เย่ชิงหานในครั้งนี้ฝึกฝนเป็ระยะเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ กลุ่มแสงสีรุ้งเจ็ดสีและอสุนีบาตสีม่วงเมื่อคืนวานทำให้เขาได้รับประโยชน์เป็อย่างมากมาย ไม่เพียงแต่เขา คาดว่าผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบทุกคนคงได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขาเหล่านี้ต่างล้วนเริ่มทำการฝึกฝนเพื่อคลำหาทางไปยังปากประตูทางเข้าสู่โลกของพลังกฎเกณฑ์แล้วทั้งนั้น ซึ่งกลุ่มแสงสีรุ้งเจ็ดสีและอสุนีบาตสีม่วงก็คือลักษณะคุณสมบัติแก่นแท้ดั้งเดิมของพลังกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินที่แสดงออกมาให้เห็น
ลู่ซีมองดูเย่ชิงหานที่นั่งสงบเข้าสมาธิตลอดระยะเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ภายในใจอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญออกมา โชคชะตาวาสนาของเ้าเด็กคนนี้ช่างแหกกฎ์เสียจริงๆ เขาฝึกฝนมานับหมื่นปีแล้วแน่นอนว่า คุณลักษณะแก่นแท้ดั้งเดิมของพลังกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินที่แสดงออกมาให้เห็นนี้มีผลมากมายเพียงใดต่อผู้ที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบและระดับขั้นสูงสุดขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ จากปรากฏการณ์นี้สำหรับผู้ที่มีระดับสติปัญญาสูงส่งย่อมััรับรู้พลังกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินได้ไม่ยากนัก เ้าเด็กคนนี้นั่งเข้าสมาธิฝึกฝนมาเป็เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ดูจากลักษณะแล้วคงจะััรับรู้พลังกฎเกณฑ์บางอย่างได้แล้วอย่างแน่นอน ภายในเวลาอีกสามเดือนที่เหลือเขาคงจะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิและผ่านด่านเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้ก็ต้องรอดูด่านสุดท้ายเพียงเท่านั้น เมื่อคิดถึงด่านสุดท้ายลู่ซีอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาอย่างอับจนด้วยปัญญา ท่านผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพก็เกินไปจริงๆ ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใดถึงได้สามารถคิดบททดสอบที่พิเศษพิสดารเช่นนี้ออกมาได้ เ้าเด็กคนนี้จะทะลวงผ่านไปได้หรือไม่ก็คงต้องขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ของ์แล้วละ
เย่ชิงหานลืมตาขึ้น ส่ายหัวกับตนเองเบาๆ พร้อมกับทอดถอนใจออกมา อีกเพียงแค่นิดเดียว เพียงแค่เยื่อกระดาษบางๆ ที่กั้นอยู่เท่านั้น มิฉะนั้นเขาคงได้เหยียบเข้าไปภายในประตูโลกแห่งพลังกฎเกณฑ์แล้ว ตอนนี้เขาเริ่มััได้อย่างเลือนรางถึงพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่แล้ว เพียงแต่ยังไม่สามารถที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนและทำความเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งเพียงเท่านั้น ยังรู้สึกว่ายังมีอะไรบางอย่างที่ขาดหายไปไม่สมบูรณ์อยู่
อืม...ควรทำการฝึกฝนท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ระดับชั้นที่สองต่อ ตอนนี้ตนเองสามารถััรับรู้ได้ในระดับหนึ่งแล้ว ขอเพียงใช้ท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ฝึกฝนจริงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการััเชื่อมโยงเข้าหากันกับพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ เยื่อกระดาษบางๆ แผ่นที่กั้นขวางอยู่ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกแทงทะลุสักวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขารู้ว่าวันนั้นอยู่ไม่ห่างไกลออกไปมากเท่าใดแล้ว
“ท่านผู้าุโ ขอให้ท่านช่วยเป็คู่ซ้อมให้ข้าต่อจะได้หรือไม่ ภายในสามเดือนข้าแน่ใจว่าสามารถเอาชนะท่านได้อย่างแน่นอน!” เย่ชิงหานลุกขึ้นยืนอย่างมั่นอกมั่นใจ เดินตรงเข้าไปหาลู่ซีพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆ ในขณะที่เดินจังหวะฝีเท้าล่องลอยพลิ้วไหวละมุนละไม มองดูแล้วให้ความรู้สึกเลือนรางไม่ชัดเจน
“ฮึ! หลังจากนี้สามเดือนถ้าหากเ้ายังเอาชนะข้าไม่ได้ข้าคงต้องสังหารเ้าเท่านั้นแหละ จะเป็หรือตายก็อยู่ที่ตัวเ้าเองเท่านั้น!” คำพูดของลู่ซีแม้จะฟังดูเ็าดังเดิม แต่ความจริงแล้วภายในใจของเขานั้นเริ่มร้อนรนขึ้นมาบ้างแล้ว คาดหวังให้เ้าเด็กคนนี้ทำให้สำเร็จตนเองจะได้หลุดพ้นจากการคุมขังของูเาสุสานทวยเทพเสียที
ฟิ้ว!
