ลมแรงพัดมา ผมยาวของหลินกู๋หยู่ปลิวสยายว่อนไปทั่วใบหน้าของเขา
ความอบอุ่นในดวงตาของฉือหางไม่อาจชัดเจนได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ความรู้สึกที่อธิบายเป็คำพูดไม่ได้นั้นทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่หลายส่วน
"เ้าไปดูแลโต้ซาเถอะ" หลินกู๋หยู่มองฉือหางด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า ลงจากก้อนหินก้อนนั้น แล้วพูดเบาๆ ว่า "ข้าจะทำอาหาร"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางก็หันศีรษะไปมองโต้ซา "เขาเล่นคนเดียวดีอยู่แล้ว ไม่้าให้ข้าดูแล"
ความหมายคือ เขาไม่จำเป็ต้องไปดูแลลูก เขาแค่้าดูนางทำอาหาร
หลินกู๋หยู่มองไปที่พริกข้างๆ และพูดว่า "เ้าไปล้างพริกแล้วหั่นมันให้ที"
ฉือหางหยิบพริกออกไปล้างอย่างเชื่อฟัง
เมื่ออาหารปรุงเสร็จหมดแล้ว หลินกู๋หยู่ยกอาหารมาวางไว้บนโต๊ะและบอกให้โต้ซาไปล้างมือเตรียมทานอาหาร
ฉือหางทานเร็วมากราวกับว่าเขาไม่ได้ทานมานาน
โต้ซานั่งอีกด้านหนึ่ง เขาทานพลางเล่นไปพลาง
ฉือหางและหลินกู๋หยู่กินน้ำต้มข้าว มีเพียงโต้ซาเท่านั้นที่ทานแกงจืดไข่เหลือง
ฉือหางมองไปที่ท่าทางเอื่อยเฉื่อยของโต้ซา เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
หลังจากโต้ซาทานเสร็จ ฉือหางก็เก็บจานออกไปล้าง
รอให้น้ำในหม้อเดือด โต้ซาก็เล่นพอประมาณแล้ว เขาปล่อยให้หลินกู๋หยู่ช่วยเขาอาบน้ำ พาเข้านอนด้วยความสะลึมสะลือ
หลินกู๋หยู่เฝ้าดูโต้ซาผล็อยหลับไป จากนั้นเดินย่องเบาๆ ไปที่เตา
ฉือหางนั่งยองๆ อยู่ข้างเตา เขาเติมฟืนลงไป
หลินกู๋หยู่นั่งยองข้างๆ ฉือหาง พลางใส่ฟืนเข้าไปด้วยเช่นกัน
“เขา” มือที่ประหม่าของฉือหางเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ “เขาหลับไปแล้วหรือ?”
"หลับแล้ว" หลินกู๋หยู่มองฉือหางด้วยรอยยิ้ม เอ่ยถามด้วยความสงสัย "เ้าอาบน้ำในฤดูหนาวอย่างไรหรือ?"
ฉือหางเงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ เสียงของเขาแ่เบาว่า "ข้าอาบน้ำเดือนละหนึ่งครั้ง มีห้องหนึ่งในบ้านของน้องชายสี่ ในฤดูหนาว ข้าจะเผาฟืนและอาบน้ำในถังไม้ใหญ่ในห้องนั้น"
"พวกเราควรจะซื้ออีกหนึ่งถังหรือไม่?" หลินกู๋หยู่คิดว่าบ้านหลังนี้เล็กเกินกว่าที่จะใส่เข้าไปได้
“ถ้าเ้าชอบ เราซื้ออันที่ใหญ่กว่าที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็ได้”
ใบหน้าของฉือหางแดงก่ำ ภายใต้การส่องสะท้อนของแสงไฟ
"งั้นซื้อหนึ่งถัง ถึงเวลานั้นเราจะได้อาบน้ำบ่อยๆ" หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าที่นี่ลำบากมาก ไม่ว่าอยากทำอะไรก็ไม่สะดวก
เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้าน นางยังสวมเสื้อผ้าบางๆ ในฤดูหนาวได้เลย
อาบน้ำคืนละครั้งด้วย
ถ้าเป็ไปได้ หลินกู๋หยู่อยากทะลุมิติกลับไปจริงๆ สถานที่นี้ล้าหลังเกินไปแล้ว
