นับจากลืมตาดูโลก ควงเหยาก็เคยผ่านความทุกข์ยากมามากมาย แต่ก็ไม่อาจจินตนาการได้ ว่าถ้าตนต้องเผชิญกับสถานการณ์เดียวกับสตรีตรงหน้า ตัวเองจะเป็เช่นไร
ก่อนหน้านี้ เขายังนึกว่าหากนางตื่นขึ้นมา คงจะร้องห่มร้องไห้กล่าวโทษโชคชะตาฟ้าดิน ที่ทำให้ชีวิตของตนต้องเป็เช่นนั้น... แต่กลับไม่เป็เช่นที่คิด
ควงเหยาจึงมองท่าทีสงบนิ่งของอีกฝ่าย ด้วยความแปลกใจ
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบ หญิงสาวจึงยกมือขึ้นไขว่คว้า “ท่านควงเหยา ท่านยังอยู่หรือไม่เ้าคะ?”
ควงเหยาพลันตื่นจากห้วงภวังค์ “ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ท่านอาจารย์กำลังขับพิษให้เขาอยู่ ไม่ช้าก็คงจะรักษาเสร็จ”
“ดียิ่งนัก!” หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกเหมือนยกูเาออกจากอก นางยกยิ้มด้วยความดีใจ
ควงเหยาส่ายหน้า ไม่เข้าใจความคิดของหญิงสาวตรงหน้าเลยจริงๆ
เพราะความรัก? มันลึกซึ้งถึงเพียงนี้เชียวหรือ! เหตุใดเขาถึงไม่เข้าใจเลย หรือเป็เพราะยังไม่เคยััมาก่อน?
ั้แ่จำความได้ ผู้คนในครอบครัวก็ล้วนแต่หน้าซื่อใจคด ใส่หน้ากากเข้าหากัน ความจริงใจหรือความรักอันบริสุทธิ์ลึกซึ้งเช่นนี้ เขาไม่เคยได้ััมาก่อนเลย
...
เจ็ดวันต่อมา
เพราะมีควงเหยาคอยดูแล ร่างกายของหนีเจียเอ๋อร์จึงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ส่วนโจวชิงหวา แม้ร่างกายยังคงมีพิษตกค้าง แต่อีกแค่สี่ห้าวัน พิษเ่าั้ก็น่าจะถูกขับออกไปจนหมดสิ้น เพียงต้องพักฟื้น เพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงเช่นเดิม
ระหว่างที่โจวชิงหวานอนสลบไสลมิได้สตินั้น หนีเจียเอ๋อร์มิได้เข้าไปเยี่ยมชายหนุ่มเลยสักครั้ง ด้วยไม่อาจรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด เพราะนางไม่อยากให้เขาต้องมาเห็นสภาพของตนในยามนี้
ทั้งยังตระหนักดี ว่าทักษะด้านการแพทย์ของควงเยวี่ยโหลวนั้น ยอดเยี่ยมเพียงใด
หญิงสาวจึงขอให้ควงเหยาช่วยพาตนไปพบควงเยวี่ยโหลว เพราะนาง้าจะเข้าไปเป็ศิษย์ของสำนักอิ้นเสวี่ย
ควงเหยาขมวดคิ้วแน่น... กลายเป็คนตาบอดเช่นนี้ อาจารย์คงยากจะเปิดใจยอมรับ
แต่เพราะทนแรงตื๊อไม่ไหว เขาจึงยอมพานางไป
...
ภายในห้องหนังสือ
ควงเยวี่ยโหลวมองหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า ด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนเอ่ยถาม “หาก้าจะเป็ศิษย์ของสำนักอิ้นเสวี่ยก็ย่อมได้ แต่เ้าต้องผ่านการทดสอบสามอย่างให้ได้เสียก่อน”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าว “อย่างแรก จงไปที่ครัว สับฟืนไปเรื่อยๆ จนกว่าข้าจะบอกให้หยุด สอง ให้เดินไปทางซ้ายสิบลี้ เพื่อเก็บบัวหิมะกลับมาให้ข้า และสาม เขียนบทความห้าร้อยคำ”
ควงเหยาเบิกตากว้าง “แต่ท่านอาจารย์ ดวงตาของนาง... บททดสอบสามอย่างนี้ จะไม่โหดเกินไปหน่อยหรือขอรับ?”
“ข้าทำได้!” หนีเจียเอ๋อร์ลุกขึ้น ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มกว้างอย่างหมายมาด
ควงเยวี่ยโหลวเหยียดยิ้ม ก่อนหันไปพูดกับควงเหยา “ควงเหยา หากข้ารู้ว่าเ้าแอบช่วยนาง ข้าจะลงโทษเ้า!”
เพราะเื่นี้ห้ามผู้ใดเข้ามายุ่ง...
ได้ยินเช่นนั้น หนีเจียเอ๋อร์จึงหมุนตัว เตรียมเดินออกจากเรือน แต่ควงเยวี่ยโหลวก็พูดไล่หลังมาว่า “หนีเจียเอ๋อร์ หากเ้าเกิดอยากจะยอมแพ้กลางคัน ก็สามารถเดินออกไปจากสำนักของข้าได้เลย ไม่ต้องมาบอกลา”
ควงเหยากำมือแน่น รู้สึกเห็นใจหญิงสาวเล็กน้อย
หนีเจียเอ๋อร์มิได้ตอบกลับ เพียงเดินคลำกำแพงออกไป
พูดไปก็เปล่าประโยชน์ นางจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองสามารถทำได้ แม้ว่าจะตาบอดก็ตาม
ตนจะไม่ยอมแพ้ และจะไม่ทำให้ควงเยวี่ยโหลวต้องผิดหวัง
แม้ว่าสิ่งที่ต้องทำ จะยากลำบากก็ตาม...
