บทที่ 169 ปลอมตัว
“ที่แท้คือท่านทูต พอดีเกิดความเข้าใจผิดนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะทำให้ท่านใ ต้องขออภัยจริงๆ”
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนที่หยิ่งผยองปรากฏตัว ฉู่เจิ้นหนานก็ประคองมือขึ้นมาคำนับทันที พร้อมกับรอยยิ้มลุแก่โทษบนใบหน้า และรีบกล่าวทักทาย
ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวหรูหราและมีนิสัยแปลกประหลาดคนนี้ชื่อฉู่เจียง เขาเป็ทูตที่ส่งมาจากเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่ มีหน้าที่ดูแลและช่วยเหลือในการเจรจาการแต่งงาน ความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา
ครั้งอายุเพียงสิบสี่ปี ก็สามารถเข้าสู่ขั้นพื้นพิภพได้ เรียกได้ว่าโดดเด่น
ดังนั้นแม้ว่าฉู่เจิ้นหนานจะอายุมากกว่าฉู่เจียงหลายปี แต่ก็ต้องให้ความเคารพยำเกรงต่อเขา
นี่คือช่องว่างทางฐานะ
“ฮ่าๆ ไม่ต้องใ ไม่ต้องใ” ฉู่เจียงยิ้มและโบกมือ จ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋น แล้วพูดกับหลิงจื้อ “ท่านหลิง การฝึกฝนทางิญญาของท่าน ช่างเปิดหูเปิดตาข้าจริงๆ”
“หากภายภาคหน้าเราโชคดีพอที่จะเป็พันธมิตรกันผ่านการแต่งงานได้ เชื่อว่าพวกเราจะต้องยิ่งใหญ่เพราะสองกระบี่ผนึกกำลัง”
เมื่อพูดจบ ฉู่เจียงก็หัวเราะ ก้าวไปข้างหน้าและนั่งลงบนที่นั่งของผู้นำ ฉู่เจิ้นหนานขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
“มันก็แน่อยู่แล้ว ในเมื่อท่านสนใจตระกูลของเรามากเช่นนี้ เช่นนั้นวันนี้กำหนดการแต่งงาน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้กระมัง ฮ่าๆ” หลิงจื้อยืนตัวตรง ดูเหมือนผู้แข็งแกร่งแสนกล้าหาญ
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของฉู่เจียงก็เป็ประกาย เขาจิบชาและไม่ตอบอะไร
เขาเปลี่ยนหัวข้อทันทีและพูดว่า “ตระกูลหลิง ตระกูลชุยเสวี่ย ตระกูลตงฟาง ไอ้หยา ช่างน่าปวดหัวจริงๆ กองกำลังทั้งสามตระกูลยิ่งใหญ่มากในทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก หากปฏิเสธสักที่ ต่างก็ทำให้ผู้คนถอนใจ”
หลิงจื้อหัวเราะเยาะ ทูตคนนี้พูดออกมาอย่างชัดเจน ด้วยเพราะ้าให้เขามอบของขวัญล้ำค่าให้
ต้องบอกว่านอกจากฉู่เจิ้นหนานแล้ว แม้แต่ฉู่เจียงก็อยากจะแอบกรองน้ำสกัดน้ำมันจากการแต่งงานครั้งนี้ด้วย โลภมากยิ่งนัก
เรียกได้ว่า ฉู่เจิ้นหนานและฉู่เจียงต่างก็ไม่ใช่นกที่ดีอะไร[1]
“ฮะๆ วันนี้ที่ข้ามาพร้อมกับทายาทตระกูล นอกจากจะให้เ้าหนูตระกูลข้ากับคนงามนางนั้นได้รู้จักมักจี่กัน ก็ยังเตรียมสมบัติมาไม่น้อย”
“ถ้าสหายเต๋าสองคนไม่ชอบมัน อีกสักครู่ไม่สู้พวกเรามาคุยเื่การแต่งงานไปพลาง ถกเื่ของวิเศษไปพลางเล่า?”
