“เ้า เ้า...” พลทองตัวสั่นสะท้าน เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมา และอยากพูดบางอย่าง ทว่ากลับทำไม่สำเร็จ จู่ ๆ ร่างเขาก็ล้มลงไปกับพื้น บรรยากาศพลันเงียบกริบ ทุกคนต่างตาเบิกโพลงพร้อมหายใจถี่
“สามกระบวนท่าจริง ๆ ด้วย เย่เฟิงก็ฆ่าพลทองได้แล้ว กระบวนท่าสุดท้ายของเขาคือเคล็ดวิชาอะไรกัน? เหตุใดจึงแข็งแกร่งเพียงนี้ เกราะทองคำคุ้มกายของพลทองถือได้ว่าทรงพลังอย่างยิ่ง แต่กลับต้านทานกระบวนท่าสุดท้ายของเย่เฟิงไม่ได้ ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!” พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทำลายความเงียบจนหมดสิ้น นาทีนี้ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับกระบวนท่าสุดท้ายของเย่เฟิง และคาดเดากันว่ามันคือเคล็ดวิชาอะไร
ในความเป็จริงไม่มีผู้ใดมองออกว่ากระบวนท่าสุดท้ายนั้นเย่เฟิงไม่ได้ใช้ทักษะเคล็ดวิชา แต่เป็อำนาจหอกขั้นกายา เมื่อใช้อำนาจหอกขั้นกายาจะทรงพลังกว่าทักษะเคล็ดวิชาทั่วไปหลายเท่าตัว ในอาณาจักรจ้าวยังไม่มีผู้ใดสำเร็จอำนาจขั้นกายา พวกเขาก็ย่อมมองความน่ามหัศจรรย์ของดัชนีที่เย่เฟิงใช้ไม่ได้
“นี่น่ะหรือสี่มหาพลแห่งอาณาจักรเว่ย อ่อนหัดไร้ค่าถึงเพียงนี้ ยังกล้าเรียกว่ามหาพล ช่างไร้ยางอายเสียจริง!” เย่เฟิงเย้ยหยันขณะมองเว่ยฉีเทียน
“ฆ่าคนของอาณาจักรเว่ย เ้าต้องตาย!” เว่ยฉีเทียนกล่าวพร้อมดวงตาเผยประกายเย็นเยือกและไอสังหารปะทุออกจากร่าง
จ้าวหยาง เซิ่งอ๋อง และคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต่างเผยสีหน้าไม่สู้ดี พวกเขารู้ว่าเย่เฟิงจะต้องเตรียมตัวมาอย่างดีจึงกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานในวังหลวง ไม่แน่ว่ากงซุนเชียนอาจจะซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ ซึ่งพลังขั้นยุทธ์เทวะของกงซุนเชียนมีพลังสยบที่ร้ายแรง แม้จะเป็จ้าวหยางหรือเซิ่งอ๋อง ก็จำต้องคำนึงถึงกงซุนเชียนที่อยู่เื้ัเย่เฟิง
หากตอนนี้พวกเขาช่วยเว่ยฉีเทียนจัดการเย่เฟิง กงซุนเชียนต้องพิโรธเป็แน่ เวลานั้นความหายนะจะมาสู่พวกเขา พวกเขาหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้น และพวกเขาไม่ใช่คนโง่เขลาที่จะคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจะเกรงกลัวราชวงศ์จ้าว โดยเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะที่อยู่ตัวคนเดียวก็ยิ่งล่วงเกินไม่ได้ หากไปล่วงเกินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะเข้า ราชวงศ์จ้าวได้เจอกับภัยพิบัติอันใหญ่หลวงแน่นอน
หากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ้าฆ่าใครสักคนก็ย่อมไม่มีผู้ใดขัดขวางได้ ซึ่งลือกันว่าทางราชวงศ์ก็มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะปกครองเช่นกัน ระดับเ่าั้มีช่องว่างของพลังที่ละเอียดอ่อน การเอาชนะอีกฝ่ายอาจเป็ไปได้ แต่หาก้าสังหารนั่นแทบเป็ไปไม่ได้เลย ดังนั้นแม้จะเป็ราชวงศ์จ้าว ก็ไม่ยินดีที่จะไปล่วงเกินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ
หลังจากเย่เฟิงมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะอย่างกงซุนเชียนคอยคุ้มครองอยู่เื้ั ทำให้จ้าวหยางและเซิ่งอ๋องต้องคำนึงถึงหลายเื่ ๆ ในการจะจัดการเย่เฟิง
“อะไรกัน คนของอาณาจักรเว่ยเ้าเป็ฝ่ายลงมือก่อน พอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เ้าก็คิดจะฆ่าข้างั้นหรือ? องค์ชายแห่งอาณาจักรเว่ยช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก!” เย่เฟิงกล่าวขณะมองเว่ยฉีเทียนด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก
