5 นาทีต่อมา ผู้คุ้มกันจากตำหนักฉินก็มาถึงเมื่อพวกเขาเข้ามาก็มองไปยังฉินเฟิงและโค้งคำนับพลางกล่าว “นายน้อยฉินครับรถรออยู่ข้างล่างแล้วครับ ส่วนลุงฝูกำลังมาครับ ให้ผมพาคุณไปโรงพยาบาลก่อนนะครับ”
ฉินเฟิงอุ้มหลินเป้ยเป้ยตามผู้คุ้มกันลงมาข้างล่างพวกเขาขึ้น BMW สีดำและผู้คุ้มกันก็รีบขับรถไปยังโรงพยาบาลชั้นหนึ่ง
ลุงฝูเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้นานแล้วตอนนี้ฟางเหวินเทียนผู้อำนวยการของโรงพยาบาลชั้นหนึ่งได้รออยู่ด้านนอกทางเข้าของโรงพยาบาลพร้อมกับหมออีกสี่คนที่กำลังใส่เสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่ด้านหลังเมื่อพวกเขาเห็นฉินเฟิงอุ้มหลินเป้ยเป้ยมา พวกเขาก็รีบมาต้อนรับทันที
“นายน้อยฉินครับ สถานการณ์เป็อย่างไรบ้างครับ?” ฟางเหวินเทียนมองดูหลินเป้ยเป้ยเขาใจหายเมื่อเห็นเืไหลท่วมหัวของเธอใครก็ตามที่เห็นเด็กสาวสวยบริสุทธิ์ได้รับาเ็ขนาดนี้ก็ต้องรู้สึกปวดใจ
“ผู้อำนวยการฟาง ผมคิดว่าหัวของเธอคงจะชนกับขอบโต๊ะคุณต้องหาวิธีช่วยเธอนะ” เมื่อฉินเฟิงเห็นฟางเหวินเทียน ก็จับแขนของเขาทันที
เพราะความกระวนกระวายอย่างมากเขาจึงไม่สามารถควบคุมแรงของตัวเองได้ ฟางเหวินเทียนสะดุ้ง “นายน้อยฉินครับยะ...อย่าห่วงไปเลย ปล่อยก่อนเถอะ”
ฉินเฟิงรู้ว่าเขาไม่สุภาพและรีบปล่อยทันที“ผู้อำนวยการฟาง คุณต้องช่วยเธอนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับนายน้อยฉิน เราจะพยายามอย่างดีที่สุดแน่นอนรีบตามผมมาในห้องผ่าตัดเร็วเถอะครับ” หลังจากที่ฟางเหวินเทียนพูดจบเขาก็รีบนำทางไป ฉินเฟิงอุ้มหลินเป้ยเป้ยตามหลังเขาทันที
พวกเขามาถึงหน้าประตูห้องฉุกเฉินฉินเฟิงโน้มตัวและจูบหน้าผากที่เปื้อนเืของหลินเป้ยเป้ย “เป้ยเป้ยเธอต้องไปอยู่ในนั้นนะ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ได้ยินหรือเปล่า?”
“นายน้อยฉินส่งคนป่วยให้เราด้วยครับช้าแม้แต่วินาทีเดียวก็อาจจะเป็อันตรายได้” ฟางเหวินเทียนอดไม่ได้นอกจากเร่งเร้าเมื่อเขาเห็นว่าฉินเฟิงไม่เต็มใจที่จะแยกห่างจากหลินเป้ยเป้ย
หลังจากนี้ฉินเฟิงวางหลินเป้ยเป้ยบนเตียงหมอสี่คนที่ใส่เสื้อกาวสีขาวเข็นหลินเป้ยเป้ยเข้าห้องผ่าตัดทันทีและประตูห้องก็ถูกปิดแน่นจากด้านหลังของพวกเขาฉินเฟิงนั่งอยู่บนม้านั่งข้างนอกคนเดียว หัวของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มของหลินเป้ยเป้ย
เขานึกถึงตอนที่หลินเป้ยเป้ยยืนเชียร์เขาเมื่อครั้งแรกที่เขาฝึกร่างกายบนสนามกีฬาเขานึกถึงตอนที่เขาพาหลินเป้ยเป้ยมากินข้าวที่โรงแรมหวงเจียและหลอกไอ้บ้าเถี่ยเหมิ่งเขานึกถึงตอนที่เธอโกรธและบุ้ยปากตอนนั่งโต๊ะเดียวกันที่มหาวิทยาลัยทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มและจับต้นขาของเธอเขานึกถึงตอนที่เธอใส่กี่เพ้าและดูเหมือนนางฟ้าที่เดินออกมาจากภาพวาดเขานึกถึงตอนที่เด็กสาวน่าสงสารไปสโมสรหวงเจียเพื่อขายตัวและหาเงินเพื่อรักษาแม่ของเธอ...