หนีเจียเอ๋อร์ยืนสับฟืนอยู่ในโรงครัวั้แ่กลางวันจนตกค่ำ กระทั่งควงเยวี่ยโหลวมาบอกให้หยุด นางจึงค่อยพัก
ส่วนภารกิจที่สอง หญิงสาวใช้ไม้เท้าคลำทางไปอย่างทุลักทุเล จนเกือบจะลื่นไถลลงเนินอยู่หลายครั้ง หลังใช้เวลาไปเกือบทั้งวัน ในที่สุดก็เสาะหาบัวหิมะมาได้ โดยมิได้รับอันตรายใดๆ
และสุดท้ายก็มาถึงเื่ที่ยากที่สุด นั่นคือการเขียนบทความห้าร้อยคำ หนีเจียเอ๋อร์พยายามใช้นิ้วช่วยนำทาง มิให้ตัวอักษรเอียงหรือซ้อนทับกัน พอเขียนจบ ก็ยื่นให้ควงเหยาตรวจสอบ
จากนั้น เขาจึงพานางไปส่งบทความให้ควงเยวี่ยโหลว
หลังอ่านจบ ควงเยวี่ยโหลวก็เอ่ยปาก “เป็บทความที่ดี!”
ควงเหยาจึงเสริมขึ้นว่า “มิใช่แค่ดี แต่ดีมากขอรับ!”
หนีเจียเอ๋อร์ยกยิ้มเขินๆ “หมายความว่า ข้าผ่านแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ?”
ควงเยวี่ยโหลววางกระดาษเขียนบทความลง “ควงเหยา เ้าไปจัดการเื่พิธีรับศิษย์ก็แล้วกัน” เอ่ยจบ เขาก็ผละจากไป
หนีเจียเอ๋อร์ยกยิ้มยินดีกับตนเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสำรวมท่าทีกลับมาสงบนิ่งดังเดิม
ในวันพิธี ควงเยวี่ยโหลวได้เปลี่ยนชื่อให้หนีเจียเอ๋อร์ เป็ ‘ควงเจีย’
เพื่อเป็การเตือนใจ ว่าตอนนี้นางคือคนของสำนักอิ้นเสวี่ยนามควงเจีย ซึ่งในหุบเขาแห่งนี้ จะมีเพียงคนที่ชื่อควงเจียเท่านั้น มิใช่หนีเจียเอ๋อร์
และเมื่อลงเขาไป นางก็มิได้รับอนุญาตให้บอกผู้ใด ว่านางคือศิษย์ของควงเยวี่ยโหลวเช่นกัน
ที่สำคัญที่สุด เมื่อเป็คนของสำนักอิ้นเสวี่ยแล้ว นางจะไม่อาจช่วยเหลือหรือยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกได้อีก
…
หลังจากให้โอวาท หนีเจียเอ๋อร์ก็คุกเข่ากราบสามคำนับเก้า[1] ก่อนรินชาใส่จอก
เพราะมองไม่เห็น จึงทำให้เผลอรินชาพลาด หกใส่หลังมือตัวเองจนแดงก่ำ แต่นางก็ยังคงอดทนจนจบพิธี
“ท่านอาจารย์ โปรดดื่มชา”
ควงเยวี่ยโหลวรับมา ก่อนยกชาขึ้นดื่ม เมื่อวางจอกชาลง เขาก็ลุกขึ้น “ควงเจีย มากับข้า”
“เ้าค่ะ!”
หนีเจียเอ๋อร์ลุกขึ้น แต่เพราะมองไม่เห็น นางจึงเดินไปผิดทาง และชนเข้ากับเก้าอี้จนล้มลงอย่างแรง
“อา... เจ็บจริงๆ!” นางกัดฟันพลางลูบสะโพกเบาๆ
ควงเหยาที่เดินเข้ามาช่วย ยังอดหัวเราะให้กับท่าทีประหนึ่งเด็กซนของนาง
แต่เพราะวันนี้หญิงสาวอารมณ์ดีมาก จึงหันไปพูดกับควงเหยา พร้อมรอยยิ้มกว้าง “หึ! วันนี้ข้าจะไม่ถือสาพี่ใหญ่ที่หัวเราะเยาะข้าก็แล้วกัน”
การแสดงออกราวกับเด็กน้อยเช่นนั้น ทำให้ควงเหยาและศิษย์คนอื่นๆ อดมิได้ที่จะนึกเอ็นดูนาง
--------------------------------------------------
[1] กราบสามคำนับเก้า (三拜九叩: ซานไป้จิ่วโค่ว) คือ การกราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้ง เป็การทำความเคารพแบบสูงสุดของจีน ใช้สำหรับเข้าเฝ้าเ้านาย บูชาเทพเ้า หรือคำนับอาจารย์
วิธีการคำนับ คือ ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนคุกเข่าขวาลงไป และคุกเข่าซ้ายตาม จากนั้นก็ก้มศีรษะคำนับ แล้วยืดตัวขึ้น ซึ่งการคำนับแบบนี้ จะต้องทำให้ครบสามครั้งก่อน (นับเป็กราบหนึ่ง คำนับสาม) แล้วค่อยยืนขึ้นมา เมื่อยืนตรงแล้ว ก็กลับลงไปคุกเข่า และโค้งคำนับแบบเดิม ทำเช่นนี้จนครบสามรอบ จึงค่อยกลับมายืนตรงแขนชิดลำตัวเหมือนเดิม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้