ตอนที่อ๋าวหรานพูดประโยคนี้จบ จิ่งฝานก็บีบถ้วยในมือจนแหลกละเอียดเป็ผุยผง ทำให้อ๋าวหรานกับจิ่งเซียงชะงักตกตะลึงไป
จิ่งเซียงถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ท่านพี่ ท่านเป็อะไรหรือ?” จิ่งเซียงคิดว่าแปลกจริง พี่ชายของนางวันนี้ไม่ค่อยปกติเลย
จิ่งฝานอึ้งอยู่นาน และในตอนที่อ๋าวหรานกับจิ่งเซียงคิดว่าเขาจะไม่ตอบแล้วนั้น เขากลับพูดขึ้นมา น้ำเสียงฟังดูแห้งแล้ง “มิเป็ไร แค่มิได้คาดคิดว่า วันนี้จะได้ฟังเื่ราวมากมายถึงเพียงนี้”
อ๋าวหราน “พวกเ้าเชื่อที่ข้าพูดหรือไม่?”
จิ่งเซียงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนตอบ “อย่างอื่นข้าเชื่อหมด แต่เื่อาเขยเล็กนี้ข้าไม่อาจยอมรับได้จริงๆ ถึงแม้ปกติข้าก็รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบเขา แต่ข้าไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ ว่าคนสุภาพเรียบร้อยเช่นเขาจะสามารถทำเื่เช่นนี้ได้”
อ๋าวหรานพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจ สามารถเชื่อเขาได้สักครึ่งหนึ่งเขาก็พอใจแล้ว
หยุดไปครู่หนึ่ง อ๋าวหรานพูดต่อไปว่า “เกี่ยวกับเซียวหยางผิง ข้ายังหวังให้พวกเ้าระวังไว้สักหน่อย อีกอย่าง ถึงแม้ข้าจะหลอกเซียวหยางผิงไปได้ สามารถทำให้เขาคิดว่าข้าไม่รู้เื่คัมภีร์ลับได้ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะปิดไปได้นานแค่ไหน หรือจะสามารถหลอกคนที่อยู่เื้ัเซียวหยางผิงได้หรือไม่ ต่อไปหากข้ายังจะรั้งอยู่ที่ตระกูลจิ่ง เกรงว่าจะต้องเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด”
คำโกหกของอ๋าวหรานไม่สมบูรณ์นัก หากตรวจสอบดูให้ดีก็ยังสามารถพบปัญหาได้ อ๋าวหรานไม่อาจแน่ใจว่าสติปัญญาของบรรดาหัวหน้าตัวร้ายจะคงสภาพอยู่ในระดับต่ำแบบนี้ไปได้ตลอด ยิ่งไม่อาจรับประกันได้ว่าเนื้อเื่จะไม่พยายามขัดแข้งขัดขาเขาเพื่อจะได้ดำเนินไปสู่พล็อตที่้า
จิ่งฝานพูดออกมาทีละวรรค “ที่เ้าพูด หมายความว่าอย่างไร? คนที่อยู่เื้ัเซียวหยางผิงเป็ใคร?”
อ๋าวหรานตอบด้วยความงงงัน “ตระกูลทาง”
จิ่งเซียงถามอย่างสงสัย “ตระกูลทาง? ข้ารู้สึกเหมือนข้าจะไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!”
อ๋าวหรานยังไม่ทันได้ตอบ ก็เห็นจิ่งฝานพุ่งมาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างกะทันหัน ถามอย่างโเี้ว่า “เ้ารู้เื่พวกนี้ได้อย่างไร?”
น้ำเสียงแฝงความดุร้ายเผด็จการที่ไม่รู้มาจากที่ใดเอาไว้ แล้วยังมีดวงตาคู่นั้นที่พร่าไปด้วยสีเื ดูโหดร้ายเหมือนสัตว์ร้ายที่จ้องมองเหยื่อ
อ๋าวหรานอดถอยไปด้านหลังไม่ได้ แต่กลับถูกมือที่ยื่นออกมาของจิ่งฝานจับคางเอาไว้ ลากอย่างโหดร้ายไปอยู่ด้านหน้าเขา จมูกของคนสองคนแทบจะแนบชิดติดกัน ลมหายใจทั้งหมดของจิ่งฝานเหมือนจะพรมลงไปบนใบหน้าของอ๋าวหราน อ๋าวหรานรู้สึกร้อนจนใ และยังรู้สึกกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกเพียงแค่อยากจะถอยหลังออกไปให้ไกลสักหน่อย
จิ่งเซียงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นอย่างร้อนรน “ท่านพี่... ท่าน...”