และก็...
ฉินเฟิงตระหนักได้ทันทีว่าเขามีความทรงจำมากมายกับหลินเป้ยเป้ยมากจนเขานับได้ไม่หมด ในหัวของเขาหลินเป้ยเป้ยเป็เด็กสาวใสซื่อที่ชอบหัวเราะโชคชะตาของเธอสับสนอลหม่านแต่เธอก็ไม่เคยก้มหัว เธอทำงานอย่างอิสระและเด็ดเดี่ยว
ฉินเฟิงไม่เข้าใจว่าอวี่เหวินเสียงลงมือกับเด็กสาวที่ทั้งน่ารักและใจดีอย่างนี้ได้อย่างไรถ้าเขาเริ่มใหม่ได้ ฉินเฟิงก็ยังไม่ลังเลเขาจะยังต่อยอวี่เหวินเสียงให้จมในกำแพงทีละหมัดและทำให้มันอยู่ในระหว่างความเป็ความตาย
“นายน้อยฉินครับ...” หลังจากไม่รู้ว่านานเท่าไรเสียงที่คุ้นเคยก็ดังผ่านหูของเขา ฉินเฟิงหันหน้าไปและเห็นว่าลุงฝูมาอยู่ข้างเขาแล้ว
“ลุงฝู ลุงมาแล้ว...” ฉินเฟิงพูดอย่างซึมกะทือ
ลุงฝูถอนหายใจยาวออกมาเขาเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน เมื่อเขามองฉินเฟิง สายตาของเขาก็ส่องประกายแปลกๆนายน้อยฉินแบบนี้ดูไม่ค่อยจะคุ้นเคยแต่ก็น่าพอใจ
เพราะผู้หญิงเขาจึงอัดคุณชายตระกูลอวี่แห่งโลกใต้ดินของเมืองจิ้นเฉิงจนตายความกล้าแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้
“นายน้อยฉินครับ สถานการณ์อยู่ใต้การควบคุมไปค่อนข้างเยอะแล้วท่านประธานฉินส่งคนไปติดสินบนซีอีโอของโรงแรมว่านเฟิงและทำลายเทปกล้องวงจรปิดแล้วและผมก็พาคนไปเก็บกวาดหมดแล้ว ดังนั้นจะไม่มีรอยนิ้วมือของนายน้อยฉินเหลืออยู่แน่นอนครับ”ลุงฝูพูดอย่างใจเย็น
ฉินเฟิงพยักหน้าเขาวางใจในการให้ลุงฝูจัดการโดยตลอด
“นายน้อยฉินครับ...คุณหนูหลินเป็อย่างไรบ้าง?” หลังจากลังเลสักพักลุงฝูก็เปิดปากถาม
ฉินเฟิงไม่รู้จะตอบลุงฝูอย่างไรตอนนี้เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าหลินเป้ยเป้ยเป็อย่างไรบ้างและตอนนี้เองประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก ฟางเหวินเทียนเดินออกมาด้วยสีหน้ากังวล
“ผู้อำนวยการฟาง สถานการณ์เป็อย่างไรบ้าง? หลินเป้ยเป้ยไม่เป็อะไรแล้วใช่ไหม?”เมื่อเขาเห็นฟางเหวินเทียนฉินเฟิงก็รีบไปหาทันที
