Chapter 6
“แกะกินเองได้ใช่ไหม? ผมป้อนแล้วมันน่าจะแปลก ๆ” กรีนเดินออกมาพร้อมกับขนมแมวเลียเต็มกระปุก
“ว่าที่เ้านายมีแมวแล้วเหรอ!”
ของใครว่าที่เ้านายพี่กรีน!
“เปล่า ซื้อมาฝากแมวบ้านอื่น”
“แล้วไปนะ” แร็กดอลล์ตัวน้อยพูดขึ้นพร้อมกับแกะมุมซองของขนมแมวเลีย
“แล้วไปคืออะไร? หวง?”
“แมวที่ไหนก็หวงเ้านายกันทั้งนั้นแหละ!!”
“พูดเสียงเบา ๆ ครับ” กรีนเอ็ดขึ้นหลังจากที่คนข้าง ๆ กระแทกเสียงใส่เขา
“เราขอโทษครับ”
“ไม่เป็ไร แต่ว่าหวงไม่ได้นะรู้ไหมครับ? ผมยังไม่ได้เป็เ้านายเลยนะ”
“แต่เราจองแล้วนี่” คนตัวเล็กบ่นออกมาเบา ๆ
“ว่าไงนะครับ?”
“ไม่ได้พูดอะไรสักกะนิดนึง” กรีนยกยิ้มมุมปากเล็ก ๆ เขาได้ยิน ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยิน
“แล้วแต่ครับ”
ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แมวตัวน้อยก็นั่งกินขนมของตัวเองไป ส่วนกรีนก็นั่งมองเขาอีกที
“เล่าเื่บ้านนั้นให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?”
“ได้สิ ๆ แต่ว่าเรามีข้อแม้นะ”
“ข้อแม้อะไร?”
“เอาอันนี้อีก” คนตัวเล็กจิ้มไปที่กระปุกบนตักของกรีน
“55555 ได้อยู่แล้ว เธออยากได้กี่ซองครับ?”
“คือ เราขอ….” เ้าเหมียวพูดเสียงเบา
“อะไรนะ? ผมไม่ได้ยินเลย” กรีนโน้มตัวไปหาอีกคนเล็กน้อยเพื่อฟังอีกครั้ง
“เราขอทั้งกระปุก”
“เ้าเหมียว”
“ไม่ได้เหรอค้าบ? เรายืนสองขาได้นะ” โหมดอ้อนถูกเปิดใช้งาน
“อย่ามาเ้าเล่ห์ ตอนนี้เธอเป็มนุษย์นะ”
“2 ซองก็ได้” แมวน้อยทำหน้ามุ่ย ก่อนจะลดข้อตกลงลงไปเหลือแค่ 2 ซอง แต่สุดท้ายกรีนก็วางกระปุกบรรจุขนมแมวเลียทั้งหมดมาวางไว้บนตักของคนข้าง ๆ
ก็นี่มันแมวนี่นา
อ้อนขนาดนี้
จะให้ทนยังไงไหว
“ได้กินแล้วก็เล่ามา”
“ว่าที่เ้านายรู้จัก PB รายวันไหม?” แร็กดอลล์ตัวน้อยวางขนมลงและเริ่มถามคำถาม
“พวกสำนักพิมพ์ หนังสือพิมพ์อะไรแบบนี้หรือเปล่า?”
“ใช่ ๆ”
“ทำไมครับ?”
“แล้วรู้จักพอล บัตเลอร์ไหมครับ?”
“ก็เ้าของ PB ใช่ไหม? ถ้าผมจำไม่ผิด”
“ครับ ก็นั่นแหละ เ้าของเรา”
“ห้ะ?” กรีนถามออกมาด้วยความใ
“ใใช่ไหมล่ะ?”
“……” กรีนหันไปมองคนข้าง ๆ ตาค้าง แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา
“ขนาดว่าที่เ้านายยังรู้จักเขาเลย”
“เคยลองทำทุกอย่างเพื่อจะประจานเขาแล้วใช่ไหม?”
