"มา ข้าจะอุ้มเ้าไปซื้อเนื้อ"
เฉียวเยว่มองอวี้อ๋อง รู้สึกว่าหากตนเองเดินเข้าไปอีกก้าวจะถูกโจรลักพาตัวไปขาย
นางนึกเสียใจภายหลังเล็กน้อยที่เข้ามาใกล้เพียงเพราะอยากชมความงดงาม ถึงว่า คนที่ทำให้ป้าสะใภ้รองกลัวได้ จะต้องไม่ใช่คนที่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นสตรีเหิมเกริมเช่นป้าสะใภ้รอง... เอ้อ การนินทาผู้ใหญ่เป็สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซูเฉียวเยว่ เ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ ทำไม่ได้!
เฉียวเยว่หดตัวไปด้านหลัง แล้วเอ่ยเสียงเบา "ท่านพูดเหมือนโจรลักพาตัวเลย"
พรืด!
ซูซานหลางรีบเอ่ยปาก "อวี้อ๋องโปรดอย่าได้ถือสา บุตรน้อยของข้าน่ารักน่าชังอย่างนี้มาั้แ่เล็ก ข้ากลัวว่านางจะถูกลักพาตัว จึงมักกำชับอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้นางจึงอ่อนไหวต่อเื่ลักพาตัวเป็พิเศษ"
คนที่สามารถชมบุตรสาวของตนเองต่อหน้าธารกำนัลหาใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้
อวี้อ๋องช้อนตาขึ้นมองซูซานหลาง เขายังคงสงบนิ่งไม่มีวี่แววของความรู้สึกอื่นแม้แต่กระผีก
"โบราณว่าบุตรสาวมักเหมือนบิดา คุณหนูเจ็ดดูคล้ายคลึงกับคุณชายสามสกุลซูยิ่งนัก"
ซูซานหลางก้มศีรษะ "พวกเราสองพ่อลูกค่อนข้างจะเรียบง่ายและไร้เดียงสา"
ซู่เฉิงโหวเห็นสถานการณ์แล้วก็รีบกล่าวขึ้นมา "อวี้อ๋องเชิญนั่ง ท่านต้องยืนสนทนาเช่นนี้ จะกลายเป็ว่าพวกเราต้อนรับไม่ดี"
อวี้อ๋องเลิกคิ้วมองเก้าอี้ ผู้ติดตามด้านข้างเดินเข้ามา ล้วงขวดใบหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าคือสิ่งใดออกมาเท แล้วใช้ผ้าเช็ดอย่างพิถีพิถัน หลังจากจัดการเสร็จเรียบร้อย อวี้อ๋องถึงนั่งลงในที่สุด
ความสำรวยเช่นนี้ เฉียวเยว่รู้สึกว่าโรครักความสะอาดของบิดานางดูธรรมดาไปเลย นี่สิชาวราศีกันย์ตัวจริง
เฉียวเยว่รู้สึกได้ว่าถูกจดจ้องจึงมองออกไป ก็พบว่าอวี้อ๋องกำลังมองนางอยู่ จึงรีบเบือนสายตาหนีอย่างรวดเร็ว
"ได้ยินว่าวันนี้เป็วันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ข้าอ๋องน้อยมาเองโดยมิได้รับเชิญ หวังว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่รังเกียจ" อวี้อ๋องรับผ้าจากผู้ติดตามมาเช็ดมือไม่หยุด แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการสนทนา
"ท่านอ๋องกล่าวอันใด ท่านมา ถือว่าเป็เกียรติอย่างสูง จะมีความไม่พอใจได้อย่างไรเล่า ท่านคิดมากไปแล้ว" ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างมีมารยาท
เฉียวเยว่รู้สึกว่าท่านย่าของนางน่าจะไม่ชอบคนผู้นี้สักเท่าไร มิเช่นนั้นจะไม่ใช้น้ำเสียงอย่างนี้แน่นอน
แต่ชายหนุ่มหน้าตาโดดเด่นเช่นนี้ แม้จะดูชอบกลอยู่บ้าง แต่เฉียวเยว่ก็ยังรู้สึกไม่อยากละสายตา
นางยกขาอวบน้อยๆ ขึ้นมานั่งขัดสมาธิ หันไปทางอวี้อ๋อง ซูซานหลางเดินตรงเข้ามา "พ่อจะอุ้มเ้าไปหยิบของกิน"