ฟางเหวินเทียนส่ายหัวด้วยความหมดหวังเขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่และกล่าว “นายน้อยฉินครับ เราทำอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆถ้าไม่ใช่ว่ามีคนทาผงยาลึกลับบนแผลของคุณหนูหลินล่ะก็ผมกลัวว่าเธอคงจะไม่รอดั้แ่ระหว่างมาที่นี่แล้ว”
“สถานการณ์ตอนนี้มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายชีวิตของคุณหนูหลินพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เธอจะไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีกหรืออีกแง่ก็คือเธอจะอยู่ในสถานะเ้าหญิงนิทรา”
เมื่อเขาได้ยินคำว่า“เ้าหญิงนิทรา” หัวใจของฉินเฟิงก็หล่นลงไปที่ตาตุ่ม เขายอมรับความจริงนี้ไม่ได้เป็ไปได้หรือว่าสาวสวยใจดีอย่างนี้จะกลายเป็เ้าหญิงนิทราั้แ่ยังสาวได้อย่างไร?
ไม่มีใครมีสิทธิ์พรากรอยยิ้มของเธอไปทุกการเคลื่อนไหวของเธอหรือความรู้สึกที่เธอแสดงออกมาในวัยเยาว์ก็ตาม
อวี่เหวินเสียงไม่มีสิทธิ์ฉินเฟิงก็ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีใครมีสิทธิ์ทั้งนั้น!
ฉินเฟิงโกรธมากเขาโกรธจนหัวใจลุกไหม้ไปด้วยไฟโทสะ ฟางเหวินเทียนและลุงฝูที่ยืนอยู่ข้างๆเขารู้สึกถึงอุณหภูมิรอบๆ ที่เริ่มสูงขึ้นแม้ว่าฟางเหวินเทียนจะแก่และผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมายก็ยังไม่กล้ามองตาดุร้ายของฉินเฟิงที่ลุกไหม้ตรงๆ
“นายน้อยฉินครับ...ผมจะลองดูอีกครั้งว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นหรือเปล่า”บรรยากาศน่าอึดอัดเกินไป ฟางเหวินเทียนทนไม่ไหวและรีบกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
เหลือเพียงฉินเฟิงกับลุงฝูเท่านั้นที่ยังอยู่ตรงทางเข้าห้องฉุกเฉินที่ว่างเปล่า
“ลุงฝูช่วยผมจัดการเอกสารพักรักษาที่โรงพยาบาลของเป้ยเป้ยทีนะครับ...ผมยังมีเื่ต้องทำ”ฉินเฟิงเปิดปากทันที
ั์ตาของลุงฝูฉายวาบเสียงของเขาสั่นนิดหน่อยขณะที่กล่าว“คุณกำลังจะไปตระกูลอวี่ที่เมืองจิ้นเฉิงคนเดียวเหรอครับ?”
