เยี่ยนปู้หุยเอ่ยจบแล้วก็ไม่พูดอีกเลย
ท่าทีเ็าดั่งผู้สูงส่งเมียงมองลงเบื้องล่างนั้นเขาไม่อาจรักษามันได้อีกแล้ว เหลือเพียงแต่ความโกรธแค้นที่ยากจะระงับ กระทั่งมหาสมุทรไอปีศาจดั่งทะเลกลับหัวกลับหางยังเริ่มเดือดพล่านอย่างรุนแรง ไอปีศาจโหยหวนขู่คำรามราวกับเสียงครวญแห่งท้องทะเล เป็เสียงแห่งโทสะ
ดังนั้นเยี่ยนปู้หุยจึงตัดสินใจลงมือ
“มหาสมุทรปณิธานของข้า ปีศาจฟ้าคร่าโลกันตร์...ลู่เฉาเกอ จงตายซะ!”
คลื่นสูงแห่งความเกลียดชังแปรเปลี่ยนเป็เสียงคำรามเกรี้ยวกราด เยี่ยนปู้หุยปรบมือหกครั้งติด
มหาสมุทรไอปีศาจซึ่งล่องลอยอยู่เหนือศีรษะ คลื่นปีศาจดุเดือด มีฝ่ามือไอปีศาจั์หกมือปรากฏขึ้น ตรงเข้าบดขยี้ลู่เฉาเกออย่างครึกโครม
ท้องฟ้ายามนี้อบอวลด้วยอากาศธาตุที่ะเิบ้าคลั่ง
อากาศไหลเอ่ออย่างคลุ้มคลั่ง พายุไต้ฝุ่นก่อร่างขึ้นมา ดั่งัชั่วช้าฉีกฟ้าดินด้วยกรงเล็บของมัน
พลังแรงน่ากลัวกดทับเบื้องฟ้าลงมา ด่านโยวเยี่ยนทั้งด่านราวกับถูกพลังน่ากลัวบีบอัดแทบะเิทั้งเป็
ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนปู้หุยลงมือ มีเพียงฝ่ามือั์ไอปีศาจมือเดียวเท่านั้น ก็เหมือนจะไม่มีตะวันรุ่งในวันพรุ่งให้ได้เชยชมอีกแล้ว ตอนนี้เมื่อมือั์ไอปีศาจทั้งหกผุดขึ้นมาพร้อมๆ กัน อานุภาพย่อมเกินกว่าจะจินตนาการได้ หลิวสุยเฟิงและเผิงอี้เจินมองหน้ากันเลิ่กลั่ก หากก่อนหน้านี้พวกเขาต่อกรกับพลังเฉกเช่นนี้แล้วล่ะก็ น่ากลัวว่าคงถูกบดขยี้จนร่างะเิเละไปแล้วกระมัง?
ที่แท้แล้วก่อนหน้านี้เยี่ยนปู้หุยยังมิได้แสดงฤทธิ์เดชที่แท้จริงออกมา
บัดนี้ที่ในรัศมีพันเมตรจากตัวเขา ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนราวกับต้นข้าวปลิวไหวตามพายุโหมกระพือ แม้จะเปิดเปลือกตายังเปิดไม่ขึ้น หายใจรวยริน ไม่อาจส่งเสียงอะไรออกมาได้เลย
มีเพียงลู่เฉาเกอเท่านั้นที่ยังยืนหยัดสงบนิ่งอยู่กลางนภา
เมฆารอบด้านม้วนตลบ แต่ร่างของเขาไม่ถูกลมพัดแม้แต่ชายเสื้อ
“พลังที่มิใช่ของเ้า ไม่อาจทำอันตรายข้าได้หรอก” เทพาโยวเยี่ยนส่ายหน้าพลางยกมือขวาขึ้นช้าๆ ห้านิ้วโค้งงอ จากนั้นก็เป็เหมือนกรงเล็บเทพัดันออกไปเบื้องหน้าทีละนิ้ว...ละนิ้ว
การกระทำช่างดูง่ายดาย
แต่ฝ่ามือคล้ายกรงเล็บของลู่เฉาเกอนั้น จังหวะที่ยื่นออกไปเบื้องหน้าช่างแสนพิเศษ ทุกครั้งที่ขยับแม้เพียงเล็กน้อย ช่างเชื่องช้าเหลือเกิน แต่กลับเหมือนใช้ฝ่ามือดันโลกทั้งใบ
มองดูแล้วเชื่องช้าเป็ที่สุด แต่แท้จริงแล้วกลับรวดเร็วหาใดเปรียบ
ดันไปข้างหน้านิ้วหนึ่ง ฝ่ามือตะครุบเอาอากาศธาตุไว้ในกำมือทันที
“สลาย!”
