“ระวัง จับตาดูการโจมตีแบบหลอกๆ ด้วย เดี๋ยวข้าจะไปจัดการมันด้านข้างเอง!”
เชวียนหยวนจิ้นเป็คนที่มีพลังเยอะที่สุดในกลุ่มจึงรับหน้าที่คอยออกคำสั่งซึ่งขณะนั้นวัวดินพฤกษากำลังใช้เขาขวิดหลี่สวินจนลอยขึ้นสูงเขาจึงพุ่งโจมตีด้านข้างด้วยกระบี่ทันที
ฉึบ!
พลังิญญาสว่างวาบขึ้นมา เพราะกระบี่โค่นสังหารของเชวียนหยวนจิ้นได้ฟันลงบนตัวของวัวดินพฤกษาจนเกิดรอยแผลยาวเกือบหนึ่งเมตรทำให้วัวดินพฤกษาตัวนั้นได้รับาเ็จนถึงขั้นมีเืร้อนๆ ไหลออกมาไม่ขาดสาย
ทว่ารอยนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าทำให้วัวดินพฤกษาได้รับาเ็สาหัสอย่างมากก็แค่ทำให้มันโกรธเท่านั้น
ฟู่!
วัวดินพฤกษาหันตัวกลับมาแล้วพ่นพลังิญญาออกมาเป็สายยาวจนป่าแถวนั้นล้มระเนนระนาดส่วนเชวียนหยวนจิ้นก็ถูกพลังที่แข็งแกร่งจนกระเด็นและได้รับาเ็สาหัส
ข่าถูยังคงยืนอยู่กับที่วางมือไพล่หลังแล้วพูดเสียงเข้ม “ไอลาโจมตี!”
ไอลาที่เตรียมตัวพร้อมอยู่ก่อนแล้วโค้งลำตัวดุจพระจันทร์เสี้ยวและพุ่งเข้าไปด้วยพลังกระบี่ที่รุนแรงคมกระบี่อันคมกริบฟันลงบนคอของวัวดินพฤกษาจนเห็นเนื้อด้านในแต่ก็ยังไม่มากพอที่จะฆ่ามันได้
หนึ่งในลักษณะพิเศษของวัวดินพฤกษาคือมีพลังชีวิตค่อนข้างมากนอกจากจะตัดหัวหรือแทงทะลุหัวใจแล้วยากที่จะสังหารมันได้โดยในตำราสัตว์ิญญาเคยมีการบันทึกเกี่ยวกับวัวดินพฤกษาที่ถูกตัดขาทั้งสี่ข้างไปแล้วแต่ยังสามารถพุ่งเข้าชนผู้ฝึกฝนิญญาขั้น์จนตายอย่างน่าอนาถ
และสถานการณ์ข้างหน้าตอนนี้คือเชวียนหยวนจิ้น หลี่สวินหวังอี้และหลินเค๋อต่างได้รับาเ็ ส่วนไอลาที่เพิ่งจะเข้าสู้เพียงลำพังเมื่อครู่ก็ถูกพลังไฟของวัวดินพฤกษาจนใบหน้าแดงก่ำรวมทั้งเกราะรบยังเสียหายอย่างหนักอีกด้วย
เชวียนหยวนจิ้นลุกขึ้นมาจากร่องเขาก่อนจะพูดขึ้น “อาจารย์หนังของวัวดินพฤกษาตัวนี้มันหนามากเพลงกระบี่วายุสังหารแทงไม่เข้าด้วยซ้ำจึงทำร้ายมันไม่ได้ ข้าว่าเราเลิกการฝึกเถอะไม่อย่างนั้นจะต้องมีคนได้รับาเ็สาหัสแน่นอนการมาของพวกเราครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อสังหารวัวดินพฤกษาตัวเดียวสักหน่อยแถมเ้าวัวดินตัวนี้ยังเป็ถึงสัตว์ิญญาระดับห้าซึ่งคงจะต้องเป็ผู้ฝึกฝนขั้นเทวิญญาถึงจะสังหารมันได้ แต่สำหรับพวกข้า...ยังอีกไกลเกินเอื้อมเลยนะขอรับ!”
