หืม?
เมื่อถูเฮยพูดขึ้น คนของเผ่าคนเถื่อนและเกาะเร้นลับเริ่มเพิ่มระดับการป้องกันให้แก่ทั้งสองคนขึ้นในทันที แม้ไม่รู้ว่าที่ถูเฮยพูดเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่ที่ผ่านๆ มาการต่อสู้ตะลุมบอนเช่นนี้นอกจากครั้งที่แล้วที่เย่ชิงหานสังหารเยาขาข่าโดยไม่สนใจธรรมเนียมใดๆ แล้ว ที่แล้วๆ มายังไม่ปรากฏการสังหารหัวหน้าผู้นำกองกำลังเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้ถูเฮยจะพูดเช่นนี้แต่เขาจะมีความสามารถพอที่จะสังหารทั้งสองคนได้หรือไม่นั้นยังบอกแน่ไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นคนของทั้งสองขุมกำลังก็เริ่มปกป้องบุคคลทั้งสองมากยิ่งขึ้นอย่างระมัดระวัง
หมันก้านเป็นายน้อยใหญ่และครั้งที่แล้วเสียนิ้วไปนิ้วหนึ่งหัวหน้าเผ่าเดือดดาลเป็อย่างมาก ส่วนอิ่นซาคือหัวหน้าผู้นำของกองกำลังเกาะเร้นลับที่สวมชุดเสื้อลายดอก แน่นอนว่าชื่ออิ่นซาเป็ชื่อฉายาเรียกขานที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าใดนัก แต่เขาก็ถือว่าเป็ลูกศิษย์ของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของเกาะเร้นลับ ถ้าหากเขาตายไปสมาชิกในกองกำลังทั้งหมดอาจจะต้องตามไปอยู่เป็เพื่อนกับเขาก็เป็ได้
“ผายลม! เ้าคิดว่าเพียงแค่คำพูดข่มขู่เท่านี้จะทำให้ข้ากลัวได้อย่างนั้นรึ? ข้าจะบอกอะไรเ้าให้ ข้าผู้นี้อายุได้หกปีเริ่มฆ่าคน สิบปีขืนใจผู้หญิงสาว ออกอาละวาดไปทั่วเกาะเร้นลับเป็สิบๆ ปี ไม่เคยมีคำว่ากลัวอยู่ในหัว พี่น้องทั้งหลายช่วยข้าจัดการไอ้เ้าคนพูดมากน่าเบื่อคนนี้ให้ลงไปนอนกองกับพื้นเดี๋ยวนี้...”
อิ่นซาส่ายหัวไปมาไม่สนใจต่อคำพูดข่มขู่ของถูเฮยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเขากำลังร้องบอกให้สมาชิกกองกำลังรุมจัดการกับถูเฮยอยู่นั้น ทันใดนั้นยอดฝีมือสองคนที่อยู่ข้างกายเขากลับล้มลงไปนอนกองกับพื้นอย่างแปลกประหลาด ทั่วทั้งร่างดำสนิทเืไหลออกมาจากรูทวารทั้งเจ็ด สภาพการเสียชีวิตเป็ที่น่าขนลุกขนพองเป็อย่างยิ่ง
“อิ่นซา ถ้าหากเ้าไม่เชื่อละก็ วินาทีต่อไปผู้ที่จะต้องลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นก็คือเ้า! หมันก้าน ถ้าหากเ้าไม่เชื่อก็จะมีสภาพไม่ต่างกัน!”
น้ำเสียงที่ฟังดูเย็นะเืดังลอยออกมาจากท่ามกลางกองกำลังของนครแห่งเทพ ทำเอาทุกคนตื่นตระหนกใขึ้น
“อาาา! อาาา!”