“อืม” ต่อหน้าลุงฝูฉินเฟิงไม่ต้องซ่อนอะไร เขาพยักหน้าอย่างเด็ดขาด
“คุณจะไปคนเดียวเหรอครับ? คุณสั่งให้ผมส่งคนไปก็ได้นะครับ”ลุงฝูกล่าว
“ตอนนี้ผมไม่อยากรบกวนลุงฝูน่ะ ผมจะจัดการธุระของผมเอง”ฉินเฟิงกัดฟันกล่าวออกมาทีละคำ
ลุงฝูเงียบไปพักหนึ่งเขาพิจารณาฉินเฟิงอีกครั้ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเขาดูไม่เหมือนลูกน้องของตำหนักฉินที่ดูเคารพและเชื่อฟังตลอดเวลาสายตาของเขาหยั่งลึกขณะที่มองฉินเฟิงอย่างตั้งใจเขาดูเหมือนเป็คนเฒ่าคนแก่ที่ตั้งใจพินิจลูกหลานของตัวเอง
“ฉินเฟิง ผมติดตามพ่อของคุณมายี่สิบปี ผมมองดูคุณเติบโตขึ้นและในใจของผมคุณก็ไม่ต่างจากลูกของผมเลย ผมจะไม่ออกความเห็นว่าในอดีตคุณเป็อย่างไร แต่จากวันนี้เป็ต้นไปผมจะทำความเข้าใจกับคุณใหม่อีกครั้งผมจะเฝ้ามองดูคุณนำความเปลี่ยนแปลงและความประหลาดใจมาให้ท่านประธานฉินผมจะเฝ้ามองดูคุณแข็งแกร่งขึ้นและเฝ้ามองดูคุณมีความสามารถในการยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง”
“เมื่อถึงเวลานั้น คุณจะไม่จำเป็ต้องให้ท่านประธานฉินและผมต้องคอยตามล้างตามเช็ดอีกเมื่อถึงตอนนั้น แม้แต่คุณก็สามารถปกป้องท่านประธานฉินและผมได้ความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมาถือว่าคุ้มค่านัก...ฉินเฟิงครั้งนี้ผมจะสนับสนุนคุณเอง!” อยู่ๆ ลุงฝูก็ยื่นหมัดออกมา
ฉินเฟิงก็ยื่นหมัดชนหมัดกับลุงฝูเขาบอกอย่างเคร่งขรึม “ขอบคุณครับลุงฝู! ลุงเป็คนที่ผมนับถือมาโดยตลอดั้แ่ก่อนหน้านี้และตลอดไป”
ั์ตาของลุงฝูแดงเล็กน้อย“ฉินเฟิง ผมจะไปกับคุณเอง เราจะไปสู้เคียงข้างกัน”
ฉินเฟิงมองลุงฝูและโค้งคำนับเขากล่าวอย่างใจจริง “ไม่จำเป็หรอกครับลุงฝู อยู่ที่โรงพยาบาลเถอะ ก่อนที่ผมจะกลับมาช่วยผมดูแลแม่ลูกตระกูลหลินด้วย ผมกลัวว่าจะมีคนมาทำร้ายพวกเขา”
“ผมจะไปแล้ว โปรดอย่าเพิ่งบอกเื่นี้กับพ่อด้วยนะครับ” ฉินเฟิงออกไป
เขารู้ว่านี่เป็งานที่อันตรายถ้าเขาบอกคนอื่นว่าเขากำลังจะไปท้าทายกับตระกูลที่ทรงอำนาจเขาอาจจะโดนเยาะเย้ยในทันที เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันท้าทายเหตุผลความบุ่มบ่ามเช่นนี้อาจส่งผลร้ายแรงมาให้อย่างมาก
แต่ใครบ้างที่จะไม่เคยเืร้อนในวัยหนุ่ม? ไม่งั้นมันก็ไม่เรียกว่า ‘วัยรุ่น’ สิ
ฉินเฟิงสามารถสู้ตายได้และจะไม่เสียใจแต่ถ้าเขาไม่ไปเขาอาจจะเสียใจตลอดชีวิตก็ได้
เขาเดินออกไปอย่างหาญกล้าใช้เนื้อเพลงพรรณนามันได้ว่า “อย่าหันหลัง อย่าหันหลังและก้าวต่อไป!”
...
