ผู้ที่มาถึงคืออันดับสองในรายนามระดับสามัญ!
เมื่อได้ยินเสียงอุทานของยอดฝีมือวัยหนุ่มสาวของหยาจื้อสิบสามฝ่าย ฉินอวี่ก็หันศีรษะไปทางชายหนุ่มคนนั้นพลางหรี่ตาลง
เมื่อเทียบความสูงกับคนโดยทั่วไปของบรรดาคนหนุ่มสาวของหยาจื้อสิบสามฝ่าย อันดับสองผู้นี้ดูเตี้ยกว่าคนอื่น เขามีความสูงเพียงห้าฉื่อเท่านั้น และเมื่อยืนอยู่ข้างกายของเสี่ยหยวน ทำให้เขาดูเหมือนคนแคระไปในทันที เขาแต่งกายสบายๆ และคล้ายกันกับเสี่ยหยวน มีหนังอสูรปกคลุมร่างกาย แม้ว่าเขาจะตัวเตี้ย แต่ใบหน้าของเขาดูเป็คนใจกว้างยิ่งนัก ให้ความรู้สึกเหมือนเป็คนที่ไม่โกรธคน
สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องใคือ พลังปราณของอันดับสองผู้นี้มีความแข็งแกร่งมาก ดูเหมือนว่าพลังของคนผู้นี้จะไม่ด้อยไปกว่าอันดับหนึ่งเลย!
อันดับหนึ่งและอันดับสองของรายนามระดับสามัญมีความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ดังนั้นสิ่งนี้ทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของหยาจื้อสิบสามฝ่าย พละกำลังเช่นนี้หากออกไปจากแดนแตกสลายนี้ขึ้นมาจริงๆ คงสามารถทำให้แดนซิงเฉินขึ้นสู่ระดับสูงสุดอย่างแน่นอน
ขณะที่ฉินอวี่กำลังกวาดสายตามองอันดับสองอยู่นั้น ก็พบว่าสีหน้าท่าทางของเสี่ยหยวนนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาจึงเหลือบมองไปยังเสี่ยหยวนด้วยความสงสัย แต่กลับพบว่าบนใบหน้าที่น่าเกลียดของเสี่ยหยวนนั้นดูมีความซับซ้อนเล็กน้อย
อันดับสองหรี่ตาลงมองอันดับหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็เหลือบมองมาทางเสี่ยหยวน ท้ายที่สุดก็หยุดสายตามองฉินอวี่ จากนั้นเขาก็พูดอย่างสงสัย “เ้าเป็คนฆ่าอันดับห้าหรือ?”
ฉินอวี่ไม่ได้พูดอะไร ในสถานการณ์ที่ยังไม่แน่ใจอะไรเช่นนี้ สิ่งที่ควรทำที่สุดคือการเงียบเอาไว้
ส่วนในใจของพวกฉือเซียวต่างใจนแทบเป็ระลอกคลื่นกระทบจิตใจแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักการแบ่งชื่อแซ่ของหยาจื้อสิบสามฝ่าย แต่หากมองจากตัวอักษรที่พูดกันก็นับว่าเข้าใจได้ และพวกเขาก็ได้ยินมาจากการสนทนาของพวกคนหนุ่มสาวจากหยาจื้อสิบสามฝ่ายว่า ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงนั้นคืออันดับสิบเอ็ด และในตอนนี้ เมื่อได้ยินว่าฉินอวี่ได้สังหารอันดับห้า จะไม่ให้พวกเขาใได้อย่างไร?
