บทที่ 18 พลังยุทธ์บรรลุขั้นขึ้น
ลู่อวี่ยืนอยู่ข้างกายบิดาอย่างไม่ยี่หระ และพูดพึมพำเบาๆ อาการาเ็สำหรับนักพรตแล้วถือเป็อาการาเ็ที่รักษาง่ายที่สุด ยาหลีอวิ่นถึงแม้จะดี แต่ไม่ถึงขั้นสามารถรักษาได้ถึงร้อยโรค ยกตัวอย่าง อาการาเ็ที่เกิดจากธาตุไฟเข้าแทรก เหตุเพราะเกิดจากการสูญเสียพลังปราณภายในร่างกาย ยาหลีอวิ่นจึงใช้ไม่ได้ผล หรือแม้แต่เส้นลมปราณได้รับาเ็ ก็ยิ่งใช้ไม่ได้เช่นกัน ยาที่จำเป็ต้องใช้ไม่เพียงแต่ต้องเป็ยาขั้นสูง ตัวยาก็ยิ่งแพงและหายากอีกด้วย
หากความคิดนี้ของเขาถูกคนที่รู้สรรพคุณของยานี้รู้เข้า คงกระอักเืออกมาและสบถด่าเสียงดังว่าไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่เพราะลู่อวี่เพิ่งกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ไม่นาน ยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับโลกที่เขาอยู่มากนัก ยิ่งไปกว่านั้น เขาในฐานะปรมาจารย์ปรุงโอสถในชาติที่แล้ว จึงไม่ได้มองว่ายาระดับนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะมีพลังยุทธ์ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน คงปรุงยาอายุวัฒนะหลีอวิ่นออกมาได้ตามปกติแล้ว
เวลานี้พลังของยาหลีอวิ่นสลายไปแล้ว ผู้คนที่มามุงดูอยู่ที่นี่ จึงเห็นเพียงร่างของลู่หงินอนตัวสั่นอยู่บนพื้น าแที่ฉีกขาดบนร่างกายสมานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัด บางจุดก็ตกสะเก็ดและหลุดลอกออกไป ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ิัตามร่างกายที่ได้รับาเ็แผลก็ยังสมานและหลุดลอกออกไปพร้อมๆ กัน เผยให้เห็นผิวขาวกระจ่างใส อวัยวะและเส้นลมปราณที่เสียหายในร่างกายส่วนอื่นๆ ก็ได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ภายในสิบ่ลมหายใจ และเสียงเต้นของหัวใจที่แข็งแรงก็ดังกึกก้องให้ทุกคนได้ยินอีกครั้ง
“อ่า ยาหลีอวิ่นนี้มีผลฟื้นฟูให้อ่อนเยาว์ลงด้วยหรือ? ดูจากสภาพของผู้เฒ่าห้าแล้วดูเหมือนอายุเขาจะลดน้อยลงไปนับร้อยปีทีเดียว!” ผู้เฒ่าสามลู่หงจีอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
เวลานี้คนอื่นๆ ต่างก็ลอบสังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกัน แล้วพากันหันสายตามองไปทางลู่อวี่ เ้าของเม็ดยาอายุวัฒนะหลีอวิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวออกมาว่า "ยาหลีอวิ่นไม่ได้มีสรรพคุณนี้ แต่เพราะผู้เฒ่าห้าโชคดีต่างหาก ประจวบเหมาะกับตอนที่พลังยุทธ์บรรลุขั้นขึ้น ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วได้รับาเ็สาหัส ทั่วทั้งร่างกายถูกทัณฑ์อัสนีฟาดผ่าลงมาแตกออกเป็เสี่ยงๆ ผนวกเข้ากับฤทธิ์ยาในการซ่อมแซมของยาหลีอวิ่น ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่อาจเกิดขึ้นกับผู้อื่นได้นอกจากเขา!”
