เหอตังกุยคิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มผู้มีวรยุทธ์ยอดเยี่ยมจะล้มลงเพราะฝ่ามือเพียงครั้งเดียว นางคิดเพียงว่าเขาแกล้งเจ็บให้น่าสงสารเท่านั้น ทันใดนั้นหนิงยวนก็โน้มตัวเข้าในอ้อมแขนนาง เมื่อเหอตังกุยเห็นเขาได้รับาเ็สาหัสจึงรีบล้วงเข็มเงินออกจากแขนเสื้อเพื่อฝังเข็มรักษาอาการให้เขา หลังฝังไปประมาณห้าเข็ม เหอตังกุยก็ตบหน้าหนิงยวนด้วยความหงุดหงิดพลางเอ่ย “ลืมตา อย่าแกล้งตายเช่นนี้ ตอนอยู่ในห้องโถงเ้ายังดูสบายดี เหตุใดผ่านไปเพียงครู่ก็าเ็จนมีสภาพเช่นนี้? อาการสาหัสเหมือนครั้งแรกที่ข้าพบเ้า เ้าาเ็ได้เยี่ยงไร?”
ก่อนเขาจะล้มลงบนร่างสาวน้อยไร้น้ำใจผู้นี้ หนิงยวนััได้ว่าจุดฝังเข็มอิ๋งถังและจุดฝังเข็มอวี้เหยาของตนค่อนข้างผิดปกติ อาการเช่นนี้หมายความว่าเขาหลงเสน่ห์นางโดยไม่ตั้งใจ จึงทำให้ “ทักษะโม่ถง” ของเขาไร้ประสิทธิภาพ...นี่ก็เป็ครั้งที่สามแล้ว
ในความเป็จริงวิชาโม่ถงเป็วิชาการใช้ยากระตุ้นจุดฝังเข็มอิ๋งถังและอวี้เหยา วิชาโม่ถงถูกสร้างขึ้นโดยท่านอาจารย์ไป๋ มันมีประโยชน์มากสำหรับหนิงยวน เพราะดวงตาสีน้ำตาลเหมือนแม่แต่กำเนิดของเขาทำให้เขาไม่สะดวกจะทำงานในยุทธภพและราชสำนัก ทว่าั้แ่เรียนรู้วิชานี้กับท่านอาจารย์ไป๋เมื่อสี่ปีก่อน เขาก็ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักจนหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยต้องกังวลกับปัญหาสีดวงตาแตกต่างจากคนทั่วไป แต่หลังได้พบสตรีผู้นี้ ดูเหมือนเขาจะได้พบคู่ต่อสู้ในชีวิต ก่อนหน้านี้ไม่ว่าตนจะไปที่ใดก็มักชนะเสมอแต่เมื่ออยู่ตรงนี้เขากลับแพ้นางทุกทาง ช่างน่าเวทนานัก หรือชาติที่แล้วตนติดค้างนาง?
สาวน้อยผู้นี้เรียกตัวเองว่าลูกศิษย์สำนักฉีหยางกง ทั้งยังรู้ชีวิตความเป็อยู่หลายอย่างเกี่ยวกับจูหยวนจาง ทำให้เขาต้องระมัดระวังเื่การปกปิดความลับเป็พิเศษ แม้เขาจะสาบานว่าจะทำให้นางเป็ของเขาให้ได้ แต่ก่อนจะได้นางมานั้น เขาก็ยังไม่สามารถบอกตัวตนที่แท้จริงและความลับที่หนีออกจากเขตการปกครองโดยไร้ราชโองการกับนางได้ ทั้งยังไม่สามารถเผยดวงตาสีน้ำตาลให้นางเห็นได้ อย่างน้อยก็ตอนเขาอ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องตัวเอง
หลังหนิงยวนไตร่ตรองครู่หนึ่งก็หลับตาแน่น เอ่ยด้วยความหงุดหงิด ”ข้าง่วงนิดหน่อย ไม่อยากลืมตา เ้ารักษาต่อไปเถิด ไม่ต้องสนใจข้า อย่างไรเสียเ้าก็ต้องรับผิดชอบรักษาข้า หากเ้าไม่รักษาข้า ข้าก็จะนอนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”
เมื่อเหอตังกุยได้ยินก็เลิกคิ้ว “มีสิทธิ์อะไร” เหตุใดเขาี้เีเช่นนี้?
