อวิ๋นซีมองออกไปยังพื้นที่ด้านนอกของจางเจียวานที่กำลังครึกครื้นนางอมยิ้มมุมปาก เพียงชั่วพริบตา ยามนี้ก็ผ่านไปสามปีแล้วหานโจวเองก็เปลี่ยนจากสถานที่ห่างไกลทุรกันดารกลายมาเป็เมืองที่หรูหราที่สุดในดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือ
เงื่อนไขที่ฮ่องเต้แห่งหนานเย่ามีต่อพระโอรสยามนี้จวินเหยียนสามารถทำได้สำเร็จแล้ว ในตอนนี้ที่ได้มองดูคนเดินผ่านไปผ่านมาที่จางเจียวานรถลากคันแล้วคันเล่าที่ลากมันเทศออกไปจากที่นี่ในดวงตาของนางมีแววยิ้มอย่างพอใจผุดออกมา
ที่นี่คือจางเจียวานเป็สถานที่ที่ใช้สำหรับปลูกมันเทศของหานโจว ถึงกระนั้นนางยังคงจดจำได้ว่า ตอนนั้นมีคนมากมายคัดค้านการปลูกมันเทศนี่ซึ่งรวมถึงชาวบ้านที่หมู่บ้านล่างในจางเจียวานด้วย ทว่า ท่ามกลางเสียงคัดค้านของพวกเขาจวินเหยียนกลับใช้ฐานะของฉินเหยียนจัดการเช่าเหมาที่ดินของทั้งหมู่บ้านบนและหมู่บ้านล่างของจางเจียวานโดยพื้นที่ทุกมู่จ่ายให้ในราคาหนึ่งตำลึงต่อปี ลงชื่อในสัญญาเช่าเหมาพื้นที่ห้าปี ทั้งยังได้เชื้อเชิญให้พวกเขามาช่วยกันปลูกหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น พื้นที่นี้ก็เริ่มปลูกมันเทศในปริมาณที่มากสุดท้าย ในสถานการณ์ที่ทุกคนเริ่มตาร้อนขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว จางเจียวานแห่งนี้ก็ได้รับผลผลิตมหาศาลจากมันเทศั้แ่ในฤดูกาลกาลแรก
อวิ๋นซีขายมันเทศจินละสามอีแปะให้กับเจียงเฉิงที่ทำกิจการร้านอาหารฤดูกาลแรก พื้นที่ไม่กี่ร้อยมู่สามารถให้ผลผลิตมากถึงเจ็ดแสนห้าหมื่นจิน เพียงหนึ่งปีรายได้จากผลผลิตมันเทศของจางเจียวานก็ได้มาหลายพันตำลึง
เมื่อตัดเงินค่าเช่าเหมาที่ดินและค่าแรงรวมถึงส่วยออกไป รายรับที่มาถึงมือพวกเขาก็มีมากถึงสามพันกว่าตำลึง
แรกเริ่มชาวบ้านมากมายจากหมู่บ้านล่างของจางเจียวานต่างพากันอิจฉา ในใจรู้สึกไม่ยินยอมแต่เมื่อคิดได้ว่าที่ดินของพวกตนปล่อยให้ผู้อื่นเหมาไปหมดแล้ว อีกทั้ง ครั้งหนึ่งก็ได้เงินของผู้อื่นมาหนึ่งตำลึงต่อที่ดินหนึ่งมู่ส่วนส่วยก็ไม่ต้องจ่าย พวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรให้มากมายอีก
สุดท้ายเป็อวิ๋นซีที่แนะนำจวินเหยียนว่าให้ทุกคนไปปลูกมันเทศกันที่บริเวณตีนเขารกร้าง เพราะหากทำเช่นนี้ก็จะช่วยเพิ่มรายรับให้มากขึ้นได้ตอนนี้ที่จางเจียวาน ทุกปีแต่ละบ้านเรือนจะมีรายรับราวๆ สิบยี่สิบตำลึง เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่แม้แต่อาหารก็ยังกินไม่อิ่มท้องก็นับว่าตอนนี้ดีกว่ามากแล้วจริงๆ