รูปร่างหน้าตาของลู่หงิในตอนนี้เหมือนกลับไปอยู่ใน่วัยกลางคนอีกครั้ง ผิวพรรณสุขภาพดีเป็มันเงา ผมและหนวดเคราสีดำ หากไม่ใช่เพราะผมและเคราที่ยังคงรุงรังเหมือนเดิม ไม่ว่าใครก็คงดูไม่ออกว่านี่คือท่านลุงผมขาวเต็มหัวผู้นั้น
เกือบจะทันทีที่หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง คล้ายกับมีแรงดูดบางอย่างเข้ามา และในทันใดนั้นเอง คลื่นพลังลมปราณหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นดูดเอาพลังลมปราณทั้งหมดที่อยู่ภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้เข้ามาใกล้รอบตัวของลู่หงิ พลังลมปราณสีขาวนวลหนาแน่นแทบจะควบแน่นรวมกันเป็เนื้อแท้
ลู่เหว่ยจุนะโเสียงดังและพาทุกคนให้ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว พลันมองไปทางผู้เฒ่าห้าลู่หงิ ที่กำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยความตื่นเต้นและลุ้นระทึก เมื่อเห็นเขาค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่บนพื้น และดวงตาทั้งสองยังคงปิดแน่นคล้ายกับกำลังเข้าสู่ภาวะเจริญภาวนา
เขานั่งสมาธิอยู่เช่นนั้นราวหนึ่งในสี่ของก้านธูป พลังลมปราณที่เกาะกลุ่มกันเป็ระลอกคลื่นถึงลดขนาดลง และสุดท้ายก็สลายกลายเป็ความว่างเปล่า แต่ในเวลาเดียวกันก็มีแสงสว่างกระจายตัวเป็วงกลมสีทองออกมาจากตัวของผู้เฒ่าห้า และร่างของเขากลับยิ่งดูเลือนราง!
ทุกคนรู้ดีว่านี่เป็่เวลาสำคัญสำหรับลู่หงิที่จะเข้าสู่จุดเชื่อมต่อของแดน์และโลกมนุษย์ นี่เป็่เวลาที่ดีที่สุดในการบรรลุพลังจิต และจะประสบผลสำเร็จได้มากเพียงใดในขั้นตงซวน หรือจะมีศักยภาพหลังจากบรรลุขั้นพลังยุทธ์เพียงใด ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับ่เวลานี้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ลู่หงิก็ลืมตาขึ้นช้าๆ เงยหน้ามองท้องฟ้าแต่ยังคงหวาดผวาอยู่แม้เหตุการณ์จะผ่านพ้นไปแล้ว จากนั้นถึงได้ถอนหายใจออกมายาวๆ เมื่อครู่นี้ที่เผชิญหน้ากับทัณฑ์อัสนีที่ฟาดผ่าลงมาสามครั้ง ก็รู้ว่าตนเองเจอเื่ยุ่งยากเข้าให้แล้ว ในอดีตตนเอาแต่ทุ่มเทอยู่กับการปรุงยาอายุวัฒนะ ถึงแม้จะไม่ได้ละเลยการบรรลุขั้นพลังยุทธ์ แต่ฝีมือในการป้องกันตนเองกลับอ่อนแอยิ่งนัก นั่นเพราะไม่เคยฝึกฝนพลังเวทใดมาก่อน มีเพียงอาวุธวิเศษขั้นสองชิ้นเดียวเท่านั้นที่พอจะรักษาหน้าตาไว้ได้อย่างพอถูไถเท่านั้น
อันที่จริง ในฐานะผู้เฒ่าของตระกูลที่ดูแลเื่ยาอายุวัฒนะ เขาไม่จำเป็ต้องเข้าไปเสี่ยงในการต่อสู้ แต่หลังจากเผชิญหน้ากับพิธีล้างบาปของทัณฑ์์ครั้งนี้ ก็รู้ได้ในทันทีว่าไม่ว่าอย่างไรในภายภาคหน้าเขาจำต้องมีฝีมือในด้านนี้เสียหน่อยมิฉะนั้นหากเกิดเผชิญหน้ากับอันตรายขึ้นมาสถานการณ์คงเลวร้ายไม่น้อย
แต่การบรรลุขั้นพลังขึ้นเป็ขั้นตงซวน และผ่านการเชื่อมต่อกันของแดน์และโลกมนุษย์ในครั้งนี้ เขากลับได้รับพลังวิเศษที่มีมาโดยกำเนิดถึงสองพลัง หนึ่งคือพลังวิเศษธรรมดาแต่ใช้งานได้จริง “การปลดปล่อยอัคคีศักดิ์สิทธิ์” และอีกสิ่งหนึ่งคือพลังวิเศษที่มีไว้โจมตี “อัสนีเทพไฟเปี้ย” มันคือพลังวิเศษในการโจมตีชนิดหนึ่งอันทรงพลัง แต่พลังในตอนนี้นับว่ายังอ่อนแอไม่น้อย หาก้าเพิ่มพลัง ย่อมต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนานเสียหน่อย
ในเวลานี้ลู่เหว่ยจุนและคนอื่นๆ ก็เดินเข้ามาหา หลังจากแสดงความยินดีด้วยแล้ว ลู่หงเซิ่งถึงยิ้มและพูดว่า “ลู่หงิเอ๋ย ลู่อวี่น้อยเป็คนช่วยชีวิตเ้ากลับคืนมา และเสียยาอายุวัฒนะหลีอวิ่นไปเม็ดหนึ่ง แม้แต่ตัวข้าเองยังรู้สึกเสียดายแทนเ้าไม่น้อย!”