ต่อมาเสียงร้องที่น่าเวทนาสองสายดังขึ้นมาอีกครั้งยิ่งทำให้ทุกคนใกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก ต่างรีบหยุดการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ หมันก้านมองดูยอดฝีมือสองคนเบื้องหน้าที่ล้มลงไปที่พื้นอย่างฉับพลัน สภาพการเสียชีวิตไม่ต่างจากสองคนก่อนหน้าที่ตายอยู่ข้างๆ อิ่นซา ทำเอาเขาใกลัวจนหน้าเปลี่ยนสีไปหลายครั้งครารีบถอยหลังกลับออกมาด้วยความรวดเร็วราวกลับถูกผีหลอกฉันนั้น
“ฮ่าๆ...อิ่นซา หมันก้าน ยังไม่สั่งคนของพวกเ้าให้รีบถอยกลับไปอีก หาไม่แล้วผู้ที่จะตายเป็คนต่อไปก็คือพวกเ้า!” ถูเฮยเมื่อได้เห็นสีหน้าแปรเปลี่ยนขึ้นหลายครา มองไปทางเสว่อู๋เหินอย่างล้ำลึกครั้งหนึ่งแล้วหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ ออกมาพร้อมเอ่ยขึ้นอย่างยโสโอหัง
เอ่อออ...
ครั้งนี้อิ่นซาไม่ได้แสดงอาการโอหังอวดดีออกมาอีก สีหน้าเริ่มเขียวคล้ำขึ้นมา เมื่อสักครู่เขาไม่ได้ััถึงคลื่นพลังของการโจมตีใดๆ เลย แต่คนของนครแห่งเทพกลับสามารถสังหารผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตาาจักรพรรดิของตนเองได้ในพริบตาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขารู้ถึงพลังฝีมือของทั้งสองคนที่ตายไปนั้นดีว่าไม่ด้อยไปกว่าเขามากนัก ดังนั้นจึงโบกมือขึ้นร้องก่นด่าออกมาพร้อมกับสั่งให้คนของเกาะเร้นลับรีบถอยออกมา
หมันก้านก็ไม่กล้าบุกเข้าไปอีกแล้วเช่นเดียวกัน เดิมทีเขาก็เป็คนขี้ขลาดกลัวตายอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นในงานประลองาระหว่างเขตปกครองคราวที่แล้วเขาคงไม่ยอมศิโรราบให้แก่เย่ชิงหานแน่ ตอนนี้เผชิญหน้ากับคนที่เหมือนกันกับเย่ชิงหานเช่นนี้ที่สามารถสังหารเขาได้ในพริบตา แน่นอนว่าเขารีบทำการถอยกลับออกมาอย่างรวดเร็วทันทีไม่มีอาการลังเลใดๆ ทั้งสิ้น
“ฮ่าๆ! ให้มันว่าง่ายกันแบบนี้หน่อย อืม...น่าเสียดายกริชเล่มนั้นหายไปแล้ว!” ถูเฮยรับเอาหอกยาวและเสื้อเกราะป้องกันสีเขียวที่ลูกน้องส่งมาให้ พบว่าของทั้งสองชิ้นล้วนเป็สมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ยิ่งทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาเป็อันมาก ในขณะเดียวกันก็โยนเสื้อเกราะป้องกันสีเขียวไปทางเสว่อู๋เหินอย่างรู้สึกเสียดาย อีกทั้งยังรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อยที่กริชเล่มนั้นหายไปในระหว่างต่อสู้ตะลุมบอนกันอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากจนเกินไปเพราะกริชมีขนาดเล็กมากอาจจะมียอดฝีมือสักคนแอบซุกเข้าไปภายในอกระหว่างการต่อสู้ หากเป็เช่นนั้นจริงก็ยากที่จะรู้ได้
เสว่อู๋เหินก็ไม่เกรงใจรีบนำเสื้อเกราะป้องกันสวมใส่เข้ากับร่างในทันที ทำให้จะดูเป็เสื้อคลุมยาวสีทองก็ไม่ใช่หรือจะดูเป็เสื้อเกราะก็ไม่ใช่ดูแปลกประหลาดพิลึก แต่เขาไม่ได้สนใจเพราะนี่เป็ถึงสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ หลังจากสวมใส่แล้วการโจมตีโดยทั่วไปของผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิเขาล้วนไม่มองอยู่ในสายตา ยิ่งเขามีแมลงปีกแข็งอยู่อีกสิบสองตัวซึ่งผ่านการทดลองเมื่อสักครู่ สามารถพูดได้เลยว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้เขาสามารถสังหารได้อย่างง่ายดายในพริบตา ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ พลังป้องกันแข็งแกร่งที่สุด พลังโจมตีไร้ผู้ต้านทาน!