“รนหาที่ตาย!” เว่ยฉีเทียนยังไม่ทันเอ่ยสิ่งใด จู่ ๆ ก็มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 ทางฝั่งอาณาจักรเว่ยเคลื่อนไหวทันที จากนั้นเห็นเขาก้าวออกมาพร้อมะเิพลังปราณ พลันเงาร่างกลายเป็เสี้ยวเงา ก่อนจะมาเยือนเบื้องหน้าเย่เฟิงในพริบตา พร้อมกับวาดฝ่ามือทำลายล้างเข้าโจมตีเย่เฟิง หมายสังหารเย่เฟิงให้ตายคาที่
ทว่าเย่เฟิงยังคงยิ้มอย่างเย็นเยือก พร้อมเอาสองมือไพล่หลัง ยืนนิ่งไม่ไหวติง และยังคงเฉยชาไม่แยแสต่อสิ่งใด
“วูบ!” ในขณะเดียวกัน เมื่อฝ่ามือของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 คนนั้นใกล้ถึงตัวเย่เฟิง ทางฝั่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน ก่อนจะมีเงาร่างหนึ่งกะพริบร่างมาทางนี้ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ จากนั้นเขาวาดฝ่ามือที่เปล่งแสงสีม่วงโชติ่เข้าปะทะกับฝ่ามือของผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรเว่ย ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น คลื่นพลังแพร่กระจาย ผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรเว่ยคนนั้นถูกซัดกระเด็นและลมปราณแตกซ่านเล็กน้อย
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นถูกซัดกระเด็นด้วยการโจมตีเดียว เขารู้สึกรับไม่ได้จึงวาดฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างเข้าจู่โจมเย่เฟิงอีกครั้ง
“แกว่งเท้าหาเสี้ยน!” ขณะเดียวกันผู้คนได้ยินเสียงแผดะโ จากนั้นมีแถบผ้าสีม่วงมากมายถูกปลดปล่อย ก่อนจะกลายเป็กรงขังสีม่วงและกักขังฝ่ามือของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นไว้ในนั้น ทำให้เขาเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
“ฟึ่บ!” ส่วนแถบผ้าสีม่วงที่เหลือเข้าพันธนาการร่างผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 คนนั้นอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นตะลึงงัน เขาอยากหลุดพ้น แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ เขารู้สึกกดดันอย่างฉับพลันเนื่องจากแถบผ้าสีม่วงพวกนั้นเริ่มบีบรัดร่างกายของเขา
“อ้าก!” ท้ายที่สุดผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็ทนไม่ไหว จึงส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเ็ป พร้อมมีเืออกตามิัจากการถูกแถบผ้าสีม่วงบีบรัด
“กร๊อบ!” เสียงกระดูกแตกหักดังลั่น ภายใต้การบีบรัดของแถบผ้าสีม่วงพวกนั้น ทำกระดูกของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นแตกหักไปไม่รู้กี่จุด เสียงกรีดร้องก็ยิ่งรุนแรงจนกระทั่งหมดสติไป
“หากใครกล้าแตะต้องเย่เฟิง ข้าจะฆ่ามันผู้นั้นให้สิ้นซาก!” กงซุนหลิงเอ๋อร์กล่าวเสียงเย็น จากนั้นเห็นนางตัวสั่นสะท้าน ก่อนจะเตะร่างผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 คนนั้นออกไป
“แม่นางน้อยคนนี้มีฝีมือร้ายกาจมาก เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่เคยได้ยินการมีอยู่ของนาง?” ผู้คนพึมพำพลางกะพริบตาปริบ ๆ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้จักกงซุนหลิงเอ๋อร์ แต่มีคนส่วนน้อยที่รู้จักนางจากศึกระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์กับผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
“หญิงผู้นี้อีกแล้ว บัดซบจริง ๆ !” จ้าวหยางตาเผยประกายคมกริบ ความประทับใจที่เขามีต่อกงซุนหลิงเอ๋อร์ค่อนข้างลึกซึ้งทีเดียว ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของกงซุนหลิงเอ๋อร์และเย่เฟิง ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์ของเขาคงเอาชนะฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนได้อย่างราบรื่น
“พวกเ้าไปจัดการให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าไม่เชื่อว่าวันนี้เขาจะไม่ตาย!”