"ได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อให้" ฉือหางยิ้มและมองไปที่หลินกู๋หยู่ มองไปที่ใบหน้าที่สวยงามนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า
ฉือหางจับใบหน้าของนางราวกับถูกผีสิง ลดสายตาลง มือทัดเศษผมที่ไหลมาด้านหน้าไปยังด้านหลังใบหูของนางอย่างเบามือ
การเคลื่อนไหวของเขาเบามาก เบาประดุจขนห่านที่ปัดผ่านใบหน้าของนาง
ั้แ่วินาทีที่นางตัดสินใจ นางก็ไม่หลบเลี่ยงฉือหางอีกต่อไป
เดิมทีความรักเป็เื่ระหว่างคนสองคน หากนางเป็ฝ่ายยอมรับแต่ความรักของเขาอยู่ฝ่ายเดียว นั่นจะไม่ยุติธรรมกับฉือหางมากเกินไป
นางไม่เคยเห็นผู้ชายเช่นนี้มาก่อน ผู้ชายที่โง่งม ไม่ว่านางจะปฏิเสธขนาดไหน เขาก็ยังยืนหยัดในความคิดของตัวเอง
หลินกู๋หยู่ลดสายตาของนางลงเล็กน้อย นางกลัวเล็กน้อยที่จะสบตากับดวงตาที่ร้อนแรงของเขา นางรู้สึกเหมือนถูกแผดเผา
มีเสียงเคาะประตูด้านนอก หลินกู๋หยู่ก็กลับมามีสติสัมปชัญญะ ยื่นมือออกไปผลักฉือหางออกไป แต่ไม่คิดว่าเขาจะดื้อดึงไม่ยอมหยุด
หลินกู๋หยู่นั่งอยู่ข้างๆ หน้าแดง เอามือปิดปาก ก้มศีรษะลง พูดเสียงอู้อี้ว่า "ด้านนอกมีเสียงเคาะประตู รีบไปดูเถอะ"
ฉือหางชำเลืองมองหลินกู๋หยู่คล้ายยังไม่หายอยาก จากนั้นเอื้อมมือไปแตะริมฝีปากของตน คล้ายจะยังได้กลิ่นของหลินกู๋หยู่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของฉือหางจากไป หลินกู๋หยู่ก็อดไม่ได้ที่จะกุมใบหน้าตัวเอง
เดิมทีนางคิดว่าเขาจะเป็ผู้ชายเงียบเรียบร้อย แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะเป็คนที่ร้อนแรงเพียงนี้
หลินกู๋หยู่ได้ยินเสียงลอดมาจากข้างนอกดูคลุมเครือเล็กน้อย
หลินกู๋หยู่ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก เห็นฉือซู่ยืนอยู่ที่ประตูกำลังพูดอะไรบางอย่างกับฉือหาง
หลินกู๋หยู่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็เดินไปหาทั้งคู่
เมื่อฉือหางเห็นหลินกู๋หยู่เข้ามา เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“น้องสาม เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นแล้ว เ้าก็รู้ว่าน้องรองของเ้าไว้ใจไม่ได้ ดังนั้น ข้าจึงทำได้แค่มาหาเ้าแล้ว” ใบหน้าของฉือซู่ซีดเผือด เสียงของเขาก็ทุ้มต่ำเจือไปด้วยความอ้างว้าง
"เข้ามาคุยด้านในเถอะ" ฉือหางชำเลืองมองหลินกู๋หยู่
ฉือซู่ส่ายศีรษะเบาๆ อย่างสลดใจ
"พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น พวกพี่เข้ามาคุยกันด้านในเถอะ ด้านนอกอากาศหนาวมาก" หลินกู๋หยู่มองสภาพของฉือซู่ นางรู้ว่าฉือซู่อาจ้าคุยกับฉือหางคนเดียว ดังนั้นนางจึงพูดด้วยรอยยิ้ม "ข้ากำลังจะเย็บเสื้อผ้าพอดี พวกพี่คุยกันข้างนอกก็ได้”
หลังจากได้ยินถ้อยคำของหลินกู๋หยู่ ฉือซู่ก็พยักหน้าแล้วเดินตามเข้าไป
หลังจากที่หลินกู๋หยู่เข้ามาในห้อง นางก็ลดม่านลงทันที นั่งลงบนขอบเตียงเย็บเสื้อผ้า