“อะไรนะ? ยาอายุวัฒนะหลีอวิ่น? ข้ากินมันเข้าไปหรือ?” ลู่หงิะโขึ้นราวกับว่าถูกไฟลนก้น ทั้งยังแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ ยาอายุวัฒนะหลีอวิ่นมีค่ามหาศาลเพียงใดตัวเขารู้ดีกว่าใคร คิดไม่ถึงว่าลู่อวี่จะมียาช่วยชีวิตเช่นนี้อยู่จริงๆ และตอนนี้เขายังได้กินมันไปแล้วอีก นับว่าติดหนี้ชีวิตนายน้อยของตระกูลไม่น้อยเลยคราวนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาปวดใจยิ่งกว่านั้นคือ ยาอายุวัฒนะหลีอวิ่นรูปร่างหน้าตาเป็อย่างไรเขายังไม่เคยเห็นมันมาก่อน และสำหรับคนที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่แต่กับเื่ยาอายุวัฒนะเช่นเขาแล้ว นี่มันช่างเป็เื่ที่น่าเสียใจยิ่งนัก
ในขณะที่ลู่หงิกำลังจะพูดอะไรบางอย่างอยู่นั้น ลู่อวี่กลับหัวเราะและพูดออกมาว่า “มันก็แค่ยาอายุวัฒนะหลีอวิ่นเม็ดหนึ่งเท่านั้น ข้ายังมีเหลืออยู่อีกเม็ด เพียงแต่ยานี้วัตถุดิบค่อนข้างหายาก มิเช่นนั้นมันคงไม่ใช่ของสุดยอดอะไร!” จากนั้นเขาก็หยิบขวดหยกเล็กๆ ออกมาจากแหวนลับ แล้วโยนให้ลู่เหว่ยจุน แล้วพูดต่ออีกว่า “ท่านพ่อ ท่านรับไปเถอะขอรับ! อีกอย่างหนึ่ง ท่านช่วยเติมคลังยาให้ข้าได้หรือไม่เล่า ข้าไม่รู้จะหาวัตถุดิบจากที่ใดมาปรุงยาแล้ว และหากยังไม่มีวัตถุดิบยามาให้ข้าเพิ่มก็อย่าได้คิดมาเอายาอายุวัฒนะจากข้าอีก คราวหน้าคราวหลังหากมาขอให้ข้าปรุงยาอายุวัฒนะให้อีก เช่นนั้นก็ให้เอายาวิเศษมาแลกด้วย ข้าไม่ได้เปิดโรงทานเสียหน่อย!” พูดจบก็โบกมือแล้วหันหลังเดินจากไป
ลู่เหว่ยจุนที่กำลังดีใจถือขวดยาอยู่ในมือ พลันััได้ถึงความอิจฉาและริษยาของบรรดาผู้เฒ่า กลับยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อย แต่เมื่อลูกชายพูดขึ้นมาเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สะสมมานาน ในที่สุดก็ะเิออกเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจุดชนวนให้คิดโกรธ เขายิ้มและหันไปสบถด่าว่า “เ้าเด็กบ้า คิดต่อต้านข้าหรือ? วันนี้ดูข้าสิ…”
ในขณะที่กำลังจะหลุดปากพูดอะไรรุนแรงออกไปและอวดอำนาจมากไปกว่านี้ ในขณะที่กำลังหอบหายใจเตรียมก่นด่าลูกชาย คิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าทั้งสี่จะรีบวิ่งกรูออกมา ยกเว้นผู้เฒ่าใหญ่แห่งตระกูลลู่ที่นิสัยค่อนข้างจะสุขุม ส่วนผู้เฒ่าทั้งสี่ตรงหน้า มีสองคนคว้าเข้าที่แขนของเขาไว้ คนหนึ่งปิดปากไว้และคนสุดท้ายคือผู้เฒ่ารองที่เข้ามาขวางหน้าลู่เหว่ยจุนเอาไว้ แล้วพูดด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความจงเกลียดจงชังว่า “เ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ ลู่อวี่น้อยยังเด็กยิ่งนัก เ้ากล้าถือสาเขาหรือ?” จะว่าไปผู้เฒ่ารองก็พูดถูก “แม้แต่สตรีที่ฉลาดหลักแหลมและทำอาหารเก่งก็ไม่อาจทำอาหารได้หากไม่มีข้าว ในเมื่อไม่มียาแล้วเ้าจะให้เขาปรุงยาอายุวัฒนะมาให้เ้าได้อย่างไร เื่นี้เ้าทำไม่ถูก!”
