ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าอาเหยียนน้อยจะกล่าวออกมาอย่างกะทันหันเช่นนั้น สีหน้าของซั่งกวนหลิงนิ่งค้าง ทว่าโชคดีที่นางมักเก็บซ่อนอารมณ์ของตนได้ดีเสมอ นางจึงปรับท่าทางและกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เหตุใดเสี่ยวซื่อจื่อถึงไม่อยากฟังเล่าเพคะ วิธีของหลิงเอ๋อร์อาจจะดีกว่าก็ได้นะเพคะ”
อาเหยียนส่ายหน้ายืนกราน “ไม่มีทาง วิธีของท่านแม่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้วันนี้ท่านกล่าวมากเท่าไร สุดท้ายก็เป็เพียงคำกล่าวว่างเปล่า การล่าสัตว์สิ้นสุดลงแล้ว และท่านพ่อก็ปลอดภัยไร้าแ เช่นนั้นท่านจะกล่าวอย่างไรก็ได้”
อ๊ะ!
คำกล่าวนี้สำนวนรื่นหูทว่าตรงไปตรงมา ทำให้เป่ยเหลียนโม่ประหลาดใจอยู่หลายส่วน
อาเหยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยน เขาแทบจะไม่ค่อยพูดตรงไปตรงมาเช่นเมื่อครู่ คล้ายกับว่าเขาไม่ค่อยชอบซั่งกวนหลิงเท่าไรนัก เป็เพราะเหตุใดกัน?
ไม่คิดเลยว่านางยังไม่ทันได้รับคำชมเชยจากเป่ยเหลียนโม่สักคำ กลับถูกเสี่ยวซื่อจื่อเจาะจงอย่างไม่เกรงใจกันเสียก่อน
ซั่งกวนหลิงไม่รู้ว่านางทำอันใดให้ซื่อจื่อผู้นี้ไม่พอใจ ครั้งที่แล้วเขาก็ไม่ยอมให้นางเข้าใกล้ อาจกล่าวได้ว่ากลัวคนแปลกหน้า ทว่าครั้งนี้นางแค่กล่าวเพียงไม่กี่ประโยคก็ถูกเขาปฏิเสธเช่นนี้เสียแล้ว
แม้ว่าเื่จะจบไปแล้ว และวิธีของนางไม่สามารถนำไปใช้ได้อีก แต่เขาก็ไม่จำเป็ต้องขัดขวางนาง และลดทอนคำพูดของนางจนไม่เหลืออะไรเลยเช่นนี้
“เสี่ยวซื่อจื่อ หลิงเอ๋อร์มิกล้ากล่าวว่าวิธีของหม่อมฉันดีที่สุดเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคำนึงถึงความปลอดภัยของท่านอ๋อง และหากมีวิธีที่ดีกว่าย่อมสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้หวังเฟยต้องทุกข์ทรมานเช่นนั้นได้มิใช่หรือเพคะ”
ไม่ต้องแล้ว อาเหยียนโบกมือ
เขาไม่อยากฟัง ท่านพ่อก็คงไม่อยากฟังเช่นกัน แม้ไม่ใช่เื่ดี แต่ยามนี้ท่านแม่ได้รับาเ็ กว่าจะช่วยท่านพ่อเปลี่ยนจากอันตรายเป็ปลอดภัยได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่นางกลับหมายหยิบยกเพียงเื่ที่สำเร็จไปแล้วขึ้นมาพูด มีเื่ง่ายดายเช่นนั้นที่ใดกัน
“ไม่ว่าจะกล่าวอะไรก็เป็เพียงคำกล่าวที่ว่างเปล่า ผู้คนย่อมไม่ถลำเข้าไปในความผิดพลาดเดิม ในเมื่อวิธีการนั้นไม่สามารถใช้ได้ในภายหน้าแล้ว เช่นนั้นจะกล่าวขึ้นมาเพื่ออันใด ท่านเพียงแค่อยากกล่าวโทษท่านแม่ของข้าหรือ?”