ข่าถูขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น“พวกเ้าเป็ถึงศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาจะมาท้อแท้กับเื่แบบนี้ได้อย่างไร!ลุกขึ้นมา การสังหารวัวดินพฤกษาถือเป็บทพิสูจน์อย่างหนึ่งของพวกเ้า!”
“ขอรับ อาจารย์...” เชวียนหยวนจิ้นพุ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้งพร้อมกับไอลาส่วนหวังอี้กับหลินเค๋อก็คอยหลอกล่อเพื่อดึงความสนใจของวัวดินพฤกษาไปอีกทาง
มอ!!
เสียงคำรามอันทรงพลังทำให้หวังอี้กระเด็นออกมาจนกระอักเืแถมนางยังบังเอิญปลิวมาทางข้าพอดีอีกด้วย!
ตูม!
หวังอี้ปลิวเข้ามากระทบกับต้นไม้ที่ข้านั่งอยู่เกราะรบเริ่มมีรอยร้าว เมื่อนางเห็นข้าก็ถึงกับเบิกตาโตก่อนจะส่งเสียง ‘ฮะ!’ แสดงถึงความประหลาดใจก่อนจะพูดขึ้น“เร็วเข้า...รีบสกัดมันไว้เร็ว ข้าขยับตัวไม่ได้แล้ว!”
ส่วนเชวียนหยวนจิ้นกับไอลาที่มีพลังไม่มากพอ บวกกับอาการาเ็ก็สกัดไม่อยู่จนมันพุ่งตรงเข้ามา
“ระวัง!”
ท่านข่าถูพูดขึ้นเสียงดังก่อนจะรีบพุ่งเข้ามาแต่เนื่องจากเขาอยู่ค่อนข้างไกลจึงไม่ทันการแน่นอนดูเหมือนจะถึงเวลาที่ข้าต้องออกโรงแล้วสินะ!
...
ย้าก!
ข้าตวาดลั่นพร้อมกับปล่อยพลังของวิชาลมหายใจัระดับเซียนในขั้นที่แปดอย่าง‘พลังาัคุน’ ออกมาัตัวสีทองอร่ามแหวกว่ายออกมาจากไหล่ทั้งสองข้างเสมือนมีชีวิตร่างกายของข้าหนักแน่นและแผ่ซ่านพลังของความหนาวเหน็บในแดนเหนือออกมาทั่วบริเวณ!ข้าเคลื่อนพลังของเคล็ดวิชาาและแก่นแท้ของเพลงขาเมฆาหมอกรวบรวมไปไว้ที่เท้าทั้งสองข้างก่อนจะะโจากต้นไม้ใหญ่ลงมายืนอยู่บนหัวของวัวดินพฤกษาดุจลูกตุ้มที่หนักนับพันกิโล
ตูม!
เสียงของการกระทบดังสนั่นหวั่นไหวพลังการทำลายล้างของเคล็ดวิชาาฝังลงไปในหัวของวัวดินพฤกษาพลังนั้นทำให้หัวของมันสั่นะเืจนตายภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีและเมื่อหัวของมันหยุดทำงาน ร่างกายส่วนอื่นก็พลอยหยุดการทำงานไปด้วยมันร้องออกมาก่อนจะล้มลงบนพื้น ร่างกายไถลไปตามลานหญ้าเล็กน้อย เขาแหลมๆพุ่งชนเข้ากับหน้าอกของหวังอี้จนแทบหยุดหายใจ
ส่วนข้ายังคงรักษาท่วงท่าการยืนบนหัวของมันอย่างสง่าพลังความแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมาและลอยวนรอบๆ ตัวซึ่งพลังแบบนี้จะต้องเป็ผู้ฝึกฝนในขั้นเทวิญญาเท่านั้นถึงจะมีได้และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงัด
ไอลา หวังอี้และหลินเค๋อต่างยืนมองอย่างตกตะลึงขนาดว่าคนที่มาไม่ทันอย่างปรมาจารย์นักรบข่าถูเองก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
เชวียนหยวนจิ้นขมวดคิ้วเข้มก่อนจะพูดพึมพำ“นี่เ้า...เข้าขั้นเทวิญญาแล้วอย่างนั้นเหรอ?...”
