“แค่กๆ! แค่กๆ!”
เดิมทีเริ่นเสี้ยวเทียนเืเปรอะไปทั่วใบหน้า หลังจากโดนบีบคอจนหายใจไม่ออก ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำและไอออกมาไม่หยุด
ตอนนี้มืออีกข้างของอู๋ิทาบลงบนหัวของตนเองแล้ว เขาทำได้เพียงยืนหยัดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นหัวของเขาอาจโดนอู๋ิกระชากออกไป
พลังยุทธ์ของเขาคือขั้นราชันระดับสูงสุด หากต้องสู้กันจริงๆ ยังพอสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิได้ แต่ขั้นจักรพรรดิที่เขาสู้ได้ อย่างมากที่สุดคือบุคคลที่อยู่ในระดับเดียวกับาามารทิศเหนือ เป็ผู้ฝึกตนที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิ
แต่อู๋ิผู้นี้เป็ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิระดับกลาง พลังยุทธ์ของพวกเขาต่างกันมากเกินไป
หากกล่าวถึงพลังต่อสู้ าามารทิศเหนือสามคนยังไม่แน่ว่าจะเป็คู่ต่อสู้ของอู๋ิได้เลย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเริ่นเสี้ยวเทียน
และแม้เพลิงิญญาโดยรอบกำลังแผดเผาร่างจิติญญาของอู๋ิอยู่ เนื่องจากพลังยุทธ์ที่ต่างกันมากจึงเห็นผลค่อนข้างช้า
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เริ่นเสี้ยวเทียนอาจตายได้ทุกเมื่อ
เสิ่นเลี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ ในตอนนี้กำลังมองอู๋ิด้วยแววตาเยียบเย็น
เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิอีกครั้ง
ครั้งนี้อีกฝ่ายแข็งแกร่งยิ่งกว่าแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิ
ครั้งนี้ไม่มีเสิ่นเสวียนปกปิดตัวตน โอกาสสำเร็จไม่ถึงหนึ่งส่วนเลยด้วยซ้ำ เสิ่นเสวียนเคยบอกไว้ หากมั่นใจไม่เกินแปดส่วนอย่าเปิดเผยตัวตนจอมยุทธ์สังหารออกไปเด็ดขาด
แต่เขาจำเป็ต้องทำ
หากไม่ทำ เริ่นเสี้ยวเทียนอาจต้องตาย และพวกเขาก็คงตายไปด้วย
เสิ่นเสวียนไม่อยู่ เขามีหน้าที่ปกป้องทุกคนที่นี่
กริชนิลนาคาแอบซ่อนอยู่ในมิติ ตอนนี้กระแสพลังใกล้ปะทุออกมาแล้ว มันสั่นไหวไม่หยุด พร้อมกระโจนออกไปสังหารตลอดเวลา
“แค่กๆ!!!”
“แค่กๆ!!!”
เสียงของเริ่นเสี้ยวเทียนอ่อนแรงลงมากแล้ว ไอพลังบนร่างก็เริ่มเบาบางลง
“จบสิ้นแล้ว สังหารเ้าแล้วข้าค่อยไปจัดการพวกเขาต่อ ให้พวกเ้าได้ไปอยู่ด้วยกัน”
อู๋ิบอกลาเริ่นเสี้ยวเทียนเป็ครั้งสุดท้าย
จากนั้นเขาก็ออกแรงบีบรุนแรงกว่าเดิม โดยเฉพาะมือที่วางอยู่บนหัว พลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด กระทั่งมองเห็นได้ว่าคอของเริ่นเสี้ยวเทียนถูกดึงให้ยาวขึ้น
ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิระดับกลางน่ากลัวยิ่งนัก!
ทว่าในขณะนั้นเอง อู๋ิพลันรู้สึกเย็นวาบขึ้นที่กลางหลัง ประสบการณ์การต่อสู้มานานหลายปีบอกเขาว่าอันตรายกำลังมาเยือน
และอันตรายครั้งนี้อาจถึงชีวิต
เขาจึงหันไปมองทางขวาในทันที
เสิ่นเลี่ยนที่ยืนอยู่ตรงนั้นส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อย
รอยยิ้มนี้ราวกับรอยยิ้มของเทพแห่งความตาย ทำให้เขาขนหัวลุกชัน
ต่อมาเสิ่นเลี่ยนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับหายตัวไป และเขายังไม่เจอร่องรอยอีกด้วย
ไอพลังของความตาย!
หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ ทันทีที่ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้นทำให้สีหน้าของเขาตึงเครียด กระทั่งไม่สนใจที่จะสังหารเริ่นเสี้ยวเทียนแล้ว จากนั้นเขาก็หันไปทางซ้ายแล้วหรี่ตามอง
เขามองเห็นลำแสงเยียบเย็นสว่างวาบขึ้น
อานุภาพเช่นนี้เพียงพอจะสังหารเขา ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือมันปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ หากไม่ใช่เพราะลางสังหรณ์ที่ติดตัวเขามานานหลายปี เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายจะโจมตีจากด้านซ้าย
สองมือที่บีบคอและจับหัวเริ่นเสี้ยวเทียนอยู่คลายออกพร้อมๆ กัน อัสนีเทพหลอมรวมขึ้นที่ใจกลางฝ่ามือทั้งสองข้างแล้วโจมตีใส่ลำแสงเยียบเย็นในพริบตา
ั้แ่เสิ่นเลี่ยนหายตัวไปจนโจมตีใส่อู๋ิ เป็่เวลาที่สั้นมาก ราวกับเกิดขึ้นในพริบตา
ตูม!
อัสนีเทพโจมตีใส่ลำแสงเยียบเย็นอย่างแม่นยำ จนเกิดเสียงดังสะท้าน
นี่คือพลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิ แม้เป็พลังโจมตีที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน แต่ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกตนขั้นราชันจะรับมือได้
ทว่าลำแสงเยียบเย็นกลับต้านทานได้
ไม่เพียงต้านทานได้ ยังทะลวงผ่านอาณาเขตะเิของอัสนีเทพไปได้ และพุ่งตรงเข้าใส่หน้าผากของอู๋ิอีกด้วย
ความเร็วไม่ได้ลดลงเลย!
คล้ายจะเป็่เวลาเดียวกัน ที่อู๋ิต้องเอาเกราะคันฉ่อง[1] ออกมาป้องกันหน้าผากเอาไว้
ฉึก!
กริชเล่มนี้คือกริชนิลนาคาของเสิ่นเลี่ยน ด้านหลังกริชนั้นคือเสิ่นเลี่ยนใช้สองมือจับด้ามกริชเอาไว้ ทะลวงผ่านอาณาเขตอัสนีเทพแทงกริชตรงเข้าใส่หน้าผากของอู๋ิ
อู๋ิในตอนนี้เริ่มลนลานขึ้นมาแล้ว เนื่องจากเขาอาจถึงแก่ชีวิตได้จริงๆ จะไม่ลนลานคงไม่ได้
กริชในมือเสิ่นเลี่ยนแทงลงไปบนเกราะคันฉ่องอย่างแม่นยำ
ฉ่า!!!
ฉ่า!!!
เกราะคันฉ่องที่แข็งแกร่งแผ่นนั้นมีประกายไฟกระเด็นออกมา ส่วนกริชนิลนาคากำลังทะลวงผ่านเกราะคันฉ่องไปอย่างรวดเร็ว หากทะลวงผ่านไปได้ อู๋ิที่อยู่ด้านหลังเกราะนั้นก็จะโดนโจมตี
ทว่าอู๋ิไม่ใช่คนธรรมดา เขาใช้อัสนีเทพในการโจมตีและใช้เกราะคันฉ่องในการป้องกัน ทำให้พลังโจมตีของกริชนิลนาคาลดลงไปไม่น้อย และเขายังใช้เวลานี้ขยับร่างไปทันที
เคร้ง!
เกราะคันฉ่องแตกออกเสียงดังก้อง ในขณะเดียวกันหัวของอู๋ิก็เคลื่อนไปจากจุดเดิมแล้ว ทำให้กริชเฉียดใบหน้าของเขาไป ทิ้งรอยเืสีแดงฉานเอาไว้
ตุบ!
เมื่ออู๋ิหลบพลังโจมตีสังหารของเสิ่นเลี่ยนไปได้ เขาก็ยกเข่าโจมตีใส่หน้าอกของเสิ่นเลี่ยนทันที จนเสิ่นเลี่ยนตัวงอ
“เฮือก!”
ขณะเดียวกัน เสิ่นเลี่ยนกระอักเืออกมาและไอพลังบนร่างเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว
เสิ่นเลี่ยนมีพลังโจมตีเพียงครั้งเดียว และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเสิ่นเสวียนไม่ให้เขาลงมือเด็ดขาดหากไม่มั่นใจเกินแปดส่วน
หากโจมตีแล้วไม่สำเร็จ เท่ากับต้องตาย
ตอนนี้เขาโจมตีไปแล้วแต่ไม่สำเร็จ พลังของเขาหมดลงอย่างรวดเร็ว ไม่มีพลังต่อสู้อีกต่อไปแล้ว
เดิมทีอู๋ิอยากใช้เข่ากระแทกเสิ่นเลี่ยนให้กระเด็นออกไป แต่กลับพบว่าเสิ่นเลี่ยนหมดพลังต่อสู้ไปแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขาใเล็กน้อย แต่ก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป
เขาใช้มือแทนมีดฟันใส่ร่างของเสิ่นเลี่ยนในทันที
ภัยคุกคามเช่นนี้ กำจัดได้เร็วเท่าไรยิ่งดี หากปล่อยให้ล่วงเลยไปแม้เพียงนาทีเดียวอาจทำให้เขาาเ็หรือถึงตายได้
พลังฝ่ามือของเขาสามารถผ่าูเาให้แยกออกได้ และตอนนี้เขาฟันลงไปบนร่างของเสิ่นเลี่ยนที่ไม่มีพลังป้องกันตัว แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะเป็อย่างไร
แต่เขากลับล้มเหลวอีกครั้ง
เคร้ง!!!