“เราไม่ได้ลองทำเองหรอก แต่แมวที่มาอยู่ก่อนหน้าเขาลองแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ได้แผลกลับมา”
“มันเกินไปแล้วนะ ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย”
“ก็ใช่น่ะซี่ แถมตอนอยู่บ้านนะ บ้านเละเทะมาก ต้องให้เรากับแมวตัวนั้นไปล้างจาน ซักผ้า ทำความสะอาดแทบทุกอย่างเลย จะดีกับเราแค่ตอนที่มีคนมาหาเท่านั้นแหละ เราอดข้าวตั้งหลายมื้อ”
เ้าแมวตัวน้อยหน้าบูดทันทีเมื่อพูดถึงเื่ข้าว กรีนเองก็ขมวดคิ้วตลอดเวลาที่คนข้าง ๆ เขาเล่า คนที่มีชื่อเสียงคนนี้ซ่อนด้านเลว ๆ ถึงขนาดนี้ไว้มิดชิดได้ยังไงกัน ถึงขนาดไม่ให้อาหารกับแมวของตัวเองมันเกินไปมาก ๆ เขายิ่งฟังยิ่งโกรธ กลับกัน ตัวเขาเองที่ซื้อทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมด กลับไม่มีโอกาสได้เลี้ยงเอง
โชคชะตานี่มันก็ตลกดีจัง
“แล้วทุกวันนี้ล่ะ กินข้าวที่ไหน?”
“เราไปอ้อน ๆ คนที่สวนสาธารณะมา คุณเพิร์ธที่อยู่บ้านหลังโน้นเอ็นดูเราตั้งหลายรอบแหนะ”
“รู้จักคุณเพิร์ธด้วยเหรอ?” กรีนถามพร้อมกับหันไปมองแมวน้อยข้างกาย
“รู้นะ ๆ คือคุณเพิร์ธรู้แล้วแหละว่าเราเป็ครึ่งทาง แต่ยังใจดีกับเราอยู่ ให้เราแอบไปกินข้าวที่บ้านด้วย"
“ไปไหนมาไหนก็ระวังตัวนะรู้ไหม?” พอได้ยินเ้าแมวตัวน้อยก็เงยหน้าขึ้นมองว่าที่เ้านายของเขาและยิ้มกว้างออกมาทันที
“ว่าที่เ้านายเป็ห่วงเราเหรอ?”
“ผมก็ห่วงแมวทุกตัวนั่นแหละ” รอยยิ้มกว้าง ๆ ค่อยหุบลง
“ใจร้าย”
“ใจร้ายอะไรของเธอ นี่ เลิกกินได้แล้วขนมน่ะ”
“ยังไม่อิ่มเลยนะว่าที่เ้านาย” เขาพูดไปมองซองขนมไป
“เธอกินข้าวเย็นหรือยัง?”
“ยังนะ”
เป็อีกครั้งที่กรีนลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าไปในบ้าน เขาหยิบอาหารแมวเทใส่ถ้วยอาหารขนาดกลาง แวะไปหยิบช้อนในครัวมาวางลงในถ้วยให้ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเวลาอยู่ในร่างมนุษย์ ครึ่งทางเขากินข้าวกันแบบไหน
“ปกติใช้ช้อนกินไหม?”
“พี่ที่ศูนย์สอนเราใช้นะ จะได้ตักกินตอนไม่ได้เป็แมว” คนตัวเล็กพูดจบ กรีนก็ยื่นถ้วยอาหารพร้อมช้อนให้ เ้าเหมียวกลับมายิ้มกว้างอีกครั้ง
“พูดถึงศูนย์ เธอกลับไปแจ้งศูนย์ดูแลได้ไหม? เื่เ้าของ”
“อยากรอพร้อมรูปเยอะ ๆ มากกว่านี้ก่อนนี่สิ เราอยากไปตู้มให้ดังไปทั่วเมืองว่าคนนี้นิสัยไม่ดี ถ้าไปเริ่มแบบเปิดคนอื่นรู้เร็ว ๆ มันจะล่ม ๆ ไปเลยนะ”
“ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกับภาษาที่คนตัวเล็กใช้
“เราพูดงงเหรอ?”