ตอนนี้ พื้นที่เพาะปลูกบริเวณข้างเคียงที่อยู่ในอำเภอนี้ก็เริ่มเพาะปลูกมันเทศกันแล้วทำให้มันเทศของเมืองอู้ในแคว้นหนานเย่าเริ่มมีชื่อเสียง ทั้งยังเลื่องลือไปถึงแคว้นอื่นที่อยู่ข้างเคียงอีกด้วยเพราะรสชาติของมันเทศที่นี่ทั้งหอมหวานถูกปาก เมื่อกินแล้วยังให้รสััหนึบหนับอีกด้วย
นอกจากเพาะปลูกนี้แล้วอวิ๋นซีก็ยังได้เพิ่มโรงงานขึ้นมาอีกแห่ง เพื่อใช้เป็สถานที่สำหรับผลิตขนมเปี๊ยะมันเทศจนของว่างประเภทนี้กลายเป็หนึ่งในของกินเล่นที่บรรดาคุณหนูฮูหยินจำนวนไม่น้อยชื่นชอบ
จวินเหยียนเดินเข้ามาแย้มยิ้มแล้วโอบหลังอวิ๋นซีเบาๆ “อาซี ขอบคุณเ้ามากจริงๆ ” ชายหนุ่มขอบคุณในความเพียรพยายามตลอดสามปีที่ผ่านมานี้ของนางเพียงเพื่อศึกษาสภาพดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก เมื่อสองปีก่อนนางต้องพาคนที่คุ้นเคยเกี่ยวกับเื่ดินออกเดินทางไปทั่วทุกมุมของหานโจวจากนั้นจึงนำต้นอ่อนที่เพาะขึ้นมาอย่างไม่ง่ายเ่าั้ไปเพาะปลูกลงบนพื้นที่ที่เหมาะสม
เป็นางที่ต้องใช้เวลาถึงสามปีเพื่อทำเื่ที่เมื่อหลายปีก่อนเขาไม่เคยทำสำเร็จ
นี่คือภรรยาของเขาสตรีที่เขารักที่สุด
อวิ๋นซียิ้มอิงแอบอยู่ในอ้อมอกเขาพูดเสียงเบา “จวินเหยียน ถึงเวลาแล้ว” พวกคนที่เคยติดค้างนาง ติดค้างจวินเหยียนจะเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าพวกนางจะมีวันนี้ วันที่จะได้กลับไปยังสถานที่ที่เรียกว่าเมืองหลวงแห่งนั้น
“เื่เหล่านี้จัดการเรียบร้อยแล้วคิดว่าสถานการณ์ของหานโจวนี้ น่าจะไปถึงพระกรรณเสด็จพ่อในเร็ววันนี้ และเมื่อถึงตอนนั้นข้าจะพาเ้าและบุตรสาวของเรากลับไปยังเมืองหลวงอย่างสง่าผ่าเผย” พวกคนที่เคยติดค้างเ้าเ่าั้ข้าจะไม่ปล่อยไปแม้สักคน
สามปีมานี้หานโจวเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาสองสามีภรรยาก็ได้เสียสละไปมากเช่นกัน แม้จะอยู่ด้วยกันน้อยแยกจากกันมากก็ไม่ว่า แต่คนยังต้องพบเจอกับเื่ที่ถูกลอบฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังถูกทำลายกระทั่งพื้นที่เพาะปลูกด้วยเื่เหล่านี้ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาต้องผ่านเื่ราวร้ายๆ มามากเท่าไร
สิ่งที่ทำให้คนปลาบปลื้มใจก็คือไม่ว่าคนเ่าั้จะเหยียบย่ำอย่างไร พวกเขาสามีภรรยาก็สามารถฝ่าฟันจนผ่านพ้นมาได้
