ไท้หยูพ่นลมหายใจออกมาอย่างปลอดโปร่ง ก้าวเท้าเข้ามาในห้องลับแล้วเส้นแสงสีเงินนั้นไม่เกิดอะไรกับเขา ซึ่งนี่นับเป็เื่ที่สามารถคาดเดาได้ เพียงแต่เขายังคงระแวงอยู่บ้าง นี้เป็ผลจากการอยู่ ๆ ก็ตายโดยไม่รู้ตัว
“อยู่ดี ๆ ก็แตกดับเื่นี้กลับสร้างปมให้ข้ากลายเป็คนหวาดระแวง กลับไปคงต้องบ่มจิตบำเพ็ญฌาน ไม่ทราบว่าหากฝึกตนควบคู่กับบำเพ็ญฌานในโลกเก่าจะสามารถทำได้หรือไม่ หากสามารถข้าจะกลายเป็มีไพ่ตายอีกใบ เหนือกว่าผู้ฝึกยุทธธรรมดา คงต้องกลับไปทดลองดู”
เขาละทิ้งความสนใจในเื่อื่น จดจ่อไปกับด้านหน้า เมื่อก้าวเท้าลงมาพลันมีแสงสว่างเรียงรายตามสองข้างกำแพง ทำให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน จุดสีขาวประดับอยู่สองฟากกำแพง ทุกๆ ห้าจุดจะมีก้อนกลมใหญ่เท่าฝ่ามือส่องแสงสว่างสดใส
ทางเดินสูงราวสามจั้งกว้างหนึ่งจั้ง เพียงสามารถให้คนหนึ่งคนเดิน แต่ความสูงนี้กลับสูงเกินไปจนดูไร้ประโยชน์
“ไม่ควรกล่าวว่าไร้ประโยชน์ บางทีพวกเขาอาจมีเหตุผลบางอย่างที่ทำเช่นนี้” หลังจากดูแคลนความคิดบรรพชนสำนักไปรอบหนึ่ง เขาก็ไม่กล้าดูถูกความคิดคนโบราณเ่าั้อีก
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว...... จนถึงก้าวราวยี่สิบก็เห็นทางตัน
“ทางตันรึ? ห้องลับนี้มีเพียงเท่านี้ เช่นนี้ไหนเลยเป็ห้องลับ เป็เพียงอุโมงค์ที่ไร้ประโยชน์เส้นหนึ่งเท่านั้น” เขาขมวดคิ้วพลางเดินไปที่ผนังทางตัน เมื่อเข้าใกล้จึงสามารถเดินว่าที่นั่นสลักลวดลายและเขียนเป็อักขระมากมายเอาไว้ ตรงกลางเป็ขีดช่องว่างให้บางสิ่งเสียบเข้าไป เขาเข้าใจได้ในทันที นี่เป็ช่องเสียบตราประทับของประมุข
“ไม่สามารถดูแคลนโลกนี้จริง ๆ หลายสิ่งอย่างแปลกตาสำหรับข้า” ขณะกล่าวพลางหยิบตราประทับออกจากอกเสื้อ ตราประทับเป็แผ่นหยกสีขาวริ้วแดง ไม่ได้แกะสลักลวดลายอันใด แต่ให้ความรู้สึกที่ลี้ลับและสูงส่ง ยามกุมไว้ในมือให้ความร้อนที่ลวกมือ ไท้หยูเสียบตราประทับเข้าไปในช่อง
แกรก
ตราประทับเสียบเข้าไปแสงมากมายเริ่มปรากฏ ไล่จากจุดตรงกลางที่เสียบตราประทับจากนั้นสว่างวาบไปทั้งผนัง สองฟากข้างทางเดินก็ปรากฏอักขระเรืองแสงขึ้นมากมาย ทันใดไท้หยูรู้สึกปวดแปลบที่นิ้วโป้งและชี้ข้างขวาที่จับตราประทับ หยดโลหิตไหลออกจากปลายนิ้ว
จากนั้นแสงทั้งหมดพลันสว่างวาบขึ้น เจิดจ้าจนบาดตาทำให้เขาต้องหลับตาลง เขารู้สึกได้ว่ามีสายลมหอบหนึ่งม้วนพัดรอบตัวเขา
ไท้หยูลืมตาขึ้นมาพลันพบว่าที่เบื้องหน้าเปลี่ยนไป ไม่ใช่ผนังทางตันแต่เป็ความโล่งว่างเปล่า ห้องสี่เหลี่ยมกว้างอย่างเหลือเชื่อปรากฏสู่สายตาของเขา เมื่อเขาปรากฏขึ้นแสงของมุกเรืองรองก็ให้ความสว่างแก่ห้อง
