มณฑลยูนนานเมืองเทียนเฉิง
ซูชิวเยว่กำลังขับเรเบนตันแล่นผ่านถนนที่โล่งเธอกลับมาที่เมืองเทียนเฉิงแล้วเธอเห็นรถเบนซ์สีดำขับตามเธอมาผ่านทางกระจกมองหลังและยิ้มเยาะ
ทันทีที่เธอมอบบัวโลหิตร้อยปีซึ่งเป็สมบัติล้ำค่าของตระกูลซูให้กับฉินเฟิง เธอก็รู้สึกเหมือนยกูเาออกจากอกเมื่อเธอเห็นคนในรถเบนซ์ไม่รู้เื่นี้และยังคงตามเธออยู่ซูชิวเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างไรก็ตามเธอรู้ว่าข่าวนี้ปิดได้ไม่นานนักในไม่ช้าคนพวกนี้ก็จะรู้ว่าบัวโลหิตร้อยปีถูกย้ายไปแล้วซูชิวเยว่ไม่มีทางที่จะบอกเบาะแสไปสู่ฉินเฟิงเธอจึงทำได้แค่มัดพวกนั้นให้อยู่ด้วยกันเธอใช้โอกาสนี้เพื่อตามหาคนที่สามารถรักษาอาการป่วยของปู่ของเธอตราบใดที่ปู่ของเธอตื่นขึ้นมา ทุกอย่างในตระกูลซูก็จะกลับมาเป็ปกติ
...
ไม่นานหลังจากนั้นฉินเฟิงก็ทำงานในหวงเจียกรุ๊ปมาได้ 10 วันแล้ว
จากเดิมที่เขาไม่อยากลุกออกจากเตียงและไม่เต็มใจไปทำงานอย่างในวันแรกตอนนี้เขาตื่นเช้าทุกวัน วิ่งไปที่ห้องของสวี่รั่วโหรว แอบดูสภาพเธอกับชุดนอนหลวมๆและใช้ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันด้วยกันกับเธอ
ในระหว่างสิบวันนี้ฉินเฟิงคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมงานในแผนกการขายแล้วอย่างน้อยพนักงานฝ่ายขายชายก็จดจำชื่อของเขาแบบฝังหัวเนื่องจากชื่อเล่นของเขาคือ...สัตว์ป่า
ใครบอกให้เขาละลาบละล้วงสาวน้อยไร้เดียงสาสวี่รั่วโหรวในที่ทำงานทุกวันกันล่ะ?
วันนี้ที่ทำงานฉินเฟิงเห็นคนสองคนที่มีรูปร่างคุ้นเคย เสี่ยวชิวและเสี่ยวหม่านั่นเองพวกเขาทั้งสองนอนโรงพยาบาลมาห้าวันและเพิ่งได้ออกมาเมื่อคืนหลังจากที่ถูกฉินเฟิงถีบตกบันได
“พี่ชาย1 อรุณสวัสดิ์ครับ!” เมื่อพวกเขาเห็นฉินเฟิงมาถึงเสี่ยวหม่าและเสี่ยวชิวก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มทันที
สีหน้าของฉินเฟิงบึ้งลงเขาตำหนิใส่พวกมัน “ใครพี่แกฟะ? อย่ามาเรียกคนอื่นเป็ญาติมั่วๆนะเฮ้ย”
มุมปากของพวกเขากระตุกและเปลี่ยนคำทักทายทันที“พี่เฟิง อรุณสวัสดิ์ครับ!”
“ต้องอย่างนั้นสิ” ฉินเฟิงตบบ่าทั้งสองด้วยรอยยิ้มและพาสวี่รั่วโหรวไป
“ฉินเฟิง ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองจะเคารพคุณนะ?” สวี่รั่วโหรวนั่งที่โต๊ะและพูดด้วยความเป็ห่วง“พวกเขามีชื่อเสียงไม่ดีด้านชอบใช้กำลังรังแกผู้คนในบริษัทคะ...คุณต้องระวังตัวด้วยนะ”
“เอาน่า” ฉินเฟิงปัดมืออย่างเพลิดเพลิน“ครั้งก่อนพวกมันไปสูบบุหรี่ที่บันไดและลืมพกไฟแช็กไป ฉันเลยให้พวกมันไปพวกมันเลยประทับใจที่ฉันเป็คนอัธยาศัยดีพวกมันยืนกรานว่าจะนับถือฉันในฐานะพี่ใหญ่ ฉันไม่ได้ยินยอมสักหน่อย”
เมื่อเธอเห็นฉินเฟิงเริ่มโม้อีกแล้วสวี่รั่วโหรวจึงส่ายหน้าแล้วเธอก็ไม่สนใจเขาก่อนจะก้มหน้าทำงาน