ซั่งกวนหลิงรีบคุกเข่าลงและกล่าวว่ามิกล้า ทว่าในใจนางกลับรู้สึกไม่พอใจในตัวเสี่ยวซื่อจื่อผู้นี้ยิ่งนัก
นางไม่เคยยั่วยุเขา เหตุใดเขาถึงได้หักหน้านางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้อื่นล้วนกล่าวกันว่าซื่อจื่อมีอุปนิสัยเก็บตัวและอ่อนโยน แต่เขามักจะกระทบกระเทียบใส่นางเสมอ ช่างน่าโมโหนัก
“ท่านพ่อ” อาเหยียนกระตุกแขนเสื้อของเป่ยเหลียนโม่ “ท่านพ่อไปดูท่านแม่สักหน่อยเถิด จะคุยเื่เหล่านี้กับผู้อื่นทำไม ท่านแม่เ็ปเสียจนนอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน ดูทรมานยิ่งนัก ท่านพ่อไปดูสักหน่อยท่านแม่จะต้องดีใจแน่นอน”
ถ้าให้เขาไป มิสู้ให้แมวดำไปเสียยังจะดีกว่า เป่ยเหลียนโม่จิ้มจมูกเขาอย่างขบขัน ไม่รู้ว่าเหยาเชียนเชียนบอกอาเหยียนว่าอย่างไร คำพูดของอาเหยียนในวันนี้ถึงได้เจาะจงไปที่ซั่งกวนหลิงอย่างเห็นได้ชัด
หรือพอรู้ว่าข้างกายเขามีสตรีอื่น สตรีผู้นั้นจึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาหรือ?
นางจะตอบสนองรวดเร็วเช่นนี้เลยหรือ?
“อาเหยียน อาเหยียน” เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นสองสามครั้งจากนอกประตู เป่ยเหลียนโม่เลิกคิ้วเล็กน้อย เพิ่งกล่าวถึงไม่นานก็มาแล้ว
ศีรษะของเหยาเชียนเชียนเต็มไปด้วยเหงื่อ ในด้านหนึ่งคือเหนื่อย และอีกด้านหนึ่งคือรีบ
ทว่าเมื่อนางมาถึง สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปบ้างแล้ว นางเห็นเพียงซั่งกวนหลิงคุกเข่า และอาเหยียนที่ถูกเป่ยเหลียนโม่อุ้มไว้ในอ้อมแขน สายตาที่มองมายังนางเจือแววภูมิใจอยู่หลายส่วน
ท่านแม่ อาเหยียนช่วยท่านเฝ้าจับตามองท่านพ่อแล้ว
เหยาเชียนเชียนรู้สึกขบขันเมื่อเห็นใบหน้าราวกับขอคำชมเชยของเขา นางส่ายหน้าอย่างจนใจ และก้าวเข้าไปคารวะเป่ยเหลียนโม่
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันกำลังจะพาอาเหยียนไปดูของรางวัลที่ท่านอ๋องพระราชทานให้พอดี ไม่คิดว่าเขาจะมาขอบคุณพระองค์แทนหม่อมฉันเสียก่อน”
นางยื่นมือออกไปหาอาเหยียน เป็สัญญาณให้เขากลับมาอยู่ในอ้อมแขนของนาง
ทว่านี่เป็ครั้งแรกที่อาเหยียนไม่ทำตาม เพราะเดิมทีาแบน่เอวของเหยาเชียนเชียนทำให้ไม่สามารถอุ้มเขาได้อยู่แล้ว อีกทั้งยามนี้เขาจะยังไปที่อื่นไม่ได้ เพราะสตรีผู้นี้ยังคงไม่ไปไหนเช่นกัน
“ถวายบังคมหวังเฟยเพคะ” ซั่งกวนหลิงค้อมศีรษะคารวะ พลางเก็บซ่อนอารมณ์ทั้งหมดลงไป
“แม่นางผู้นี้ เราเคยพบกันมาก่อนแล้ว รีบลุกขึ้นเถิด”