เมื่อลูกน้องถูกกำจัด ทำให้เว่ยฉีเทียนะเิโทสะ เขาเป็ถึงองค์ชายแห่งอาณาจักรเว่ย ผู้คนต่างให้ความเคารพนับถือ มีหรือจะมีผู้ใดกล้าดูิ่เขา ในใจเขาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ไม่ว่าอย่างไรเว่ยฉีเทียนก็ต้องฆ่าเย่เฟิงให้จงได้
จู่ ๆ หลายเงาร่างเริ่มเคลื่อนไหว ก่อนจะเข้าไปปิดล้อมเย่เฟิง พร้อมไอสังหารพวยพุ่งออกจากร่าง
“องค์าาเสด็จ!” ตอนนั้นเองมีเสียงดังมาจากทางเข้าตำหนักซวนยื่อ จู่ ๆ ทุกคนต่างหันไปมองทางด้านนั้น ก่อนจะเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมนางกำนัลจัดเรียงเป็สองแถว ส่วนผู้ที่เดินอยู่ตรงกลางคือชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง คนผู้นี้สวมชุดัทอง บนศีรษะยังสวมมงกุฎาา ทั้งร่างแฝงไปด้วยกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม ทุกย่างก้าวของเขามั่นคงและแฝงด้วยท่วงทำนองพิเศษ ทั้งยังมีคลื่นพลังที่แข็งแกร่งแผ่ออกจากร่างกาย
ผู้คนรู้สึกได้ถึงความกดดันนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา เพียงแต่เวลานี้ชายวัยกลางคนดูเจ็บไข้ได้ป่วยเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นยังแฝงด้วยประสบการณ์โชกโชน แต่ไร้ซึ่งสีสันเฉกเช่นอดีตกาล
ข้างกายของชายวัยกลางคนยังมีหญิงสาวสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง หญิงผู้นี้สวยงดงามราวกับเทพธิดาก็ไม่ปาน ซึ่งนางก็คือองค์หญิงจ้าวซินอี๋ ส่วนชายวัยกลางคนที่สวมชุดัทองผู้นั้น แน่นอนว่าเป็องค์าา
เมื่อเห็นองค์าาจ้าวเสด็จมาเยือน ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างโค้งตัวคำนับ ทำความเคารพต่อองค์าา
เว่ยฉีเทียนกะพริบตาปริบ ๆ แม้เขาจะสูงส่งและแข็งแกร่งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์าาจ้าวกลับไม่กล้าทำตัวอวดดีแม้แต่นิด
จากนั้นองค์าาเข้าประทับในที่ของตน แต่ขณะนั้นจ้าวซินอี๋กวาดตามองเย่เฟิงด้วยสายตาลึกล้ำ เย่เฟิงมาแล้ว นี่พิสูจน์แล้วว่าในใจของเย่เฟิงมีนางอยู่ นี่ทำให้นางดีใจมาก
เย่เฟิงพยักหน้าให้จ้าวซินอี๋ด้วยรอยยิ้มสดใส แม้ทั้งสองคนจะไม่สื่อสารด้วยถ้อยคำใด ๆ แต่เพียงเห็นสายตาของอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกแล้ว
ผู้คนส่วนใหญ่ในที่แห่งนั้นต่างสังเกตเห็นถึงจุดนี้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ั้แ่ต้นจนตอนนี้จ้าวซินอี๋ไม่เหลียวมองเว่ยฉีเทียนแม้แต่นิด แต่สายตากลับมองเย่เฟิงตลอด นี่ทำให้สีหน้าของเว่ยฉีเทียนดูบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด จนเขาแทบอยากกระโจนเข้าใส่เย่เฟิงหมายสังหารให้ดับสูญ
“เื่อะไรกันที่ทำให้หลานเว่ยโมโหเยี่ยงนี้?” การมาเยือนขององค์าาทำให้บรรยากาศในตำหนักซวนยื่อสงบเงียบอีกครั้ง แต่ขณะนั้นเสียงเกรงขามขององค์าาก็ดังขึ้น
เว่ยฉีเทียนปรายตามองเย่เฟิงแวบหนึ่งด้วยสายตาเย็นเยือก จากนั้นกล่าวกับองค์าาว่า “องค์าา คนผู้นี้ตั้งใจมาก่อกวนงานพิธีหมั้นของข้ากับองค์หญิงซินอี๋ ทั้งยังสังหารคนของอาณาจักรเว่ยข้าไปตั้งหลายคน หวังว่าองค์าาจะทวงคืนความยุติธรรมให้พวกเรา โดยการลงทัณฑ์ผู้นี้ด้วยความตาย!”
