน้อย พี่อยากหลอกผมนะ ทำให้เข้าระยะเซียนเทียนก็พอแล้ว ส่วนที่พี่บอกว่าระยะไคกวงอะไรนั่นก็ช่างมันซะเถอะ” เซวียนหยวนหู่พูดเบาๆ
“ไม่เชื่อพี่หรือไม่เชื่อตัวเองกันแน่ ถึงแม้หลายปีมานี้นายจะไม่ตั้งใจบำเพ็ญเท่าไหร่ แต่ร่างกายเทพๆ แบบนายแล้วเนี่ยถ้าก่อนอายุห้าสิบแล้วนายยังไม่ถึงระยะไคกวงงั้นตอนนี้นายก็ตายไปซะเถอะ” กัวไฮว่พูดโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของคนอื่น เขายัดยาเข้าไปในปากของเซวียนหยวนหู่ จากนั้นในมือก็มีน้ำเต้าอยู่อันหนึ่ง แล้วก็กรอกเข้าไปในปากของเซวียนหยวนหู่อย่างบ้าคลั่ง
“แค่กๆ พี่ใหญ่ ยานี่ต้องกินแบบนี้เหรอ แต่เหล้านี่ก็ไม่เลวเลยนะ อร่อยกว่าของวันนั้นอีก” เซวียนหยวนหู่ยังพูดไม่ทำเสร็จก็ััได้ถึงพลังงานมหาศาลจากยาเม็ดนั้นสะพัดไปรอบด้าน และไม่อาจควบคุมร่างกายตนเองได้
“ตั้งสติให้ดี เดี๋ยวพี่จะฝังเข็มให้นาย เจ็บน่ะเจ็บนิดหน่อย แต่ก็ทำให้นายสบายขึ้นได้หน่อยนึง” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็ฝังเข็มเก้าเล่มไปบนร่างของเซวียนหยวนหู่ ภายใน่ขณะนั้นเสื้อผ้าทั้งร่างกายเซวียนหยวนหู่ก็ฉีกขาดออก และร่างกายมีสีแดงไปทั่ว
“เด็กบ้า ไม่คิดเลยว่าอายุยังไม่มาก แต่ก็มีของนะเนี่ย” เซวียนหยวนเผิงมองไปยังส่วนล่างของเซียนหยวนหู่พร้อมกับพูดยิ้มๆ ในตอนนี้ประสาทััของเซวียนหยวนหู่ดีกว่าเมื่อก่อนไม่รู้ถึงกี่เท่า ย่อมได้ยินคำพูดของเซวียนหยวนเผิงอย่างแน่นอน ทำให้ความอับอายขายขี้หน้าระลอกหนึ่งท่วมท้นอยู่ในสมอง เขาอยากจะควมคุมน้องชายของตัวเองให้เล็กลงหน่อย ทว่าน้องชายของเขาอยู่ภายใต้พลังงานอันมหาศาล อย่าว่าแต่เล็กลงเลย แต่กลับใหญ่ขึ้นเป็กอง
“ให้ตาย ชมแล้วยังจะอวดอีก” เซวียนหยวนเผิงพูดต่ออย่างโมโหแทบแย่
“นายท่าน มานี่หน่อยสิ” กัวไฮว่เดินไปด้านข้างเซวียนหยวนซยงเฟิงแล้วพูดเบาๆ จากนั้นก็ลากเซวียนหยวนซยงเฟิงไปด้านข้าง
“พวกนี้นี่ไม่ใช่คนของตระกูลเซวียนหยวนใช่ไหมครับ” กัวไฮว่ชี้ไปที่ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในหมู่คนพร้อมกับถามอย่างยิ้มแย้ม
“พวกเขาเข้ามาในตระกูลเซวียนหยวนของพวกเราด้วยเหตุผลพิเศษยางอย่างน่ะ นิสัยไม่มีปัญหา พวกเราได้ตรวจสอบประวัติมาหมดแล้ว” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดเบาๆ
“นายท่าน ก่อนที่ผมจะมาที่บ้านตระกูลเซวียนหยวน พวกคุณเองก็ตรวจประวัติผมมาชัดเจนแล้วใช่ไหม แต่คุณคิดว่าข่าวที่คุณสืบมาถูกต้องไหมล่ะ” กัวไฮว่ถามอย่างยิ้มแย้ม
“พวกเขามีปัญหาเหรอ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดอย่างไม่อาจเชื่อได้
“รอหลังจากเซวียนหยวนหู่บรรลุแล้วคุณจะเข้าใจทุกอย่างเอง ไว้ถึงตอนนั้นนายท่านจะทำยังไง คุณก็คิดเอาเองเถอะ” กัวไฮว่พูดเบาๆ
“อ๊ะ! สบายจัง” ประมาณครึ่งชั่วโมง เซวียนหยวนหู่ก็ะโออกมาเสียงดัง ด้านหนึ่งของกำแพงในบ้านมีเสียงพังถล่มลงมา ผู้บำเพ็ญโฮ่วเทียนจำนวนหนึ่งใจนตัวสั่นเทิ้ม
“คุณปู่ คุณพ่อ ตอนนี้ผมก็เขตแดนเซียนเทียนแล้ว” เซวียนหยวนหู่พูดเสียงดังกับเซวียนหยวนซยงเฟิงและพ่อของตนเอง
“หู่จื่อ ถึงจะมีต้นทุนที่ไม่เลว แต่ก็ใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะ พวกแก่ๆ แบบเราไม่สนใจปืนยางของแกหรอก” เซวียนหยวนเผิงพูดยิ้มๆ ตอนนั้นเองเซวียนหยวนหู่เพิ่งจะพบว่าที่แท้ตนเองก็เปลือยกายอยู่