“คำที่เธอใช้มันแปลก ๆ”
“อ๋อ555555 ขอโทษน้าว่าที่เ้านาย คำยาก ๆ บางคำถ้าเราไม่แน่ใจก็ไม่ใช้”
“ลองพูดใหม่ได้ไหม?”
“คือว่าแบบนี้นะ เราอยากมีรูปเยอะ ๆ มีวิดีโอว่าคนนี้ไม่ดีจริง ๆ”
“หมายถึงหลักฐานเหรอครับ?”
“ใช่ ๆ แล้วนี้ก็ค่อยบอกคนอื่นแบบที่เรามีอะไรพร้อมทุกอย่างแล้ว เขาจะได้เชื่อเรา”
“โอเค เข้าใจแล้ว ถ้าทำแบบเปิดเผยกลัวมันจะไหวตัวทันใช่ไหม?”
“ใช่ ๆ ๆ ๆ แบบนั้นเลย!” แร็กดอลล์ตัวน้อยพยักหน้ารัว ๆ
“มาเล่าให้ฟังนี่ไม่กลัวผมเป็คนของพวกนั้นเหรอ?”
“ว่าที่เ้านาย” เขาเรียกคนข้าง ๆ เสียงอ่อน
“เปล่าหรอก”
“เราไม่เล่นนะ!”
“ไม่เล่นครับ ๆ ขอโทษนะ ลืมไปว่าเธอจะกลัว”
แมวตัวน้อยก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่สนใจเขา
“โกรธหรือเปล่า?”
“นี่”
“ว่าที่เ้านาย!” แร็กดอลล์โวยวายขึ้นเสียงดัง หลังจากที่กรีนแกล้งดึงช้อนออกมา
“ฮัดชิ่ว!” ตามมาด้วยเสียงจามดัง ๆ ของกรีน เหตุผลก็เพราะเ้าแมวน้อยตัวข้าง ๆ หางโผล่ออกมา
“แมวซวยแล้วเนี่ย!” แมวตัวน้อยรีบวางถ้วยข้าวลงและทำท่าจะวิ่งออกไป
“จะไปไหน?”
“ไปห่าง ๆ ไง เดี๋ยวว่าที่เ้านายผิวแดง ๆ นะ” เขาถึงกับขำให้ความลุกลี้ลุกลนของคนข้าง ๆ
“ไม่เป็ไรครับ นั่งลงก่อน ผมผิดเอง”
กรีนดึงแขนให้อีกคนนั่งลงช้า ๆ และจามออกมาอีกครั้ง พอแร็กดอลล์ตัวน้อยนั่งลงถึงพื้นก็ค่อย ๆ ลูบที่หัวสลับกับลูบหลังช้า ๆ หวังให้คนข้าง ๆ เขาใจเย็นลง
“ขอโทษนะครับ ขอโทษที่ทำให้ใแบบนั้น” ท่าทางของกรีนราวกับภาพทับซ้อนของเคธ คนที่คอยดูแลเธอไม่ห่างตอนที่อยู่ที่ศูนย์ดูแล แบบนั้นมันก็ทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“เห้ย ๆ ร้องไห้ทำไม? ใขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เปล่า เราแค่ ฮึก คิดถึงคนในศูนย์เฉย ๆ เราอยากกลับศูนย์ เราอยากถูกเลี้ยงดี ๆ เหมือนตอนที่อยู่ในนั้น ตอนที่เดินไปไหนก็มีแต่คนมาลูบหัวเรา ฮึก เราคิดถึงอะไรแบบนั้น”
“ชู่ว ใจเย็นนะครับ ค่อย ๆ หายใจ เดี๋ยวเหนื่อยกว่าเดิมนะ เธอเก่งแล้ว ไม่เป็ไร ๆ” คำปลอบโยนถูกส่งไปพร้อมกับมือที่ลูบหลังคนข้าง ๆ ไม่พัก
“ว่าที่เ้านาย ฮึก”
“ครับ ว่าไง?”