นอกจากนี้ กิจการที่มีชื่อเสียงที่สุดในหานโจวตอนนี้ก็คืองานไม้มันเทศ ทั้งยังมีเก๋ากี้และสมุนไพรอื่นอีกหลายชนิด นี่ถือเป็รากฐานที่ประชาชนในหานโจวพึ่งพาอาศัยเพื่อดำรงชีวิตและเป็แหล่งทำเงินของพวกเขา
“ข้าจะรอการมาถึงของวันนั้น”อวิ๋นซีอมยิ้มมองเขา เมื่อกลับไปถึงเมืองหลวงแล้ว พวกเขาทั้งสองก็จะไม่ต้องแยกจากกันอีกแล้วพวกเขาทั้งครอบครัวจะได้อยู่ด้วยกันอย่างดี
จวินเหยียนจุมพิตหน้าผากนางเบาๆจากนั้นจึงพูด “ไปเถอะ พวกเรากลับนครหานโจวกัน ลูกสาวคงจะคิดถึงพวกเราแล้ว”
ในตอนที่สองสามีภรรยากลับมาถึงนครหานโจวอวิ๋นซีนึกอยากจะซื้อของที่ด้านนอก จึงได้ขอตัวลงจากรถม้าก่อน ส่วนจวินเหยียนนั้นต้องเร่งรุดไปยังโรงเตี๊ยมเพื่อพบปะลูกค้ารายหนึ่งที่เดินทางมาเจรจาเื่การค้าต่างถิ่นชั่วขณะนั้นนางหยุดมองรถม้าที่กำลังห่างไปไกล จากนั้นจึงรู้สึกราวกับอยากจะทอดถอนใจอยู่หลายส่วนเพราะใครจะไปคิดว่า เศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งหานโจวอย่างฉินเหยียน แท้จริงแล้วจะเป็หานอ๋องผู้นี้
ปัญญาชนเกษตรกร ช่างฝีมือ พ่อค้า ในบรรดาสถานะเหล่านี้ การเป็พ่อค้าถือว่าต่ำต้อยที่สุดแต่จวินเหยียนที่เป็ถึงองค์ชาย เพียงเพื่อจะเปลี่ยนแปลงหานโจว เขาถึงกับยอมประกอบอาชีพเป็พ่อค้าองค์ชายที่เดิมทีควรจะมีชีวิตอยู่อย่างสูงส่งสมพระเกียรติ ตอนนี้กลับต้องดิ้นรนไม่หยุดเพื่ออนาคตของราษฎรเพื่ออนาคตของตัวเอง
นางหันกายมุ่งหน้าไปยังอีกฝั่งด้วยอยากจะซื้อผ้าชั้นดีกลับไปตัดเย็บเสื้อผ้าให้หวานหว่านต้านีเอ๋อร์ และเอ้อนี รวมถึงบิดาของนางอวิ๋นซานสักสองสามชุดหากว่าสามารถกลับไปยังเมืองหลวงได้จริงๆ ยามนั้นนางก็ไม่รู้ว่าบิดาตนจะยอมกลับไปด้วยหรือไม่แต่หากไม่ยอมกลับไปจริงๆ วันหน้าหากนางคิดอยากจะกตัญญูอยู่ข้างกายก็คงทำได้ยากยิ่งนางจึงตั้งใจจะเตรียมอาภรณ์ให้เขาสักสองสามชุด
นางเลือกเข้าไปในร้านผ้าที่ใหญ่ที่สุดในหานโจวซึ่งร้านผ้านี้เป็กิจการหนึ่งของตระกูลเจียง ผ้าที่นี่มีให้เลือกสรรมากมายจนอาจเรียกได้ว่าค่อนข้างครบครันทีเดียวทว่า เมื่อนางเดินเข้าไปด้านในกลับพบว่ายามนี้มีคนไม่มาก ผู้ช่วยในร้านที่เห็นนางแต่งกายธรรมดาทั้งยังพาเค่อเอ๋อร์ที่เป็สาวใช้ติดตามมาเื้ัเพียงผู้เดียว จึงทึกทักไปว่าพวกนางน่าจะไม่ใช่คนใหญ่คนโตอันใดแต่เพราะหน้าที่ที่ได้รับ เขาจึงจำใจเดินเข้าไปสอบถามด้วยท่าทีที่ไม่ได้กระตือรือร้นมากนัก