หลิงจื้อเสนอด้วยรอยยิ้ม ขณะเดียวกันก็เดินไปบังหน้าฉู่อวิ๋นอย่างเงียบๆ บดบังสายตาของฉู่เจียง
เขาบอกได้เลยว่าฉู่เจียงมีสายตาอันแหลมคมและมีพลังมากกว่าฉู่เจิ้นหนานยิ่งนัก เขากลัวว่าฉู่อวิ๋นจะถูกจับได้
“คุณชาย เชิญเ้าค่ะ”
ทันใดนั้น สาวใช้สองคนก็มาที่ห้องโถงเพื่อพาฉู่อวิ๋นไปพบฉู่ซินเหยาที่สวนด้านหลัง
“ได้”
ฉู่อวิ๋นพยักหน้า หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว หากเขาอยู่ที่นี่นานกว่านี้อีกสักวินาที ก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นก็ได้
เพราะจากการสำรวจิญญาของฉู่อวิ๋น ฉู่เจียงเป็เหมือนเตาหลอมขนาดใหญ่ที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งมาก หากคนคนนี้พยายามทดสอบเขา เขาอาจไม่สามารถหลบหนีได้
แต่ก่อนที่ฉู่อวิ๋นจะก้าวออกจากธรณีประตู จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง เสียงที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว
“เดี๋ยวก่อน!”
ฉู่เจียงยืนขึ้น เดินไปข้างหลังฉู่อวิ๋น และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เ้าคือทายาทของตระกูลหลิงใช่ไหม? ฮ่าๆ เ้าหนู อย่าใจร้อนไป”
“ว่าที่เ้าสาวในตระกูลข้าได้รับการคุ้มครองอย่างดียิ่ง และจะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น แต่ขอให้ข้าดูเ้าให้ดีก่อน”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ หัวใจของฉู่อวิ๋นก็เต้นเร็วขึ้น ด้วยเสียง “ตึกตัก” แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้ชายผู้แข็งแกร่งคนนี้สังเกตเห็นความผิดปกติได้ จึงต้องระงับอารมณ์ที่ผันผวนของตนอย่างแข็งขันและหันหลังกลับไปในทันที
ในขณะเดียวกัน หลังจากฟังคำพูดของฉู่เจียง หลิงจื้อก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาจะถอดหน้ากากของฉู่อวิ๋นหรือเปล่า?!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ชายชราแห่งตระกูลหลิงก็ขมวดคิ้วและแอบตั้งสมาธิ หากสถานการณ์เปลี่ยนไปในทันใด เขาก็จะเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้ผู้มีพระคุณของเขาต้องเดือดร้อน!
“ท่านผู้นี้ มีสิ่งใดจะแนะนำหรือ?” ฉู่อวิ๋นมองไปที่ฉู่เจียงโดยไม่อ่อนน้อมหรือหยิ่งผยอง
ในเวลานี้ ดวงตาของฉู่เจียงหรี่ลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาสั่นไหว จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง คล้ายกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็แอบตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจ้องมองของนักรบขั้นพื้นพิภพ เขาเตรียมที่จะสู้กลับแน่นอน หากคู่ต่อสู้คิดลงมือ เขาจะสู้ให้สุดชีวิต!
จู่ๆ ห้องโถงก็เงียบงัน ไม่มีใครส่งเสียง แม้แต่สาวใช้ทั้งสองก็ไม่กล้าหายใจ
“ฮ่าๆๆ!”
แต่จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น ทำให้บรรยากาศแปลกๆ เปลี่ยนไปในทันที
ฉู่เจียงดูมีความสุข เขาตบไหล่ของฉู่อวิ๋นเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ทายาทของตระกูลหลิงคือซิวหลัวหน้าผี ที่เป็ที่พูดถึงใน่นี้นี่เอง คนที่กวาดล้างการประชันห้าัในลานประลองยุทธ์!”