ลู่เฉาเกอผู้อยู่บนห้วงเวหาเอ่ยคำนี้ออกมาเบาๆ
ไม่มีคลื่นพลังใดๆ
แต่พริบตานั้น ฝ่ามือไอปีศาจที่กำลังจะคลุมทับร่างลู่เฉาเกอในอีกสิบเมตร กลับเหมือนถูกบางอย่างตะครุบเอาไว้อย่างแรง ราวกับลมของเทพปัดเป่าไร้รูปร่าง ฝ่ามือั์ล้างโลกันตร์พลันแตกสลายดังกัมปนาท หายเป็เศษเมฆไอหมอก...
แรงกดดันในใต้หล้าลาหาย
สายลมหยุดนิ่ง หมู่เมฆแตกซ่าน
เหมือนกับว่าฝ่ามือปีศาจทั้งหกดุจเทพมารผลาญภพนั่น เป็แค่ภาพลวงตาเท่านั้นเอง
ทุกอย่าง กลับคืนสู่สภาพปกติ
ไกลออกไป
“คาถาเจ็ดอักษรตัวที่สี่?”
ไกลออกไป เยี่ยนปู้หุยเผยใบหน้าตื่นตระหนก
แต่ไม่นาน เขาก็กลับสู่สีหน้าปกติ หัวเราะร่าอย่างถือตัว “ชะตาพบพลัดพรากปานวารี...หฤทัยสูตรตัดอารมณ์ทั้งเจ็ดอักษร ถูกเ้าฝึกฝนจนถึงตัวที่สี่ ‘สลาย’ แล้วหรือนี่ ฮ่าๆๆ เ้าแก่ลู่ เ้าอยากตัดอารมณ์ความรู้สึกนัก สู้ตายๆ ไปให้เร็วไม่ดีกว่าหรือ มีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร? มนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่จะตัดเจ็ดอารมณ์หกกามคุณ*ได้ด้วยหรือ?”
ลู่เฉาเกอส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “ไม่ได้”
“ฮ่าๆๆ ที่แท้เ้าก็รู้มาตลอดนี่ว่าไม่ได้” เยี่ยนปู้หุยแค่นหัวเราะดูถูก “ในเมื่อเ้ารู้ว่าไม่ได้ เช่นนั้นหฤทัยสูตรตัดอารมณ์ของเ้าจะไม่มีวันฝึกฝนจนสมบูรณ์ วรยุทธ์ของเ้า จะมีมลทินไปตลอดกาล แม้วรยุทธ์ของเ้าจะล้ำเลิศ ท้ายสุดเ้าก็จะตกอยู่ในจิตมารของหฤทัยสูตรตัดอารมณ์ของเ้า ตกนรกหมกไหม้ รับโทษทัณฑ์ไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
“แล้วเ้าเล่า?” ลู่เฉาเกอมีความสงสารและโศกเศร้าในแววตา เขาถามกลับไปว่า “มารสูตรหลากอารมณ์ของเ้าจะฝึกฝนจนสมบูรณ์ได้หรือ? แม้เ้าจะตัดอารมณ์ทุกอย่างไม่หมดสิ้น แต่เ้ากลับถูกจมจ่อมด้วยความเกลียดชัง ความจริงแล้วเ้าตัดอารมณ์ได้มากกว่าข้าเสียอีก เจ็ดอารมณ์หกกามคุณเหลือเพียงเกลียดชัง เ้ายังจะมีหลากอารมณ์ได้อีกหรือ?”
เยี่ยนปู้หุยได้ยินคำแล้วก็หัวเราะร่วน “ใครบอกเ้าว่าข้าเหลือแค่เกลียด? เ้าแก่ลู่ สัตว์เืเย็นเยี่ยงเ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก ว่าเกลียดชังมีที่มาจากอะไร ฮ่าๆๆ พูดมากไปก็เปล่าประโยชน์ ตายซะ!”