พลังของข้าเหมือนกับค้อนอันหนักอึ้ง ตอกเข้าที่หน้าของพวกนั้น เชวียนหยวนจิ้นซึ่งเป็ศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักจวี๋ฉีมีเพียงพลังระดับสมบูรณ์ของขั้น์ที่ทำให้ศิษย์กว่าหลายร้อยคนนับหน้าถือตาทว่าตอนนี้กลับโดนคนอย่างข้าที่อยู่ในขั้นเทวิญญาขึ้นมาอยู่ในระดับที่เหนือกว่าแทนซึ่งตอนนี้ผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของสำนักจวี๋ฉีจะต้องกลายเป็ข้าที่อยู่ในขั้นเทวิญญาส่วนคนที่ชูคออยู่ด้วยชื่อเสียงและเกียรติยศมานานกว่าครึ่งปีอย่างเขาจะต้องตกไปอยู่ลำดับที่สองแทน
ส่วนคนที่ดูจะเสียหน้าที่สุดก็คงจะเป็ข่าถูเพราะความประมาทของเขาทำให้หวังอี้ต้องมีอันตรายจนอาจถึงชีวิต แต่กลับได้คนที่เคยถูกเขาตราหน้าว่าเป็พวกขโมยวิชาอย่างข้ามาช่วยชีวิตไว้ได้ทัน
สุดท้ายก็เป็หวังอี้ที่ลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังอกสั่นขวัญแขวน“ขอบใจเ้ามากนะ ปู้อี้เชวียน...”
ข้าส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ไม่เป็ไรพวกเราต่างก็เป็ศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาดังนั้นก็ควรจะยื่นมือเข้ามาช่วยอยู่แล้ว”
เชวียนหยวนจิ้นยืนฟังแบบไม่ได้พูดอะไรออกมา
ส่วนข่าถูกลับพูดขึ้นสียงเรียบ “ปู้อี้เชวียนนึกไม่ถึงว่าเ้าจะมาอยู่ที่หุบเขาหลิงหยุนนี่เหมือนกัน ตามกฎของสำนักแล้วอาทิตย์นี้จะต้องไม่มีศิษย์คนอื่นเข้ามาในหุบเขาหลิงหยุนนี้ถึงจะถูก”
ข้าได้ยินก็พูดขึ้นอย่างยิ้มๆ “ข้าเป็คนขอมาเองแหละ”
เขาได้ยินแล้วตาก็เป็ประกายขึ้นมา “เ้ามาคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?”
“เปล่า”
ข้าส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะพูดต่อ “ข้ามากับพี่เสวียนยิน แต่บังเอิญว่าเมื่อกี้นางเดินตามหาต้นน้ำส่วนข้าเองก็หลงทางเลยได้มาเจอกับพวกท่านตรงนี้ไง”
ถึงแม้คนเราไม่ควรจะคิดทำร้ายใครแต่ก็ควรระวังคนอื่นไว้ด้วยเช่นกัน
ข่าถูเป็ถึงอาจารย์ของสำนักหมื่นิญญา ดังนั้นแล้วไม่น่าจะมีแรงจูงใจในการทำร้ายข้าแต่ถึงอย่างไรกันไว้ย่อมดีกว่าแก้ ส่วนเื่ที่ข้าเอาชื่อพี่เสวียนยินมาอ้างเพราะถ้าเขาได้ยินแบบนี้แล้วก็คงไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าถึงแม้ว่าข่าถูจะเป็จอมยุทธ์ในอันดับัพยัคฆ์แต่ก็ถือเป็ลำดับท้ายๆต่อให้เป็สิบคนก็ไม่มีทางสู้พี่เสวียนยินได้อยู่ดี
ข่าถูได้ยินถึงกับขมวดคิ้วเข้มก่อนจะพูดขึ้น“เ้าวัวดินพฤกษาตัวนี้เป็สัตว์ิญญาที่พวกข้าเจอและเริ่มลงมือก่อนดังนั้นถึงแม้เ้าจะเป็คนสังหาร แต่คะแนนการต่อสู้ก็ยังเป็ของลูกศิษย์ข้าอยู่ดี”
