นางหันไปมอง เห็นบุรุษสวมผ้าคลุมสีฟ้าคนหนึ่งยืนมองอยู่ใต้ต้นจ้าวเจี่ยวไม่ไกลแบบไม่เกรงใจ สายตาน่ารังเกียจจนอยากอาเจียน
บุรุษผู้นี้ดูคุ้นตา แต่หลินหวั่นชิวกลับนึกไม่ออกว่าคือผู้ใด
หลินหวั่นชิวโมโหจนหยิบก้อนหินบนพื้นมาขว้างไปทางเขาเต็มแรง
ไอ้โรคจิต!
ถึงหลินหวั่นชิวจะไม่เคยฝึกเล็ง แต่นางกินโอสถชำระไขกระดูกมาแล้ว สมรรถภาพร่างกายดีขึ้น ตาสว่างหูชัดจนขว้างโดนหัวบุรุษผู้นั้นจริงๆ
หลินหวั่นชิวหมุนตัวจากไปเมื่อเห็นเขากุมศีรษะมองตัวเองด้วยความโมโห
มารดามันเถิด หากยังกล้าหาเื่นางอีก ข้าจะบี้ไข่เ้าให้แหลก
เื่นี้ทำให้หลินหวั่นชิวตื่นตัว กลับถึงบ้านก็รีบซื้อที่ช็อตไฟฟ้ามือสองที่มีแบตเตอรี่เต็มจากเสียนอวี๋มาสองชิ้น เก็บลงในช่องเก็บของ
แต่คิดไปคิดมาแล้วยังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ซื้อมีดทำกับข้าวมือสองที่ลับจนแหลมมาเก็บในช่องเก็บของเพิ่มแล้วจึงวางใจ
จ้าวสุ่ยเซิงกับหวางฟู่กุ้ยใช้เวลาสองวันในการสร้างรั้วรอบป่า เสาไม้กับก้านไม้ไผ่ไม่ยุ่งยากสำหรับพวกเขาสักนิด ทำเสร็จรวดเร็วมาก
หลังมื้อเที่ยง หลินหวั่นชิวงีบไปสิบห้านาทีก็ออกไปโรยเมล็ดพืชหนามที่รั้ว นางไม่มีความรู้เื่การเพาะต้นกล้า คิดในใจว่าอย่างไรเมล็ดพวกนี้ก็ราคาไม่แพง หากแตกหน่อออกรากได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้…เช่นนั้นก็คิดเสียว่าเดินออกกำลังกาย
เพียงพริบตาก็ถึงวันที่เจียงหงหย่วนต้องไปทำงานเสียแล้ว หงหนิงถูกเจียงหงหย่วนยัดเข้าไปอยู่ในสถานศึกษา ดังนั้นเจียงหงหย่วนจะออกจากบ้านก็ต่อเมื่อฟ้าสว่าง
เสื้อผ้าที่เขาใส่เป็ชุดแขนแคบที่หลินหวั่นชิวทำในห้องหัตถการบนเสียนอวี๋เสื้อผ้าตัวใหม่ ที่เอวมีผ้าคาด ใส่แล้วให้บรรยากาศต่างออกไปจากปกติ
หลินหวั่นชิวอดมองเขาไม่ได้ บุรุษผู้นี้คือราวแขวนผ้าโดยแท้ ถอดเสื้อมีกล้ามเนื้อ ใส่เสื้อผ้าเห็นรูปร่างราวกับนายแบบ
มองรถล่อจากไปไกล หลินหวั่นชิวปิดประตูลานบ้าน กลับไปห้องไปจัดหนังสือที่ตัวเองคัด
นางคัดหนังสือเร็วมาก ส่วนที่เป็ของตู้ซิวจู๋คัดเสร็จแล้ว ทว่าหลินหวั่นชิวยังไม่เข้าเล่ม แต่วางไว้ในช่องทำซ้ำบนเสียนอวี๋แทน เปลี่ยนกระดาษกับหมึก เช่นนี้แล้วหนังสือที่ทำซ้ำออกมาจะได้มีส่วนที่แตกต่างบ้าง
ที่นางอยากได้ก็คือส่วนที่แตกต่างนี้
แต่หลินหวั่นชิวไม่กล้าทำเยอะเกินไป นางไม่เคยดูถูกสติปัญญาของคนเรียนหนังสือในยุคนี้ กลัวว่าจะมีคนมองออกว่าตัวหนังสือเหมือนกับแบบไม่ผิดเพี้ยนราวกับพิมพ์เอา
เ้าบอกว่าเ้าคัดด้วยมือ แต่ทุกตัวอักษรจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงสักนิดเลยหรือ?
ทำซ้ำหนังสือสิบชุดจากห้องหัตถการบนเสียนอวี๋ รวมกับของตู้ซิวจู๋หนึ่งชุด ทั้งหมดสิบเอ็ดชุด
หลินหวั่นชิวไม่คัดลอกหน้าปกหนังสือทั้งสิบเอ็ดชุด แต่เลือกทำหน้าปกทุกเล่มด้วยตัวเอง หลังจากลองคิดไปคิดมา นางวาดใบเฟิง[1]สองสามใบด้วยลายเส้นแบบง่ายๆ ที่มุมหนังสือทุกเล่ม ทั้งยังลงสีด้วย
แต่งแต้มให้หน้าปกดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที มีกลิ่นอายของฤดูใบไม้ร่วง
ความจริงที่นางวาดใบเฟิงเพราะมันมีความหมายแฝงถึงคำว่า ‘ชิว(ฤดูใบไม้ร่วง)’ ในชื่อนาง
จัดทำหนังสือทั้งสิบเอ็ดชุดเสร็จ หลินหวั่นชิวก็เข้าไปท่องเสียนอวี๋ เลือกซื้อกล่องไม้เก็บของที่ขนาดเหมาะสม
กล่องเก็บของพวกนี้ขายไม่ค่อยดีเพราะลวดลายบนกล่องเป็แบบสมัยเก่า ทางโรงงานซื้อเก็บไว้มากเกินไป ตอนนี้จึงนำออกมาเทขายราคาถูก หลินหวั่นชิวซื้อมาหลายใบ
คนยุคปัจจุบันไม่ชอบลวดลายสมัยเก่า แต่นี่เป็ลวดลายที่กำลังแพร่หลายในยุคโบราณพอดีไม่ใช่หรือ?