พูดไม่ทันขาดคำ
เขาก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ไอปีศาจรอบกายเดือดพล่าน
มหาสมุทรไอปีศาจที่ลอยอยู่ด้านหลังของเขาเริ่มเดือดอย่างรุนแรงขึ้นมาอีกหน
คราวนี้ สิ่งที่ปรากฏมิใช่ฝ่ามือไอปีศาจขนาดั์อีกแล้ว แต่เป็ร่างปีศาจฟ้าสูงหลายพันเมตร เริ่มจากร่างกายและศีรษะ จากนั้นเป็ท่อนแขน ตาตุ่มและเท้า...ร่างอันมหัศจรรย์ดั่งิญญาปีศาจลี้มาจากสมัยดึกดำบรรพ์ อวดศักดาต่อหน้าฟ้าดินทั้งปวง
ิญญาปีศาจปรากฏกายอยู่ด้านหลังเยี่ยนปู้หุย
สองขาของมันสูงครึ่งฟ้า เมฆโอบพันรอบส่วนเอว ส่วนศีรษะแทบสูงไปถึง์ชั้นเก้า
นี่คือปีศาจฟ้าั์ที่แท้จริง
ใครได้มองเป็ต้องกลัวด้วยสัญชาตญาณ
“ฮ่าๆๆ แม้จะกล่าวว่าอารมณ์ต่างๆ เป็บ่อเกิดของความชิงชัง แต่คนที่ตัดทุกอารมณ์แล้วต่างหากที่ต่ำกว่าหมูหมาหรือเดรัจฉาน มีแค่คนตายเท่านั้นที่จะไร้ซึ่งอารมณ์ใด วันนี้มาตัดสินให้รู้แพ้รู้ชนะ จบทุกอย่างลงตรงนี้เถิด” กายของเยี่ยนปู้หุยล่องลอยขึ้นช้าๆ พร้อมกับหัวเราะร่วนไปด้วย
พริบตาเดียวเขาก็ลอยลิ่วถึงพันเมตร สู่ตำแหน่งศีรษะของิญญาปีศาจ
จากนั้นเขาก็ถอยหลัง กางแขนออก เหยียดยิ้มประหลาด ร่างกายแทรกซึมเข้าไปในศีรษะปีศาจฟ้าเหมือนละลายลงเศษหิมะ
“โฮก!”
ปีศาจฟ้าที่เคยนิ่งสงบมาตลอดเหมือนว่ามีชีวิตขึ้น
ดวงตาสีแดงฉานของมันราวกับฟ้าแลบฟ้าร้องแตกกระจายจากั์ตาทั้งคู่ ทะลุชั้นฟ้าชั้นแล้วชั้นเล่า ตรงเข้าประหัตปะาลู่เฉาเกอ นำพาจิตสังหารอันแรงกล้า กลิ่นอายแห่งความตายและคาวเื ราวกับธนูโลหิตของคนตาย กระเซ็นเอ่อท้นออกมาจากห้วงอเวจี
ความตายคืบคลาน
ลู่เฉาเกอเงยหน้ามอง
ต่อหน้าิญญาปีศาจแล้ว เขาเป็ดั่งมดตัวจ้อย
แต่เขายังคงไม่ทำสิ่งใด
แสงแห่งความตายสีแดงนั้น เมื่อเข้ามาถึงตรงหน้าเขาห่างไปสิบเมตร กลับถูกพลังไร้รูปร่างขัดขวางเอาไว้ ไอสีแดงแตกซ่านไปสี่ทิศทาง ไม่อาจล่วงเข้าหาได้แม้แต่เศษเสี้ยว
“มาดูกันว่าเ้าจะปัดป้องไว้ได้สักกี่น้ำ”
ิญญาปีศาจเปิดปากพูด แต่เสียงนั้นกลับเป็ของเยี่ยนปู้หุย
ร่างกายมหึมาของมันน้อมตัวลงมา กำหมัด อากาศเสียดสีจนเกิดประกายไฟลุกท่วมกำปั้นนั้น ไอปีศาจและเปลวเพลิงรวมตัวกัน นภาครึ่งหนึ่งเข้าสู่วิกฤติ หมัดประหนึ่งภูผาดำทมิฬแผดเผา ชกเข้ามาตรงๆ
ลู่เฉาเกอยังคงไม่ขยับตัว
เปรี้ยง!
หมัดเพลิงมารถูกพลังไร้ร่างนั้นขัดขวางไว้อีกแล้ว
หมัดเพลิงิญญาปีศาจเหมือนหินที่ถูกทุบจนแตกกระจุย มันแหลกสลายในทันที นิ้วมือและกระดูกข้อต่อแหลกกระเด็นทั่วน่านฟ้า
ไม่รู้เพราะคิดไปเองหรือไม่ ทุกคนรวมทั้งเ่ิูล้วนรู้สึกว่าพิภพกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง วิสัยทัศน์ที่มองเห็นกำลังสั่นะเื แต่ไม่มีแม้แต่เสี้ยวของคลื่นพลัง...