สิ่งที่นางกำลังตัดเย็บนี้คือเสื้อกันหนาวของนางเอง ฉือหางมีเสื้อกันหนาวแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมสำหรับตัวเอง
หลินกู๋หยู่กำลังเย็บเสื้อผ้า ได้ยินเสียงกองฟืนไหม้ลั่นเป็ระยะ ก้มศีรษะลงทำงานของตัวเองต่อไป
ข้างใบหูของนางได้ยินเสียงกระซิบ หลินกู๋หยู่ได้ยินไม่ชัดนัก และนางก็ไม่อยากได้ยินมันด้วยจึงง่วนอยู่กับงานในมือ
ทว่ายามนี้นางง่วงนอนเล็กน้อย
หลินกู๋หยู่หาว มองไปที่คนสองคนที่อยู่ในระยะห่างออกไป ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร แต่ท่าทางของพวกเขาดูจริงจังมาก
แต่เพียงว่านางง่วงมากแล้ว เมื่อคืนนางเข้านอนดึกมาก ตอนนี้ก็น่าจะดึกแล้วด้วย
เด็กสาวหดหู่ใจเล็กน้อย นางยังไม่ได้อาบน้ำเลย ดังนั้นนางจึงคิดที่จะงีบหลับสักพัก แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำในภายหลัง
เมื่อหลินกู๋หยู่ตื่นขึ้นอีกครั้ง ก็เป็เวลาเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างบานเก่า ตกลงกระทบบนพื้นราวกับว่ามันถูกฝังด้วยแสงสีทองเป็ชั้นๆ
หลินกู๋หยู่ผลักฉือหางให้ตื่น พูดอย่างจิตตกเล็กน้อย "ทำไมเมื่อคืนนี้เ้าไม่ปลุกข้า?"
ฉือหางลืมตาด้วยความงุนงง มองไปที่หลินกู๋หยู่ที่ลุกขึ้นนั่งอยู่ข้างๆ
"เมื่อคืนนี้ดึกแล้ว" ฉือหางพูดอย่างคลุมเครือ "ข้าจึงไม่ได้ปลุกเ้า"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด หลินกู๋หยู่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า "ข้ายังไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ"
“พี่ใหญ่คุยกับข้าครึ่งค่อนคืน เพิ่งกลับไปเมื่อใกล้รุ่งสาง” ฉือหางยื่นมือออกมาขยี้ตา มองดูหลินกู๋หยู่นั่งอยู่บนเตียง “ข้าจะไปส่งเ้าไปในเมือง "
“ไม่เป็ไร ข้าไปเองได้ ข้าทำอาหารเสร็จแล้วจะมาปลุกเ้า” หลินกู๋หยู่ปีนออกจากร่างของฉือหางอย่างระมัดระวัง
ฉือหางนั่งบนเตียงสักพัก จากนั้นก็ตื่นขึ้นไปปลุกและพาโต้ซาไปล้างหน้าล้างตัว
“เ้านอนอีกสักพักเถอะ” หลินกู๋หยู่ใส่ข้าวลงในหม้อ ช่วยฉือหางล้างหน้าให้โต้ซา “ข้าไปเองได้”
“ข้ารู้” ฉือหางเงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ ก่อนจะลดศีรษะลงเล็กน้อย
อันที่จริง เขาแค่้าใช้เวลากับนางให้มากขึ้น
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉือซู่พูดเมื่อคืนนี้ ฉือหางก็ขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนกระบองเพชร
หลินกู๋หยู่ช่วยโต้ซาเช็ดใบหน้าและมือ เห็นว่าการแสดงออกของฉือหางผิดแปลกไป จึงเอ่ยถามอย่างเป็กังวลว่า "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
“เอ่อ” ฉือหางชำเลืองมองหลินกู๋หยู่ หว่างคิ้วของเขาขมวดแน่นยิ่งขึ้น และเสียงของเขาก็เบามาก “พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ทะเลาะกัน จะหย่ากันแล้ว”
หย่ากันหรือ?