เขายืนอยู่ในห้องที่เป็กลไก แม้แต่ผืนดินที่เขายืนอยู่ก็เป็สลักกลไกมากมาย ทั้งห้องสี่เหลี่ยมนี้คือวงล้อและกลไกประหลาดตาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
“อลังการยิ่งนัก กลไกที่ซับซ้อนและยิ่งใหญ่เช่นนี้คล้ายกับกลไกในเข็มทิศเพียงแต่ยิ่งใหญ่กว่าพันหมื่นเท่า ผู้ที่สร้างสิ่งนี้..” เขาหยุดคำพูดลง สายตาจับจ้องไปตรงกลางห้อง ที่นั่นมีเสาหนาสูงครึ่งตัวคน เสาเป็สีใสราวน้ำแข็ง ด้านในมีเส้นสีฟ้าคล้ายเส้นผมถี่ยิบเลื้อยไปเลื้อยมา
“เส้นปฐี” ไท้หยูพึมพำพลางสาวเท้าเข้าใกล้เสาสีใส ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปแรงกดมหาศาลพลันถาโถมใส่เขา แรงกดทับหนักหน่วงยิ่งใหญ่ราวบรรพตลูกหนึ่งกดลงใส่ร่างเขาจนร่างเขาร่วงฮวบคุกเข่าสองข้างกับพื้น แม้แต่ศีรษะยังโงไม่ขึ้น สายตาของมองเห็นสลักกลไกพื้นพลันขยับ
แกรก แกรก แกรก แกรก
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวแรงกดนั้นส่งความเ็ปผ่านข้อต่อกระดูกของเขาจนดัง กร๊อบ ราวกับกระดูกทั้งร่างกำลังจะถูกป่นอยู่ด้านใน
“ร่างกายของข้ายังไม่แข็งแรงเมื่ออยู่ใต้แรงมหาศาลนี้คงทนได้ไม่ถึงสิบลมหายใจ” พลันรู้สึกถึงความตายที่เข้ามาอีกครั้ง ใน่เสี้ยววินาทีแห่งความตายเขาครุ่นคิดไปแล้วร้อยพันเื่ราวจะกระทำอย่างไรให้ออกจากตรงนี้
เมื่อถึงชั่วลมหายใจที่สาม ร่างเขาถูกอัดจนแทบแนบติดกับพื้น เขาะเิลมปราณทั้งหมดออกมา กระแทกใส่ใต้เท้าเพื่อให้ตนเองกระเด็นออกไป ทว่าแผ่นดินใต้เท้าของเขาคล้ายเป็บึงน้ำ ลมปราณของเขาเป็แค่ก้อนหินตกลงไปไม่เกิดสิ่งใด
ทว่าชั่วลมหายใจต่อมาแรงมหาศาลนั้นพลันหายไป เสียงสลักกลไกทั้งหมดพลันหยุดลง ไท้หยูเงยหน้าขึ้นมองเห็นเส้นสีฟ้าในเสาใสนั้นส่ายไปมาเป็วงกลมคล้ายตื่นขึ้น แม้ไม่มีสิ่งใดแต่เขาสามารถทราบได้ทันทีว่าสิ่งนั้นมีจิตนึกคิดมีความรู้สึกเป็ของตนเอง ไม่นานเส้นสีฟ้าเ่าั้พลันสงบลงไม่ขยับไหวอีก
ไท้หยูพ่นลมหายใจขุ่นออกมา ลอบร้องในใจน่าหวาดเสียวยิ่งนัก เมื่อครู่ครึ่งร่างก้าวไปในประตูแห่งความตายอีกครั้งแล้ว เกือบตายอีกรอบหนึ่งแล้ว
“เป็ตัวโง่งมใดกล้ามารบกวนข้า”
เสียงหนึ่งดังขึ้นที่กลางห้อง ฟังไม่ออกว่าเป็ชายหรือหญิง ไม่มีเสียงสูงเสียงต่ำ คล้ายเลื่อนลอยคล้ายปรากฏ
แวบแรกไท้หยูยังเข้าใจว่าตนเองเกิดอาการหลอนจึงได้ยิน เมื่อลุกขึ้นกวาดมองอีกรอบหนึ่งจึงก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างระมัดระวัง ผ่านไปหลายชั่วลมหายใจแรงกดมหาศาลนั้นไม่ปรากฏจึงกล้าก้าวเท้าเดินเข้าไป
ก้าวที่สอง ก้าวที่สาม ก้าวที่สี่ ..... ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ไท้หยูจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทันใดเสียงพูดพลันดังขึ้นอีกครั้ง
“เ้าโง่เง่ากลับกล้าเมินข้างั้นรึ!”