เฉียวเยว่ส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่อยากไป ท่านพ่อไปหยิบเถอะ"
ซูซานหลางเบี่ยงกายมาบังด้านหน้าของเฉียวเยว่พอดี จนเฉียวเยว่ไม่สามารถมองเห็นอวี้อ๋องได้
เฉียวเยว่มองบิดาอย่างหัวเสีย แต่กลับพบว่าซูซานหลางกำลังถลึงตาใส่นางอยู่พอดี เฉียวเยว่รู้สึกน้อยใจ ผู้อื่นเป็องค์หญิงน้อยแสนจะเปราะบาง มิชอบถูกถลึงตาใส่เป็ที่สุด นางขอต่อต้าน... นางจะ... นางสงบเสงี่ยมเจียมตัวหน่อยดีกว่า
แขนอวบน้อยๆ กางออก "ท่านพ่ออุ้มข้าไปหยิบของกิน ข้าจะเลือกเอง"
รีบกลับตัวไว ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ต้องใคร่ครวญถึงก้นของตนเองบ้าง มิเช่นนั้นหากถูกตีจนลายก็ไม่มีใครสนใจ
อวี้อ๋องหลุบสายตา พร้อมกับรอยยิ้มที่คล้ายมีคล้ายไม่มี ทว่าในสายตาของใครบางคนกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาน่ากลัวราวกับงูพิษก็ไม่ปาน
ซูซานหลางอุ้มบุตรสาวเดินออกมา แล้วตีก้นของนางเบาๆ หนึ่งที "เ้าตัวแสบ เหตุใดไม่รู้จักวางตัวดีๆ หากวันนี้ไม่ใช่วันเกิดท่านย่าของเ้า ข้าจะตีก้นของเ้าให้ลายไปเลย"
มีบุตรสาวบ้านไหนมองชายหนุ่มจนน้ำลายหกกันบ้าง ทนดูไม่ได้ ทนดูไม่ได้จริงๆ
นึกถึงตรงนี้ก็ถลึงตาใส่บุตรสาวอีกที
เฉียวเยว่เป็พวกหน้าสองชั้น [1] จำได้แต่เื่กิน ไม่จำเื่ตี
นางกอดคอของซูซานหลาง ใช้น้ำเสียงฉอเลาะ "ท่านพ่อ ท่านตีข้าไม่ลงหรอกใช่หรือไม่ ท่านตีข้าแล้วก็คงจะปวดใจมาก ถึงอย่างไรข้าก็เป็เด็กหญิงตัวน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดู"
ชมตนเองเก่งจริงๆ
ซูซานหลางกลอกตาใส่นาง "เ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็ใคร ก็กล้าวิ่งเข้าไปหา"
เฉียวเยว่คลำหางเปียพลางเอ่ยถาม "ท่านพ่อ ข้าได้ยินท่านตาบอกว่าจ้าวอ๋องเป็พระอนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้ ถูกต้องหรือไม่"
ซูซานหลางตอบอื้ม แต่ไม่พูดต่อ
เฉียวเยว่ยังถามต่อ "เช่นนั้นอวี้อ๋องอายุยิ่งน้อยกว่า เหตุใดถึงเป็ท่านอ๋องเล่า ข้าไม่เข้าใจสักนิด อีกอย่างรัชทายาทเป็พระโอรสองค์โตของฮ่องเต้ แต่เขาโตกว่าเสด็จพี่รัชทายาท ข้ายิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่"
ซูซานหลางถอนหายใจเบาๆ ลูบศีรษะบุตรสาวของตนเอง "หากเ้าใช้ความคิดเหล่านี้กับการศึกษาเล่าเรียน ต่อไปภายหน้าย่อมสามารถเป็อันดับหนึ่งของสำนักศึกษาสตรีได้"
เฉียวเยว่กลับโต้แย้งอย่างตรงไปตรงมา "แต่ท่านบอกว่าความสุขคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเด็ก หาใช่การเรียนหนังสือ"
ซูซานหลางยอมแพ้ เด็กน้อยของเขาคนนี้กลิ้งกลอกเป็ที่สุด
แต่ก็ยังคงบอกเล่า "อวี้อ๋องเป็ผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ เขาเป็หลานชายของฝ่าา"
ในที่สุดเฉียวเยว่ก็เข้าใจ นางจิ้มไปที่พุงน้อยๆ ของตนเอง แล้วพูดอย่างจริงจัง "อ้อ ที่แท้เป็เช่นนี้ ว่าแต่ผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์...?" นางขบคิดสักพักแล้วเอ่ยว่า "บิดาเขาไม่อยู่แล้วหรือ?"