“หนุ่มน้อย มีอนาคตๆ ในพื้นที่รกร้างทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก ไม่ง่ายเลยที่จะมีประวัติศาสตร์เช่นนี้ให้บันทึก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งฉู่อวิ๋นและผู้เฒ่าหลิงก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ที่แท้ทูตจากเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่เพิ่งจะจำตัวตนของ “ซิวหลัวหน้าผี” ได้ ทำเอาพวกเขากลัวแทบตาย
“ฮ่าๆ เ้าลูกหลานอกตัญญูคนนี้ ทันทีที่มาถึงเมืองชุยเสวี่ยก็บอกว่า้าท้าทายจอมยุทธ์ แม้แต่คุณหนูฉู่ก็ลืมที่จะมาพบ พูดไปแล้วก็รู้สึกเสียมารยาทเสียจริง” หลิงจื้อกล่าว
“ไม่สำคัญหรอก คนรุ่นเยาว์ควรจดจ่อกับการฝึกฝนและเอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง นี่แหละวีรชน ฮ่าๆ” ฉู่เจียงแสดงความชื่นชม
ทันใดนั้น ทูตจากเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่ก็ส่ายหัวอีกครั้งและพูดเบาๆ “แต่น่าเสียดายที่แม้ว่าความแข็งแกร่งนี้จะโดดเด่นในทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก แต่ในทางเมืองหลวง ก็ยังถือว่าด้อยกว่าอยู่บ้าง”
ในเวลานี้ ขณะที่ฉู่เจียงกำลังนั่งสมาธิ ฉู่อวิ๋นก็เปลี่ยนเสียงของเขาทันทีและพูดว่า “วันเวลายังอีกยาว ข้ารู้ว่าการฝึกฝนไม่สามารถบรรลุได้ในชั่วข้ามคืน มันย่อมใช้เวลา แต่การปล่อยให้คนงามรอนานนั้นคงไม่ดีนัก”
หลังจากพูดจบ ฉู่อวิ๋นก็แสร้งทำเป็กังวล ราวกับว่าเขา้ารีบไปพบฉู่ซินเหยา ทำให้ทุกคนยิ้มออกมา
ความจริงแล้วเขา้าหลบหนีออกไปให้เร็วที่สุด ที่นี่อันตรายเกินไป
แต่คราวนี้ ฉู่เจียงไม่พูดอะไรอีก หัวเราะสองสามครั้ง จากนั้นปล่อยให้ฉู่อวิ๋นตามสาวใช้ไป
จากนั้น ทั้งสามคนในห้องโถงเริ่มพูดคุยถึงรายละเอียดการแต่งงานและหารือเื่ความเป็พันธมิตรกัน แน่นอนว่า พวกเขายังมองไปที่ “ของขวัญจากน้ำใจ” ที่หลิงจื้อมอบให้ด้วย
ฉู่เจิ้นหนานขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกจริงๆ ว่าซิวหลัวหน้าผีคนนี้คุ้นเคยมาก...
นี่คือลานที่ยังคงเงียบสงบ เสียงสกุณาร่ำร้อง กลิ่นบุปผาหวานหอม และสายลมที่พัดโชยแ่เบา
คลื่นน้ำปั่นป่วน ทะเลสาบใส ศาลาอันเป็เอกลักษณ์ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางทะเลสาบสีเขียว
คนงามแสนพิสุทธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้คนทั้งเมืองหลงใหลยืนอยู่ในศาลา ดวงตาคู่งามของนางมองก้อนเมฆขาวบนท้องฟ้าอย่างไม่กะพริบตาด้วยความสงบนิ่ง ราวกับรูปปั้นเทพธิดาที่สวยงามและศักดิ์สิทธิ์
ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความปรารถนา ดวงตาอันอ่อนโยนของนางเป็ประกายราวกับกำลังคิดถึงใครบางคน
่นี้ ฉู่ซินเหยาไม่สร้างปัญหาอีกและเต็มใจที่จะกินดื่มแล้ว ใบหน้าของนางก็สดใส ดวงหน้าพิสุทธิ์เริ่มแต่งแต้มสีระเรื่อ
เพราะมีคนเคยบอกกับนาง ให้นางดูแลตัวเองให้ดี