ข้าได้ยินแล้วจึงยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบไป “ข้าว่าท่านเข้าใจผิดแล้วล่ะท่านปรมาจารย์นักรบิญญาข่าถูเพราะข้าไม่ได้มาเพื่อแย่งคะแนนการฝึกฝนอะไรของพวกลูกศิษย์ท่านหรอกนะดังนั้นไม่ว่าจะเป็เขาของมัน หนัง กระดูก ตับ หรือว่าหัวใจอะไรพวกนั้นข้าก็ไม่้าสักอย่าง แต่ถ้าข้าจะขอหั่นเนื้อของมันไปสักสองสามกิโลเพื่อกินเป็อาหารค่ำท่านคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
ข่าถูแสยะยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “เ้าจะเอาเนื้อไปเท่าไรก็ตามใจไม่มีคนขวางทางเ้าหรอกนะ”
“ขอบคุณมากขอรับท่านปรมาจารย์นักรบิญญา”
ข้าไม่ไม่ได้พูดอะไรออกไปมากมาย แต่ว่าเนื้อของเ้าวัวดินพฤกษาตัวนี้ช่างมีกลิ่นหอมยั่วยวนคนกินจุอย่างข้าเสียจริงๆกระบี่คมจันทราถูกเรียกออกมาก่อนจะหั่นลงบนขาหน้าของมันออกมากว่าห้ากิโลถึงจะหยุดหลังจากนั้นก็ลูบขนของมันเบาๆ ก็รู้สึกว่ามันช่างนิ่มนวลและยังให้ความรู้สึกอบอุ่นของพลังิญญาด้วย
หนังของวัวดินพฤกษาเป็วัตถุดิบชั้นดีของเครื่องปกคลุมร่างกายในยามฤดูหนาวเมื่อคิดถึงเื่นั้นจึงชำแหละหนังของมันใส่ตะกร้าไม้ไผ่ผืนหนึ่งข้าก็ต้องอยู่ที่นี่อย่างน้อยอีกหกวัน ดังนั้นหากมีหนังนุ่มๆของมันไว้ปูนอนคงจะดีไม่น้อย
หลังจากทำอะไรเสร็จสรรพก็หันไปทางพวกนั้นก่อนจะเจอเข้ากับสายตาอันเหยียดหยามของข่าถูคนที่อยู่ในอันดับัพยัคฆ์อย่างเขาคงทนดูการกระทำของข้าในตอนนี้ไม่ได้แล้วอย่างไรล่ะ?ข้าเองก็ใช่ว่าจะชอบหน้าตาแก่ที่ทิฐิสูงแบบเขาเหมือนกันนั่นแหละ
ข้าสะพายตะกร้าไม้ไผ่อันเดิมแล้วหายวับเข้าไปในป่าเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายของข้าหุบเขาหลิงหยุนชั้นที่หก!
...
เมื่อเวลาล่วงเลยจนใกล้เที่ยงข้าก็เริ่มเข้าสู่หุบเขาหลิงหุนชั้นที่หกแล้วและยิ่งเข้าไปใกล้กลิ่นอายของพลังิญญาก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นเมื่อเงยหน้ามองออกไปไกลก็เห็นเพียงต้นไม้ที่หนาทึบเป็ชั้นๆ โดยไม่รู้เลยว่ามีอันตรายหรือหญ้าสมุนไพรหายากชนิดใดซ่อนอยู่ภายใต้ต้นไม้อันหนาทึบนั้นบ้าง
เมื่อมาถึงจุดนี้ข้าก็ไม่ได้รีบร้อนจึงหาที่พักโล่งๆ สักที่เอาหนังวัวดินตัวนั้นมาผึ่งให้แห้งแล้วเดินไปหากิ่งไม้มาทำเป็สถานที่พักผ่อนในตอนกลางวัน
หลังจากที่ข้าจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วก็ได้ยินเสียงร้องแหลมๆดังขึ้นมา ก่อนจะมองเห็นร่างของสัตว์ที่เหมือนกับเหยี่ยวนกเขาที่บินมารางๆ
สัตว์ปีกที่แข็งแกร่งอย่างเหยี่ยวนกเขาเป็สิ่งที่พวกล่าสัตว์หรือคนมีเงินเท่านั้นถึงจะเลี้ยงได้พลังิญญาที่แข็งแกร่งทั้งสามพุ่งเข้าหาจนข้ายากที่จะต้านทานได้จึงรีบมุดเข้าที่หลบภัยเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายถึงชีวิต!
ข้ารีบพุ่งตัวหายเข้าไปในพุ่มไม้เตี้ยก่อนจะกั้นลมหายใจแล้วแอบมองอยู่ไกลๆ
ฟิ่ว...