เมื่อผู้คนในที่แห่งนั้นได้ยินต่างก็ใ เว่ยฉีเทียนกำลังหยิบยืมมือขององค์าาจ้าวมากำจัดเย่เฟิง
องค์าามองพลางขมวดคิ้ว “มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ?”
เมื่อกล่าวจบ องค์าาหันไปมองเย่เฟิงอย่างอดไม่ได้ ก่อนรูม่านตาจะหดแคบลง พร้อมปรากฏเงาร่างคุ้นเคยในหัว
“จริงแท้แน่นอน เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่ฆ่าคนของอาณาจักรเว่ยต่อหน้าข้า แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่เคารพองค์ชายใหญ่ ทุกคนในที่นี้ต่างเห็นกับตา หวังว่าองค์าาจะลงทัณฑ์อย่างเด็ดขาด!” เว่ยฉีเทียนกล่าว พร้อมดวงตาลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ
“เ้าคือใคร?” องค์าาเอ่ยถามเย่เฟิง พร้อมแสงเกรงขามปะทุออกจากดวงตาคู่นั้น ซึ่งเพียงแวบเดียวก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นกลัวจากจิติญญา
“เย่เฟิงจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียน!” เย่เฟิงกล่าวขณะมององค์าาด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น แม้คนที่เขาเผชิญหน้าด้วยตอนนี้จะเป็องค์าาจ้าว แต่ก็ไร้ซึ่งความเกรงกลัวใด ๆ ในสายตาเขายิ่งหาความเคารพและความยอมจำนนต่อผู้อื่นไม่ได้
“เย่เฟิงจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียน!” องค์าาได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิดไปชั่วครู่ จากนั้นกล่าวต่อว่า “เย่เฟิงผู้คว้าอันดับหนึ่งในงานชุมนุมหวงปั่งเมื่อหลายวันก่อนน่ะหรือ?”
งานชุมนุมหวงปั่งคืองานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรจ้าวที่จัดขึ้นทุกปี แน่นอนว่าองค์าารู้เื่นี้และเคยได้ยินนามของเย่เฟิงมาก่อน
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” เย่เฟิงกล่าวด้วยถ้อยคำไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง
“ก่อกวนงานพิธีหมั้น เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอาศัยโทษฐานนี้ก็ทำให้เ้าตายได้แล้ว!” องค์าากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเย็นะเือย่างฉับพลัน พร้อมกับมีแรงกดดันไร้ลักษณ์แผ่ออกจากร่าง ทำห้วงอากาศแข็งตัวเล็กน้อย
ภายใต้แรงกดดันไร้ลักษณ์ที่องค์าาปลดปล่อยออกมา ทำให้หลาย ๆ คนหายใจถี่ พร้อมเหงื่อแตกพลั่ก
แต่มีเพียงเย่เฟิงที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง ทั้งยังสบตามององค์าาอย่างไม่เกรงกลัว นี่ทำให้องค์าาอึ้งไปเล็กน้อยพร้อมเผยสีหน้าเกินคาด
ในอาณาจักรจ้าวผู้ที่สามารถสบตามองเขาโดยไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ มีไม่เกินห้าคน ทุกคนล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ ทว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้มีอายุเพียง 16-17 ปีเท่านั้น ตบะก็เพิ่งบรรลุขั้นยุทธ์แท้ แต่กลับทำในสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดทำไม่ได้ นี่ทำให้องค์าารู้สึกเกินความคาดหมายเป็อย่างมาก ขณะเดียวกันในใจก็เกิดความรู้สึกสนใจในตัวเย่เฟิงขึ้นมาเล็กน้อย