“อวิ๋นเอ๋อร์... เมื่อไหร่จะได้เจอเ้าอีก?” ฉู่ซินเหยาจ้องมองก้อนเมฆสีขาวและถอนหายใจเบาๆ ทันใดนั้นนางก็นึกอะไรบางอย่างได้ ใบหน้าของนางเศร้าโศก และกัดริมฝีปากแน่น
วันนี้มีคนบอกฉู่ซินเหยาว่าจะมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์มาเยี่ยมนาง เช่นเดียวกับคุณชายชุยเสวี่ย เขาเป็คนที่ไม่ควรละเลยและต้องได้พบหน้า
สิ่งนี้ทำให้ฉู่ซินเหยาค่อนข้างทุกข์ใจ เพราะตอนนี้นางไม่้าเจอใครนอกจากชายหนุ่มคนนั้น
“คุณหนู คุณชายหลิงมาถึงแล้วเ้าค่ะ”
ยามนี้เอง สาวใช้สองคนก็มาถึง เชิญชายสวมหน้ากากเข้ามา แล้วทั้งสองก็จากไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้พูดคุยกันตามลำพัง
“พี่หญิง…” เมื่อมองดูแผ่นหลังที่สง่างามและอ่อนโยนนั้น ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจเบาๆ และกำลังจะเรียกนาง
“ออกไป!”
แต่ฉู่ซินเหยาก็หันไปพูดด้วยอย่างเ็า ทำให้ฉู่อวิ๋นสะดุ้ง
ทันใดนั้น เขาก็จำขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เขาคือซิวหลัวหน้าผี เพราะเปลี่ยนหน้ากาก ฉู่ซินเหยาจึงจำเขาไม่ได้
“เป็เ้า?” เมื่อเห็นหน้ากากผีร้ายอันนี้ ฉู่ซินเหยาก็จำมันได้ทันที นี่คือผู้ชนะของการประชันห้าัที่มีปัญหากับฉู่อวิ๋น
“ข้าไม่อยากพบแขก ออกไปซะ!”
ฉู่ซินเหยาเอ่ยอย่างเ็า และไล่แขกออกไปอีกครั้ง ซิวหลัวหน้าผีคนนี้วันนั้นดูเหมือนจะรังแกฉู่อวิ๋นของนาง จากนั้นนางก็ไม่เคยมองเขาในแง่ดีเลย
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกเป็ทุกข์ เขาถูกพี่ซินเหยาไล่จริงๆ หรือ?! ข้าต้องแสดงให้นางเห็น
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้น จึงตัดสินใจแกล้งนาง เขาพูดด้วยรอยยิ้มลามก “ฮ่าๆ คนงาม เ้าบอกไม่พบก็ไม่พบ อย่างนั้นข้าไม่เสียหน้าแย่หรือ?”
ในขณะที่พูด “ซิวหลัวหน้าผี” ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉู่ซินเหยา ทำให้นางใถอยหลังไปครึ่งก้าวแล้วพูดดุ “เ้า... เ้าจะทำอะไร?! ถอยออกไปนะ! ถ้าเ้าไม่ถอย ข้า... ข้าจะะโเรียกคนแล้วนะ!”
ฉู่อวิ๋นยกมือขึ้นมาปิดรอยยิ้ม จากนั้นมองไปที่ร่างกายของฉู่ซินเหยา แล้วเอ่ยว่า “เ้าจะะโหรือ? ข้ามีสิ่งกีดขวางทางจิต ไม่ว่าเ้าจะะโดังแค่ไหน ก็ไม่มีใครได้ยิน ฮิๆ”
หลังจากได้ยิน เมื่อมองหน้ากากผีร้ายที่น่าสะพรึงกลัวของ “ซิวหลัวหน้าผี” ฉู่ซินเหยาก็ใกลัวจนถอยหลังหนีไปชนกับเสาศาลาริมทะเลสาบและพิงมันไว้แน่น
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นจึงแกล้งทำให้นางกลัวอีกครั้ง จงใจยิ้มเหี้ยมและพูดว่า “คนงามเอ๋ย ข้าอยากลิ้มลองรสชาติของเ้าเสียจริง”
เมื่อกล่าวเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นยังคงเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ฉู่ซินเหยาหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว
“อย่าเข้ามา...อย่าเข้ามานะ!” ฉู่ซินเหยาะโออกมา แต่นางก็ไร้ทางถอยแล้ว ด้วยความตื่นตระหนก นางจึงคิดจะะโทะเลสาบแล้วขู่ว่า “ถ้ายังเข้ามา! ข้า... ข้าจะะโลงทะเลสาบปลิดชีพเสีย!”