“เลี้ยงเราได้ไหม?”
กรีนที่ได้ยินคำถามถึงกับชะงัก ใช่ เขาเอ็นดูเ้าแมวน้อยเอามาก ๆ อยากจะเลี้ยงมันสุดใจของเขาเลย ทุนเขาพร้อม ใจเขาก็พร้อม แต่ร่างกายของเขามันยังไม่พร้อมจริง ๆ เขาไม่กล้าพูดกับคนข้าง ๆ เขาไปตรง ๆ ยิ่งเื่ที่เ้าแมวน้อยตัวนี้ระบายออกมาเมื่อสักครู่ ยิ่งทำให้เขาหนักใจขึ้นไปอีก ทางแร็กดอลล์พอเห็นกรีนไม่ตอบก็พอจะเข้าใจ จริง ๆ เขาพอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังอยากที่จะถามออกไปอยู่ดี
“ขอโทษนะครับ” กรีนพูดออกมาเบา ๆ ในขณะที่ก้มหน้ามองพื้น
“เราไม่เป็ไร เรายังไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้คุณเลย เราเข้าใจถ้าคุณจะไม่เลี้ยง”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ความจริงเธอไม่ต้องทำประโยชน์อะไรเลย แค่มีแมวแบบเธอมาวิ่งเล่นในบ้านของผม ผมก็จะมีความสุขมาก ๆ แล้ว แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจริง ๆ”
“เราเข้าใจมาก ๆ” แมวน้อยเช็ดน้ำตาออกแบบลวก
เห้อ
ว่าจะไม่ร้องไห้แล้วไง
ถ้าเขาไม่ชอบน้ำตาจะทำยังไง
“คิดไว้หรือเปล่าว่าถ้าเป็แบบนี้จะทำยังไง?”
“ไม่ได้คิดเลย เราแค่…..”
“หื้ม?”
“เราคิดมาแค่ว่าอยากให้คุณเลี้ยงเรา”
“ไม่เอาแบบนี้สิครับ ผมยังเลี้ยงไม่ได้จริง ๆ” ทั้งคู่ต่างก็เงียบใส่กันไป ต่างคนต่างเข้าใจความรู้สึกของกันและกันดี แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของใครได้เลย
“ว่าที่เ้านายพี่กรีน”
“ครับ”
“คือตอนนี้ยังไม่พร้อม แต่คิดจะเลี้ยงแมวอยู่ใช่ไหมครับ?”
“คิดไว้นานแล้ว”
“แล้วถ้าวันไหนพร้อมแล้ว กลับมารับเราไปเลี้ยงได้ไหม?”
“มันก็ได้ ถ้าเธอไม่ได้มีเ้านายอยู่แล้ว”
“งั้นถ้าวันไหนไม่ฮัดชิ่วแล้วกลับมารับเรานะ”
“ไม่สัญญานะครับ ถึงตอนนั้นเธออาจจะมีเ้านายใหม่ที่เธอรักเขามาก ๆ ก็ได้ อย่ายึดติดกับผมเลยนะ”
“ไม่เอา” แมวน้อยซุกหน้าลงที่เข่าที่ตั้งชันขึ้นมาของตัวเอง
“ไม่ดื้อนะครับคนเก่ง”
“ถามได้ไหมว่าเธอชื่ออะไร?”
“เราไม่มี”
“บัตเลอร์ไม่ได้ตั้งให้เหรอครับ?”
“ตั้งให้ แต่เราไม่ชอบ เราจะไม่ใช้”
“โอเค ๆ แล้วแต่เธอนะ”
“ตั้งให้เราได้ไหม?”