หลังจากทักทายฉินเฟิงความกังวลในใจของเสี่ยวหม่าและเสี่ยวชิวเริ่มค่อยๆ สงบลงทั้งสองประสบกับความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ดังนั้นพวกเขาเลยคิดว่าฉินเฟิงอาจจะแก้แค้นพวกเขาอย่างไรก็ตามจากสิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าฉินเฟิงจะไม่ได้ใส่ใจเื่นี้
“เสี่ยวหม่า เสี่ยวชิว มาที่ออฟฟิศฉันหน่อย”เมื่อหัวใจของทั้งคู่เพิ่งสงบลง เสียงเรียกของหวังเชาก็ดังมาจากด้านหลังทันทีพวกเขาสะดุ้งด้วยความใและสบตากัน แล้วพวกเขาก็เข้าไปในออฟฟิศของหวังเชาด้วยสีหน้ามืดมน
“พวกแกสองคนมัวทำอะไรกันอยู่วะ? หลายวันที่ผ่านมานี้พวกแกหายหัวไปไหนกัน?”เมื่อพวกเขาเข้ามาแล้ว หวังเชาก็ดุพวกเขาอย่างดุเดือด
เขาเห็นฉินเฟิงและสวี่รั่วโหรวมาที่บริษัทด้วยกันและสงสัยความสัมพันธ์ของพวกเขาเขาจึงเกลียดฉินเฟิงมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับไอ้เด็กนี่ได้และใน่เวลาสั้นๆ นี้ เขาไม่สามารถคิดหาทางกำจัดมันไปได้ ั้แ่เช้าท้องเขาเลยเต็มไปด้วยไฟแค้น เขาเลยระบายไฟนี้ใส่เสี่ยวหม่าและเสี่ยวชิว
ปกติทั้งสองจะต้องมาเลียขาหวังเชาและเออออห่อหมกตามทุกอย่างที่พูดแต่วันนี้ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไป พวกเขามองหวังเชาอย่างเ็า “หัวหน้าทีมหวังพวกเราเกิดอุบัติเหตุตกบันไดและนอนโรง’ บาลตั้งห้าวันมันใช่เื่ที่ต้องโกรธพวกเราขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หวังเชาเงยหน้าทันทีและมองทั้งคู่อย่างสงสัยเขาพบว่านี่มันผิดปกติ เสี่ยวหม่ากับเสี่ยวชิว...วันนี้แปลกไปจริงๆ
“ฉันให้พวกแกสองคนไปจัดการฉินเฟิง ทำไมพวกแกยังไม่ลงมือ? ไอ้เด็กนั่นมันเดินร่อนไปมาต่อหน้าฉันทั้งวัน มันทำให้ฉันรำคาญฉันจะให้เวลาพวกแกทั้งคู่อีกวันหนึ่ง ถ้าฉันไม่เห็นฉินเฟิงเข้าโรง’ บาลล่ะก็ไสหัวไปซะ”
ทั้งคู่โดนอัดจนเข้าโรงพยาบาลเพราะพยายามจะช่วยหวังเชาจัดการกับฉินเฟิงแต่สุดท้ายแล้วพวกเขากลับโดนด่าแทน ในใจของทั้งคู่จึงเต็มไปด้วยไฟคุกรุ่น
“ฮึ่ม แกมันก็แค่หัวหน้าทีมจิ๊บจ๊อยเองไม่ใช่เหรอ? ดูเหมือนว่าแกจะวางท่าสูงส่งไปนะถ้าแกอยากจะกดดันให้เราออกก็เชิญ เราจะไปหาหัวหน้าหลี่และบอกว่าแกสั่งให้เราลงมือกับฉินเฟิงถ้าเราออก แกก็ต้องออกด้วย”
“แกพูดว่าอะไรนะ?” หวังเชาตะลึงงันและปากกาของเขาก็หยุดอย่างฉับพลัน เขาดันแว่นและมองเสี่ยวหม่ากับเสี่ยวชิวใกล้ขึ้น
เขาแปลกใจมากจนกระทั่งคิดว่ารู้จักผิดคนพวกมันยังเป็เด็กมือไม้อ่อนที่ชอบเลียขาอย่างเคารพนอบน้อมจากเมื่อก่อนอยู่อีกเหรอ? พวกมันต้องแอบไปกินเสือกินหมีที่ไหนมาแน่ถึงได้กล้าขนาดนี้
“ถ้าแน่จริงงั้นก็พูดอีกทีซิ ฉันคิดว่าพวกแกยังคงตื่นไม่เต็มตาแน่ๆ”หวังเชาทุบโต๊ะด้วยความโกรธฉินเฟิงยังไม่แม้แต่โดนจัดการและสองคนนี้ก็้าจะก่อฏเสียแล้ว
“หวังเชา ถ้าแกยังกล้ามาวางท่าใหญ่โตกับฉันอีกครั้ง ฉันจะฆ่าแก!”ในเมื่อพวกเขาฉีกหน้ากากออกมาแล้ว พวกเขาก็ไม่อดทนอีกต่อไปพวกเขามาที่ด้านข้างของหวังเชาทั้งซ้ายและขวาแต่ละคนจับไหล่ของหวังเชาและยกเขาขึ้น