ในตอนแรก การต่อสู้ระหว่างเ้าสิบเอ็ดกับฉินอวี่ ในความเห็นของพวกเขาต่างคิดว่าฉินอวี่สามารถเอาชนะได้เพราะความบังเอิญ แต่ในตอนนี้... ฉินอวี่ได้สังหารอันดับห้าไปแล้วซึ่งอันดับห้าจัดอยู่ในระดับสูงกว่าเ้าสิบเอ็ดที่อยู่ในอันดับสิบเอ็ด สิ่งนี้ทำให้พวกเขายากที่จะเชื่อ
พละกำลังของฉินอวี่จะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
คนทั้งเจ็ดต่างมีอารมณ์แตกต่างกันไป ฉือเซียวทั้งตื่นเต้นทั้งประหลาดใจ เขานึกไม่ถึงว่าศิษย์น้องของเขาจะสามารถเอาชนะอันดับห้าในบรรดาคนหนุ่มสาวแห่งยุคของเผ่าหยาจื้อได้
ต้องบอกเลยว่า ในการทดสอบครั้งนี้ ทำให้เขาได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าอย่างจริงจัง อีกทั้งยังเป็เหมือนแรงกระแทกใส่ฉือเซียว ในฐานะที่เป็อันดับหนึ่งของศิษย์อัจฉริยะของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง ฉือเซียวไม่อาจพูดได้อย่างเต็มภาคภูมินัก สิ่งเ่าั้ล้วนดูจอมปลอมทั้งสิ้น เมื่อพละกำลังที่ดูภาคภูมิใจนั้นต้องเผชิญกับเผ่าหยาจื้อ กลับดูอ่อนแอไปโดยทันที!
ด้านฉู่สยง นอกจากจะใแล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะสบตากับฉินอวี่ พูดตามตรง เมื่อเข้ามายังเขตต้องห้าม เขาไม่เคยสนใจในตัวของฉินอวี่เลย แม้ว่าจะใที่ฉินอวี่มีร่างอสุนีลึกลับ แต่แล้วจะอย่างไร? คนอย่างเขาฉู่สยงมีความมั่นใจเป็อย่างยิ่งว่าจะสามารถสังหารฉินอวี่ได้ในระยะเวลาอันสั้น
แต่ครั้งนี้... ความโอหังของฉู่สยงกลับถูกทำลายลงด้วยหมัดสามหมัดที่เ้าสิบเอ็ดโจมตีเข้ามา แต่คนที่เขาไม่เคยให้ความสนใจมาก่อนเลย ไม่เพียงแต่จะเอาชนะเ้าสิบเอ็ดได้เท่านั้น เขายังสังหารอันดับห้าได้อีกด้วย สิ่งนี้ทำให้ฉู่สยงเหมือนโดนตอกย้ำไปอีกหลายเท่า ทำให้เขารู้สึกขำขันตนเองที่เป็เพียงกบก้นบ่อ
ส่วนทางหยางเทียนและหยางเต้า หัวใจของทั้งสองมีความซับซ้อนเป็อย่างยิ่ง พวกเขาเป็เช่นเดียวกันกับฉู่สยง โดยเฉพาะหยางเต้าผู้เชี่ยวชาญการวางแผน เมื่อต้องอยู่ในเขตต้องห้าม หยางเต้าไม่เคยรู้สึกเลยว่าฉินอวี่จะสามารถคุกคามพวกเขาได้ แต่การต่อสู้ระหว่างฉินอวี่กับเ้าสิบเอ็ด กลับทำให้หยางเต้า้าจะลองตรวจสอบฉินอวี่ดูใหม่อีกครั้ง และในตอนนี้ เมื่อได้ยินว่าฉินอวี่สังหารอันดับห้า หยางเต้าก็แทบจะไม่เชื่อเลย
เขาคาดเดาพละกำลังของอันดับห้าได้จากพลังปราณของอันดับหนึ่งและคนทั้งสี่รอบตัวเขา ถึงแม้เขาและพี่ชายจะร่วมมือกัน โอกาสชนะก็ยังมีน้อยนัก แล้วฉินอวี่เอาชนะมาได้อย่างไร? หรือที่เส้นผมของเขาเปลี่ยนเป็สีขาวจะมีสาเหตุมาจากการต่อสู้กับอันดับห้า?
ทางด้านฉู่เยว่ฉาน นับั้แ่เข้ามายังเขตต้องห้าม นางก็นิ่งเงียบมาโดยตลอด และไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สายตาที่ถังอีิมองฉินอวี่นั้นกลับดูแตกต่างออกไป
ในขณะที่ฉือเซียวและคนอื่นๆ กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อันดับสองที่รออยู่ครู่ใหญ่แล้ว เมื่อเห็นฉินอวี่ไม่ตอบอะไร สีหน้าของเขาก็ดูไม่สบอารมณ์ เหลือบตามองเสี่ยหยวน และพูดออกไปอย่างใจลอย “สหายของเ้าหรือ?”