ลู่เหว่ยจุน ถูกผู้เฒ่าสามลู่หงจีปิดปากแน่น ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ พูดแก้ตัวไม่ได้ ได้แต่จ้องมองมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่กลับไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้ผู้เฒ่ารองพูดวิพากษ์วิจารณ์อย่างออกรส เมื่อครู่นี้เขาเพียงอยากจะขู่ให้ลู่อวี่กลัวก็เท่านั้น ลูกชายของเขาถูกตามใจมาตลอด จนโตมากลายเป็เด็กจอมเสเพลอันดับหนึ่งในเทียนตูแล้ว เช่นนั้นแล้วจะลงมือตีลูกชายตัวเองได้อย่างไร?
ตาเฒ่าเ้าเล่ห์เหล่านี้คิดจะฉวยโอกาสเพื่อเอาใจลูกชายของเขา นี่พวกเขาไม่รู้จริงหรือว่าเขาเป็พ่อผู้ให้กำเนิดของลู่อวี่?
แม้ว่าผู้เฒ่าทั้งสี่จะถูกสงสัยว่ากำลังประจบสอพลอลู่อวี่ แต่ให้โทษพวกเขาก็คงไม่ได้ ไม่พูดถึงเื่อื่น แค่ลู่อวี่ปรุงยาอายุวัฒนะได้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเป็สมบัติล้ำค่าของตระกูลลู่แล้ว ต่อให้เขาจะเป็พ่อผู้ให้กำเนิด แต่หากเกิดทำให้เด็กหนุ่มโกรธขึ้นมา คนที่ต้องมารับกรรมก็คือพวกเขาเหล่านี้ เช่นนั้นแล้วจะยิ่งสูญเสียไม่น้อย
จนกระทั่งแผ่นหลังของลู่อวี่หายลับสายตาไปแล้ว ผู้เฒ่าทั้งสี่ถึงยอมปล่อยประมุขของตระกูลลู่ให้เป็อิสระ
อย่าว่าแต่ลู่เหว่ยจุนและผู้เฒ่าทั้งสี่ที่วิ่งวุ่น ลู่อวี่ที่ยุ่งมาทั้งวันก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อย กลับไปถึงที่พักแล้วก็ไม่ทำอะไร กลับล้มตัวนอนบนเตียงแล้วผล็อยหลับไปทันที
ลู่อวี่นอนหลับไปเช่นนั้นสองวันเต็ม เมื่อตื่นขึ้นมา ก็เป็่สายพระอาทิตย์ขึ้นกลางหัวของวันที่สามแล้ว ครั้งนี้รู้สึกสดชื่นไม่น้อย หน้าตาก็พลันแจ่มใสขึ้น รู้สึกผ่อนคลายและกระปรี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูก
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยได้นอนหลับเต็มอิ่มเช่นนี้สักครั้งนับั้แ่บรรลุขั้นพลังขึ้นมาในขั้นฟันฝ่าเมื่อชาติก่อน นอกจากปรุงยาก็ฝึกบำเพ็ญเพียร ยุ่งหัวหมุนจนะเิตนเองตาย ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าตัวเองโง่เขลามากจริงๆ ที่พลาดความงดงามอันนับไม่ถ้วนในชีวิตไป แม้แต่การนอนหลับที่ทำได้ตามอำเภอใจโดยไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด ไม่นึกเลยว่าจะทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เช่นนี้
ว่ากันว่าการฝึกบำเพ็ญเพียรนั้นมีไว้เพื่อความเป็ะ เพื่อเส้นทางอันยิ่งใหญ่ และเพื่ออิสรเสรีไร้ข้อผูกมัด เพียงแต่หลังจากเริ่มต้นเส้นทางแห่งการฝึกบำเพ็ญเพียรจริงๆ แล้ว ทุกสิ่งที่เห็นและได้ยินล้วนมาพร้อมกับแผนการและการนองเื เพื่อประโยชน์เพียงน้อยนิดก็ถึงกับกล้าฆ่าแกงกันและปล้นสะดมเอาทรัพย์สิน ทั้งยังกล้าทรยศต่อความไว้ใจของพวกพ้องได้ และกล้าทอดทิ้งภรรยาและลูกๆ ได้ เช่นนั้นแล้วจะเหมือนผู้บำเพ็ญเพียรที่มีศีลธรรมสูงส่งและมีอิสรเสรีเที่ยวเหนือล่องใต้ที่ใดกันเล่า?
