กลุ่มคนเดินออกมาจากสำนักงานที่ดิน ป้าิ่จับมือแม่เจิ้งแน่นไม่ปล่อย
"พี่เจิ้งคะ ไปทานข้าวด้วยกันหน่อยนะคะ ขายบ้านได้แล้ว ฉันก็หมดห่วงไปเปลาะใหญ่ เหลือแต่สะสางสินค้าในร้านอีกหน่อย ฉันก็สบายแล้วค่ะเนี่ย พูดไปแล้วก็ต้องขอบคุณพี่จริงๆ เลยนะคะ"
"จะขอบคุณอะไรกันนักหนา พวกเราก็พี่น้องกัน หลันเยว่ก็เป็หลานสาวของฉันเอง คนกันเองทั้งนั้น จะมีอะไรให้ขอบคุณกันมากมาย เื่ราวมันคลี่คลายไปได้ด้วยดี ฉันก็ดีใจแล้ว เื่กินข้าวน่ะ ช่างมันเถอะ มิตรภาพของพวกเรามันสำคัญกว่าเื่กินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?"
คำพูดนั้นช่างอบอุ่นหัวใจ แต่ป้าิ่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
"พี่เจิ้งคะ ฉันกำลังจะไปแล้วนะคะ ไปคราวนี้ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับมา เวลาที่เหลืออยู่ ฉันก็คงยุ่งจนหัวหมุน อยากจะหาโอกาสชวนพี่ออกมาสังสรรค์อีก คงไม่ง่ายแล้วค่ะ"
"เพราะฉะนั้น วันนี้พี่ต้องให้โอกาสฉันนะคะ ไหนจะมีลูกๆ หลานๆ พวกนี้อีก หลันเยว่ ฉันเองก็ชอบมาก พวกเราไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน ถือเป็การเลี้ยงส่งพี่น้องอย่างเรา แล้วก็เป็การทำความรู้จักกับพวกหนุ่มสาวรุ่นใหม่ๆ ด้วย สรุปก็คือเป็เื่ของโชคชะตาค่ะ"
พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าปฏิเสธอีกก็คงจะเสียน้ำใจ แม่เจิ้งหันไปมองสาวๆ หนุ่มๆ ที่อยู่ข้างกาย แน่นอนว่าหนุ่มๆ เ่าั้ต่างก็มองแต่สีหน้าของหมี่หลันเยว่ หมี่หลันเยว่ก็ยิ้มหวานให้แม่เจิ้งแล้วพูดกับป้าิ่ว่า
"คุณป้าิ่คะ งั้นหนูขอขอบคุณสำหรับน้ำใจของป้านะคะ ขอให้คุณป้าเดินทางปลอดภัยและประสบความสำเร็จในทุกสิ่งด้วยค่ะ"
"สาวน้อยปากหวานจริงๆ แถมยังฉลาดเป็กรด มองยังไงก็ช่างน่าเอ็นดู ซวี่เหยาแค่แก่ไปหน่อยเท่านั้นแหละ ไม่งั้น เธอนี่แหละคือตัวเลือกที่ดีเลย เสียดายที่เกิดมาเร็วนะ"
คำพูดนั้นเป็เพียงคำพูดติดตลก แต่มีหลายคนที่หัวใจเต้นแรงขึ้นมา
"ป้าิ่พูดถูกจริงๆ สาวน้อยคนนี้ดีจริงๆ แต่คงไม่ถึงคิวผมหรอกครับ ผมแก่เกินไปสำหรับเธอ"
เจิ้งซวี่เหยาก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดตลกเช่นกัน มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจของเขากำลังเต้นระรัวราวกับตีกลอง