เสี่ยหยวนพยักหน้า
อันดับสองเห็นดังนั้นก็หันมองฉินอวี่อย่างประหลาดใจ ใบหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์ก็หายไป ครู่หนึ่ง เขาจึงมองไปทางพวกของอันดับหนึ่ง และพูดอย่างไม่ใส่ใจ “อันดับหนึ่ง อันดับสาม อันดับสี่ อันดับหก อันดับเจ็ด ผู้อยู่ในรายนามระดับสามัญมารวมตัวกันอยู่ที่นี่จนครบ ขอถามหน่อยเถอะ... พวกเ้ากำลังคิดจะทำอะไร?”
“อันดับสอง เื่ในที่แห่งนี้ไม่เกี่ยวกับเ้า” ชายหนุ่มที่มีเขาพูดขึ้นอย่างเ็า
“ไม่ใช่เื่ของข้าหรือ? แล้วมันเป็เื่อะไรของฝ่ายกระทิงอย่างเ้าหรือ” อันดับสองจ้องไปทางชายหนุ่มที่มีเขา และพูดอย่างเฉยเมย
“เอาล่ะ อันดับสอง พวกเรามาเตรียมตัวเข้าไปในหอคอยขัดเกลาชั้นที่เจ็ดกันดีกว่า หากเ้ายินดี ก็ตามเข้าไปพร้อมกับพวกข้าเถอะ” อันดับหนึ่งพูดอย่างเ็า
“อย่างนี้นี่เอง พวกเ้าอยากจะเข้าไปชั้นที่เจ็ดก็เข้าไปเถอะ แต่เ้ากลับเรียกพวกเขามากันหมด และไม่เรียกตัวข้า ทำเช่นนี้เ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือกำลังดูถูกข้า?” อันดับสองไม่เกรงกลัวอันดับหนึ่ง และพูดออกไปอย่างดุดัน
อันดับหนึ่งขมวดคิ้ว และพูดขึ้น “เ้าไม่ได้เก็บตัวฝึกยุทธ์อยู่หรือ?” สำหรับอันดับสองแล้ว เขาดูเป็คนที่น่าปวดหัวจริงๆ
“ข้าเก็บตัวอยู่ก็ส่วนเก็บตัว แต่เ้าจะไม่เรียกข้าได้หรือ?” อันดับสองพูดเบาๆ
ฉินอวี่มองไปยังอันดับสองด้วยความสนใจ เมื่อเห็นเหตุการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนอันดับสองจะเห็นไม่สอดคล้องกับคนอื่นๆ แต่เขาเองก็ดูเหมือนจะไม่เห็นเสี่ยหยวนเป็ศัตรู กลับให้ความเคารพ เมื่อคิดถึงส่วนนี้ ฉินอวี่ก็เหลือบมองไปทางเสี่ยหยวน
เสี่ยหยวนแอบถอนหายใจ และส่งสัญญาณเสียงไปหาฉินอวี่ “ข้าเคยช่วยชีวิตของเขาไว้ เขาเป็หลานของผู้นำเผ่าหยาจื้อ!”
ฉินอวี่ใ เสี่ยหยวนเคยบอกว่า ผู้นำคนนี้คือผู้แข็งแกร่งสุดของเผ่าหยาจื้อ...
มิน่าล่ะอันดับสองผู้นี้จึงดูไม่มีความเกรงกลัวอันดับหนึ่งเลยแม้แต่น้อย ที่แท้ก็เป็หลานของผู้นำเผ่าหยาจื้อ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเสี่ยหยวน มิน่าล่ะตอนอยู่ในหอคอยขัดเกลาเสี่ยหยวนจึงมีความรู้ถึงสถานการณ์ของเผ่าหยาจื้อเป็อย่างมาก เกรงว่า ทุกอย่างคงเป็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากอันดับสอง
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉินอวี่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอันดับสอง กลายเป็ความยินดีอย่างน่าประหลาด
สีหน้าของอันดับหนึ่งกระตุกทันที เขาไม่อยากจะให้ความสนใจกับอันดับสองผู้ดื้อรั้นอีกแล้ว สายตาของเขามองไปทางฉินอวี่และพูดขึ้น “เ้าทั้งสอง สรุปว่ายินดีจะเข้าไปยังหอคอยขัดเกลากับพวกข้าหรือไม่?”