“ยังไม่ได้ครับ ผมไม่ใช่เ้าของ” แมวน้อยหน้าบูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้ยินคำตอบ เขาน้อยใจตามประสาแมวที่โดนขัดใจซ้ำ ๆ แต่กำลังพยายามจะเข้าใจกรีนให้ได้มากที่สุด เพราะเหตุผลทุกอย่างของกรีนมันถูกต้องหมดแล้ว
“เอาเป็ว่าวันนี้พักก่อนนะ นอนที่นี่ก็ได้ แต่ผมคงให้ขึ้นบ้านไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม?”
“เราเข้าใจ”
“ผมจะเอาที่นอนนุ่ม ๆ ไปวางไว้ให้ในห้องที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนแรกนะ กลายร่างกลับไปพักผ่อนได้แล้ว ตื่นมาจะได้ไม่เหนื่อย โอเคไหม?”
“โอเคมาก ๆ ขอบคุณน้าว่าที่เ้า- คุณกรีน” แร็กดอลล์ตัวน้อยเรียกด้วยความเคยชินก่อนจะเปลี่ยนสรรพนามไป
“อยากเรียกแบบไหนก็เรียก ผมไม่ถือ”
แร็กดอลล์ตัวน้อยพยักหน้ารับช้า ๆ ที่เขาเปลี่ยนสรรพนามไม่ใช่แค่กลัวกรีนไม่ชอบใจหรอก อีกเหตุผลหนึ่งคือเขาไม่อยากจะทำให้ตัวเองเข้าใจผิดไปเรื่อย ๆ ว่าเขาจะได้คนตรงหน้านี้เป็เ้านาย ในใจเขาหวังอยู่เสมอ แต่ถ้ามองความเป็จริงเขาจะทำยังไงกันล่ะ เขารู้ว่ากว่าจะหายจากอาการแพ้ขนสัตว์มันต้องใช้เวลานานมาก กว่ากรีนจะหาย กว่าเขาจะหลุดพ้นจากบัตเลอร์ ซึ่งเขาก็แทบจะมองไม่เห็นทาง ลำพังตัวเขาเองคงไม่มีแรง ไม่มีกำลังจะจัดการเื่พวกนี้แบบตัวคนเดียวหรอก เขาไม่ได้เก่งขนาดนั้น
สิ่งเดียวที่เขามีคือความมั่นใจในตัวเอง
แต่เหมือนว่าตอนนี้มันกำลังถูกทำลายลงไปทีละนิด
กรีนจัดการยกเบาะนอนสำหรับแมวมาไว้ที่ห้องเล็ก ๆ ข้างบ้าน ห้องนี้เป็ห้องที่เขาเอาไว้เก็บจักรยานเท่านั้นเอง แทบจะไม่ได้ใช้งานอะไร ฝุ่นเกาะเยอะเอามาก ๆ พอเห็นดังนั้นกรีนก็กลับไปในบ้านเพื่อเอาเครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กมาจัดการดูดฝุ่นออกให้เรียบร้อย ยกพัดลมตัวเล็กมาไว้ให้ และถือต้นข้าวสาลีที่เขาเพิ่งปลูกไปมาวางไว้ในห้อง
“ปกติตื่นเช้าไหมครับ?” กรีนถามขึ้นมา
“ปกติสาย ๆ นะ แต่่นี้ตื่นเช้ามาก ๆ เพราะเราระแวงคนเจอ”
“งั้นวันนี้นอนจนสายเลยก็ได้ เอาเท่าที่เธอตื่นมาแล้วสดชื่น ก่อนออกไปทำงานผมจะเทอาหารกับเติมน้ำไว้ให้ที่หน้าบ้านนะ ตื่นแล้วก็มากิน เข้าใจไหม?”