แม่เจิ้งก็รู้สึกเสียดายอยู่บ้างเหมือนกัน หลันเยว่นี่ยิ่งมองก็ยิ่งถูกชะตา ยิ่งมองก็ยิ่งเก่ง ถ้าไม่ได้มาเป็ลูกสะใภ้ในบ้าน ก็ช่างน่าเสียดายจริงๆ แต่ในบ้านนอกจากลูกชายคนนี้แล้ว ก็เหลือแค่ลูกสาวอีกสองคน ลูกชายของลูกสาวก็ยังเล็กเกินไป ไม่เหมาะสมกับหนูน้อยคนนี้เลย คิดได้อย่างนี้ก็น่าเสียดายจนทนแทบไม่ไหวแล้ว
"ลูกบอกว่าตัวเองแก่ แล้วแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันเล่า อายุยังน้อยอยู่เลย กลับบอกว่าตัวเองเป็คนแก่เสียแล้ว ลูกนี่ไม่มีแม่กับป้าิ่อยู่ในสายตาเลยรึไง"
แม่เจิ้งบ่นพึมพำอย่างไม่จริงจังนัก เจิ้งซวี่เหยารีบอ้อนด้วยการคล้องแขนอีกข้างของแม่ไว้
"นั่นสิคะ อาจารย์เจิ้งหล่อรวยขนาดนี้ ใครกล้าว่าอาจารย์เจิ้งแก่ก็คงจะมีปัญหาทางสายตาแล้วค่ะ คนอย่างอาจารย์เนี่ย เดินไปไหนก็ต้องทำให้สาวๆ ใจละลายเป็แถบๆ แน่ๆ เลยค่ะ"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองใจแม้แต่น้อย ยังไงซะ คำพูดติดตลกของป้าิ่ก็เป็แค่คำพูดติดตลกในหูของเธอ เธอไม่ได้จริงจังกับมันแม้แต่น้อย
"หล่อรวย นี่มันหมายความว่ายังไง?"
เจิ้งซวี่เหยาสนใจคำศัพท์ทันสมัยของหมี่หลันเยว่มาก หมี่หลันเยว่ก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอเอาคำศัพท์จากโลกอนาคตมาใช้ แต่พูดไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องอธิบายมาก
"ก็หมายความตามตัวอักษรเลยค่ะ สูงใหญ่ รวย หล่อเหลา พวกผู้หญิงชอบคนแบบอาจารย์ทั้งนั้นแหละค่ะ ฉันแค่กลัวว่าเวลาไปสอนที่มหาลัย อาจารย์จะสอนได้ไม่ดี เพราะจะมีผู้หญิงมาวุ่นวายกับอาจารย์เยอะแยะแน่ๆ เลยค่ะ"
หมี่หลันเยว่พอคิดถึงภาพนั้น ดวงตาก็ยิ่งหยีลงด้วยรอยยิ้ม
"ยัยหนูน้อย อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ กลับคิดอะไรเลอะเทอะแบบนี้ ห้ามคิดอะไรแบบนี้อีกนะ"
เจิ้งซวี่เหยาแสร้งทำเป็ดุเธอ ทุกคนก็หัวเราะออกมา เื่ตลกที่ไม่เป็พิษเป็ภัย ทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมา แต่เฉียนหย่งจิ้นที่หลบอยู่ข้างหลังคนอื่นๆ กลับรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างไม่มีเหตุผล
"พวกเราอย่าไปไกลเลย ไปร้านอาหารตะวันตกตรงนั้นกันเถอะ ไม่รู้ว่ามีใครไม่ชอบกินอาหารตะวันตกรึเปล่า สเต๊กกับฟัวกราส์ของที่นี่อร่อยมาก ไวน์แดงก็ใช้ได้เลย ถึงพวกเธอจะยังเด็ก แต่จิบสักแก้วเล็กๆ ก็คงไม่เป็ไรมั้ง?"