หลังจากผ่านการเติบโตอยู่ภายในนครแห่งเทพมาเป็เวลาหลายปีเขาเลือกที่จะทำตัวอย่างชาญฉลาดไม่โดดเด่นเป็ที่น่าสนใจ ยังคงสวมหมวกอยู่ภายใต้ชุดคลุมยาวเช่นเดิม ยืนนิ่งๆ อยู่ภายในกลุ่มทูตแห่งเทพเ่าั้ไม่พูดจาออกมาสักคำ ไม่มีผลประโยชน์ ไม่จำเป็จริงๆ แน่นอนว่าเขาไม่โง่พอที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตนเองออกมาให้คนอื่นรับรู้
เขาแค่เพียงเสียดายผู้คนของเขตปกครองเทพาที่ยืนอยู่มุมโค้งทางเลี้ยวนั้น ถ้าหากเมื่อสักครู่ที่ต่อสู้ตะลุมบอนกันคนของเขตปกครองเทพาเข้ามาร่วมต่อสู้ด้วยละก็ เขาคงแอบลอบสังหารคนของตระกูลเย่และตระกูลเยว่ทั้งหมดอย่างแน่นอน จากนั้นสังหารต่อไปจนคนของเขตปกครองเทพาไม่เหลือแม้แต่คนเดียว แต่ตอนนี้เขาก็ไม่โง่พอที่จะลงมือสังหาร แม้จะมีเสื้อเกราะป้องกันระดับศักดิ์สิทธิ์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไร้เทียมทานถึงเพียงนั้น หากถูกรุมโจมตีเข้าใส่พร้อมๆ กันถึงไม่ตายก็ต้องาเ็สาหัสอย่างแน่นอน...
“ฮ่าๆ ทุกท่านแยกย้ายกันเถอะ แยกย้ายกันตามหารรูปากทางเชื่อมเพื่อออกไปจากด่านทดสอบที่เก้าแห่งนี้กัน ขอให้ทุกท่านโชคดี!” ถูเฮยควงหอกยาวสีทองไปมาหลายครั้งััได้ถึงพลังอานุภาพที่แข็งแกร่งทำให้อารมณ์ดีเป็อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีต่อเสว่อู๋เหินเป็อย่างมาก เ้าเด็กคนนี้มีพลังฝีมือที่กล้าแกร่งถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังรู้จักวางตัวได้เป็อย่างดี ไม่เลวเลยจริงๆ!
.................................
“เฮ้อ! น่าเบื่อๆ แค่นี้ก็จะแยกย้ายกันแล้วข้าเพิ่งจะเล่นสนุกได้เพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง!”
บริเวณลานกว้างต่อสู้กันอย่างดุเดือด ส่วนลู่ซีที่อยู่ด่านสิบสองชมดูอย่างเบิกบานใจ เพียงแต่เมื่อถูเฮยและเสว่อู๋เหินลงมือ อิ่นซาและหมันก้านหวาดกลัวขึ้นจึงหยุดการต่อสู้แล้วแยกย้ายกัน ทำให้ลู่ซีรู้สึกหมดสนุกขึ้นมา
การทะลวงผ่านด่านทดสอบที่สิบปีจะมีขึ้นครั้งหนึ่งถือเป็เื่สนุกที่สุดของลู่ซี เนื่องจากต้องอยู่ในที่บ้าๆ แห่งนี้เป็เวลาหลายพันปีหากไม่มีเื่สนุกให้ทำคงจะต้องเป็โรคซึมเศร้าเป็บ้าไปอย่างแน่นอน
“เอ่ออ...”