ไท้หยูสะดุ้งเฮือกจ้องมองไปที่เสาครึ่งตัวคน เสายังคงเดิม ใสแวววาวราวกับผลึกแก้ว น้ำแข็ง เส้นสีฟ้าด้านในยังสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปร
“ข้าหูแว่วเพราะอาการหลอนจากการตายหนึ่งรอบงั้นรึ” ขณะก้าวก็ก้าวไปถึงด้านหน้าเสา เสาสีใสแกะสลักเป็เหลี่ยมซ้อนทับ ๆ กัน ไม่มีอักขระใด
เสียงที่เลื่อนลอยนั้นพลันดังขึ้นอีกรอบ ทว่าครั้งนี้กลับชัดเจนยิ่งขึ้น เสียงแ่ใสคล้ายเด็ก
“เอ๊ะ การดึงจิตของข้าใช้กับเ้าไม่ได้ผล”
ไท้หยูพลันส่งเสียงดังหืมรู้สึกว่านี้ไม่ใช่อาการหลอนแต่เป็เสียงจริงๆ ทว่าเมื่อกวาดตาสำรวจทั้งห้องแล้วก็ไม่พบว่ามีสิ่งใด แม้แต่บนเสาครึ่งตัวคนก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
“เสียงอะไร?”
ทันใดนั้นบนเสาจุดเล็กๆ พลันขยับ เมื่อเงาปรากฏจุดสองจุดสีขาวพลันสว่างขึ้น ไท้หยูจึงสังเกตเห็น กลับเป็หนอนตัวหนึ่งกำลังขยับขนาดเท่าหนึ่งนิ้วโป้ง สองจุดสีสว่างวาบนั้นเป็ดวงตาของมัน
“การดึงจิตของข้าไม่เคยพลาด เ้าเป็ใคร”
ไท้หยูจ้องหนอนที่ขยับปากกล่าววาจาด้วยใบหน้าแตกตื่น ดวงตาเบิกโพลงแม้แต่ปากก็อ้าค้างแล้ว
“จิตข้าไม่ปกติแล้ว กลับเห็นภาพหลอนได้ยินเสียงหนอนตัวหนึ่งพูดได้”
หนอนตัวนั้นขยับตัวคล้ายไม่พอใจสองจุดสีขาวนั้นหม่นลง
“เฮอะ มนุษย์ต่ำต้อยกล้าเรียกข้าว่าหนอนได้อย่างไร สมกลับเป็มนุษย์ โง่เง่าเสียจริง”
ไท้หยูตบหน้าตนเองเบา ๆ แล้วขยี้ตา
“เฮ้ ให้ข้าช่วยตบดีหรือไม่”
ไท้หยูพลันรู้ว่าที่เห็นไม่ใช่ภาพหลอน แต่เป็ความจริง กลับมีหนอนที่สามารถพูดได้จริง ๆ
“โลกนี้ยังมีหนอนที่พูดได้ หากอยู่ในโลกเก่าของข้า สามารถจับไปแสดงให้ผู้คนรับชมกวาดเงินเข้ากระเป๋าได้อย่างมหาศาล”
หากเป็โลกเก่าของเขาสิ่งประหลาดเช่นนี้ย่อมสร้างความแตกตื่นแก่คนมากมาย สามารถนำมันไปจัดแสดงหรือหลอกลวงผู้คนว่าเป็สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนมากราบไหว้ คนในโลกเก่าของเขางมงายอย่างยิ่งแม้แต่ต้นไม้ยังกราบไหว้ว่าเป็ิญญาศักดิ์สิทธิ์ น่าเสียดายที่เขาตายไปแล้วไม่สามารถกลับไปได้
หนอนตัวนั้นพลันสาดแสงเจิดจ้า ดวงตาสีขาวสว่างวาบจนไท้หยูต้องหลับตาลง
“ข้าไม่ใช่หนอน เ้าเด็กโง่บังอาจเทียบผู้สูงส่งอย่างข้ากับของต่ำช้าเช่นนั้นหรือ”
เป็หนอนกลับรู้จักโกรธเกรี้ยว ไฟในดวงตาของเ้าช่างน่าสนใจนัก สามารถใช้ฉายแสงในที่มืด ไท้หยูยื่นมือไปจับมันขึ้นมา ััแรกกลับรู้สึกประหลาดอย่างยิ่งไม่คล้ายจับหนอนแต่เหมือนขนแมวที่อ่อนนุ่ม เขาลูบอยู่หลายรอบ
“เรียบลื่น เนียนนุ่มอย่างยิ่ง ตัวเป็หนอนไฉนให้ััเป็แมวไปได้ .....” ไท้หยูไม่สนใจคำพูดของมันว่าเป็ผู้สูงส่งอันใด เอ่ยถามอย่างสนใจว่า
“เ้าหนอน เ้าเป็อะไร เป็เพราะเ้าใช่หรือไม่ พลังิญญาของเส้นปฐีจึงอ่อนทรามลงเช่นนี้”
หนอนตัวเท่านิ้วโป้งดิ้นแด่วๆ อยู่ในมือของไท้หยูแต่ไม่สามารถสลัดหลุดไปได้ดวงตาสว่างวาบ
“ข้าไม่ใช่หนอน! ข้าคือเทพ!”