“มีสิทธิ์อะไร?” หนิงยวนแค่นเสียงเ็า “ก็เพราะข้าได้รับาเ็จาก ‘พี่ต้วน’ ของเ้า และเ้าในฐานะ ‘น้องสาวของเขา’ จึงมีหน้าที่ดูแลข้า”
“ต้วนเสี่ยวโหลว?” เหอตังกุยเลิกคิ้วเอ่ยอย่างประหลาดใจ “เหตุใดจึงมีเื่ทะเลาะกับเขาได้เล่า? ตอนนี้เ้าไม่ได้แสร้งเป็น้องชายของลู่เจียงเป่ยหรือ?” แม้เสี่ยวโหยวจะยืนอยู่ด้านข้างแต่ก็ไม่รู้เื่อะไร นางจึงพูดความลับต่อหน้าเสี่ยวโหยวได้อย่างเปิดเผย
หนิงยวนไม่พอใจมากพลันเอ่ยโดยไม่ลืมตา “ใครแสร้งเป็น้องชายลู่เจียงเป่ย? เ้าก็เดาออกไม่ใช่หรือว่าข้ากับลู่เจียงเป่ยมีเื่บาดหมางกัน ฮึ” จากนั้นเขาก็เปลี่ยนน้ำเสียงก่อนเอ่ยด้วยความอิจฉา “ถึงข้าจะถูกเขาทำร้าย แต่พี่ต้วนของเ้าก็าเ็เช่นกัน เ้าคงจะเ็ปใจมากกระมัง?”
เข็มเงินในนิ้วเรียวยาวของนางแทงเข้าไปกะทันหันจนเขาพ่นลมเย็นออกมาหนึ่งเฮือก เหอตังกุยแสร้งเอ่ยด้วยความโมโห “พี่ชายน้องสาวอะไรของเ้า? พูดจาไร้สาระ ข้าเพิ่งพบคุณชายต้วนครั้งแรก บอกข้าเร็วเข้าว่าเหตุใดจึงต่อสู้กับเขา เขาาเ็สาหัสหรือไม่?” ผู้มีวรยุทธ์เช่นพวกเขาเก่งเื่ก่อปัญหาจริง ๆ มีอะไรไม่พอใจก็ต้องลงไม้ลงมือ สุดท้ายก็ได้รับาเ็กันทุกฝ่าย กระอักเืกันทุกคน ไม่เหมือนตนกับหลัวไป๋ฉยงที่เห็นได้ชัดว่าเกลียดกันแต่ก็ยังหันหน้าเข้าหากันได้ด้วยความสุภาพและมีมารยาท...แม้จะแอบทิ่มแทงลับหลังบ้างก็ตาม แต่ต่อหน้าทุกคนพวกนางก็ยังเป็พี่น้องที่ดีต่อกัน
“เ้าพูดจริงหรือ?” หนิงยวนหรี่ตามองพลางเอ่ยถาม “เ้าไม่รู้จักต้วนเสี่ยวโหลวจริงหรือ? แล้วเหตุใดเขาถึงเรียกเ้าว่า “น้องเหอ” ไม่หยุดเล่า?”