เพียงแต่ในขณะที่เขากำลังเตรียมที่จะกำหนดเส้นทางให้ทุกคนเดินวนไปมาแล้วเดินวนกลับมาที่นี่อีกครั้ง จากนั้นโยนสมบัติของล้ำค่าลงไปอีกหลายๆ ชิ้นเพื่อให้พวกเขาต่อสู้ตะลุมบอนกันขึ้นอีก ทันใดนั้นเขาพลันรู้สึกได้ถึงการสั่นไหวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับหอเซียวเหยาที่อยู่ภายในกระแสลมสุริยะปั่นป่วนแห่งนั้น
“เ้าหนูหานหลอมเชื่อมต่อกับแหวนเซียวเหยาได้รวดเร็วถึงนี้เลย? เฮ้อ! คงไม่ได้เล่นอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นครั้งสุดท้ายนี้เล่นใหญ่หน่อยก็แล้วกัน!”
ลู่ซีมองผ่านหน้าจอเห็นผู้คนที่กำลังเคลื่อนที่ไปมาภายในช่องเขาใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ในขณะเดียวกันสองมือเริ่มพวยพุ่งพลังแสงรูปกระบี่ออกมาทำการควบคุมกลไกของูเาสุสานทวยเทพขึ้นอีกครั้ง
ผ่านไปชั่วครู่ หลังจากที่เขาซัดพลังแสงรูปกระบี่ออกไปูเาสุสานทวยเทพทั้งลูกเริ่มสั่นไหวขึ้น หมอกสีขาวที่อยู่ภายในเริ่มหนาแน่นมากยิ่งขึ้น ผู้คนที่อยู่ภายในช่องเขาด่านทดสอบที่เก้ารู้สึกถึงการสั่นะเืของแผ่นดิน จากนั้นร่างกายของพวกเขาพลันไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก ทำเอาสีหน้าของทุกคนขาวซีดเผือดไปตามๆ กัน...
“แหะๆ ูเาสุสานทวยเทพจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว พวกเ้าจงกลับไปเถอะ ครั้งสุดท้ายนี้จะให้โอกาสพวกเ้าแย่งสมบัติของล้ำค่ากันอีกครั้ง ฆ่ากันให้สนุก ฆ่ากันให้สะใจ ใครฆ่าได้เยอะก็ได้รับเยอะ... เฮ้อ! หลายพันปีแล้วในที่สุดข้าก็สามารถไปจากสถานที่บ้าๆ แห่งนี้ได้เสียที!” ลู่ซีหัวเราะออกมาอย่างยาวนาน ใบหน้าปรากฏแววของความหลุดพ้นจากนั้นเงาร่างขยับวูบขึ้นคราหนึ่งแล้วพลันเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย...
.................................
“เกิดเื่อะไรขึ้น?”
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับูเาสุสานทวยเทพทำให้พวกเย่เทียนหลงที่นั่งรักษาการณ์อยู่ภายนอกสะดุ้งใกันขึ้น ต่างเดินออกมาจากระโจมที่พักจ้องมองดููเาสุสานทวยเทพที่โยกสั่นไหวไปมาจนบังเกิดเสียงดังครืนๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง สีหน้าของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกใ
“เ้าหนูหาน เย่ชิงอวี่ เย่เชียง พวกเ้าจะเป็อะไรไม่ได้เชียวนะ! พวกหนูอู่ เยว่ชิงเฉิงทำไมยังไม่ออกมาจากเส้นทาง์กันอีก?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้