เหยาเชียนเชียนกล่าวอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย นางแอบเหลือบมองเป่ยเหลียนโม่และสบเข้ากับสายตาของเขาพอดี ยังไม่ทันแยกแยะว่าในนั้นมีแววรำคาญอยู่กี่ส่วน เหยาเชียนเชียนก็ดึงสายตากลับไปทันที
นางเองก็ไม่มีเจตนาจะรบกวนเื่ดีๆ ของพวกเขา นางเพียงแค่ไล่ตามความเร็วของอาเหยียนไม่ทันก็เท่านั้น
“หลิงเอ๋อร์ได้ยินมาว่าเมื่อวานหวังเฟยได้รับาเ็ ในมือมีเทียบยาที่สามารถบำรุงลมปราณและเืได้ ใช้สำหรับรักษาและบำรุงร่างกายได้ดียิ่ง หม่อมฉันอยากมอบแด่หวังเฟยเพคะ หวังเฟยโปรดอย่ารังเกียจ”
เหยาเชียนเชียนรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย รบกวนนางแล้วยังต้องรับของของนางอีก ในขณะที่เหยาเชียนเชียนกำลังจะเอ่ยปากอาเหยียนก็ส่งเสียงขัดขึ้นมาเสียก่อน “ไม่ต้องหรอกขอรับ ท่านพ่อสามารถหาหมอหลวงที่ดีที่สุดให้ท่านแม่ได้ และต้องใช้เครื่องยาที่ล้ำค่าที่สุด ไม่้าสิ่งอื่นใด”
เอ๊ะ?
เหยาเชียนเชียนมองไปยังอาเหยียนน้อยด้วยความใ เหตุใดถึงรู้สึกว่าวันนี้เขาดูผิดปกติ เมื่อครู่ยามที่นางไม่อยู่ ซั่งกวนหลิงยั่วยุให้เขาไม่พอใจหรือ?
“อาเหยียน แม่นางหลิงเอ๋อร์มีเจตนาดี...”
“ท่านแม่ๆ” อาเหยียนถีบขาเล็กน้อยหมายจะลงมา เขาวิ่งไปอยู่ข้างกายเหยาเชียนเชียนและกอดขานางไว้
“รอบกายท่านพ่อมีผู้ชำนาญด้านการรักษามากมาย ให้พวกเขาตรวจอาการและรักษาท่านแม่เถิด อยากกินสิ่งใดที่จวนก็มีทั้งหมด ท่านพ่อต้องเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดมาให้ท่านแม่อย่างแน่นอน”
เด็กน้อยผู้นี้ให้ความรู้สึกราวกับกลัวว่าแม่นางหลิงเอ๋อร์จะแย่งพ่อของเขาไปอย่างไรอย่างนั้น
เหยาเชียนเชียนโน้มกายลงไปและขยี้ศีรษะเขาเล็กน้อยอย่างขบขัน เด็กเล็กขนาดนี้แต่ความคิดกลับเฉียบไว ทั้งยังสามารถอ่านความรู้สึกของทั้งสองคนออก
เพียงแต่น่าเสียดาย เหยาเชียนเชียนรู้สึกซาบซึ้งและเสียใจในเวลาเดียวกัน ในยุคนี้บุรุษมีมากชู้หลายเมียเป็เื่ปกติ โดยเฉพาะผู้ที่มีฐานะเช่นเดียวกับชิงผิงอ๋องก็จะยิ่งมองเป็เื่ธรรมดาสามัญ
อาเหยียนอยากให้นางและเป่ยเหลียนโม่รักกัน แม้ว่านางจะเข้าใจ แต่ก็เกรงว่าจะเป็จริงได้ยาก
“เอาเถิด แม่ยืนอยู่นี่นานจนเหนื่อยแล้ว อาเหยียนกลับไปพักผ่อนกับแม่เถิด”
นางอยากพาอาเหยียนออกไปจากที่นี่ คนสี่คนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น่ากระอักกระอ่วนไม่น้อย แต่ผู้ใดเล่าจะคิดว่าเมื่ออาเหยียนฟังแล้วจะหันกลับไปยื่นมือให้เป่ยเหลียนโม่
