หลังจากวันนั้นที่อ๋าวหรานกับทั้งสองคนคุยกันยาวนานทั้งคืน จิ่งฝานเองก็แสดงออกแล้วว่าเชื่ออ๋าวหราน และจะทำตามคำที่อ๋าวหรานบอก สั่งคนให้เดินทางไปยังเขาจือเหยาเพื่อค้นหาคัมภีร์ลับที่ชื่อ ‘จี๋เต้า [1] ’ เล่มนั้นอย่างลับๆ
ในนิยายต้นฉบับเกี่ยวกับเื่ที่ว่าคัมภีร์เล่มนี้ใครเป็คนแต่งและมันมาอยู่ที่เขาจือเหยาเมื่อใดหรือวิธีใดนั้น ปัญหาเหล่านี้ไม่เคยมีคำตอบ ตอนที่ว่านเฟิงพูดคุยเื่แิปรัชญาของนิยายกับอ๋าวหรานนั้น เคยพูดไว้กว้างๆ ว่าคัมภีร์เล่มนี้เป็คัมภีร์ที่สามารถเชื่อมถึง์ เป็คัมภีร์ที่เขียนโดยผู้มีพลังแข็งแกร่งซึ่งโลกนี้ไม่มีทางมีอยู่
ทว่าตอนนี้อ๋าวหรานอยากจะเอาเืไปทาบนหน้าว่านเฟิงจริงๆ พลังแข็งแกร่งสุดยอดมารดานายสิ เชื่อมถึง์มารดานายสิ นายเก่งมากสินะ นายมีความสามารถพูดได้เช่นนั้นก็เขียนออกมาสิ! ของที่ไม่เขียนออกมาให้ชัดเจนแบบนี้มันหายากมากรู้ไหม? ห๊า?
เฮ้อ โทษไม่ได้จริงๆ ที่อ๋าวหรานกำลังจะะเิแล้ว จิ่งฝานค้นหาบนเขาจือเหยาอยู่เดือนหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่พบร่องรอยอะไรเลย กลับเป็เ้าต้นไม้พันปีนั่นที่มีเต็มไปหมด จนแทบจะทำให้อ๋าวหรานรู้สึกสงสัยในชีวิตแล้ว
อ๋าวหรานสงสัยมากว่าเป็ระบบหรือไม่ก็เป็เพราะกฎหรือเปล่าที่ตั้งใจก่อกวน เขาพยายามเรียกระบบในสมองจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ยินเขาตอบกลับมาสักคำ
แต่จิ่งฝานราวกลับไม่สนใจเื่นี้นัก เขายังพูดปลอบอ๋าวหรานว่า อย่างไรเสีย เขาจือเหยานี่ก็กว้างใหญ่เกินไปและยังไม่อาจส่งคนจำนวนมากไปค้นหาอย่างเอิกเกริกได้ ค่อยเป็ค่อยไป ค่อยๆ หาแล้วกัน
อ๋าวหรานทำท่าทางเหมือนมีเื่อยากจะพูด แต่แล้วก็หยุดมองดูหนุ่มน้อยผู้ไม่สนใจอะไรเลยผู้นี้ ในใจคงทุกข์ทนเป็อย่างยิ่ง พ่อหนุ่ม รีบหาให้เจอจะได้รีบฝึกอย่างไรเล่า! รีบใช้วรยุทธ์สุดยอดนี่ให้ได้ นายถึงจะปกป้องตัวเองได้ ปกป้องคนที่นายอยากปกป้องได้ และไม่ต้องถูกผู้อื่นควบคุม ปราศจากความหวาดกลัวในภยันอันตรายใดๆ แล้วไปจัดการตัวหัวหน้าใหญ่เสีย!! โอ๊ยแม่เ้า นายทำให้ฉันกังวลจะตายอยู่แล้ว!
ด้านหนึ่งอ๋าวหรานก็กังวลใจไป อีกด้านหนึ่งจิ่งฝานก็ส่งคนมุ่งหน้าไปเขาจือเหยาอย่างสงบนิ่ง
นอกจากตามหาคัมภีร์ลับแล้ว อ๋าวหรานยังผลักดันให้จิ่งฝานทำเื่อื่นควบคู่ตามไปด้วย
หนึ่ง คือจัดการสะสางที่มั่น ร้านค้ายาเป็ต้น รวมถึงกิจการอย่างอื่นของตระกูลจิ่งบนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด สำคัญคือต้องตรวจสอบที่มาที่ไปของคนที่อยู่ในฐานที่มั่นและร้านรวงเ่าั้ คนทั้งหมดที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนหรือมีใจคิดคด หากสามารถจัดการได้ก็ให้รีบจัดการเสีย
ไม่กลัวศัตรูแก่กล้า กลัวเพียงพวกเดียวกันเองจะเป็คนทรยศ ขายพวกพ้องเดียวกันอยู่ทุกนาที ที่ตระกูลจิ่งในตอนหลังล่มสลายลงอย่างรวดเร็วนั้น นอกจากเป็เพราะมีศัตรูที่เก่งกล้าแล้ว อีกด้านหนึ่งเป็เพราะคนที่ทำงานให้ตระกูลนี้ ทรยศเปลี่ยนข้าง แน่นอน นี่เป็เหตุผลที่ผู้เขียนตั้งใจใส่เอาไว้ แต่หากป้องกันได้ก็ควรจะรีบป้องกันเอาไว้ จะอย่างไรก็คงดีกว่านั่งรออยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย
สอง คืออ๋าวหรานหวังว่าจิ่งฝานจะสามารถเรียกคนของตระกูลจิ่งทั้งหมดที่ท่องเที่ยวอยู่ด้านนอกตระกูล เริงร่าอยู่ในยุทธภพให้รีบกลับมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้าุโของตระกูลจิ่งที่ค่อนข้างมีฝีมือ ที่สำคัญคือหวังว่าจิ่งฝานจะสามารถเรียกบิดามารดาของเขากลับมาได้
ในนิยาย ผู้ที่ประสบเคราะห์เป็อันดับแรกก็คือ บิดามารดาของจิ่งฝาน ตอนนั้นพวกเขากำลังอยู่ที่บ้านตายาย หรือบ้านมารดาของแม่จิ่งฝาน ‘มู่หย่าซือ’ นี่เองเป็เหตุที่ทำให้ทั้งตระกูลมู่มีจุดจบเช่นเดียวกับตระกูลอ๋าว ทั้งบ้านนองไปด้วยเื ถูกฆ่าล้างตระกูล ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว
ยังมีท่านผู้าุโทั้งหลายของตระกูลจิ่งเ่าั้อีก ทุกคนล้วนตายอย่างทรมาน
ตอนที่อ๋าวหรานแนะนำจิ่งฝานเื่นี้นั้น จิ่งเซียงถามอย่างใว่าเหตุใดต้องเรียกเหล่าผู้าุโกลับมาด้วย?