แม้เหอตังกุยจะไม่คิดว่าการต่อสู้ระหว่างหนิงยวนและต้วนเสี่ยวโหลวจะเกี่ยวข้องกับนาง แต่พวกเขาทั้งคู่เกี่ยวข้องบางอย่างกับนางแน่นอน ดังนั้นเพื่อหยุดความขัดแย้งของทั้งสอง เหอตังกุยจึงต้องโกหก “เมื่อครู่เ้าไม่ได้อยู่ในห้องโถงจึงไม่ได้ยิน คุณชายต้วนเป็คนใจดี เป็มิตรกับคุณหนูทุกคน ไม่ใช่เพียงข้าคนเดียว เขาเรียกคนอื่นว่า “น้องกวน น้องหลัว น้องเหอ” ตอนนี้เขาเหาะเหินรอบ ๆ เพื่อตามหาข้า ต้องเป็คำขอร้องของท่านยายแน่นอนจึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ” อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่เื่โกหก ต้วนเสี่ยวโหลวจำนางไม่ได้จริง ๆ
หนิงยวนลืมตามองนางอย่างอดไม่ได้พลางเอ่ย “เ้าหลอกข้าหรือไม่? ข้าได้ยินเสียงร้องไห้ฟูมฟายของคุณชายต้วน ฟังดูน่าเวทนายิ่งนัก”
“นั่นเป็เพราะหูเ้ามีปัญหา เหตุใดข้าไม่ได้ยินเช่นนั้น?” เหอตังกุยฝังเข็มเงินจำนวนมากที่หน้าอกของเขาจนดูเหมือนขนเม่น ขณะเงยหน้ามองก็สบตาของหนิงยวนโดยบังเอิญ นางใมากพลันพูดเสียงเบา “เหตุใดตาของเ้า...ถึงเป็เช่นนั้นเล่า?”
หนิงยวนใเสียงของนางจึงรีบหลับตาทันที แปลกยิ่งนัก ทั้งที่เขากลั้นหายใจและตั้งสมาธินึกถึงวิชาโม่ถงก่อนลืมตาแล้วแท้ ๆ เหตุใดนางยังร้องอุทานเมื่อเห็นแววตาของเขา? หรือเขาจะหลงรักนางมากเสียจนไม่สามารถทำใจให้สงบได้...
“คุณชายหนิง ข้าเห็นริ้วสีฟ้าในดวงตาสีขาวของเ้า รูม่านตาของเ้าก็ขยาย เห็นได้ชัดว่าเ้าเคยเป็หวัดในฤดูหนาว มันทำให้แขนขาเย็นและไม่รู้สึกตัว” เหอตังกุยมองดวงตาและใบหน้าอีกฝ่ายก่อนวินิจฉัย “มิน่าล่ะ อาการาเ็ภายในของเ้าถึงไม่ดีขึ้น หากเ้าเชื่อใจวิชาแพทย์ของข้าก็สามารถใช้สูตรยาของข้าได้ ใช้สยงหวงสองขีด ผงสีชาดห้าขีด ชะมดสองขีด พิมเสนสองขีด ดินประสิวหนึ่งขีด บดสมุนไพรเหล่านี้เก็บไว้ในไห ในทุกครั้งที่ใช้ให้ใช้ตะเกียบชุบสองครั้ง ละลายด้วยน้ำอุ่นก่อนดื่ม เมื่อผ่านไปครึ่งเดือนโรคนี้ก็จะหาย”
เมื่อหนิงยวนได้ยินดังนั้นก็โล่งใจพลันก่นด่าสาวน้อยผู้นี้ในใจ เพียงวินิจฉัยโรคของเขาเท่านั้น แต่กลับร้องอุทานเสียงดัง พลอยทำให้เขาใไปด้วย
เหอตังกุยเห็นหนิงยวนไม่ตอบก็คิดว่าเขาไม่สนใจโรคนี้ นางจึงย้ำอีกครั้ง “เ้าไม่ควรคิดว่าเ้ามีลมปราณเจินชี่ปกป้องร่างกายแล้วจะไม่มีโรคใดทำร้ายเ้าได้ หากเ้าไม่รักษาโรคนี้ให้เร็วที่สุด อาการาเ็ภายในของเ้าจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผลที่ตามมานั้นข้าแทบไม่อยากจะคิด…เ้าจำสูตรยาที่ข้าบอกเมื่อครู่ได้หรือไม่?”