"บิดาของอวี้อ๋องคือองค์ชายใหญ่ในอดีต สิ้นพระชนม์ขณะทำาต่อต้านอริราชศัตรู มารดาของเขาก็ตรอมใจตายตามไปด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องสืบทอดบรรดาศักดิ์อ๋องั้แ่เยาว์วัย" ซูซานหลางอธิบาย
"มิน่าข้าคำนวณอายุของเขาแล้วถึงว่าผิดปรกติ แต่เหตุใดทุกคนล้วนแต่เกรงกลัวเขาเล่า ข้ารู้สึกได้ชัดเจนมาก แม้แต่ท่านปู่ก็ยังยำเกรงเขาเลย"
ซูซานหลางชะงักไปเล็กน้อย แล้วค่อยๆ เอ่ยว่า "เอาไว้ข้าว่างจากงานเมื่อไร ค่อยคุยเื่เหล่านี้ให้ไชเท้าน้อยอย่างเ้าฟังก็แล้วกัน เ้าทำธุระของตนเองให้ดี อยู่ให้ห่างอวี้อ๋องหน่อย เื่ที่อยู่เื้ัไม่ต้องอยากรู้อยากเห็น"
เฉียวเยว่รู้สึกว่าข้อห้ามของพวกเขามีเยอะแยะมากมาย น่าทอดถอนใจเป็พันเป็หมื่นครั้งจริงๆ
เดี๋ยวก็บอกให้อยู่ห่างจากพี่จื้อรุ่ยหน่อย เดี๋ยวก็บอกอยู่ให้ห่างจากเสด็จพี่รัชทายาทหน่อย ตอนนี้ก็ให้อยู่ห่างจากอวี้อ๋องอีกแล้ว
นางบ่นอย่างหดหู่ "ช่างเป็ขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งข่มคนจนตายจริงๆ [2] คนนี้ก็ต้องอยู่ให้ห่าง คนนั้นก็ต้องอยู่ให้ห่าง เกิดเป็ข้าวางตัวลำบากยิ่งนัก"
ซูซานหลางทำตาขวางใส่นาง "ล้วนหวังดีต่อเ้าทั้งสิ้นมิใช่หรือ เด็กน้อย สิ่งที่เ้าควรรู้คือพ่อกับแม่ไม่มีวันทำร้ายเ้า เท่านี้ก็พอแล้ว"
เฉียวเยว่เกาะไหล่ของซูซานหลาง พลางยิ้มตาหยี "ก็ได้ ก็ได้ ข้าเข้าใจแล้วเ้าค่ะ"
แต่ยังมิวายเสริมอีกว่า "อวี้อ๋องหน้าตาดี เสียงก็เพราะ"
ดูเหมือนอารมณ์จะยังค้างอยู่
ซูซานหลางได้ยินบุตรสาวรำพึงก็ตีก้นน้อยๆ ของนางอีกที "คราวหน้าถ้าเห็นชายหนุ่มแล้วน้ำลายไหลอีก ข้าจะจับเ้าแขวนแล้วใช้ไม้กระบองฟาด"
เฉียวเยว่ถอนหายใจ บิดานางฝีปากร้ายกาจจริงๆ
นางไม่เชื่อว่าเขาจะตีนางลงคอ ยิ่งไปกว่านั้นกำลังเสริมของนางมีอีกเพียบ
"ท่านพ่อ เล่าเื่อวี้อ๋องให้ข้าฟังอีกนะเ้าคะ"
ช่างเป็ยอดฝีมือในการรนหาที่ตายอย่างไร้ขอบเขตจริงๆ
ซูซานหลางรู้สึกว่าการมีบุตรสาวที่ซุกซนและอยากรู้อยากเห็นมากมายเช่นนี้ ทำให้ตนเองทั้งแก่เร็วขึ้น ทั้งกลายเป็เหมือนปุถุชนคนธรรมดาเข้าไปทุกวัน
"เล่าอะไรนักหนา ก่อนหน้านี้เ้ารับปากท่านย่าจะคัดคัมภีร์กตัญญุตาธรรมหนึ่งร้อยจบ คัดเสร็จแล้วหรือ?"