“กระดองเต่าช่างแข็งจริง...ข้าจะดูว่าจะทนได้อีกสักแค่ไหนกัน?”
เยี่ยนปู้หุยเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
ข้อต่อและนิ้วของหมัดที่แหลกนั้นกลายเป็ไอปีศาจ ไอแล้วไอเล่ากลับมารวมตัวกัน ไม่มีทีท่าว่าอ่อนแอลงเลย ทุกอย่างเหมือนใหม่ เรียงร้อยต่อกันเป็แขนิญญาปีศาจอีกหน
เปรี้ยงๆๆๆ!
ิญญาปีศาจออกหมัดอีกครั้ง
คราวนี้ มิใช่หมัดธรรมดา
หมัดิญญาปีศาจดั่งฟ้าแลบ
ความเร็วของหมัดช่างตรงกันข้ามกับรูปกายอันใหญ่โตของิญญาปีศาจเสียจริง ราวกับภาพลวงตา ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนรอบด้านมองไม่ทันว่าสิ่งมีชีวิตตนั์นี่รัวหมัดไปกี่ครั้งกันแน่
จากนั้นั์ตาของพวกเขาเหมือนดั่งภาพวาด สั่นะเืรุนแรงประหนึ่งจะถูกฉีกออกเป็เสี่ยงๆ เมื่อใดก็ได้
บนพื้นดิน
เ่ิูมองภาพบนท้องฟ้าอย่างตะลึงลาน
เขาล่วงรู้แล้วว่า หาใช่เพราะโลกนี้กำลังสั่นคลอน หรือลู่เฉาเกอถูกจู่โจมจนเอนไหว นับั้แ่ต้นจนปัจจุบัน ลู่เฉาเกอยังคงนิ่งงันเหมือนหินผา ไม่ไหวติงแม้แต่เส้นผมสักเส้น...
ความเคลื่อนไหวทุกอย่างในสายตาฝูงชน เป็เพราะดวงตาถูกพลังงานไร้รูปร่างทำให้บิดเบี้ยวต่างหาก
คลื่นพลังเอ่อท้นจากสองผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดที่สุด
มิใช่เื่ที่จะใช้กำลังแรงมานิยามกันได้
อาณาฝึกยุทธ์ของผู้แข็งแกร่งทั้งสอง เหนือชั้นกว่าขอบเขตการรับรู้และััทั้งหมดของทุกคน
พริบตาเดียว ิญญาปีศาจก็ถล่มหมัดจนมองตามไม่ทัน
ั์ตาของผู้คนค่อยๆ มองไม่เห็น วิสัยทัศน์ทุกอย่างเริ่มเลือนราง ดวงตาเ็ปเหมือนถูกเข็มตำ คนที่พลังต่ำต้อยเป็ต้องน้ำตาไหลพราก น่ากลัวว่าอีกสิบวันหรือครึ่งเดือนก็ยังไม่อาจฟื้นตัว...
เ่ิูเองก็รู้สึกั์ตาเจ็บแปลบเช่นกัน
เขาไม่อาจไม่ก้มหน้าเพื่อเบนสายตาจากที่แห่งนี้
ตอนนี้ ทั่วฟ้าดินมีเพียงสุรเสียงแห่งลู่เฉาเกอ
“สลาย”
คลื่นพลังประหลาดแล่นแวบในใต้หล้าแล้วก็ลาหาย
จากนั้นจะเห็นเพียงหมัดที่ถล่มเอาๆ ของิญญาปีศาจ ดั่งไอหมอกถูกลมม้วนเอาไว้ แตกซ่านออกไปอย่างหาที่มาไม่ได้ แขน ไหล่ คอ ไล่ไปจนศีรษะ...
ิญญาปีศาจราวกับเทพมารสูงพันเมตร พลันเหมือนรูปปั้นทรายที่ถูกวายุพัดพา พังราบคาบสลายหายไปอย่างไร้สุ้มเสียง ไม่อาจรักษาสภาพร่างไว้ได้อีกต่อไป ไอปีศาจสายแล้วสายเล่าราวกับเม็ดทรายกระจัดกระจาย สลายหายสู่ฟ้าดินไป!