ลู่ซีไม่เกรงใจไม่ชักช้าอืดอาดยืดยาดแม้แต่น้อย ยกแขนขึ้นกระบองเหล็กสีดำปรากฏออกมาจากกลางอากาศมาอยู่ในมือ จากนั้นพลันเลือนหายไปแล้วมาโผล่อยู่ด้านหลังศีรษะของเย่ชิงหาน เย่ชิงหานที่ทำการเตรียมพร้อมระวังป้องกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วจังหวะฝีเท้าก้าวออกไปด้านข้างพร้อมกับร่างกายที่เบี่ยงหลบป้องกันจุดสำคัญอันตรายถึงชีวิตไป แต่ว่าระดับความเร็วของกระบองเหล็กรวดเร็วจนเกินไปยังคงโจมตีถูกแขนข้างซ้ายของเขาอยู่
“อาาา...”
เย่ชิงหานฝืนทนต่อความเ็ปไม่ไปสนใจไม่ไปดูใดๆ จากนั้นหลับตาลงอย่างเด็ดเดี่ยวร่างกายเริ่มเคลื่อนย้ายวนไปรอบๆ ภายในห้องโถงใหญ่...
การฝึกฝนอันแสนเ็ปที่เต็มไปด้วยความสุขเริ่มขึ้นอีกครั้ง
.................................
นครแห่งเทพ
เสว่อู๋เหินสวมชุดเสื้อคลุมยาวสีทองเดินอยู่บนถนนใหญ่ของนครแห่งเทพ ด้านหลังของเขาติดตามมาด้วยทูตของนครแห่งเทพหลายคนที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวสีทองที่ปกปิดทั่วทั้งร่างที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งใบหน้า
วันนี้เสว่อู๋เหินไม่ได้ทำการฝึกฝน ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเวลาของเขานั้นมีจำกัดและเริ่มบีบคั้นเข้ามาทุกที เขาเหลือเวลาเพียงแค่หนึ่งปี ถ้าหากภายใน่ระยะเวลาหนึ่งปีที่เหลือเขาไม่สามารถพัฒนาพลังฝีมือให้บรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้ละก็ เขาก็จะต้องอยู่ภายใต้ชุดเสื้อคลุมยาวสีทองที่ราวกับหนังวัวนี้ไปตลอดกาล มีชีวิตอยู่ภายในมุมมืดนี้ไปตลอดกาล ไม่มีตัวตน ไม่มีความหวัง และไม่มีวันพรุ่งนี้
จ้าวเทวะได้มอบทรัพยากรในการฝึกฝนที่ใช้ไม่มีวันหมดอย่างผลไม้วิเศษยาวิเศษเพื่อเพิ่มพลังปราณรบและเคล็ดวิชาต่างๆ ให้แก่เขา แต่ก็ได้กำหนดเส้นตายของระยะเวลาไว้ให้แก่เขาด้วย ก่อนที่เส้นทาง์ภายในูเาสุสานทวยเทพจะเปิดออก เขาจะต้องบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิให้จงได้ จากนั้นเข้าไปยังภายในด่านทดสอบทะลวงผ่านให้ได้ทั้งหมดเพื่อรับกระบี่เทพกลับออกมา หากทำได้สำเร็จชีวิตของเขาจะเฟื่องฟูขึ้นมาอย่างฉับพลันทันที แต่ถ้าหากล้มเหลวเขาคงจะต้องกลายเป็ทูตของนครแห่งเทพอยู่ภายใต้ชุดเสื้อคลุมยาวสีทองนี้ไปจนตาย
ดังนั้นเวลาทุกวินาทีของเขาจึงบีบคั้นอยู่ตลอด แม้แต่เวลาเล่นสนุกกับหญิงสาวก็ไม่มี เขาตั้งใจฝึกฝนอยู่ตลอดวันตลอดคืนจนแทบจะเป็บ้าธาตุไฟเข้าแทรก ความเคียดแค้นภายในใจที่มีต่อเย่ชิงหาน ที่มีต่อผู้คนของเขตปกครองเทพารวมไปถึงความฝันความความคาดหวังที่มีมาตลอดสิบกว่าปีทำให้เขามีปณิธานอันแรงกล้าน่ากลัว ปณิธานอันแรงกล้าน่ากลัวนี้ทำให้ระดับพลังฝีมือของเขาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวะโ
หลายปีก่อนตอนที่อยู่บนเกาะแห่งความมืดมิดพลังฝีมือของเขาอยู่ในระดับขั้นแรกขอบเขตนักรบ แมลงปีกแข็งสีทองทั้งสิบสองตัวของเขาในตอนนั้นมีระดับเทียบเท่าได้กับของผู้าุโตระกูลเสว่แล้ว พลังฝีมือโดยรวมจึงอยู่ในระดับขั้นที่สามขอบเขตนักรบ
หลายปีมานี้จนถึงตอนนี้พลังฝีมือของเขาอยู่ในระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ แมลงปีกแข็งสีทองทั้งสิบสองตัวของเขาในตอนนี้เข้าสู่ระยะเติบโตเต็มวัยกันทั้งหมดแล้ว เขามีความมั่นใจว่าหากอาศัยการลอบโจมตีจะสามารถสังหารผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้ในพริบตา แต่เขารู้ว่าพลังฝีมือเพียงเท่านี้ยังไม่พอ เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มากกว่านี้อีก อีกหนึ่งปีจากนี้เมื่อเส้นทาง์เปิดออกจะมียอดฝีมือจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น หากเขา้าที่จะมีชีวิตรอดอยู่ละก็จำเป็อย่างยิ่งที่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มากกว่านี้
เพียงแต่ วันนี้ที่เขาหยุดการฝึกฝนแล้วมาสวมใส่ชุดเสื้อคลุมยาวสีทองออกมาจากหอที่พักเดินอยู่บนถนนใหญ่ของนครแห่งเทพก็เพราะ วันนี้มีบุคคลผู้หนึ่งกำลังจะถูกปล่อยออกมาจากการถูกคุมขัง
.................................
ถูเชียนจวินไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ระยะเวลาสี่ปีผ่านไปกาลเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้บนใบหน้าของเขา จะมีก็แค่เพียงสีหน้าที่ขาวซีดเผือดลงไปมากเท่านั้น
ในระยะเวลาหลายปีมานี้เขาอยู่ภายในคุกแห่งเทพแม้ความเป็อยู่จะสุขสบายและมีสาวงามไม่ซ้ำหน้าวนเวียนสับเปลี่ยนมานอนด้วยอยู่ตลอดทุกคืน แต่เนื่องจากไม่ได้ัักับแสงแดดเลยสักครั้งจึงทำให้ใบหน้าของเขามีลักษณะอาการของโรคขึ้นมา
เขามองดูคนที่มายืนรอคอยต้อนรับตนเองที่ประตูใหญ่แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงหรี่ตาลงยืนอาบแดดอยู่อย่างละโมบพร้อมกับสายลมอบอุ่นที่พัดผ่านมาจากมุมของถนน
“กลับหอถูเซียน” ผ่านไปเนิ่นนานถูเชียนจวินยิ้มออกมาจางๆ โบกมือขึ้นแล้วพาคนกลุ่มหนึ่งเดินมุ่งหน้าออกไปยังทิศทางที่หอถูเซียนอยู่อย่างเปิดเผย
พอกลับมาถึงหอถูเซียน ถูเชียนจวินเดินเข้าไปภายในห้องหนังสือของถูเสินเว่ย จากนั้นคุยกันอย่างลับๆ อยู่ภายในเนิ่นนานราวครึ่งชั่วโมงถึงได้เดินออกมาพร้อมกับถือกล่องหยกชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ
“คนอื่นๆ แยกย้ายกันกลับไปได้ เสว่อู๋เหินเ้าตามข้ามา!”