สำหรับเื่นี้อวิ๋นซีไม่ได้ใส่ใจ แต่เป็เค่อเอ๋อร์ที่รู้สึกโกรธ รู้สึกไม่ยุติธรรมหากไม่ใช่เพราะฮูหยินอยู่ด้วย นางคงได้ลงมือสั่งสอนเ้าคนไม่รู้ความนี่สักหน่อยแล้วเ้าคนตาสุนัขที่ชอบดูถูกผู้อื่น ทว่า แท้จริงแล้วมิใช่ว่า ผู้ช่วยในกิจการร้านค้าของตระกูลเจียงล้วนได้รับการอบรมมาอย่างดีหรอกหรือตอนนี้เห็นแล้วก็ไม่เท่าไร
เมื่อเทียบกับผู้ช่วยในร้านงานฝีมือและร้านรสชาติที่จริงแท้ (ร้านขายของกินเล่น) ของตระกูลฉินแล้วก็นับว่าแตกต่างกันมากนักเพราะตามนิสัยของฮูหยิน หากพบว่าผู้ช่วยในร้านที่เป็กิจการของตระกูลฉินมีท่าทีเอื่อยเฉื่อยเช่นนี้ฮูหยินคงได้ไล่คนออกไปแล้ว อีกทั้งจะไม่มีทางรับคนผู้นี้เข้ามาทำงานอีก
“นำผ้าที่ดีที่สุดในร้านของเ้าออกมาให้ข้าดูหน่อย”อวิ๋นซีมองไปรอบๆ ก็พบว่าเนื้อผ้าที่วางขายอยู่ที่นี่ล้วนธรรมดายิ่ง เมื่อหาสิ่งที่ตนอยากได้ไม่เจอจึงต้องหันไปมองผู้ช่วยแล้วพูด
เมื่อผู้ช่วยได้ยินก็ทำเพียงตอบกลับไป“ที่ชั้นบนนั้นมีเนื้อผ้าชั้นดีอยู่ไม่น้อย ทว่าเื่ราคานับว่าแพงกว่าผ้าที่ชั้นหนึ่งนี้มาก”
อวิ๋นซีมองท่าทีเชิดหน้าโอ้อวดของผู้ช่วยยิ้มบางๆ “นำทางเถอะ”
เมื่อผู้ช่วยได้ยินก็นึกประหลาดใจก่อนจะสบเข้ากับแววตาที่หนักแน่นของอวิ๋นซีแล้วทอดถอนใจออกมาเสียงหนึ่ง เมื่อครู่ก็บอกไปแล้วว่าผ้า้านั้นแพงกว่ามากแต่อีกฝ่ายกลับไม่เชื่อ ถึงอย่างไรพวกคนที่ทำเป็ตบหน้าให้บวมเพื่อดูอ้วน [1] เช่นนี้ เขาก็เจอมาบ่อย ไม่ได้น่าประหลาดใจอะไรเท่าไร!
เมื่อไปถึงชั้นสองชนิดของเนื้อผ้ามีไม่มากเท่าชั้นหนึ่ง แต่ล้วนเป็ของชั้นเลิศ ราคาเองก็ถือว่าสูงกว่าชั้นหนึ่งอยู่หลายเท่านางเลือกอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เลือกเนื้อผ้าที่มีลวดลายสีสันไม่เหมือนกันมาสามแบบและยังเลือกแพรพรรณชั้นดีหลายแบบให้อวิ๋นซาน ทว่าตอนที่นางเตรียมจะไปจ่ายเงิน จู่ๆก็เห็นว่า้านั้นยังมีแพรพรรณสีขาววงพระจันทร์วางอยู่ชุดหนึ่ง นางมองเพียงปราดเดียวก็รู้สึกชอบในทันที
“ผู้ช่วยช่วยหยิบแพรพรรณสีขาววงพระจันทร์นั่นลงมาให้ข้าที” นางคิดว่าหากนำมาทำเป็อาภรณ์ให้จวินเหยียนจักต้องงามมากแน่ๆถึงแม้หลายปีนี้เขาจะสวมชุดสีแดงน้อยครั้งแล้ว แต่นางยังไม่เคยเห็นเขาสวมอาภรณ์สีขาวมาก่อนเลย
ความรู้สึกบอกนางว่าหากจวินเหยียนได้สวมใส่จักต้องน่ามองมากเป็แน่
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ตบหน้าให้บวมเพื่อดูอ้วน(打肿脸充胖子)เปรียบเทียบถึงคนทำหน้าใหญ่ใจใหญ่ไม่ประมาณตน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้