โจวเฉิงยังไม่ลืมว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเคยโจมตีเกาเฟยด้วยวาจาอย่างไร
ไม่ใช่ว่าปะทะฝีปากกับโจวอวี๋ไม่ได้ เพียงแต่โจวเฉิงแค่ไม่้าให้เซี่ยเสี่ยวหลานโต้ตอบเท่านั้นเอง จึงเสนอตัวชิงประเด็นสนทนานี้ไว้กับตัว
พอเขาอธิบายเช่นนี้ แม้แต่กวนฮุ่ยเอ๋อที่กำลังเดินไปมาพลางแสร้งว่าตนงานยุ่งอยู่ยังตกตะลึง โจวเฉิงเคยบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นักเรียนมัธยมปลาย ปีนี้เข้าร่วมการสอบเกาเข่า ตอนประกาศผลคะแนนเกาเข่าก่อนหน้านี้ โจวเฉิงก็ไม่ได้พูดถึงคะแนนเกาเข่าของเซี่ยเสี่ยวหลานเลย กวนฮุ่ยเอ๋อย่อมเข้าใจว่าผลสอบที่ออกมานั้นไม่ค่อยดีนักเป็ธรรมดา
ฟังจากสิ่งที่โจวเฉิง้าสื่อสาร เซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยในปักกิ่งแล้ว?
คงไม่ใช่ วันนี้เพิ่งเป็วันที่ 24 กรกฎาคม หนังสือตอบรับเข้าศึกษามหาวิทยาลัยของกลุ่มที่หนึ่งยังส่งไปไม่ถึงอย่างแน่นอน จะแน่ใจได้อย่างไรว่าสอบติดและไม่มีอะไรผิดพลาด นอกเสียจากคะแนนของเซี่ยเสี่ยวหลานสูงมาก สูงกว่าเกณฑ์คะแนนของสถาบันที่เธอยื่นเข้าเรียนโข กวนฮุ่ยเอ๋อเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
ย่าโจวยังไม่ได้พูดอะไรต่อ มารดาของโจวอวี๋ก็หัวเราะออกมา
“นั่นคงลำบากไม่ใช่น้อยนะ ยิ่งเป็ที่ที่ไกลปืนเที่ยง คุณภาพการสอนยิ่งแย่ เสี่ยวหลานสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปักกิ่งได้ทั้งที่มาจากชนบท ไม่ว่าจะเป็มหาวิทยาลัยไหนก็นับว่าสุดยอดทั้งนั้น”
มารดาของโจวอวี๋คือลูกสะใภ้ใหญ่ของตระกูลโจว แม้บิดาโจวอวี๋จะเป็พี่ใหญ่ของตระกูล ทว่าตำแหน่งงานปัจจุบันกลับต่ำกว่าน้องชาย แน่นอนว่าคนมีตัวตนเด่นชัดที่สุดในตระกูลโจวคือโจวกั๋วปินนั่นเอง กระทั่งอาชีพการงานของกวนฮุ่ยเอ๋อก็ดีกว่าสะใภ้ใหญ่เหมือนกัน ยิ่งสะท้อนให้บ้านใหญ่ตระกูลโจวดูไม่โดดเด่นมากพอ
ใครอ่อนแอย่อมดูน่าสงสาร ป้าสะใภ้ของโจวเฉิงไม่ใช่คนพูดมาก ทว่าพอเอ่ยปากก็โดนจุดยุทธศาสตร์ทันที
เมื่อลองพิจารณาสิ่งที่เธอพูด ฟังดูไพเราะเสนาะหูกว่าโจวอวี๋มาก ไร้ซึ่งข้อบกพร่อง จะฟังอย่างไรก็ให้ความหมายว่ากำลังยอมรับในความสามารถของเซี่ยเสี่ยวหลาน กำลังชมเชยเซี่ยเสี่ยวหลาน ภายใต้เงื่อนไขคุณภาพการสอนที่ไม่ดีในชนบท เซี่ยเสี่ยวหลานกลับสอบเข้าวิทยาลัยวิชาชีพในปักกิ่งได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!