“ท่านพ่อไปส่งท่านแม่กลับสิขอรับ กว่าท่านแม่จะเดินมาหาท่านพ่อได้ไม่ง่ายเลย หากกลับไปเองาแอาจจะฉีกขาดได้”
เหยาเชียนเชียนฉีกยิ้มอ่อนอย่างยากลำบาก อาเหยียนนี่จริงๆ เลย แต่ในอีกแง่หนึ่งก็กล่าวได้ว่าเขาเป็แก้วตาดวงใจของนางโดยแท้
แต่ไม่ว่าจะใส่ใจมากเพียงใดก็ไม่อาจขวางูเาน้ำแข็งลูกนั้นของชิงผิงอ๋องได้ เหยาเชียนเชียนแหงนหน้ามองฟ้า ดูไปเช่นนี้ก็เหมือนนางเป็ภรรยาขี้หึงผู้หนึ่ง ทนเห็นสามีอยู่กับสตรีอื่นตามลำพังไม่ได้จึงต้องพาลูกมาหาด้วยกัน
“หวังเฟยไม่ควรยืนนานเกินไปจริงๆ เพคะ” ซั่งกวนหลิงกล่าว “เพียงแต่น่าเสียดาย หลิงเอ๋อร์มีธุระต้องสนทนากับท่านอ๋อง สามารถให้เหล่าข้าหลวงส่งหวังเฟยกลับไปก่อนได้หรือไม่เพคะ เมื่อหลิงเอ๋อร์และท่านอ๋องเสร็จกิจแล้ว หม่อมฉันคิดว่าจะไปเยี่ยมหวังเฟยเพคะ”
เสร็จ...กิจ เหยาเชียนเชียนอดคิดถึงสิ่งอื่นไม่ได้
แม้จะกล่าวว่านางไม่ได้คิดเป็อื่นต่อชิงผิงอ๋อง ทว่าต่อหน้าลูกก็ไม่ควรทำให้เขารู้สึกว่าแม่ของตนยกผู้เป็พ่อให้แก่ผู้อื่น
อีกทั้งไม่รู้ว่าเป็ภาพลวงตาของนางหรือไม่ ดูเหมือนว่าในยามที่แม่นางหลิงเอ๋อร์พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับชิงผิงอ๋อง ในคำกล่าวนั้นคล้ายกับเจือแววภูมิใจหรือโอ้อวดอะไรทำนองนั้นอยู่เล็กน้อย
“ในโลกใบนี้มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าท่านแม่ของข้าหรือ?” อาเหยียนกล่าว “ความสัมพันธ์นี้คนนอกไม่อาจบอกต่อผู้อื่นได้ ท่านพ่อพาท่านแม่กลับเถิด”
เหยาเชียนเชียนยิ้มอ่อนโยนให้เขาและเงยหน้ามองไปยังเป่ยเหลียนโม่ที่เงียบมาโดยตลอด
เมื่อเห็นว่าแววตาของเขาไร้ซึ่งความไม่พอใจ ดูท่าว่าแม่นางหลิงเอ๋อร์ผู้นี้จะทำผิดพลาดครั้งใหญ่เสียแล้ว นางวางสถานะของตนในใจชายหนุ่มไว้สูงเกินไป เป็ความผิดพลาดครั้งใหญ่ในความผิดพลาดครั้งใหญ่
“สมบัติที่ท่านอ๋องพระราชทานให้ หม่อมฉันจัดวางไว้ในเรือนอย่างดี และหม่อมฉันรู้สึกยินดีมากเพคะ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนไปดูด้วยกัน” เหยาเชียนเชียนขยับเข้าไปทีละน้อย
“ราวกับหม่อมฉันเก็บความรู้สึกของท่านอ๋องไว้อย่างทะนุถนอม แม้ว่าแผลนี้จะเ็ป แต่หากสามารถแบ่งเบาภาระของท่านอ๋องได้หม่อมฉันก็ยินดีเป็อย่างยิ่งเพคะ หม่อมฉันไม่กล้ารบกวนกิจการงานของท่านอ๋อง เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวพาอาเหยียนกลับไปก่อน จะได้...อ๊ะ!”