ป้าิ่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ใครลำบากใจ ท้ายที่สุดแล้วเธอไม่รู้เื้ัของหนุ่มๆ เหล่านี้ เพียงแต่รู้สึกว่าในเมื่อพวกเขามากับหมี่หลันเยว่ พวกเขาก็น่าจะมีไพ่ในมือบ้าง เธอพูดถึงการกินอาหารตะวันตก ก็เพียงแค่้ายกระดับให้ดูดี แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ดูถูกแขกเท่านั้นเอง
เจิ้งซวี่เหยารู้ว่าพวกเขามาจากเมืองเล็กๆ กลัวว่าจะไม่เคยกินอาหารตะวันตก ถ้าไปทำขายหน้าเข้าก็คงไม่ดี กฎเกณฑ์ในการกินอาหารตะวันตกมีมากมาย การเสียหน้าก็เกิดขึ้นได้ในพริบตา
"ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ คุณป้าอย่าเลี้ยงอาหารตะวันตกเลยครับ ผมอยากกินอาหารจีนที่อร่อยที่สุดมากกว่า"
หมี่หลันเยว่ขอบคุณเจิ้งซวี่เหยาสำหรับการช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ต้องรู้ว่าชาติที่แล้วเธอเคยไปร้านอาหารตะวันตกแค่ครั้งเดียว แต่มันก็เป็ร้านอาหารตะวันตกแบบง่ายๆ เท่านั้นเอง กฎเกณฑ์หลายอย่างถูกลดทอนให้ง่ายลงไปแล้ว แต่เธอรู้ดีว่าร้านอาหารตะวันตกในยุคนี้ เน้นเื่กฎเกณฑ์เป็อย่างมาก เพราะคนที่สามารถกินอาหารตะวันตกได้ ล้วนแต่เป็คนที่สามารถออกนอกประเทศได้
คนที่สามารถออกนอกประเทศได้ในตอนนี้ ไม่ใช่แค่มีเงินเท่านั้น เื้ัของครอบครัวก็ต้องไม่ธรรมดาด้วย ดังนั้นคนที่สามารถไปทานอาหารในร้านอาหารตะวันตกได้ ล้วนแต่ทำตัวเหมือนคนที่ไปเรียนเมืองนอกมาแล้วทั้งนั้น เป็ธรรมดาที่จะต้องไม่ทำผิดกฎเกณฑ์แม้แต่น้อย หมี่หลันเยว่รู้เื่กฎเกณฑ์ในการกินอาหารตะวันตกไม่มากนัก รู้แค่ว่าใช้ส้อมซ้าย มีดขวา เท่านั้นเอง
"หลานหรือว่าทุกคนสำคัญกันแน่ การเลี้ยงครั้งนี้ของฉันคือเลี้ยงพี่เจิ้งและคนกลุ่มนี้ของหลันเยว่ หลานเป็แค่คนมาขอติดสอยห้อยตาม เพราะฉะนั้น ความเห็นของหลานจึงไม่สำคัญ"
ป้าิ่ปฏิเสธคำแนะนำของเจิ้งซวี่เหยาทันที หมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ จึงทำได้แค่ตามไปอย่างเสียไม่ได้
บรรยากาศในร้านอาหารตะวันตกนั้นแตกต่างออกไปจริงๆ เสียงไวโอลินที่ดังแว่วมา ทำให้ร้านอาหารทั้งร้านดูหรูหราขึ้นมาในทันที แทบจะไม่ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันในร้านเลย เมื่อเทียบกับความวุ่นวายในร้านอาหารอื่นๆ แล้ว มันคนละระดับกันจริงๆ
"ไม่ทราบว่าได้จองไว้ไหมครับ?"