นางยิ้มกว้าง ได้ซื้อของดีในราคาถูก
เก็บหนังสือทั้งหมดลงในกล่องไม้ เหลือส่วนของตู้ซิวจู๋ไว้ด้านนอกแค่ชุดเดียว ที่เหลือเก็บเข้าช่องเก็บของในเสียนอวี๋หมด
“ก๊อกๆๆ…”
“ภรรยาหงหย่วน ภรรยาหงหย่วน!”
หลินหวั่นชิวเพิ่งจัดการงานของตัวเองเสร็จก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างร้อนใจ
นางรีบไปเปิดประตู เห็นหวางทงเป่าสองสามีภรรยายืนอยู่ด้านนอกด้วยสีหน้าร้อนใจ
“ท่านลุง ท่านป้า เชิญเข้ามานั่งก่อนเ้าค่ะ”
ตอนนี้เจียงหงป๋อลุกออกไปเอากาน้ำชาจากห้องครัว เตรียมจะรินชาให้ทั้งคู่
“เกิดเื่ใหญ่เสียแล้ว ข้าต้องขอโทษพวกเ้าจริงๆ…” หวางทงเป่าร้อนใจจนตาแดง
“ลุงทงเป่าไม่ต้องรีบร้อน ดื่มน้ำก่อนค่อยพูดเถิดขอรับ” เจียงหงป๋อยกน้ำมาให้เขา เชิญทั้งคู่ให้นั่งบนเก้าอี้กลางลานบ้าน
หวางทงเป่ามีกะจิตกะใจมาดื่มน้ำที่ใดกัน เขาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ พูดด้วยความร้อนรนว่า “ข้าไปจองอิฐจากเตาเผาอิฐแล้ว ค่ามัดจำจ่ายไปแล้วเช่นกัน แต่ตอนนี้…แต่ตอนนี้…ช่างก่ออิฐพวกนั้นกลับมาบอกว่าไม่ทำเสียแล้ว”
“ไม่ทำแล้ว?” เจียงหงป๋อขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงเป็เช่นนี้? เพราะให้เงินไม่พอหรือ?”
“ให้พอ พวกเขาทำงานที่อื่นก็ได้ค่าแรงวันละสี่สิบเหรียญทองแดง ข้าอยากให้บ้านพวกเ้าออกมาดีที่สุดเลยให้พวกเขาวันละห้าสิบเหรียญทองแดง นี่เป็ค่าแรงที่หาจากที่ใดไม่ได้อีกแล้ว”
“พวกเขาบอกว่ากระไรเ้าคะ?” หลินหวั่นชิวรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าต้องมีใครทำกระไรบางอย่างกับเื่นี้
“พวกเขาบอกว่าหงหย่วนสมคบคิดกับโจรูเา ไม่กล้ารับงานนี้ กลัวเจียงหงหย่วนโดนจับแล้วจะไม่ได้ค่าแรง”
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องจ้างพวกเขา ข้าคิดว่าที่ร้านเผาอิฐน่าจะเป็เช่นกัน เอาเช่นนี้ ท่านลุงทงเป่านำเงินไปที่ร้านเผาอิฐอีกครั้ง พวกเราซื้อด้วยเงินสด ซื้อแล้วค่อยส่งกลับมา หากพวกเขาไม่ขายให้ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาคืนเงินมัดจำ ร้านในอำเภอนี้ไม่ขายยังมีอำเภออื่นอีก อย่างมากก็แค่ขนส่งไกลหน่อยและเสียค่าเดินทางมากขึ้น ส่วนเื่ช่างก่ออิฐ ท่านไม่ต้องกังวล ไว้คืนนี้หย่วนเกอกลับมาแล้วข้าจะให้หย่วนเกอไปหาช่างในอำเภอ ถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนให้ท่านช่วยคุมงานเช่นเดิม ต้องให้ท่านเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว ท่านก็ทราบว่าหงป๋อไม่ค่อยแข็งแรง หย่วนเกอไปทำงานในอำเภอ ส่วนข้าไม่รู้เื่กระไร เกรงว่าหากมอบหมายให้ผู้อื่นคุมจะถูกหลอกเสีย”
“เื่นี้เ้าวางใจได้ ข้าจะคอยจับตาดูให้” หวางถงเป่าเห็นหลินหวั่นชิวมีความเห็นเป็ของตัวเอง วางแผนสิ่งต่างๆ ใหม่ภายในไม่กี่ประโยคก็รู้สึกนับถือมาก
เพียงแต่ เห็นชัดว่าเื่นี้มีคนบ่อนทำลาย ไม่รู้ว่าหลังจากนี้งานจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่ หวางถงเป่ารู้สึกกังวลใจ
เชิงอรรถ
[1] ใบเฟิง(枫叶) หมายถึง ใบเมเปิ้ล