หนิงยวนพยักหน้าเบา ๆ พลางตอบ “ข้าจำได้ ข้าจะกินยานี้หลังกลับไป…เ้าก็ควรดูแลตัวเองและกินข้าวให้มากขึ้น”
คำพูดอ่อนโยนหาฟังยากที่ออกจากปากของเขาเรียกได้ว่าเป็คำอวยพรชนิดหนึ่ง แต่ผู้ฟังกลับไม่มีตอบสนอง ทั้งยังคงจดจ่อกับเข็มเงินที่หน้าอก ขณะนี้หนิงยวนก้มมองเข็มเงินบนหน้าอกด้วยความประหลาดใจ เมื่อครู่เขาแทบไม่ได้สังเกต นางฝังเข็มประมาณห้าสิบเข็มบริเวณหัวใจของเขาได้อย่างไร ขณะคิดจะตำหนิว่านางวางแผนทำร้ายว่าที่สามี จู่ ๆ ก็ััได้ว่าพลังฝ่ามือลมเย็นของต้วนเสี่ยวโหลวในร่างกายของเขาหายไปโดยไม่รู้ตัว บริเวณที่ได้รับาเ็จากพลังฝ่ามือนั้นก็อบอุ่นและโล่งสบายไม่น้อย
เหอตังกุยครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเหลือบมองเด็กหนุ่มข้าง ๆ ก่อนสั่ง “เสี่ยวโหยวไปดูเหล้าที่ห้องครัวให้ข้าทีว่ามีหรือไม่ จะให้ดีต้องเป็เหล้าที่มีกลิ่นฉุนขึ้นจมูก หากมีก็เอามาให้ข้าสักครึ่งขวด” เหล้าสามารถใช้ได้กับวิชาฝังเข็มทองของนาง มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาให้มากขึ้น ตอนนางมีไข้ขณะอยู่ในวัดสุ่ยซังก็ใช้วิธีฝังเข็มนี้เพื่อลดไข้และสงบสติอารมณ์ เดิมทีวิชานี้ไม่ควรเปิดเผยต่อหน้าคนอื่นที่มีสติครบถ้วน แต่อย่างไรเขาก็ช่วยนางถึงสองครั้ง ด้วยสัญชาตญาณของหมอทำให้นางไม่สามารถเพิกเฉยต่อคนไข้ที่าเ็ได้
เมื่อเสี่ยวโหยวได้รับคำสั่งก็รีบวิ่งไปทันที หนิงยวนมองเหอตังกุยด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนเอ่ย “สาวน้อย เ้าเรียนรู้วิชาการแพทย์และวิธีฝังเข็มอันยอดเยี่ยมเหล่านี้จากที่ใด?” เมื่อเห็นนางหรี่เปลือกตา ทั้งยังไม่สนใจคำถามของเขา หนิงยวนจึงกล่าวเสริม “การชงชาของเ้าเหมือน ‘การชงชาตระกูลซ่ง’ ของซ่งโหยว แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยได้ยินว่าเขารับศิษย์สตรี แล้วเ้าเรียนรู้ “ศิลปะการชงชาอวิ๋นอิ่น” จากที่ใด?”
เมื่อหนิงยวนพูดประโยคสุดท้าย เหอตังกุยจึงหยุดการฝังเข็มกะทันหันพลันมองเขาด้วยความประหลาดใจ ก่อนพูดทวนซ้ำคำเดิม “ศิลปะการชงชาอวิ๋นอิ่น? คุณชายหนิง เ้า...รู้จักศิลปะการชงชาอวิ๋นอิ่นด้วยหรือ?”