ทันทีที่เดินเข้าไปในร้าน ก็มีบริกรเดินเข้ามาต้อนรับ ป้าิ่ส่ายหน้าแสดงว่าไม่ได้จอง บริกรก็ยื่นแขนออกมาอย่างกระตือรือร้น เชิญทุกคนเข้าไปด้านใน
"เชิญตามผมมาเลยครับ เชิญนั่งตรงนี้เลยนะครับ"
เขานำทุกคนไปยังมุมหนึ่งของห้องโถง ที่นั่นมีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่จุดเทียนสีแดงเอาไว้ ทุกคนนั่งลงก็พอดี บริกรช่างมีสายตาแหลมคมจริงๆ
"นี่คือรายการอาหารครับ ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เชิญสั่งอาหารได้เลยครับ"
บริกรยื่นเมนูให้ด้วยสองมือ แล้วยืนรออย่างเงียบๆ อยู่ด้านหลังลูกค้า รอให้ลูกค้าสั่งอาหาร ตอนนี้การสั่งอาหารยังต้องใช้การจดด้วยมืออยู่ ยังไงซะ มันยังไม่ทันสมัยเหมือนโลกอนาคต ที่ใช้อุปกรณ์สั่งอาหารอิเล็กทรอนิกส์
"ซวี่เหยา สั่งเลย ช่วยแนะนำเมนูเด่นๆ ให้หน่อยสิ หลานเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศนี่นา ตอนนี้แหละคือโอกาสที่หลานจะได้แสดงฝีมือ"
ป้าิ่ยื่นรายการอาหารให้ เจิ้งซวี่เหยาก็รับมาโดยไม่เกรงใจ เขาไม่ได้อยากจะเกรงใจจริงๆ เพราะเขากลัวว่าถ้าเขาเกรงใจ รายการอาหารเล่มนี้จะถูกยื่นไปให้หมี่หลันเยว่แทน
"สเต๊กเนื้อทีโบนอเมริกัน ขอคนละที่ มัฟฟินช็อกโกแลตสามที่ มัฟฟินรสชาติต้นตำรับสี่ที่ ข้าวห่อใบบัวเนื้อตุ๋นรสเผ็ดสี่ที่ ข้าวหน้าปลาไหลย่างแบบญี่ปุ่นสามที่ ฟัวกราส์เจ็ดที่ เสิร์ฟพร้อมสลัด..."
เมื่อเห็นว่าเจิ้งซวี่เหยาหยิบเมนูขึ้นมา บริกรก็ยืนอย่างมีไหวพริบอยู่ด้านหลังเขา แล้วมองเขาชี้ไปที่อาหารในเมนู บริกรก็รีบจดเมนูลงไป
"เอาแค่นี้ก่อน แล้วก็ขอไวน์แดงมาหนึ่งขวด ธรรมดาก็พอ คาปูชิโนสามแก้ว"
เมื่อสั่งอาหารเสร็จ ก็ยื่นเมนูคืนให้บริกร แล้วถามหมี่หลันเยว่ว่า
"หลันเยว่ กาแฟได้ไหม?"
เขารู้สึกว่าหมี่หลันเยว่ถึงแม้จะยังไม่เคยกินมาก่อน แต่ต่อไปก็ต้องหัดกิน ท้ายที่สุดแล้วเธอเป็คนที่ต้องทำธุรกิจ คนที่เธอจะต้องเผชิญหน้าด้วยก็จะมีหลากหลายรูปแบบ ต้องหัดรับมือให้ได้
"ได้ค่ะ อาจารย์เจิ้ง แต่ฉันขอแบบไม่ใส่นม ขอใส่น้ำตาลก้อนสองก้อนค่ะ"
เจิ้งซวี่เหยาชะงักไปแล้วก็หัวเราะ เขาก็บอกแล้วว่าหนูน้อยคนนี้เป็คนที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ดูจากที่เธอตอบอย่างคล่องแคล่ว ก็แสดงว่าถึงแม้จะไม่เคยกิน ก็ต้องเคยศึกษามาแล้วแน่นอน ความคิดความอ่านนี่หาใครเทียบได้ยากจริงๆ
อาหารค่อยๆ ทยอยออกมา เจิ้งซวี่เหยารีบหยิบเครื่องมือขึ้นมาเริ่มกิน ดูเหมือนว่าเขาจะหิวมาก แต่ถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่าหมี่หลันเยว่จะเริ่มทำตามการกระทำของเขา ถึงแม้จะไม่ถึงกับเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว แต่ก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหมี่หลันหยางและเฉียนหย่งจิ้นทั้งสี่คน ก็ทำตามหมี่หลันเยว่โดยธรรมชาติ
เมื่อเห็นว่าเด็กๆ ไม่มีใครแสดงอาการออกมาเลย แม่เจิ้งก็มีความสุขมาก ยังไงซะ พวกเขาคือคนที่เธอพาออกมา เธอเป็ห่วงว่าเด็กๆ จะปรับตัวไม่ได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีหลันเยว่นำหน้าอยู่ จะไม่มีอะไรที่พวกเขาทำไม่ได้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ต้องเป็ห่วงจริงๆ แล้ว
"คุณป้าิ่คะ คราวนี้คุณป้าไปต่างประเทศ ตั้งใจจะทำธุรกิจอะไรคะ?"