จิ่งฝานชะงักเล็กน้อย ทว่าไม่สนใจจิ่งเซียง เขายังคงพูดอย่างโเี้กับอ๋าวหรานว่า “เซียงเซียงเชื่อเ้า ไม่ได้แปลว่าข้าจะเชื่อด้วย เื่ทั้งหมดที่เ้าพูดนี้ไม่มีหลักฐานอันใดเลย เ้ายังพูดเองว่าแม้แต่ตระกูลเ้ายังไม่ทราบเื่อะไรทั้งสิ้น แล้วคนที่ไม่เคยออกจากหมู่บ้านตระกูลอ๋าวเช่นเ้าจะไปรู้เื่ราวที่เป็ความลับพวกนี้ได้เช่นไร?”
อ๋าวหรานอดกลืนน้ำลายไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่เพราะถูกจิ่งฝานบังคับถามถึงได้รู้สึกทำอะไรไม่ถูก แต่แค่แท้จริงแล้ว เขารู้สึกกลัวจิ่งฝานที่เป็เช่นนี้
จิ่งฝานมองลูกกระเดือกที่สั่นไหวของอ๋าวหราน อดไม่ได้ที่จะเลื่อนนิ้วโป้งลงมาด้านล่าง ปัดผ่านบริเวณที่นูนขึ้นมาน้อยๆ ตรงคอขาวเนียนของอ๋าวหรานอย่างรุนแรง
การกระทำเช่นนี้ทำให้อ๋าวหรานอดคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ตอนที่เจอจิ่งฝานครั้งแรกไม่ได้ ความรู้สึกที่ถูกบีบคอจนไม่อาจหายใจได้เหมือนจะกลับมาอีกครั้ง รอบนี้อ๋าวหรานนั่งนิ่งไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาอยากจะยืนขึ้น ห่างไกลจากเ้าสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนอ่อนโยนแต่จริงๆ แล้วอันตรายนี้อีกสักหน่อย ครั้งนี้... จิ่งฝานไม่ได้บีบคอเขา แต่แค่จับคอเขาไว้ อีกทั้งยังจับท้ายทอยเขาไว้อย่างแ่า ไม่ขยับแม้เพียงนิด
จิ่งฝานพูดเสียงเฉียบขาด “พูด!”
อ๋าวหรานเม้มปาก พูดว่า “เ้าอยากจะเชื่อข้าก็เชื่อ หากไม่เชื่อ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ข้าบอกแล้ว ข้าจะไม่มีวันหลอกลวงพวกเ้า ฉะนั้นข้าจึงไม่อยากพูดปด”
อ๋าวหรานพูดจบก็รู้สึกว่ามือที่จับท้ายทอยอยู่ออกแรงบีบแรงขึ้นทีหนึ่ง สุดท้ายก็คลายลง
จิ่งเซียง “ท่านพี่ ข้าคิดว่าอ๋าวหรานคงไม่ได้หลอกพวกเราหรอก ที่เขาไม่บอกคงเป็เพราะไม่มีทางเลือก”
จิ่งเซียงพูดอย่างขลาดๆ จบ กลับเห็นพี่ชายของตัวเองยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็มา
จิ่งฝาน “ข้าก็แค่ตั้งใจทำให้เขาใ เพื่อยืนยันเท่านั้น”
จิ่งเซียงพูดด้วยความโกรธ “ท่านพี่! แกล้งคนกันแบบนี้หรือ?”
อ๋าวหรานเองก็ทนไม่ไหวปัดมือของจิ่งฝานออก จ้องอย่างมาดร้ายไปทางจิ่งฝาน ส่วนจิ่งฝานแค่ตอบกลับเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ เพียงเท่านั้น