ช่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นดีเหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานเหลือบมองป้าสะใภ้ใหญ่ ตระกูลโจวไม่ได้รักใคร่ปรองดองเป็อันหนึ่งอันเดียวกันอย่างที่เธอคาดไว้
กวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกผิดหวัง คาดหวังมากเกินไปไม่ได้จริงๆ คำพูดของพี่สะใภ้ใหญ่มีนัยยะอื่นแฝงอยู่ ทว่าก็ไม่เรียกว่าผิดเช่นกัน มาตรฐานการสอนของโรงเรียนเล็กๆ แตกต่างจากโรงเรียนในปักกิ่ง สามารถสอบเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว... หากแต่เรียนวิชาชีพ ไม่เชิดหน้าชูตาพอสำหรับตระกูลโจวนัก เดิมทีพื้นเพครอบครัวด้อย ก็ควรต้องมีจุดเด่นสักอย่างหนึ่งหรือเปล่า? หน้าตาสะสวยไม่ถือว่าเป็จุดเด่น ลูกชายของเธอหน้าตาดีมากเหมือนกันไม่ใช่หรือ!
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าทัศนคติของตนนั้นเบนเข็มแล้ว เคยยืนกรานคัดค้านการคบหาดูใจอย่างชัดเจนแท้ๆ ทำไมคราวนี้ถึงกลายเป็การพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่แทน
ย่าโจวเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานนิ่งเงียบก็เข้าใจว่าเธอกำลังเสียใจ จึงรีบกุลีกุจอปลอบใจเธอทันที “สอบเข้ามหาวิทยาลัยไหนก็เหมือนกันหมดไม่ใช่รึ? อย่างไรรัฐก็จัดอาชีพให้อยู่ดี ถ้าไม่ได้ยังมีย่าเฒ่าคนนี้ออกหน้าให้ หางานดีๆ ให้หนูได้เหมือนกันนั่นแหละ”
สอบเข้าสถาบันไหนไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือเด็กคนนี้ยอมมาปักกิ่งเพื่อโจวเฉิงน่ะสิ!
พอได้ยินความตั้งใจนี้ แปลว่าในอนาคตก็จะอยู่ที่ปักกิ่งต่อไป ในเมื่อหญิงสาวยอมลาจากบ้านเกิดเมืองนอนมาที่นี่ ตระกูลโจวจะช่วยเธอตั้งหลักปักฐานอย่างแน่นอน
ย่าโจวกลับเปิดใจมากกว่า
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีโอกาสได้โต้กลับ โจวเฉิงเองก็ไม่มีโอกาสอธิบาย โจวอวี๋กับมารดารับส่งเข้าขากันเป็อย่างดี และกำหนดข้อสรุปด้วยตนเองว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยพื้นๆ ให้
โจวอี๋กระทุ้งศอกใส่ลูกพี่ลูกน้องซึ่งนั่งอยู่ข้างเธอ น้องสาวคนนี้รู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนัก
ทำไมต้องให้เธอจาบจ้วงแฟนสาวของพี่โจวเฉิงกันนะ ทว่าเธอก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของโจวอวี๋ ฝืนใจจู่โจมด้วยถ้อยคำที่ไม่สมควร “พี่เสี่ยวหลาน ชุดกระโปรงกับกระเป๋าของพี่สวยดี ซื้อที่ไหนหรือ มันแพงหรือเปล่า ฉันชอบมากเลย”
เซี่ยเสี่ยวหลานกะพริบตา นี่คือลูกสาวบ้านอาหญิงเล็กของโจวเฉิงสินะ ดูเหมือนจะชื่อว่าเฉิงิ่
ยังคงเป็เพียงเด็กสาวไม่ประสานี่นะ เห็นเธอฝืนพยายามทำสิ่งที่เกินความสามารถแบบนั้นแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานถึงกับอยากหัวเราะออกมาเลยทีเดียว “แพงน่ะไม่แพงหรอกจ้ะ พี่ซื้อที่หยางเฉิง ขอโทษนะ วันนี้ไม่รู้ว่าจะได้พบน้องสาวด้วย ไม่อย่างนั้นพี่จะเอามาให้เธอหนึ่งชุดแน่นอน”
ต่อให้ชอบมากก็ช่วยไม่ได้ เธอคงมิอาจถอดชุดกระโปรงที่สวมอยู่ออกมามอบให้ได้อยู่ดี
เฉินซีเหลียงออกแบบชุดกระโปรงนี้ด้วยตัวเอง อันที่จริงถือว่าเป็เสื้อผ้าสำหรับต้นฤดูใบไม้ร่วง เหมือนจะยังไม่ได้ผลิตออกมาจำนวนมาก เซี่ยเสี่ยวหลานคาดว่าคงหาซื้อไม่ได้ในปักกิ่ง
เฉิงิ่สบสายตากับโจวอวี๋ ส่งสัญญาณว่าตนพยายามช่วยอย่างเต็มที่แล้วแม้ไม่สำเร็จก็ตาม
“ไม่ต้องๆ ฉันแค่ถามดูน่ะค่ะ...”