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น และเห็นว่าเริ่นเสี้ยวเทียนยืนอยู่กลางอากาศตรงหน้าเขา ในมือถือไข่มุกแสงอยู่เม็ดหนึ่ง มันเปล่งประกายแสงสว่างจ้า ต้านทานพลังฝ่ามือมีดของอู๋ิเอาไว้ได้
“ไข่มุกแสงศักดิ์สิทธิ์!”
อู๋ิถอยหลังไปสองก้าวเนื่องจากโดนต้านพลังโจมตี สีหน้าของเขาตื่นใมาก เมื่อเทียบกับการสังหารเสิ่นเลี่ยนแล้ว ไข่มุกแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่า
เหตุผลไม่มีอย่างอื่นเลย เพียงเพราะไข่มุกนี้ได้รับพลังจากผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็สิ่งของของผู้ศักดิ์สิทธิ์
เริ่นเสี้ยวเทียนเืไหลเต็มปาก มือหนึ่งถือไข่มุกแสงศักดิ์สิทธิ์ อีกมือหนึ่งคว้าร่างเสิ่นเลี่ยนไว้ ไข่มุกแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ หลังจากสู้กับผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงแล้ว พลังของมันเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เขาก็เก็บเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้ที่นี่
“ไม่เป็ไร ข้ามาแล้ว”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวกับเสิ่นเลี่ยน ทว่าตอนนี้เสิ่นเลี่ยนหมดเรี่ยวแรงจนเกือบหมดสติไปแล้ว
“เ้า!”
อู๋ิมองเริ่นเสี้ยวเทียนด้วยแววตาสับสน เขาพูดไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ ไม่รู้ควรพูดอะไรดี
เขากลัวที่จะรู้ผลลัพธ์ กลัวผลลัพธ์ที่ตามมาจริงๆ และนับแต่นี้ไปเขาคงจะมิอาจลืมสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้เลย
และเมื่อเป็เช่นนี้ หากฆ่าตายไปทั้งหมดก็ไม่มีใครรู้เื่แล้ว
“ตายเสียเถอะ”
อู๋ิไม่ยั้งมืออีกแล้ว เขาซัดพลังหมัดสองข้างแหวกอากาศออกไป ทำให้เสิ่นเลี่ยนและเริ่นเสี้ยวเทียนกระเด็นออกไปทันที
พลังโจมตีนี้เป็พลังทั้งหมดของอู๋ิแล้ว
แม้จะมีไข่มุกแสงศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าเริ่นเสี้ยวเทียนมิอาจต้านทานได้อย่างแน่นอน
เริ่นเสี้ยวเทียนมองเงาหมัดที่พุ่งเข้ามาพลางยิ้มด้วยสีหน้าซีดเผือด แล้วเขาก็มองไข่มุกแสงศักดิ์สิทธิ์ในมือ และหันมองเงาหมัดอีกครั้ง เขารู้ว่าพลังที่มีในตอนนี้มิอาจต้านทานได้เลย
เขาเป็ถึงอัจฉริยะแห่งยุค ต้องมาตายอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ
คิดแบบนี้แล้วอดขำไม่ได้
“สังหารคนในที่ของข้า ใครให้เ้ากล้าขนาดนี้”
ขณะนั้นเอง ทุกคนก็ได้ยินเสียงคนแก่อย่างชัดเจน
และมิติเบื้องหน้าของเสิ่นเลี่ยนกับเริ่นเสี้ยวเทียนพลันมีม่านพลังปรากฏขึ้น
ตูม! ตูม!
เสียงพลังโจมตีดังขึ้นสองครั้งแต่ม่านพลังนั้นกลับไม่เป็อะไรเลย ส่วนเงาหมัดนั้นแตกสลายไปในพริบตา
“ใครกัน”
อู๋ิใมากที่ได้ยินเสียงนั้น จึงหันมองไปรอบๆ เพื่อหาต้นเสียง
..........................................................
[1] เกราะคันฉ่อง (护心镜) หรือเรียกอีกอย่างว่า เกราะหัวใจ (เกราะป้องกันหัวใจ) มีลักษณะเป็แผ่นทองแดงฝังไว้ที่หน้าอกและแผ่นหลังของชุดเกราะนักรบสมัยโบราณ เพื่อป้องกันการโจมตีด้วยลูกธนู