“ใช่” หนิงยวนไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงมีท่าทีเช่นนั้นจึงเดาว่านางอาจชื่นชมซ่งโหยวผู้เชี่ยวชาญการชงชาและเป็ที่รู้จักในนาม “ไซ่ลู่อวี้” ก่อนอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียด “ทักษะชงชาอวิ๋นอิ่นเป็วิธีการชงชาตามบทกวีของหลี่ซางอิ๋นคือ ‘ท่านถามวันกลับทั้งที่ยังมิถึงกำหนด สระน้ำเขาปาซานยามค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วง ครั้นได้ตัดเทียนด้วยกันริมหน้าต่างทางทิศตะวันตก กลับเล่าถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้างยามอยู่ในหุบเขาปาซานในค่ำคืนฝนพรำ’ วิธีการชงชาอวิ๋นอู้หรือเรียกอีกชื่อว่าการชงชาอวิ๋นอิ่นถูกพัฒนาขึ้นโดยซ่งโหยวใน่สองปีที่ผ่านมา ด้วยการใช้ชาอวิ๋นอู้และชาปี้หลัวที่ดีที่สุดผสมกัน เมื่อครู่ข้าอยู่บนหลังคาก็เห็นเ้าชงชาอวิ๋นอิ่นในห้องโถงจึงประหลาดใจไม่น้อย เพราะการชงชาเช่นนี้ ซ่งโหยวเคยแสดงให้ข้าและเฟิงหยางดูเท่านั้น เ้าเรียนมันมาจากที่ใด?”
ยิ่งเหอตังกุยได้ฟัง สีหน้าของนางก็ยิ่งเ็า มือที่จับเข็มเงินและริมฝีปากเริ่มสั่นเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นจ้องมองหนิงยวนไม่กะพริบจนทำให้เขาอึดอัด เหอตังกุยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง “เ้าและซ่งโหยว…เจอกันบ่อยหรือไม่?”
หนิงยวนไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงมีท่าทีแปลก ๆ จึงพยักหน้าก่อนตอบอย่างลังเล “ใช่ เขาอาศัยในจวนของข้า…เ้าชื่นชมเขามากใช่หรือไม่? ข้าช่วยให้เ้าพบกับเขาได้ แต่จะว่าไป...บทกวีสี่วรรคของศิลปะชงชาอวิ๋นอิ่นนี้ก็มีชื่อ “เหอตังกุย” ของเ้าด้วย ไม่น่าล่ะ เ้าถึงสนใจมันมาก” หนิงยวนหาข้ออ้างหวังแก้ไขท่าทางแปลก ๆ ของนาง แต่เขาไม่รู้ว่าเหอตังกุยไม่ได้ “สนใจ” เพียงซ่งโหยวเท่านั้น
เหอตังกุยเงยหน้ามองดวงดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้าพลางนึกถึงชีวิตของซ่งโหยวใน่ปีแรก “ไซ่ลู่อวี้” เป็ผู้มีวรยุทธ์ในยุทธภพ ต่อมากระดูกสะบ้าหัวเข่าของเขาถูกตัดขาดสะบั้นขณะต่อสู้กับคู่อริ ั้แ่นั้นมาเขาก็ไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป จึงเริ่มมีสมาธิกับการเรียนชงชาที่บ้านจนกลายเป็ผู้เชี่ยวชาญ แต่ซ่งโหยวเคยก่อเื่ไว้มากมายขณะอยู่ในยุทธภพ ดังนั้นศัตรูของเขาจึงแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตูบ้านบ่อยครั้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างปลอดภัย ในที่สุดก็ทิ้งจดหมายและหนีไปบวชเป็พระ แต่ก่อนเขาจะออกบวชนั้น เขาถูกจูฉวนองค์ชายสิบเจ็ดส่งคนไปรับมาหลบซ่อนไว้ที่จวนของตน