เฉียวเยว่ "..."
นางคลำผมเปียพลางเอ่ยว่า "ช้าๆ ค่อยเป็ค่อยไป หากสุกเอาเผากิน ก็จะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่มุ่งเน้นให้จดจำคำสอนและฝึกฝนคัดลายมือ"
มีเหตุผลเต็มเปี่ยม!
แต่ซูซานหลางสังเกตว่าบุตรสาวตัวน้อยของตนเองเดี๋ยวจับสิ่งของโน่นนี่ เดี๋ยวคลำหางเปีย เดี๋ยวเกาเสื้อผ้า เดี๋ยวเกาหน้าของตนเอง ไม่อยู่นิ่งแม้แต่ชั่วขณะจิต
"เ้านี่นะ ไม่มีความเป็กุลสตรีสักนิดเลย" เขาบ่น
"นั่นก็เพราะท่านพ่อสอนมาดี ท่านพ่อสอนบุตรเก่งที่สุด ข้าถึงร่าเริงสดใส มองโลกในแง่ดี และมีความสามารถ มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และมีความคิดเป็ของตนเอง" เฉียวเยว่ใช้น้ำเสียงฉอเลาะ
ซูซานหลางพยักหน้า "พูดมีเหตุผล เอ๋... ยายหนูคนนี้ เ้าเปลี่ยนวิธีชมตนเองอีกแล้ว ช่างหน้าหนาไม่มีใครเกิน ข้าว่า เ้าเหมือนท่านลุงของเ้า"
เฉียวเยว่ไม่ยอมรับ "แต่ท่านลุงบอกว่า ข้อบกพร่องของข้าทั้งหมดล้วนมาจากท่านพ่อ"
ซูซานหลาง "..."
เป็เื่แล้วสิ
เมื่อทั้งสองกลับมาในห้องอีกครั้ง อวี้อ๋องก็ไม่อยู่แล้ว
เฉียวเยว่มองไปรอบๆ หลังจากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ที่อวี้อ๋องนั่งเมื่อครู่ แล้วสูดหายใจ "ยังมีกลิ่นหอมอยู่เลย"
"เ้ามานี่เดี๋ยวนี้ หากซุกซนอีกละก็..." ซูซานหลางทำเสียงเข้ม
เฉียวเยว่รู้สึกว่าบิดาของตนเองไม่มีลูกเล่นอย่างอื่นบ้างเลย ใช้แต่ลูกไม้เดิมๆ นางถอนหายใจ "ข้าทราบ ข้าทราบ เดี๋ยวจะถูกตีก้นใช่หรือไม่ ท่านพ่อขู่วันละแปดร้อยรอบ ใครเขาจะกลัวเล่า"
นางนั่งลงบนเก้าอี้ สีหน้าเหมือนยังติดใจอยู่ "เหตุใดเขาไปแล้วเล่า?"
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยขึ้นว่า "เฉียวเยว่คนดี ต่อไปหากพบเขาอีกต้องอยู่ให้ห่างเขาหน่อย เข้าใจหรือไม่?"