ไท้หยูพ่นลมหายใจพรวดออกมา หัวเราะเสียงดังลั่นห้อง
“ฮาฮาฮา เทพบิดาเ้าสิ เป็หนอนชัด ๆ เพียงแค่พูดได้กลับเล่นลิ้นว่าเป็เทพ ฮา”
ทันใดนั้นไท้หยูพลันรู้สึกในมือร้อนลวก ได้ยินเสียง ฉ่า ฉ่า จากนั้นจมูกได้กลิ่นเหม็นไหม้ ความแสบร้อนแล่นจากฝ่ามือจนต้องโยนหนอนในมือทิ้ง
หนอนเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าราวกับดาราดวงหนึ่ง ลอยอยู่ตรงหน้าไท้หยู แสงเส้นหนึ่งก่อขึ้นที่ด้านข้างของมัน จากนั้นไท้หยูพลันรู้สึกถึงอันตรายทว่ายังไม่ทันขยับตัวหนีแสงนั้นก็พุ่งปะทะกับทรวงอก ร่างของเขากระเด็นไปด้านหลังชนเข้ากับผนังอย่างจัง
ตูม
ไท้หยูกระแทกผนังเสียงกลับคล้ายกระแทกกำแพงเหล็กหนา ความร้อนที่ทรวงอกยังลุกลาม เสื้อผ้าของเขาถูกเผาไหม้หายไปแถบหนึ่ง หน้าอกกลายเป็สีดำมีโลหิตไหลซึมออกมา เขาเบิ่งตาโตมองหนอนที่เรืองแสงลอยอยู่อย่างแตกตื่นระคนใ
“เป็ไร ไม่กล้าหัวเราะแล้วรึ จะฆ่าเ้าง่ายดายราวผายลม เอ๊ะ... เ้ามีวิถีโคจรแห่งฟ้า”
เสียงของมันเต็มไปด้วยความแปลกใจ แสงสีเงินสว่างวาบขึ้นที่ดวงตาสองจุด
ไท้หยูพลันลอยขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม เขาพยายามปลดปล่อยลมปราณทว่าเส้นชีพจรในร่างกลับยุ่งเหยิงปั่นป่วนไม่สามารถโคจรลมปราณออกมาได้ ร่างไม่สามารถขยับเขยื้อนลอยไปอยู่หน้าหนอนตัวน้อย
“เ้า เ้าจะทำอะไร” เขามองความคิดของเ้าหนอนตัวนี้ไม่ออก แต่บัดนี้เขาทราบแล้วว่าหนอนตัวนี้อันตรายอย่างยิ่ง แม้แต่ร่างของผู้ฝึกยุทธที่เคยไปถึงขั้นจิตไร้ขอบยังเปรียบเสมือนถุงกระสอบถุงหนึ่ง เมื่อรับการโจมตีเมื่อครู่
“ตอแยเื่ยุ่งยากอีกเข้า เป็เื่น่ายินดีหรือไม่ที่ข้าได้ชีวิตกลับมาอีกรอบ”
ไท้หยูครุ่นคิดในใจ หนอนตัวนี้ไม่ใช่หนอน สามารถเกาะกินพลังจากเส้นปฐีย่อมต้องไม่ธรรมดา ทันใดนั้นในใจของไท้หยูพลันเกิดระลอกคลื่น เขาเพิ่งนึกถึงเื่นี้ ตลอดมาั้แ่พบเ้าหนอนเป็เพราะรูปลักษณ์ภายนอกทำให้เขาดูแคลน ละเลยความคิดส่วนนี้ไป บัดนี้เมื่อกลับมาคิดอีกรอบพลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เส้นปฐีคือสิ่งาพลังแห่งฟ้าดำรงมาอย่างยาวนาน มีเพียงระดับเดียวกันหรือสูงกว่าเท่านั้นที่สามารถอยู่ร่วมหรือดูดพลังโดยตรงได้ ....
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้