สายตาจากมารดาของเธอสาดซัดมาประหนึ่งะุปืนกล! ขอเสื้อผ้าและกระเป๋าจากแฟนสาวของพี่โจวเฉิงั้แ่พบกันครั้งแรก เธอไม่ใช่คนแบบนี้เสียหน่อย ต้องโทษพี่โจวอวี๋ทั้งนั้น!
เฉิงิ่มีเศษพลังต่อสู้เท่ากับห้า [1] และโจวอวี๋ก็ไม่สมัครใจลงสนามเหมือนกัน พอนึกถึงทักษะการร้องไห้ของต่งลี่ลี่ โจวอวี๋เองก็อยากร้องไห้บ้าง
แม้ไม่้าทำให้น้องชายขุ่นเคืองใจเพียงใดทว่าก็ทำลงไปแล้ว น้องชายควรเปลี่ยนคนรักใหม่เสียเถอะ โจวอวี๋เจตนาใส่ไฟให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
“โจวเฉิงซื้อให้หรือเปล่า? โจวเฉิงนี่รสนิยมดีจริงๆ โจวเฉิง เธออย่ามีแฟนแล้วลืมครอบครัวนะ เธอซื้ออะไรให้เสี่ยวหลานไป ก็ซื้อให้พวกเราพี่สาวน้องสาวด้วยบ้างสิ?”
น้ำเสียงของโจวอวี๋ดูเหมือนกำลังหยอกล้อ
ทว่าคนตระกูลโจวไม่มีใครซื่อบื้อ ทุกคนล้วนเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง—ไม่ได้บอกว่าตนเป็เพียงหญิงสาวชนบทหรือ? เห็นเสื้อผ้าอาภรณ์แล้ว ไม่ค่อยเหมือนสักเท่าไร
ฝ่ายชายให้ของขวัญเล็กน้อยระหว่างคบหาดูใจกันไม่ใช่เื่ใหญ่ ในกรณีที่ยังไม่พูดคุยถึงวิวาห์ หากขอให้โจวเฉิงรับผิดชอบั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าจริง นับว่าเป็การกระทำที่ไม่น่าชื่นชมนัก ทั้งที่บ้านอยู่ในซางตู ทำไมถึงมาปักกิ่งโดยเดินทางจากหยางเฉิง พอไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนอีกที เซี่ยเสี่ยวหลานมีช่องโหว่เต็มไปหมด
โจวเฉิงอดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว มารดาของเขายังไม่ว่าอะไร ย่าของเขาก็ไม่ว่าอะไร ลูกพี่ลูกน้องรุ่นเดียวกันอย่างโจวอวี๋กลับจู้จี้จุกจิกกับเซี่ยเสี่ยวหลานทุกวิถีทางราวกับกินยาผิดขนาน สมองส่วนไหนเกิดผิดปกติหรือ? โจวเฉิงไม่ถือสาที่จะจัดการเธอด้วยตัวของเขาเอง!
“โจวอวี๋พี่—”
“โจวเฉิง นั่งลง!”
ปู่โจวเริ่มเปิดปาก ทว่ากลับเป็การยั้งโจวเฉิงไว้ด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “โจวอวี๋เป็พี่สาวของหลาน วันนี้เป็โอกาสอะไร หลานเอะอะโวยวายใส่พี่เขาอย่างนั้น ต่อไปคนอื่นจะเคารพเธอหรือ? หลานนั่งลงก่อนเสีย”
โจวอวี๋ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ปู่เข้าข้างเธอขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทว่าหลังความรู้สึกเบิกบานผ่านไปก็คือความน้อยเนื้อต่ำใจ
ปากกระบอกปืนของพ่อเฒ่าโจวเปลี่ยนทิศมายังเธอทันที
“โจวอวี๋ หลานก็อีกคน วันนี้เป็วันอะไร หลานไม่รู้จักความเหมาะสมรึ? หลาน้าทำให้คนรักของโจวเฉิงอับอาย ตระกูลโจวเลี้ยงหลานมายี่สิบกว่าปี เพื่อให้หลานกลายเป็ผู้หญิงที่ไม่รู้จักแยกแยะหรือ? โจวเฉิงเป็น้องชายหลาน ไม่ใช่ลูกชาย หลานเสียหน่อย หลานมีสิทธิ์อะไรไปก้าวก่ายการเลือกคู่ของเขา!”