ร่างกายของเหยาเชียนเชียนเซและล้มลงบนตัวของเป่ยเหลียนโม่พอดิบพอดี การเคลื่อนไหวนี้กระทบถึงาแ เมื่อสังเกตเห็นนางตัวสั่นเล็กน้อย เป่ยเหลียนโม่จึงทั้งโกรธทั้งขบขัน
มันคงเป็เื่ยากมากสำหรับนางที่จะแสดงฉากนี้ ช่างเถิด วันนี้เขาจะเชื่อฟังสองแม่ลูกนี้ก็แล้วกัน
เขาอุ้มเหยาเชียนเชียนขึ้น และมองไปทางซั่งกวนหลิงที่ยังคุกเข่าอยู่
“เ้ากลับไปก่อน ถ้ามีธุระข้าจะเรียกเ้ามา”
อาเหยียนตามหลังผู้เป็พ่อไปอย่างสมใจปรารถนา ไม่นานนักสามคนหนึ่งครอบครัวก็หายไปจากครรลองสายตาของซั่งกวนหลิง นางลุกขึ้นอย่างช้าๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร
เหยาเชียนเชียนผู้นั้นมิใช่มารดาผู้ให้กำเนิดของเสี่ยวซื่อจื่อ แต่นางสามารถใช้เล่ห์กลเกลี้ยกล่อมให้เสี่ยวซื่อจื่อยกให้นางเป็สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถใกล้ชิดท่านอ๋องได้
ได้ยินมาว่านางลงมือบีบคอเสี่ยวซื่อจื่อจนเกือบตายในคืนพิธีอภิเษกสมรส แต่มาวันนี้ทั้งคู่กลับกลายเป็มีความสัมพันธ์แม่ลูกอย่างลึกซึ้ง
ซั่งกวนหลิงเดินออกจากจวนอ๋องอย่างเนิบช้า นางหันกลับไปมองป้ายคำขวัญอันโอ่อ่าสง่างามพลางกำผ้าลายปักในมือแน่น
ก่อนหน้านี้นางอาจจะไม่กล้าคิดว่านางสามารถท่านอ๋องไว้เพียงผู้เดียว ทว่าเหยาเชียนเชียนผู้นั้นจะดีกว่านางสักเท่าไรกันเชียว ในเมื่อเหยาเชียนเชียนเคยคิดจะสังหารเสี่ยวซื่อจื่อ ทว่ายามนี้ท่านอ๋องก็ให้อภัยแล้ว เช่นนั้นนางที่อยู่เคียงข้างท่านอ๋องมาหลายปีย่อมได้เปรียบมากกว่ามิใช่หรือ
“สตรีผู้นั้นมีความคิดลึกซึ้ง สามารถเกลี้ยกล่อมให้ซื่อจื่อยอมรับนางเป็แม่ได้อย่างง่ายดาย และยังเกี่ยวพันกับองค์ชายสามมาหลายปี เห็นทีคนประเภทนี้จะปล่อยให้รั้งไว้ข้างกายท่านอ๋องไม่ได้”
วันหนึ่งท่านอ๋องอาจถูกภาพลักษณ์ภายนอกของเหยาเชียนเชียนหลอกจนอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ไม่สำเร็จ และอนาคตของท่านอ๋องต้องสูญสิ้นด้วยน้ำมือของสตรีผู้นั้น ทว่านางจะไม่ปล่อยให้เื่เช่นนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เหยาเชียนเชียนถูกชิงผิงอ๋องอุ้มกลับไปที่เรือน ทันทีที่เข้าไปข้างใน ทั้งสามคนก็เห็นปะการังสีแดงชิ้นนั้นส่องแสงแวววาวอยู่กลางเรือน