อ๋าวหรานตอบอย่างซื่อตรงว่า เพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกเขาถูกสังหาร
สำหรับเื่นี้ จิ่งเซียงยากที่จะเชื่ออย่างยิ่ง ตระกูลจิ่งสามารถยืนหยัดบนเส้นทางใหญ่นี้มาได้เนิ่นนาน นอกจากทักษะทางด้านการแพทย์แล้ว วรยุทธ์เองก็เป็อีกส่วนหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลย ไม่เช่นนั้นหากอาศัยแค่แค่ทักษะทางการแพทย์ ต่อให้จะสามารถรอดชีวิตอยู่ได้ เกรงว่าก็ต้องตกอยู่ในอาณัติของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ดี
ตระกูลจิ่งมีความสามารถทางการแพทย์เหนือกว่าผู้ใด พวกเขาเข้าใจเื่โครงสร้างของร่างกายมนุษย์อย่างท่องแท้ ไม่ว่าจะเป็จุดเืลมบนร่างกาย เส้นลมปราณหรือใดๆ อาศัยแค่ความเข้าใจนี้ พวกเขาก็สามารถศึกษาวิจัยจนออกมาเป็เคล็ดวิชากำลังภายในที่เหมาะสมและสามารถดึงกำลังภายในของคนออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ อีกทั้งยังคิดค้นเพลงยุทธ์เพื่อโจมตีจุดอ่อนของร่างกายมนุษย์ โจมตีเพียงครั้งก็สามารถคร่าชีวิตของคนได้ โดยเฉพาะ เพลงยุทธ์ของตระกูลจิ่งได้ผลดีเยี่ยมเหมือนทักษะทางการแพทย์ของพวกเขา ไม่มากเกินความจำเป็ ตลอดมายึดหลัก หากปลิดชีพอย่างรวดเร็วได้ก็จงปลิดชีพอย่างรวดเร็ว หากทำไม่ได้ก็เปลี่ยนไปใช้กระบวนท่าอื่น
เพลงยุทธ์ที่รวดเร็วและได้ผลดีเช่นนี้นี่เองที่ทำให้พวกที่คิดว่าตระกูลจิ่งนั้นง่ายต่อการรังแกต้องก้มหัวให้ ตระกูลจิ่งก็ค่อยๆ สะสมอำนาจ เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ตระกูลที่ทักษะการแพทย์เลิศล้ำกว่าผู้ใด มีวรยุทธ์เลิศล้ำกว่าสำนักใด และยังตั้งตระหง่านดังขุนเขาอยู่ได้มาอย่างยาวนานในแผ่นดินใหญ่ที่ซึ่งปลาเล็กกินปลาใหญ่เช่นนี้ ต่อให้จะอ่อนน้อมสักแค่ไหน ก็ยังมีความหยิ่งและมั่นใจในตัวเองอยู่บ้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้าุโที่อยู่มานานแล้วของตระกูลจิ่ง ความสามารถนั้นไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน ดังนั้นจิ่งเซียงจึงยากที่จะเชื่อว่าพวกเขาจะถูกทำร้ายอย่างง่ายดาย
สำหรับเื่นี้ อ๋าวหรานบอกจิ่งเซียงได้แค่ว่า ‘ตระกูลทาง’ ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เ้าคิด พวกเขามีเนื้อหาบางส่วนของ ‘จี๋เต้า’ อยู่ในมือ
และหนังสือที่ว่านเฟิงตั้งใจสร้างให้สามารถเชื่อมถึง์ได้นั้นก็ย่อมต้องไม่ธรรมดาเป็แน่ อย่างไรเสีย ต่อไปพี่ชายเ้าก็อาศัยมันขจัดขวากหนามไปทั่วแผ่นดิน ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วยอีก แน่นอนว่า ประโยคนี้อ๋าวหรานก็แค่ค่อนแคะอยู่ในใจอย่างเงียบๆ เท่านั้น
เชิงอรรถ
[1] จี๋เต้า หมายถึง เส้นทางสู่จุดสูงสุด