สั่งการบอกให้ทูตของนครแห่งเทพที่ยืนอยู่ปากทางเข้าแยกย้ายกันกลับไปให้หมด จากนั้นถูเชียนจวินพยักหน้าไปยังทูตของนครแห่งเทพคนหนึ่งแล้วเดินเข้าไปภายในหอที่พักเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ด้านซ้ายมือ
“แสดงความยินดีกับคุณชายที่บรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ! ออกมาจากคุกแห่งเทพได้ก่อนกำหนด ต่อไปคงจะต้องผงาดขึ้นดั่งัโบยบินสู่เก้าชั้นฟ้าอย่างแน่นอน”
เสว่อู๋เหินไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด เดินตามถูเชียนจวินเข้าไปในหอเล็กๆ จากนั้นถอดชุดเสื้อคลุมยาวสีทองออกรวมไปถึงหมวกที่อยู่บนหัวแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งพูดขึ้นอย่างเคารพนอบน้อม
“ลุกขึ้นเถอะ หลายปีมานี้พลอยทำให้เ้าลำบากไปด้วย แต่เ้ากลับประสบโชคดีในโชคร้ายได้รับความโปรดปรานจากท่านจ้าวเทวะจนพลังฝีมือพัฒนารุดหน้าขึ้นมาเป็อย่างมาก!” ถูเชียนจวินใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม การถูกปล่อยจากการคุมขังก่อนกำหนดและพลังฝีมือบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด
“มิกล้า ทั้งหมดล้วนอาศัยบารมีของคุณชาย เพียงแต่...เส้นทาง์ภายในูเาสุสานทวยเทพที่จะเปิดออกในปีหน้า อู๋เหินกลัวว่าไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก ต่อไปคงไม่มีโอกาสได้ติดตามรับใช้คุณชายอีกแล้ว” เสว่อู๋เหินพูดออกมาด้วยสีหน้าเศร้าเสียใจ
“ฮ่าๆ ไม่ต้องเป็กังวล ไม่ใช่ว่ายังมีเวลาอีกหนึ่งปีมิใช่รึ? ตั้งใจฝึกฝนให้ดีๆ พยายามบรรลุระดับขอบเขตาาจักรพรรดิให้ได้ในเร็ววัน ััรับรู้พลังกฎเกณฑ์ให้ได้หลายๆ ประเภทสักหน่อยถึงจะดี! ข้าเชื่อมั่นในตัวเ้า”
ถูเชียนจวินโบกมือขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยจากนั้นจึงยื่นมือออกไปหยิบกล่องหยกที่วางอยู่บนโต๊ะส่งไปให้เสว่อู๋เหินแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงลึกลับที่ไม่ดังมากนัก “นี่เป็ของที่ข้าตั้งใจไปขอมาจากท่านพ่อเป็พิเศษ เ้าจะต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดีๆ อย่าทำให้ข้าผิดหวัง!”
“มันคืออะไร?” เสว่อู๋เหินเห็นถูเชียนจวินแสดงท่าทางลึกลับออกมา ภายในใจรู้สึกตื่นเต้นขึ้นในทันที เสว่อู๋เหินรู้ว่าจ้าวเทวะมอบผลไม้วิเศษยาวิเศษเพิ่มพลังปราณรบและเคล็ดวิชาต่างๆ มากมายให้ตนเองฝึกฝน ดังนั้นของที่อยู่ภายในกล่องจะต้องไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้