อาเหยียนส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเคยเห็นคลังสมบัติในจวนมาแล้ว แต่ของสิ่งนี้เมื่อวางอยู่ในเรือนของท่านแม่กลับดูสวยงามเป็พิเศษ
ทว่าเป่ยเหลียนโม่กลับทำเพียงเหลือบตามองเล็กน้อย จากนั้นก็มองเก้าอี้เอนนอนและขนมตรงโถงทางเดิน
สตรีผู้นี้สะดวกสบายเหลือเกิน อิงจากความคิดของนาง คาดว่า้าไปหาอาเหยียนเพื่อชวนมาชมทิวทัศน์ด้วยกัน แต่ไม่คิดว่าอาเหยียนจะคาดหวังให้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง เื่ราววกไปวนมา จนสุดท้ายกลับกลายเป็สภาพเช่นในยามนี้
“อาเหยียน พ่อยังมีเื่จะคุยกับแม่ เ้านั่งพักในสวนสักครู่ดีหรือไม่ พ่อจะส่งท่านแม่เข้าไปพักผ่อน”
ดีๆๆ อาเหยียนน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และส่งทั้งคู่เข้าห้องไปด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันอธิบายได้เพคะ” เมื่อถึงเตียงนอนเหยาเชียนเชียนก็ถดตัวเข้าไปข้างหลัง นี่คือเขากำลังเตรียมคิดบัญชีกับนางแล้วใช่หรือไม่ แต่นางไม่ได้เป็คนบอกให้อาเหยียนวิ่งเข้าไปเสียหน่อย
“หวังเฟยคิดว่าจวนนี้เงียบเหงาเกินไปหรือไม่”
สองมือของเป่ยเหลียนโม่ค้ำอยู่สองฝั่งของนาง ในเมื่ออาเหยียนยืนกรานหวังให้พวกเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกัน และในระยะนี้การกระทำของนางก็ไม่น่ารำคาญมากนัก เช่นนั้นมิสู้ทำความปรารถนาของอาเหยียนให้เป็จริงเสียดีกว่า
น้องสาวก็ได้ น้องชายก็ดี ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าสตรีผู้นี้มีจิตใจไม่บริสุทธิ์ หากให้กำเนิดบุตรก็ไม่สามารถเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ได้ แต่ยามนี้ลองคิดดูแล้ว เขาจะกำราบคู่เรียงเคียงหมอนของตนเองไม่ได้เลยเชียวหรือ?
ชั่วขณะหนึ่ง ใจของชายผู้นี้ก็ไม่แน่นอนพอๆ กัน
เหยาเชียนเชียนคิดโยงไปถึงซั่งกวนหลิงเมื่อครู่ และไตร่ตรองถึงนัยของคำพูดเป่ยเหลียนโม่ นางคิดว่าความหมายแฝงในนั้นชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร นางจึงให้ความร่วมมือกับเขาด้วยการพยักหน้า
“ในจวนมีเพียงหม่อมฉันและหลิ่วอี๋เหนียงดูเงียบเหงาเกินไปจริงๆ หากท่านอ๋องพึงใจในตัวแม่นางหลิงเอ๋อร์ด้วยใจจริง จะสู่ขอนางก็ย่อมได้เพคะ”