ณเมืองจิ้นเฉิง คฤหาสน์ในชานเมือง
เมื่อชาวบ้านของเมืองจิ้นเฉิงผ่านคฤหาสน์ที่ใหญ่โตนี้พวกเขาจะอ้อมไปอย่างแน่นอน พวกเขาไม่กล้าที่จะหยุดอยู่ตรงนี้แน่
เนื่องจากนี่คือพื้นที่ของตระกูลใต้ดินอันดับหนึ่งของเมืองจิ้นเฉิง
มันกล่าวไว้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลอวี่เป็ตัวก่อปัญหาที่มาจากกลุ่มขอทานหลังจากก่อสร้างรากฐานในเมืองจิ้นเฉิงและเริ่มพัฒนาความสามารถของเขาจากยุคนั้นมาสู่รุ่นของอวี่เหวินเสียง มันได้พัฒนามาสามสิบปีแล้วพวกเขาตั้งหลักในเมืองจิ้นเฉิงได้อย่างสมบูรณ์เพราะประวัติกิจการใต้ดินที่ยาวนานและความเลวทรามโหดร้ายของพวกเขา
แม้ว่าโลกใต้ดินของเมืองจิ้นเฉิงจะมีทั้งดีและชั่วในเมืองมีกลุ่มน้อยใหญ่มากมายแต่ลูกชายคนโตของตระกูลอวี่ก็ยังไม่ใช่คนที่พวกเขาจะหาเื่ได้
ครอบครัวแบบนี้ไม่มีปัญหาอะไรมากแต่ตอนนี้พวกเขารวมตัวกันอยู่ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ทุกคนที่เป็เครือญาติและเป็ลูกหลานของตระกูลอวี่มารวมตัวกันคนเหล่านี้ล้วนมีสีหน้าหม่นหมอง พวกเขานั่งแยกกันเป็สองฝั่งด้วยความตึงเครียดสายตาของพวกเขาจ้องไปยังชายชราที่นั่งอยู่ในห้องรับรอง
ชายชราผู้นี้มีอายุเจ็ดสิบปีเศษๆเขาใส่ชุดสีดำสำหรับฝึกวิทยายุทธ์ ออร่าของเขาเ็าดั่งน้ำแข็งนิ่งเงียบและมีเกียรติ นี่คือประมุขตระกูลอวี่ที่มีตำแหน่งสูงที่สุด อวี่เวย
“พ่อ ตระกูลอวี่ของเราถือครองอำนาจในเมืองจิ้นเฉิงชื่อเสียงของเราแพร่กระจายไปทั่ว ใครหน้าไหนกันที่มันกล้าหาเื่ตระกูลอวี่ของเรา?วันนี้ลูกเสียงของผมถูกฆ่าในเมืองเว่ยเฉิงผมหวังว่าพ่อจะช่วยชำระแค้น ผม้าระดมกองกำลังของตระกูลอวี่ทุกคนเราต้องตามหาไอ้เวรนั่นแม้ว่าจะต้องพลิกเมืองเว่ยเฉิงก็ตามพ่อจะลอกหนังมันและจับมันทอดน้ำมันซะ” พ่อของอวี่เหวินเสียงอวี่ฮั่วหลงยืนขึ้นปลุกระดมทันที
แล้วชายในวัยสามสิบก็ยืนขึ้นนี่คือน้องชายคนรองของอวี่ฮั่วหลง อวี่ติ่งเทียน
เมื่อเขารู้ว่าอวี่เหวินเสียงตายเขาไม่ได้โกรธเลยสักนิดตรงกันข้ามเขามองไปที่พี่ชายของตนพร้อมกับหัวเราะร่าและกล่าว “พี่อย่าเพิ่งโกรธเลยเราทุกคนต่างก็โศกเศร้าเกี่ยวกับการฆาตกรรมในครั้งนี้แต่เรายังไม่รู้สถานการณ์ดีนัก ดังนั้นเราจะใจร้อนได้อย่างไร?”
“แถมอวี่เหวินเสียงยังแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มรุ่นเยาว์ของตระกูลอวี่และเขาก็เพิ่งทลายขีดจำกัดเข้าสู่ขั้นที่สี่ ถ้าคู่ต่อสู้ไม่แข็งแกร่งเขาจะโดนมันฆ่าได้อย่างไร? มันต้องเป็คนที่มาจากตระกูลใหญ่ถึงขนาดฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ได้ เราจะกระทำบุ่มบ่ามโดยไม่ยั้งคิดไม่ได้” อวี่ติ่งเทียนส่ายหัวและถอนหายใจ