ต่อมาจูฉวนได้รับแต่งตั้งเป็หนิงอ๋อง เมื่อเขาไปเมืองต้าหนิงก็พาซ่งโหยวไปด้วย โดยจัดให้เขาอยู่เรือนจิ่วหลาน เมื่อใดก็ตามที่จูฉวนว่างก็จะไปดื่มชาและเล่นหมากรุกกับซ่งโหยว ศิลปะการชงชาของเหอตังกุยก็เรียนรู้มาจากซ่งโหยวหลังแต่งเข้าจวนอ๋องหนิง หากจำไม่ผิด ซ่งโหยวไม่เคยออกจากจวนอ๋องหนิงจนกระทั่งเสียชีวิตในปีที่สามของรัชสมัยเจี้ยนเหวิน อีกทั้งเขาก็ไม่เคยสอนการชงชาให้ใคร
“ไม่ผิด ข้าชื่นชมท่านอาจารย์ซ่งมานานแล้ว” ขณะเอ่ยเหอตังกุยก็เก็บซ่อนความรู้สึกในแววตา ก่อนจ้องหนิงยวนพลางพูดต่อ “ข้าได้ยินว่าเขาบวชเป็พระและซ่อนตัวในป่า นึกถึงเื่นี้ทีไรก็เสียดายทุกที แต่ที่ไหนได้ เขาย้ายเข้าไปในจวนของเ้าเองหรือ เหอ ๆ อาจารย์ซ่งย้ายเข้าบ้านคุณชายเมื่อใดหรือ?”
หนิงยวนเห็นนางเริ่มยิ้มอีกครั้ง แม้แววตาจะดูแปลกแต่ก็มีชีวิตชีวาไม่น้อย เขาจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ซ่งโหยวเป็แขกของข้าเมื่อหกเดือนก่อน หากเ้าอยากเจอเขาก็ไม่ใช่เื่ยาก เพียงเ้ายอมเป็นางสนมและกลับไปพร้อมข้าก็สามารถพูดคุยเื่ศิลปะการชงชากับเขาได้ทุกวัน... สาวน้อย แม้ตอนนี้ข้าจะบอกตัวตนที่แท้จริงของข้าไม่ได้ แต่หากเ้าเป็สนมของข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เ้าเสียหน้า นี่เป็ทางเลือกที่ดีที่สุดของเ้า ข้ารู้ว่าเ้าไม่มีความสุขในจวนตระกูลหลัว อีกทั้งผู้คนที่นี่ก็ไม่ใจดีกับเ้า แทนที่จะทนอยู่ที่นี่ ไม่สู้ไปอยู่กับข้า…”
จู่ ๆ เหอตังกุยก็เดือดดาลทันที แขนขาของนางเย็นเยียบฉับพลัน ขณะเดียวกันหูก็เกิดเสียง “หึ่ง ๆ ” เพราะความเดือดพล่านของโทสะ นางเริ่มไม่ได้ยินเสียง เห็นเพียงปากของหนิงยวนที่ยังคงพูดต่อไปไม่หยุด แม้นางจะไม่อยากคิดถึงจูฉวนแต่ก็ไม่สามารถลืมความทรงจำในชาติที่แล้วได้ หากจำไม่ผิด จูฉวนได้รับแต่งตั้งเป็อ๋องหนิงเมื่อครึ่งปีก่อน เขาถูกส่งไปยังเมืองต้าหนิงเพื่อดูแลกองทหารทางตะวันตกเฉียงเหนือ จากนั้นก็สร้างจวนอ๋องหนิงขึ้นและซ่งโหยวก็ย้ายไปที่นั่นเมื่อครึ่งปีก่อน
ลมยามรัตติกาลพัดผ่านทำให้ตัวนางสั่นเทาเพราะความเหน็บหนาว ตัวตนที่แท้จริงของคุณชายที่ชื่อ “หนิงยวน” ถูกเปิดเผยแล้ว ช่างน่าหวาดกลัวนักที่เขาอยู่ใกล้ชิดนางถึงเพียงนี้ เมื่อเขาได้พบนางอีกครั้ง “ก็ยังอยากให้นางเป็สนมของเขาอีกครา”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้