ชีวิตนี้ได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เส้นทางสู่การฝึกบำเพ็ญเพียรที่เต็มไปด้วยขวากหนามและความลำบากลำบนยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ เช่นนั้นก็จงชักกระบี่ออกมาสังหารกันและทำให้ใต้หล้ายอมจำนน เข่นฆ่าศัตรูทั้งหมดที่เป็ขวากหนาม และละเลงเืแห่งความเกลียดชังให้ทั่วท้องทะเล เพื่อไม่ให้เจ็บแค้นและเสียใจภายหลัง!
ภายใน่เวลาอันสั้น ลู่อวี่พลันรู้สึกถึงพลังที่กล้าหาญอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนพวยพุ่งออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ยิ่งรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอย่างไม่เคยเป็มาก่อน พร้อมกับหอบหายใจถี่ขึ้นมาทันที
การเปลี่ยนแปลงของลมหายใจและสภาพจิตใจทำให้ลมปราณไหลเวียนตามไปด้วย พลังปราณในร่างกายสั่นไหวและพลุ่งพล่าน ไหลวนรวดเร็วไม่ขาดสายในเส้นลมปราณ เหมือนกับว่ามีสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นกำลังค่อยๆ พังทลายลง
เพียงพริบตาเดียว ในขณะที่ลู่อวี่ใจลอยคิดอะไรอยู่นั้น ทันใดนั้นเองก็ต้องรู้สึกใ คล้ายกับิญญาหลุดลอยออกจากร่างกายราวกับถูกดึงดูด ในภาวะมึนงงจิตสำนึกก็พร่าเลือน โดยไม่รู้ตัว รู้สึกเพียงว่าตนเองขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็หนึ่งเดียวกับสรวง์และโลกมนุษย์
ความลึกลับอันไม่มีที่สิ้นสุดของสรวง์และโลกมนุษย์ ดูเหมือนจะเปิดออกรับเขาในเวลานี้ ให้เขาได้หยิบขอได้ตามอำเภอใจ วิชาพลังวิเศษใดต่างก็บรรลุและเข้าใจในทันที แม้แต่คำถามมากมายที่มีอยู่ในความทรงจำของลู่อวี่เมื่อชาติก่อน ยังหาคำตอบได้ทีละคำตอบ ความรู้สึกเช่นนี้มันช่างโปร่งสบายและยากที่จะถอนตัวได้
แต่แล้วทันใดนั้นก็สะดุ้งใ ความรู้สึกนั้นพลันมลายหายไปทันที จากนั้นลู่อวี่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ไม่มีความเสียใจหรือผิดหวังใดปรากฏ มีเพียงััแห่งความสุขเล็กๆ มีประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากชาติที่แล้วอยู่ตรงนั้นและรู้ดีว่าการตระหนักรู้ขึ้นมาทันใดเช่นนี้ รวมถึงการที่สรวง์และโลกมนุษย์ที่รวมกันเป็หนึ่งนั้นได้มายากเย็นและน่าเหลือเชื่อเพียงใด ทุกอย่างเป็เพราะชะตาฟ้าลิขิตกำหนดไว้ จะอยู่ได้นานเพียงใดย่อมไม่มีกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม แต่ทุกครั้งที่ตระหนักรู้ มักจะนำมาซึ่งการบรรลุขั้นอย่างรวดเร็วในการบำเพ็ญเพียร
เดิมทีลู่อวี่ต้องใช้ยาอายุวัฒนะเพื่อฝืนบรรลุขั้นพลังยุทธ์จากขั้นหลอมร่างระดับสามข้ามไปเป็ขั้นเข้าสู่ประตูแห่งธรรมและขั้นประสานพลังปราณ จนบรรลุขั้นมาถึง่ต้นของขั้นพลังจิตเพราะระดับพลังยุทธ์ของเขาในชาติก่อนนั้นมีเพียงพอแล้ว ดังนั้นจึงไม่เป็อันตรายมากนัก แต่อันตรายไม่มากก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นแต่หลังจากการรู้แจ้งเห็นจริงในครั้งนี้แล้ว ข้อบกพร่องเล็กๆ ที่เกิดจากการฝืนข้ามขั้นพลังยุทธ์ก็ได้รับการบรรเทาแล้ว ระดับพลังยุทธ์จึงบรรลุขั้นมาจนถึง่ปลายของขั้นพลังจิต จนข้ามขั้นพลังเล็กๆ ขั้นหนึ่งมาได้ และหากบรรลุก้าวไปอีกขั้นหนึ่งก็ใกล้จะถึงขั้นฟันฝ่าแล้ว