เมื่อนั่งอยู่ในร้านอาหารตะวันตก ความคิดของหมี่หลันเยว่ก็เริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง วัฒนธรรมตะวันตกกำลังจะได้รับความนิยมในประเทศจีนในไม่ช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มแฟชั่นตะวันตก หมี่หลันเยว่คิดถึงเื่นี้ ความคิดของเธอก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
"แน่นอนว่ายังทำธุรกิจเสื้อผ้าเหมือนเดิม ทำจนชำนาญแล้ว จะเปลี่ยนสายก็คงไม่ง่าย แต่ก็ต้องไปดูลาดเลาด้วย แม้ว่าปีที่แล้วจะไปเดินเล่นในต่างประเทศมาบ้าง แต่เวลามันสั้นเกินไป รู้สึกว่ามันยังไม่แน่นอน"
ในใจของเธอยังคงเอนเอียงไปทางทำธุรกิจเสื้อผ้า เพราะถ้าทำธุรกิจอื่น เธอก็จะต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด อายุมากแล้ว การเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่เื่ง่าย
"อย่างนี้นี่เอง คุณป้าิ่คะ หลังจากที่คุณป้าไปต่างประเทศ ถ้ายัง้าทำธุรกิจเสื้อผ้าอยู่ ก็จะต้องสำรวจตลาดอย่างแน่นอน ถ้าเป็อย่างนั้น ถ้ามีโอกาส คุณป้าจะช่วยดูยี่ห้อของเสื้อผ้าต่างประเทศให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?"
หมี่หลันเยว่วางมีดและส้อมในมือลง ถามอย่างจริงจัง
"อะไรนะ อยากจะทำร้านเสื้อผ้าต่างชาติ?"
เมื่อได้ยินคำถามนี้ หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกว่ามีโอกาส ตอนนี้ในประเทศยังไม่มีใครทำร้านเสื้อผ้าต่างชาติ ป้าิ่ในเมื่อถามออกมาแบบนี้ ก็แสดงว่าเธอได้สำรวจตลาดมาแล้วจริงๆ และมีความคิดอยู่พอสมควร
"ใช่ค่ะ คุณป้าิ่ ถ้ามีโอกาส หนูคิดว่าพวกเราสามารถร่วมมือกันได้ แต่ตอนนี้เป็แค่ความตั้งใจก่อนนะคะ รอให้ป้าตั้งหลักในต่างประเทศได้แล้ว พวกเราค่อยติดต่อกันอีกที"
ป้าิ่มองหมี่หลันเยว่ ในสมองก็มีความคิดที่งมงายผุดขึ้นมา เธอคิดว่าตัวเองเป็คนดีมักมีโชค ทำให้เธอได้มาเจอกับหนูน้อยที่ดูเหมือนจะไม่โดดเด่น แต่กลับมีพลังเหลือล้นคนนี้