“ได้ยินมานานแล้วว่าภายในชั้นที่เจ็ดของหอคอยขัดเกลานั้นมีความลับมากมาย ตัวข้ามีความยินดียิ่งนัก” ฉินอวี่กล่าว เสี่ยหยวนก็พยักหน้าเช่นกัน
พวกฉู่สยงต่างจ้องมองมาทางฉินอวี่ ตอนนี้พวกเขาเดาออกทันทีว่าชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉินอวี่ หากฉินอวี่ปฏิเสธ ชีวิตพวกเขาก็จะไร้ค่า และถูกสังหารทันที
“เสี่ยหยวน นี่เ้ายังไม่รู้จักเ้าคนชั้นต่ำอย่างเขาอีกหรือ? ติดตามเขาเข้าไปชั้นเจ็ดของหอคอยขัดเกลา จะตายอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้” เมื่ออันดับสองเห็นเสี่ยหยวนพยักหน้า เขาก็ะโเสียงดัง พูดจบ ก็เหลือบตามองอันดับหนึ่ง
ใบหน้าที่น่าเกลียดและบิดเบี้ยวของเสี่ยหยวนกระตุกเล็กน้อย “ข้าได้ตัดสินใจแล้ว”
“เ้า...” อันดับสองจ้องเขม็ง มองไปยังใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเสี่ยหยวน แต่อันดับสองก็ไม่ได้กล่าวอะไรที่รุนแรง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้น “ช่างเถอะ จะไปก็ไปเถอะ ข้าก็อยากจะรู้ว่าอันดับหนึ่งเขาจะทำอะไรเ้าได้”
เปลือกตาของอันดับหนึ่งกระตุกเล็กน้อย สายตาของเขาดูน่าเกรงขาม การปรากฏตัวของอันดับสองทำให้เขาไม่ทันตั้งตัว และยังเป็การขัดขวางแผนการของเขา หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดขึ้นอย่างเ็า “ไปกันเถอะ!”
เป็ไปอย่างที่เสี่ยหยวนกล่าวไว้ นับั้แ่ชั้นที่ห้าเป็ต้นไป แม้แต่เขาเองก็ยังได้แต่วนอยู่ในนั้น ไม่กล้ามุ่งหน้าลึกเข้าไป แม้ตอนนี้จะมีคนจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท
ตลอดเส้นทาง คนของหยาจื้อสิบสามฝ่ายก็ดูเหมือนจะตั้งใจล้อมพวกฉือเซียวทั้งเจ็ดคนเอาไว้ ฉินอวี่ไม่พูดอะไร ได้แต่ส่งสัญญาณเสียงไปให้ฉือเซียว “ศิษย์พี่ฉือ ท่านรู้หรือไม่ว่าวิชาสร้างเรือนไม้ของอาจารย์สร้างได้อย่างไร?” เมื่อเื่มาถึงเช่นนี้แล้ว ฉินอวี่ก็ทำได้แค่แกล้งเป็ศิษย์ของเลี่ยเอ๋าต่อไป
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาส่วนลึกของฉือเซียว ก่อนหน้านี้เขาก็ได้แต่คาดเดา แต่ตอนนี้เมื่อฉินอวี่เอ่ยปากเรียกอาจารย์ด้วยตนเอง จึงเป็การยอมรับไปโดยปริยาย
แต่เมื่อนึกถึงวิชาการสร้างเรือนไม้ของอาจารย์เลี่ยเอ๋า ฉือเซียวก็รู้สึกเศร้าใจ เพราะเขาไม่ได้ศึกษาเื่ของเรือนไม้ที่ว่านี้มากเท่าไร เขาจึงพูดผ่านการส่งสัญญาณเสียงกลับไปทันที “ข้า... ข้ายังไม่ได้เรียนรู้มัน”
ฉินอวี่ขมวดคิ้ว ในความคิดของเขา แม้ว่าฉือเซียวจะไม่เคยัักับข้อบังคับฟ้าดิน แต่เขาก็น่าจะพอรู้จักวิชายุทธ์ในการสร้างเรือนไม้ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าฉือเซียวไม่เคยศึกษาเื่นี้มาก่อน การที่ฉือเซียวไม่ได้ศึกษาเื่นี้มาก่อน ทำให้แผนการอันดับต่อไปของฉินอวี่ไม่อาจเป็จริงได้ หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ฉินอวี่จึงพูดออกไปด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ท่านจดจำตำแหน่งของไม้ได้ทุกชิ้นหรือไม่? สามารถสร้างมันออกมาตามรูปแบบได้หรือไม่?”