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้ว เอ่ยถามอย่างสงสัย "พวกเขาสองคนมีปัญหากันหรือ?"
ฉือหางพยักหน้า ยกโต้ซาขึ้นมาวางไว้บนเก้าอี้ "พี่ใหญ่ไม่อยากหย่า แต่พี่สะใภ้้าหย่ากับพี่ใหญ่"
หลินกู๋หยู่ไม่สนใจเื่ของคู่สามีและภรรยาของคนอื่นเลย
“แล้วพี่ใหญ่ว่าอย่างไร?” หลินกู๋หยู่เดินไปที่เตา เอ่ยถามอย่างฉงนขณะคนข้าวต้ม
“พี่ใหญ่ไม่ยอมหย่าด้วย แต่พี่สะใภ้ใหญ่ตัดสินใจแล้ว บอกว่าวันนี้นางจะเก็บข้าวของกลับบ้านเดิม” ฉือหางขมวดคิ้วแน่นขึ้น พูดอย่างช่วยไม่ได้ “พี่ชายใหญ่แค่อยากใช้ชีวิตที่ดีกับพี่สะใภ้ใหญ่ เขาคิดไม่ออกว่าทำไมพี่สะใภ้ใหญ่ถึง้าหย่าให้ได้ ทั้งสองคนมีลูกสองคนแล้ว"
ฉือซู่และซ่งซื่อให้กำเนิดลูกสองคน ลูกชายคนโตมีนามว่า ฉือิ ปีนี้อายุห้าขวบกว่า และลูกชายคนเล็กมีนามว่า ฉือซง ปีนี้อายุสองขวบกว่า
ครอบครัวที่มีสมาชิกสี่คน หลินกู๋หยู่คิดไม่ออกว่าอยู่กันอย่างไรถึงได้้าหย่าร้างกัน
“พี่ชายใหญ่ของเ้าได้บอกเหตุผลที่พี่สะใภ้้าหย่าหรือไม่?” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง และเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่ได้บอก” ฉือหางขมวดคิ้วด้วยความสับสน ถอนหายใจอย่างจนปัญญาหลายส่วน “ใครจะไปรู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่คิดอย่างไร พี่ชายใหญ่ก็ไม่ได้พูดถึงสาเหตุ”
"อาหารพร้อมแล้ว เราทานข้าวก่อนเถอะ" ขณะที่หลินกู๋หยู่พูด นางขอให้ฉือหางนำชามมา เทข้าวต้มสามชาม วางชามและตะเกียบลงบนโต๊ะ "หรือว่าอีกสักพักหนึ่งเ้าบอกให้พี่ใหญ่ไปถามพี่สะใภ้ใหญ่ว่านางคิดอย่างไรให้ชัดเจน ถึงเวลานั้นก็จะรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร”
“ข้าได้คุยกับพี่ใหญ่เสร็จแล้ว” ฉือหางชำเลืองมองหลินกู๋หยู่ด้วยอาการปวดศีรษะ “พี่สะใภ้มักจะไม่ค่อยพูดอะไร นอกจากเื่งาน ก็ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงเริ่มทะเลาะกับพี่ใหญ่”
หลินกู๋หยู่ใส่อาหารลงในชามของฉือหาง อาหารเหลือจากเมื่อคืนและนำมาอุ่นในเช้าวันนี้
“เ้าบอกให้พี่ใหญ่ไปถาม ถ้าพี่ใหญ่ถามไม่ได้ ก็ให้พี่สะใภ้รองไปถามพี่สะใภ้ใหญ่ เช่นนั้นก็จะรู้แล้วว่าทำไมพี่สะใภ้ใหญ่ถึงได้อยากหย่า เ้าลองตรองดู พี่สะใภ้ใหญ่ยังมีลูกอีกสองคน ถึงนางจะไม่ยอมใช้ชีวิตกับพี่ชายใหญ่ แต่เห็นแก่ลูกทั้งสองคน นางน่าจะยังอยู่ต่อใช่หรือไม่?” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางด้วยรอยยิ้ม นางอธิบายช้าๆ
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางพยักหน้าและถอนหายใจ "ข้าจะคุยกับพี่ใหญ่ในภายหลัง"
เมื่อเห็นฉือหางเป็เช่นนี้ หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้