สลาย!
สลายจริงๆ
สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมดั่งูเาบัดนี้หายเข้ากลีบเมฆทันทีที่ลู่เฉาเกอเอ่ยปาก
ไอปีศาจสาดกระเซ็น มีเสียงขู่คำรามอวลโทสะของเยี่ยนปู้หุยดังแทรกมา
แต่นี่ยังไม่อาจหยุดความพ่ายหมดรูปของเขาได้
เสียงกัมปนาทะเืดินฟ้า ไอปีศาจที่บดบังแสงอาทิตย์ ดวงิญญาปีศาจข้ามกาลเวลาจากยุคดึกดำบรรพ์ พลังปีศาจฟ้าหลากอารมณ์ในใต้หล้า...ทุกอย่างเหล่านี้เหมือนไม่อาจต่อกรกับคำๆ เดียวที่แสนสงบว่า ‘สลาย’ ได้เลย
เอ่ยปากดั่งกฎหมาย
ไม่มีคำอธิบายอื่นใดอีกแล้ว
พริบตาเดียว ทุกอย่างหายไปหมด
ร่างกายของเยี่ยนปู้หุยปรากฏขึ้นช้าๆ ท่ามกลางเมฆหมอกไอปีศาจที่หายไปจากฟากฟ้า
“สิ่งที่ไม่ใช่พลังของเ้า อย่างไรเสียก็มิใช่พลังของเ้า ดังนั้น เ้าจึงมิใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ลู่เฉาเกอมองร่างเหยี่ยนปู้หุยที่ค่อยๆ เผยกายในเมฆหมอกไอปีศาจ เขาเอื้อนเอ่ยแ่เบา “เมื่อก่อนแม้นเ้าจะทำเื่บ้าบิ่น แต่น้อยครั้งที่จะบุกอุกอาจอย่างรีบร้อนเช่นนี้ คราวนี้เ้าจงใจแอบซ่อนเข้ามาท้าทายที่ด่านโยวเยี่ยนด้วยตนเอง นอกจากจะยืมพลังจากที่ไหนมาแล้ว น่าจะต้องมีไพ่เหลืออยู่อีกกระมัง?”
เยี่ยนปู้หุยนิ่งงันไม่พูดจา
“เื่ในตอนนั้น จบลงตรงนี้เถิด” ลู่เฉาเกอสูดลมหายใจเขาลึกๆ ตอนนี้อารมณ์ของเขาเริ่มขยับไหวแ่ๆ “วันนี้เ้าหนีไม่รอดแล้ว จับกุมแล้วขังก็พอ ข้ารับรองว่าจะไม่ฆ่าเ้า”
“ไม่ฆ่าข้า?” เยี่ยนปู้หุยยิ้มหยาม “เหมือนที่เ้าเคยทำกับข้าน่ะหรือ? กักขังข้าเอาไว้ ให้ข้าอยู่เป็ๆ ทรมานกว่าตายอย่างนั้นใช่ไหม?”
“อย่างน้อยเ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ได้” ลู่เฉาเกอว่าอย่างตรงไปตรงมา “เ้าแม้จะมีความเกลียด แต่กลับเลือกเดินผิดทาง คราวก่อนข้าทำเ้าปางตาย ตอนแรกข้านึกว่าเ้าจะรักษาอาการอยู่อย่างน้อยสามปี ซื้อเวลาสักพัก ไม่นึกเลย...คราวนี้ ข้าไม่อาจอ่อนข้อต่อเ้าอีกแล้ว ข้าให้เ้ากลับไปคบคิดกับศัตรูไม่ได้อีก”
“จริงหรือ?” เยี่ยนปู้หุยยิ้มประหลาด
ฉับพลันทันใด ความเปลี่ยนแปลงก็ถือกำเนิด
เสียงใสแต่เย็นดั่งน้ำแข็งดังขึ้นในหูของทุกชีวิตเบาๆ เสียงของเด็กสาวที่ทำสัตว์เลี้ยงของตนหาย ไต่ถามอย่างร้อนใจ
“พวกเ้าเห็นลูกหมีข้าไหม?”
*อารมณ์ทั้งเจ็ดและกามคุณทั้งหกตามหลักพุทธศาสนา อารมณ์ ได้แก่ ยินดี โกรธ โศก สุข ชัง ตัณหา รัก กามคุณคือทุกอย่างที่ััได้ด้วยรูป รส กลิ่น เสียง ัั โผฏฐัพพะ