ปลายยอดไม้สะบัดไปมาก่อนที่ร่างของคนสามคนจะค่อยๆลอยลงมายืนอยู่ตรงหน้าแคมป์พักของข้า โดยทั้งสามสวมใส่ชุดเกราะนิ่มๆใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย ตรงหน้าอกมีตราสัญลักษณ์ของเหยี่ยวติดอยู่สถานที่ก่อสร้างหลายแห่งในเมืองหลิงหยุนเฉิงแห่งนี้มีสัญลักษณ์แบบนี้ติดอยู่ ซึ่งเป็ของหนึ่งในสามกองทหารที่แข็งแกร่งอย่างกองทหารเือินทรีนั่นเองและทั้งสามคนนี้ยังมีไอพลังอันแข็งแกร่งเหนือขั้นกว่าข้าอย่างมากโดยคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้นเป็ถึงผู้ฝึกฝนิญญาในขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ซึ่งสูงกว่าข้าขึ้นไปถึงหนึ่งขั้นการบำเพ็ญเลยทีเดียว!
คนที่แข็งแกร่งที่สุดใช้เท้าเตะหม้อของข้าจนล้มคว่ำก่อนจะพูดขึ้น“ดูเหมือนจะมีคนเคยพักอยู่ที่นี่มาก่อน ฮึ!และเ้านั่นมันรับรู้ได้ถึงไอพลังของเราทำให้ใหนีไปจนทิ้งของไว้แบบนี้อย่างนั้นเหรอ?”
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น!”
ส่วนอีกคนที่ยืนแอบอยู่ข้างเขาพูดขึ้น “พี่ใหญ่สามนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งกองทหารเือินทรีอย่างพวกเรามาด้วยกันแบบนี้แผ่นดินของหุบเขาหลิงหยุนยังต้องสั่นะเืนับประสาอะไรกับพวกนักล่าสัตว์และผู้ฝึกฝนิญญาที่ต่ำต้อยพวกนั้นล่ะ”
คนที่ได้ชื่อว่าพี่ใหญ่พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะพูดด้วยสีหน้าที่รอบคอบ“เื่ที่ว่าเ้าแก่นั่นเข้ามาในหุบเขาชั้นนี้พร้อมกับโสมโลหิตอายุสามพันปีเป็จริงใช่ไหม?”
“จริงแท้แน่นอนขอรับ เ้าเด็กหม่าเสาเอ๋อร์บอกว่ามันเห็นกับตาไม่อย่างนั้นท่านนายกองคงไม่ส่งพวกเรามาอย่างเร่งด่วนขนาดนี้แถมเด็กนั่นยังบอกอีกว่าตาแก่ที่ว่าน่าจะอยู่ในระดับกลางของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ซึ่งพวกเราสามคนจะต้องจัดการมันได้อย่างแน่นอนเพราะแค่พี่ใหญ่ก็อยู่ในระดับกลางของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์แล้วแถมยังมีพวกข้าสองคนอีกต่างหาก ฮี่ๆ...”
“ฮึ! หามันให้เจอก่อนดีที่สุดไม่อย่างนั้นถ้ามาแบบไม่ได้อะไรกลับไปเลยจะต้องถูกท่านนายกองด่าเป็ชุดแน่ๆ”
“วางใจได้เลยขอรับเหยี่ยวล่าสัตว์ของข้าจะต้องตามหามันจนเจอและไม่มีทางที่จะเล็ดลอดสายตาของมันไปได้อย่างแน่นอน”
“ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่มีคนแล้ว”
...
ทั้งสามหายวับไปอย่างรวดเร็วส่วนข้าซึ่งรออยู่นานกว่าจะออกมาจากพุ่มไม้เตี้ยนั่นเดิมทีแค่อยากจะมาอยู่เพื่อบำเพ็ญอย่างสบายๆแต่นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอเข้ากับจอมยุทธ์ขั้นผู้พิทักษ์ตั้งสามคนแบบนี้ในหุบเขาหลิงหยุนแห่งนี้มีั้แ่พวกกระจอกไปจนถึงจอมยุทธ์ขั้นสูงอย่างที่คิดไว้จริงๆดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้จะต้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิมแล้วล่ะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้