หลังจากนั้นก็เงยหน้าหันไปพูดกับคนอื่นๆ "พวกเ้าต่างก็รู้ว่าอวี้อ๋องเป็คนเช่นไร ดังนั้นข้าจะไม่พูดมาก จงกำชับคนในเรือนของตนเองให้ดี หากมีอันใดเกิดขึ้น จะไม่มีผู้ใดสามารถรับมือได้"
คำกล่าวนี้ค่อนข้างจะรุนแรง เฉียวเยว่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ได้แต่มองซ้ายที มองขวาที
ใครใช้ให้นางยังเด็กอยู่เล่า ย่อมไม่มีใครบอกเล่าให้ฟังอยู่แล้ว
"หน้าตาดี แต่บุคลิกเฉพาะตัวกลับประหลาดชอบกล ดูย้อนแย้งพิลึก" นางถอนหายใจพลางบ่นพึมพำ
เฉียวเยว่มักพูดเหมือนคนเป็ผู้ใหญ่อยู่บ่อยครั้ง ทุกคนต่างเห็นเป็เื่ขบขัน ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะพลางเอ่ยว่า "ยังเด็กแค่นี้ รู้ด้วยหรือว่าบุคลิกเฉพาะตัวหมายถึงสิ่งใด ไหนเ้าอธิบายมาซิ?"
สิ่งที่เลื่อนลอยไร้แก่นสารเช่นนี้ ไม่รู้เด็กน้อยไปเรียนรู้มาจากผู้ใด
"ท่านย่าก็มีบุคลิกเฉพาะตัวเ้าค่ะ ถึงแม้ท่านจะอายุมากแล้ว ภายนอกอาจมิได้งดงามเพริศพริ้ง แต่กลับชวนมองจนไม่อยากละสายตา เป็บุคลิกเฉพาะตัวที่พิเศษยิ่ง ดูมีสง่าราศีเยือกเย็นน่าเคารพยกย่อง"
สมกับเป็จอมสอพลอน้อย
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ชอบฟังคำเยินยอเช่นนี้ที่สุด
นางอมยิ้ม "ฟังเฉียวเยว่พูดเช่นนี้ ย่าก็มีความสุขยิ่งนัก ตามที่เ้าว่ามา ข้าก็ไม่ด้อยกว่าสาวๆ เ่าั้เลยนะ"
เฉียวเยว่พยักหน้า "แน่นอนเ้าค่ะ คนงามต้องงามถึงกระดูกหาใช่เปลือกนอก แม้บางคนจะมีรูปร่างหน้าตาสะสวย แต่ไม่ช้าก็ต้องเสื่อมโทรมไปตามวัย ไม่จีรังยั่งยืน ความงามคือพรจากภายนอก ตัวตนแท้จริงที่อยู่ภายในถึงจะสำคัญที่สุด"
ช่างเป็กระต่ายอ้วนตัวน้อยที่พูดเก่ง ซ้ำถ้อยคำยังมีเหตุผล
ฮูหยินผู้เฒ่าอมยิ้ม เอ่ยถามอย่างจริงจัง "คำพูดเหล่านี้ใครเป็คนสอนให้เฉียวเยว่หรือ เ้าคงมิได้รู้เองหรอกกระมัง?"
เฉียวเยว่ถูๆ อาภรณ์น้อยของตนเอง พลางยิ้มตาหยี "ท่านตาเคยกล่าวไว้เ้าค่ะ"
ท่านโหวผู้เฒ่าหัวเราะพรืดออกมา "พวกเ้าสองตาหลานคุยเื่เช่นนี้เลยหรือ?" ดูไม่ออกจริงๆ ที่แท้ตัวตนภายในของตาเฒ่าผู้นั้นก็ไม่ได้เคร่งขรึมจริงจังอย่างที่เห็น ยังรู้จักสนทนาเื่หญิงงามกับเขาด้วย!
เฉียวเยว่เชิดคางเล็กน้อย "ข้าถามเองเ้าค่ะ ข้าถามท่านตาว่า ข้าคือหญิงงามที่สุดในใต้หล้าใช่หรือไม่ ท่านตาเลยสาธยายเสียยืดยาว โธ่เอ๊ย... ตอบมาตรงๆ แค่คำเดียวก็รู้เื่แล้ว"
ท่านโหวผู้เฒ่าอดไม่ไหวะเิเสียงหัวเราะออกมาอีกหน
...
[1] หน้าสองชั้น หมายถึงหน้าหนา ไม่รู้จักยางอาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้