ฉือเซียวรู้ดีว่าฉินอวี่จะต้องมีเหตุผลในการถามเช่นนี้ เขาจึงนึกทบทวนกลับไป ก่อนจะพูดว่า “แทบจะไม่ได้!”
แทบจะไม่ได้เลยหรือ? ฉินอวี่ถึงกับพูดไม่ออก เื่นี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขา ยังจะมาบอกว่าทำไม่ได้อีก ฉินอวี่พูดต่อไป “หากท่านทำได้ก็มีชีวิตรอด หากทำไม่ได้ ท่านก็ต้องตาย!”
ร่างกายของฉือเซียวสั่นสะท้าน ใบหน้าที่หยาบกร้านของเขาดูเป็กังวล นี่เป็สิ่งที่เขารู้สึกเสียดายเป็อย่างยิ่ง เขาไม่เคยนึกเลยว่าวันหนึ่งเรือนไม้ของอาจารย์จะมาเกี่ยวข้องกับความเป็ความตายของเขา เมื่อนึกย้อนกลับไป อาจารย์พยายามบังคับให้เขาศึกษาเื่นี้ ตนเองไม่้าแม้แต่จะคิดสนใจเลยด้วยซ้ำ ฉือเซียวแทบจะอยากตบหูตนเองแรงๆ
ฉินอวี่ถอนหายใจ พวกของฉือเซียวคือคนที่อันดับหนึ่งพามาเพื่อบีบบังคับตนเอง และเมื่อเข้าถึงชั้นที่เจ็ดของหอคอยขัดเกลา พวกฉือเซียวทั้งเจ็ดคนก็จะถูกควบคุม เมื่อถึงเวลานั้น... หากฉือเซียวสามารถสร้างเรือนไม้ได้ ก็จะสามารถคลี่คลายอันตรายต่างๆ ไปได้ หากว่าทำไม่ได้... ไม่เพียงแต่เขาจะเสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังจะมาเป็ตัวถ่วงให้ฉินอวี่อีกด้วย
“รอดูไปก่อนก็แล้วกัน ข้าจะหาวิธีบอกตำแหน่งของไม้ให้ท่านรู้ ท่านต้องจดจำเอาไว้ ห้ามให้ผิดแม้แต่นิดเดียว หากสามารถสร้างออกมาได้ก็พาศิษย์พี่ฉู่เยว่ฉานไปด้วยแล้วกัน” ฉินอวี่ส่งเสียงไปแล้ว ก็เริ่มคิดหาวิธีบอกตำแหน่งแผ่นไม้ให้กับฉือเซียว
“เ้าฆ่าอันดับห้าจริงๆ หรือ?” ขณะฉินอวี่กำลังครุ่นคิดนั้น อันดับสองก็ก้าวออกมา และถามอย่างสงสัย
ฉินอวี่เหลือบมองอันดับสองและพยักหน้า
“เสี่ยหยวน เ้าคิดว่าผู้นำฝ่ายวานรยุทธ์จะยอมปล่อยตัวคนที่ฆ่าหลานชายของเขาให้ออกไปจากเผ่าหยาจื้อหรือ?” หลังจากได้รับคำตอบจากฉินอวี่ อันดับสองก็หันไปมองเสี่ยหยวน และส่งเสียงไปยังเสี่ยหยวนและฉินอวี่ไปพร้อมกัน