กวนฮุ่ยเอ๋อเป็มารดายังไม่พูดอะไรด้วยซ้ำ แล้วโจวอวี๋คือใคร จำเป็ต้องสร้างอุปสรรคมาขัดขวางหรือ?
ถ้าพูดถึงบุคคลที่มีสิทธิก้าวก่ายการเลือกคู่ของโจวเฉิงบนโลกนี้ ย่อมต้องเป็กวนฮุ่ยเอ๋ออย่างไม่ต้องสงสัย เธออุ้มโจวเฉิงไว้ในท้องและให้กำเนิดออกมา เธอมอบชีวิตให้โจวเฉิง ทำไมจะไม่มีสิทธิถามโจวเฉิงว่าจะเลือกใครเป็ภรรยา!
โจวอวี๋ถูกตำหนิจนน้ำตาคลอเบ้า ป้าสะใภ้ของโจวเฉิงกล่าวขอโทษด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “คุณพ่อ ฉันไม่ได้สั่งสอนโจวอวี๋ให้ดีเอง คุณพ่อด่าฉันเถอะค่ะ”
ปู่โจวไม่มีทางดุด่าลูกสะใภ้ เขาตำหนิติเตียนลูกชายลูกสาวรวมถึงหลานทุกคนได้ ใครใช้ให้พวกเขาแซ่โจวเล่า ในเมื่อมีความสุขจากผลประโยชน์ของสกุลนี้ ก็หมายความว่ารับบุญคุณของเขาไปแล้ว ดุด่าว่ากล่าวหน่อยจะเป็อะไร แต่ลูกสะใภ้คือคนนอกสกุล คือคนที่สมรสเข้าตระกูลโจว ให้กำเนิดลูกชายหญิงและดูแลกงการในครอบครัวให้ตระกูลโจว ทำไมเขาต้องดุด่าลูกสาวคนอื่นตามอำเภอใจ
พ่อเฒ่าโจวหันไปขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลาน
“ให้เธอเห็นอะไรน่าอายเสียแล้ว ฉันขอโทษเธอแทนพฤติกรรมไร้เหตุผลของพวกเขาด้วยนะ แต่เธอเองก็อย่าหลอกพวกเขาอีกเลย ในเมื่อยินดีตามโจวเฉิงมาที่บ้านแล้ว ช่วยแนะนำตัวเองกับทุกคนอีกครั้งได้หรือไม่?”
ปู่โจวไม่เชื่อว่านี่คือหญิงสาวชนบทธรรมดาสามัญคนหนึ่ง มองกิริยาท่าทางและความสุขุมสงบนิ่งนี้แล้ว เปรียบเทียบให้เห็นว่าโจวอวี๋ไม่ต่างจากตัวตลกโง่เง่า ปู่โจวไม่สบอารมณ์เลยสักนิด และโจวอวี๋มีความผิด ผิดที่ประเมินเซี่ยเสี่ยวหลานต่ำเพราะอคติ แต่เซี่ยเสี่ยวหลานก็ใจเย็นเสียเหลือเกิน ไม่แสดงอาการกระวนกระวายออกมาโดยสิ้นเชิง
หรือจะเป็ไปได้ไหมว่าเธอไม่ยี่หระความคิดเห็นของคนตระกูลโจวที่มีต่อเธอ?
เชิงอรรถ
[1]战五渣 เศษพลังต่อสู้เท่ากับห้า หมายถึง ความสามารถต่ำมาก มีที่มาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเื่ ดราก้อนบอล ตัวละครชื่อ ราดิช นักรบชาวดาวไซย่าที่เพิ่งเดินทางมาถึงโลก พอเขาลงจากยานก็พบกับชาวนาคนหนึ่ง ค่าพลังต่อสู้ของชาวนาที่วัดได้จากเครื่องวัดพลังของเขามีจำนวนเทียบเท่ากับ 5 เท่านั้น เขาจึงพูดว่า ‘พลังต่อสู้แค่ 5 เองหรือ?’ จากนั้นก็ปลิดชีพอีกฝ่ายในชั่วพริบตา