“ไว้ใจเราเหรอ?” แร็กดอลล์ตัวน้อยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมกรีนถึงยอมให้เขามานั่งในบ้านตั้งเป็ชั่วโมง เอาเสื้อผ้าให้ใส่ ให้ที่นอน แถมยังจะเทอาหารไว้ให้ด้วย
“หวังว่าผมจะคิดถูกแล้วกัน ห้ามขโมยของนะ”
“เราไม่ขโมยอะไรเลยนะ แต่วางขนมไว้เยอะ ๆ”
“เอาไปทั้งกระปุกแล้วตัวเล็ก กินเยอะ”
“เรารักขนมแมวเลียเยอะ ๆ เท่าชามข้าว 20 อัน” กรีนยิ้มออกมาหลังจากได้ยินคำตอบ
“กินข้าวให้เยอะ ๆ ด้วย จะได้ได้สารอาหารครบ ๆ เข้าใจไหมครับ?”
“เราเชื่อฟังคุณอันดับ 1”
“เก่งมาก” กรีนยกมือขึ้นลูบหัวคนตรงหน้าเบา ๆ
“ชอบเวลาคุยกับคุณจัง”
“ทำไม?”
“เราเก่งเยอะมาก ๆ คุณชมตลอด”
“ก็เธอเก่ง อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่งนะ โอเคไหม? แค่ใช้ชีวิตมาได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว” แร็กดอลล์ตัวน้อยยิ้มออกมากว้าง ๆ พร้อมกับพยักหน้ารัว ๆ
“เราขอบคุณน้า”
“ครับ ผมจะเข้าบ้านแล้ว เธอก็นอนได้แล้ว”
“ว่าที่เ้านายนอนหลับสนิท ๆ นะ”
“เธอก็ด้วย นอนหลับสนิท ๆ” กรีนลูบหัวคนตรงหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันหลังเพื่อเดินออกไปจากห้อง แต่ก่อนจะได้ก้าวพ้นห้องแร็กดอลล์ตัวน้อยกลับดึงปลายเสื้อของกรีนไว้เสียก่อน
“ว่าไงครับ?” กรีนหันกลับมาถาม
“คือ…”
“หื้ม? พูดมาเลย”
“เกาคางให้เราได้ไหม?” แร็กดอลล์ช้อนตาขึ้นมองมนุษย์ตรงหน้าที่สูงกว่าเขาเกือบ ๆ 10 เิเ
“ตอนเป็คนเนี่ยเหรอ?”
“งั้น ๆ ๆ เราจะเป็แมว” เมื่อเห็นแมวตัวน้อยกำลังจะหันหลังกลับไปที่เบาะนอนเขาก็รีบดึงแขนเล็กไว้
“ไม่ได้สิ ผมจะฮัดชิ่วนะ”
“อ้าว” เขาลืมเื่นี้ไปสนิทพอจะถูกเกาคาง หน้าใสมุ่ยลงทันตาเห็น
“ไม่เป็ไร ร่างนี้ก็ร่างนี้”
“ขอบคุณนะ!”
“เธอจะรู้สึกเหมือนกับตอนเป็แมวหรือเปล่า?”