ฉู่ซินเหยากลัวมาก หัวใจและร่างกายของนางเป็ของชายผู้เป็ที่รักเท่านั้น!
“เ้าะโสิ! ข้าไม่กลัวหรอก ฮ่าๆ” ฉู่อวิ๋นยังคงเข้าใกล้และหัวเราะอย่างเ้าเล่ห์
ในที่สุด ฉู่ซินเหยาก็ทรุดตัวล้มลง ดวงตาคู่งามของนางแน่วแน่ กัดฟันและกำลังจะะโลงไปในทะเลสาบ!
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็หยุดเสียงหัวเราะและแสร้งทำเป็จริงจัง “จริงๆ แล้ว คุณชายเช่นข้าไม่ชอบเ้าหรอก เ้าดูสิว่าตัวเองอ้วนแค่ไหน?!”
"อ้วน?!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่ซินเหยาก็ขมวดคิ้วและโมโหขึ้นมาทันที ความโกรธของหญิงสาวพุ่งปรี๊ด!
นางหันกลับมาต่อว่าฉู่อวิ๋นทันที “ข้าจะอ้วนหรือผอมแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเ้า?”
“เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“เ้าลิงผอม ข้าไม่้าให้เ้ามาชอบสักหน่อย!”
“สวมหน้ากากผีมันวิเศษมากใช่ไหม? วันนั้นเ้าก็โดนเด็กชาวป่าชนะเอาได้ไม่ใช่หรือ?”
“ออกไป! ข้าไม่อยากพบเ้า!”
เมื่อพูดจบ ฉู่ซินเหยาก็ชี้นิ้วหยกไปที่ริมฝั่งอย่างมีนัยไล่แขก ดวงตาคู่งามของนางเบิกกว้าง มองตรงไปที่ฉู่อวิ๋นโดยไม่แสดงอาการอ่อนแอ แม้ร่างกายจะสั่นด้วยความโกรธ
นางอ้วนหรือ? นี่ไม่ใช่เื่ตลกเลยนะ แม้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้นางจะน้ำหนักลดไปมาก แต่รูปร่างของนางยังคงอยู่ในสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ
ยามนี้ ดวงตาของฉู่อวิ๋นสว่างวาบ เขาเผยรอยยิ้มอันอบอุ่น จ้องมองไปที่ฉู่ซินเหยา ในขณะเดียวกันก็ส่งผ่านเสียงแ่เบาด้วยพลังจิตเข้าไปในหูของนาง
“ไม่อยากเจอข้าจริงๆ หรือ?”
เสียงนี้เป็เสียงที่แท้จริงของฉู่อวิ๋น
สำหรับฉู่ซินเหยาแล้ว เสียงนี้เป็เสียงที่ไม่อาจลืมเลือน หลังจากที่นางได้ยินประโยคนี้ ทีแรกนางก็ใไม่น้อย แต่จากนั้นใบหน้าของนางก็แดงก่ำด้วยความเขินอาย
สุดท้ายแล้ว นางดีใจอย่างสุดซึ้ง ดวงตาคู่งามของนางสดใส แสดงท่าทางอ่อนหวานตระการตา
อวิ๋นเอ๋อร์ผู้นี้ ถึงกับ... ถึงกับกล้าปลอมตัวเป็คนอื่นเพื่อหยอกล้อนางหรือ?! ช่างกล้าจริงๆ!
----------
[1] อธิบายถึงบุคคลหรือวัตถุที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือมีประโยชน์เพียงเล็กน้อย