“เหมือนนะว่าที่เ้านาย เกา ๆ ๆ ๆ”
จากนั้นกรีนก็ยกมือขึ้นลูบที่คางของคนตรงหน้าเบา ๆ จากลูบก็เปลี่ยนค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้ววนสลับกันไปเรื่อย ๆ ด้านคนโดนเอาใจก็หลับตาพริ้มพร้อมกับยิ้มออกมาแบบห้ามไม่ได้ เกาไปได้สักพักพอกรีนทำท่าจะเอามือลง มือเล็กยกขึ้นมาจับแขนกรีนโดยอัตโนมัติ
“อื้อ เอาอีก”
เป็กรีนที่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาเองก็เพิ่งจะเคยได้เห็นความน่ารักของแมวเต็ม ๆ ตาก็วันนี้ พูดกันตามตรงเ้าเหมียวตรงหน้าในร่างมนุษย์หน้าตาน่ารักเอามาก ๆ เลยล่ะ เขายังใในคราแรกที่เห็น
แร็กดอลล์ตัวน้อยที่พอโดนเอาใจก็รู้สึก้ามันมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจับข้อมือของกรีนไว้แล้วซบข้างแก้มลงไปนาบกับฝ่ามือของอีกคน ถูไถไปมาอยู่แบบนั้น กรีนเองก็ปล่อยให้เขาทำเรื่อย ๆ ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด
“ฮัดชิ่ว!” กรีนจามออกมาแรง ๆ และมองหาสาเหตุ
“เหมียวครับ หางเธอโผล่อีกแล้ว”
“ฮือ ทำไมทำแบบนี้กับเรา กำลังเคลิ้มเลยนะ!” เ้าของหางหันไปทะเลาะกับปลายขนสีเข้มที่โผล่ออกมา
“พอแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว ผมก็จะไปแล้วครับ”
“ก็ได้” คนพูดเบะปากเล็ก ๆ
“ไปนะ”
“ค้าบ” กรีนเดินพ้นประตูห้องออกมาและปิดมันให้สนิทก่อนเดินเข้าบ้านไป
กรีนล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ปากสวยฉีกยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันมีทั้งเื่ที่น่าโมโหที่มีครอบครัวนึงปฏิบัติต่อคนที่เรียกได้ว่าเป็สมาชิกครอบครัวแบบนั้น แล้วก็มีรอยยิ้มกับการกระทำที่แสนน่ารักของครึ่งทางที่กำลังนอนอยู่ที่ห้องเล็ก ๆ ในบ้านเขาตอนนี้
เชื่อเถอะว่าตอนนี้เขาได้หลงครึ่งทางตัวนี้เป็ที่เรียบร้อยแล้ว ความกังวลที่เขาสะสมมาตลอดหลายอาทิตย์แทบจะหมดไปเพราะเขาได้ให้อาหารแมวกับมือ เขาก็ไม่รู้ว่าเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าครึ่งทางตัวนี้ไม่ได้ประสงค์ร้ายอะไร เอาเข้าจริงก็งงกับสัญชาตญาณของตัวเองเหมือนกัน ั้แ่ที่พบเจอกับแมวตัวนี้แล้วรู้สึกแปลก ๆ ครั้งนี้ยังให้เข้ามานั่งในบ้านอยู่ตั้งนาน แต่มันคุ้มสำหรับเขาแล้วล่ะ
อีกใจหนึ่งเขาก็อยากจะขัดใจเ้าแมวน้อยให้รู้แล้วรู้รอด เพราะเขาไม่อยากให้อีกคนมาติดเขามากจนเกินไป เพราะตอนนี้เขายังไม่ได้เริ่มทำภูมิคุ้มกันบำบัด อยู่ด้วยกันคงจะลำบากเอามาก ๆ ทั้งเขาและแมวของเขา ถ้าไม่ใช่ร่างมนุษย์ก็ต้องแยกกันอยู่ แบบนั้นจะยิ่งทำให้แมวรู้สึกแย่หรือรู้สึกถูกละเลยไปเปล่า ๆ อย่างที่คิดไว้ว่าใจเขาพร้อม เงินสำหรับเลี้ยงดูเขาก็พร้อม จะเหลือก็แต่เื่ร่างกายนี่แหละ ถามว่าสามารถไปรับการบำบัดเลยได้ไหม ได้ แต่เขาต้องแบ่งเงินส่วนอื่น ๆ ที่แยกไว้มาใช้ตรงส่วนนี้ เพราะค่ารักษามันแพงเอามาก ๆ แต่ถ้าแบ่งมา บางเื่ที่เขาวางไว้ก็คงสะดุด
เห้อ
ยากจังวะ
อยากเอามาเลี้ยงให้รู้แล้วรู้รอด
วันถัดมา
ร้านเครื่องหอม Your Cart
กรีนมาทำงานด้วยความสดใสผิดปกติจนเกรซต้องทัก ก่อนออกมาเขาไปเทอาหารแมวกับน้ำให้เ้าแร็กดอลล์ตัวน้อยเรียบร้อยแล้ว มันเป็กิจวัตรประจำวันที่เขาอยากจะทำมาโดยตลอด นึกย้อนกลับไปถึงตอนที่เทข้าวไว้ให้แมวก็ทำให้กรีนยิ้มได้ตลอดทั้งวันแล้ว
“วันนี้กรีนมันป่วยเหรอ?” เวย์ที่เพิ่งมาถึงร้านถามเกรซขึ้นเมื่อเห็นอาการที่แปลกไปของเพื่อนสนิท
“นั่นสิ เกรซว่าวันนี้พี่กรีนแปลกอะ หรือว่า พี่กรีนกำลังมีความรัก!”
“มันเนี่ยนะ”
“ั้แ่มาพี่กรีนยังยิ้มไม่หยุดเลยพี่เวย์ กลัวนะเนี่ย”
เวย์และเกรซที่ลอบมองกรีนต่างก็ทำหน้าสงสัยใส่กัน
“กรีน มึงไหวป้ะเนี่ย?”
“อะไรวะ” กรีนถามออกมายิ้ม ๆ
“เนี่ย ยิ้มเหี้ยไรอ่ะ มันแปลกไอ้เวร”
“55555555”
“ยิ้มไม่พอ มึงยังขำอีก”
“เอาหน่า รู้แค่กูเจอเื่ดี ๆ มาก็พอ” พูดจบเขาก็ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
กรีนย้ายตัวเองมาที่ห้องทำงาน ย้ายกระถางดอกคาโมมายล์มาไว้ใกล้ ๆ โต๊ะ แล้วเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่เคยทำเครื่องหอมอะไรที่มีกลิ่นหลักเป็ดอกคาโมมายล์เลย เขาย้ำคิดว่าตัวเองพลาดกลิ่นนี้ไปได้ยังไง คาโมมายล์ไม่ใช่แค่คนที่จะรู้สึกผ่อนคลายเวลาได้กลิ่น แต่รวมถึงแมวด้วย ในเมืองที่มีแมวมากมายขนาดนี้ ถ้าเขาใส่กลิ่นที่มีความสดชื่นเข้าไปแทบจะทั้งหมด น่าจะช่วยให้หลาย ๆ บ้านบรรยากาศดีมากขึ้น
“เกรซ!” กรีนะโเรียกเกรซขึ้นมาเสียงดัง ทางเกรซพอได้ยินก็รีบวิ่งเข้ามาหาเ้านายเขาทันที
“ว่าไงคะพี่กรีน? เกรซใหมด”
“มารับงานครับ ค่าจ้างแยกจากเงินเดือน”
“คะ?” เกรซขานรับงง ๆ
“ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้พี่หน่อย ขอแบบสดชื่น ๆ”
“พี่บอกส่วนผสมเกรซมาเลย จะได้คิดให้เหมาะกับกลิ่น” มือเล็กยกขึ้นเตรียมจดมันใส่กระดาษ
“ดอกคาโมมายล์ ต้นข้าวสาลีอ่อน เปปเปอร์มินต์ แล้วก็ต้นไผ่เงิน”
“เทียนหอมเหรอพี่กรีน?”
“ใช่ครับ”
“ว่าแต่พี่กรีนมีชื่อกลิ่นแล้วเหรอคะ? หรือว่าให้เกรซเว้นว่างไว้ก่อน”
“มีแล้วครับ กลิ่น Coming back HOME”
เกรซก็ไม่รู้ว่าจู่ ๆ กรีนไปได้แรงบันดาลใจจากที่ไหนมา แต่ในเมื่อเ้านายพูดมันด้วยรอยยิ้มที่กว้างขนาดนี้ เกรซก็จะเต็มที่กับมันเหมือนกับทุกครั้งแน่นอน