“พวกแกจะทำอะไร? รีบปล่อยฉันนะโว้ย ก็ได้ไอ้พวกเด็กเปรต แก้าต่อต้านโดยไม่แม้แต่จะสนใจหัวหน้าทีมของพวกแกใช่ไหม?แกคงไม่อยากอยู่ในแผนกการขายอย่างมีความสุขในภายภาคหน้าสินะ”ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ หวังเชาเอาตำแหน่งออกมาข่มโดยตรง
เสี่ยวชิวและเสี่ยวหม่าเกลียดเื่นี้มากที่สุดไม่ใช่แค่พวกเขาไม่ปล่อย สีหน้าของพวกเขาเองก็น่ากลัวขึ้นในทันที “หวังเชาแก้าให้พวกเราอยู่ยากใช่ไหม? พิจารณาความสามารถของตัวเองก่อนนะกลับบ้านระวังโดนจับใส่กระสอบกระทืบและโยนลงถังขยะล่ะ”
หวังเชากลัวแทบตายโดยไม่มีตำแหน่งเรี่ยวแรงที่น้อยนิดของเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสี่ยวชิวและเสี่ยวหม่าอยู่แล้วเขากลัวว่าหากโดนพวกมันกระทืบ กระดูกของเขาคงแตกเป็เสี่ยงๆ“พะ...พวกแก้าอะไร? รีบปล่อยฉันสิ”
“พ่อไม่ได้้าอะไร เราแค่อยากจะอธิบายให้กระจ่างว่าั้แ่วันนี้อย่ามาริบังอาจสั่งพวกเราสองคนอีก และอย่ามาหาเื่พวกเราด้วย ไม่งั้นแกจะเสียใจ”
หลังจากพูดถ้อยคำรุนแรงเสี่ยวหม่าและเสี่ยวชิวก็ปล่อยมือพร้อมกันหวังเชาที่ยังไม่ได้เตรียมใจก็หล่นลงก้นกระแทกพื้นอย่างแรงก้นของเขาเกือบจะแหกและเจ็บมากจนใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเ็ป
เสี่ยวชิวและเสี่ยวหม่าแกล้งทำเป็ไม่เห็นพวกเขาเดินกร่างออกจากออฟฟิศและปิดประตูกระแทกไปด้านหลัง
หวังเชานั่งลงบนพื้นเป็ระยะเวลานานเขายังไม่หายจากอาการมึนงง เื่ทั้งหมดเกิดขึ้นไวมากหัวใจดวงน้อยของเขารับไม่ได้เสี่ยวหม่ากับเสี่ยวชิวมันกินยาผิดขวดแบบไหนถึงได้เป็อย่างนี้ไปได้?
หวังเชานั่งในออฟฟิศและใคร่ครวญคำถามนี้ด้วยความเจ็บทั้งเช้าในทางกลับกัน ฉินเฟิงนอนแผ่หลาอย่างสบายบนโต๊ะทำงาน
“ฉินเฟิง ได้เวลากินข้าวแล้ว” เมื่อมื้อเที่ยงมาถึงสวี่รั่วโหรวปลุกฉินเฟิงให้ตื่นขึ้น เธอมองเขาพร้อมกับบุ้ยปาก“ฉันไม่รู้ว่าคุณอยู่ในแผนกการขายนี่ได้อย่างไรถ้าคุณยังหลับต่อในระหว่างงานอย่างนี้ ระวังจะโดนไล่ออกซะล่ะ”
ฉินเฟิงมัดผมที่ยุ่งจากการนอนขึ้นตบอกและกล่าวอย่างมั่นใจ “ใครจะกล้าไล่ฉันออก? ฉันคือ...ฉันคือแชมป์พนักงานฝ่ายขายของแผนกการขายเราเป็ตำนานไร้พ่าย”
ฉินเฟิงไม่ได้โกหกเขาขายบ้านห่วยๆ ของคฤหาสน์เมืองหยุนเฉิงให้กับซุนเย่ตั้งหลายล้าน ด้วยความสำเร็จนี้แม้ว่าเขาจะหลับในหวงเจียกรุ๊ปไปหนึ่งไตรมาส เขาก็อาจจะยังเป็ที่หนึ่งอยู่ดีอย่างไรก็ตามสวี่รั่วโหรวไม่รู้เื่นี้
“ฉินเฟิง โม้ต่อไปเถอะ” สวี่รั่วโหรวย่นจมูกที่มีเสน่ห์ของเธอแล้วเธอก็หัวเราะและพูดคุยกับฉินเฟิงระหว่างที่พวกเขาไปถึงโรงอาหารของพนักงานบนชั้นสาม
ชั้นสามของหวงเจียกรุ๊ปกว้างพันตารางเมตรทั้งชั้นเป็โรงอาหารพนักงานและบรรจุคนได้สูงสุด 600 คน
โรงอาหารของชั้นสามแบ่งออกเป็สองส่วนใหญ่ๆตามตำแหน่งในบริษัท ด้านหนึ่งมีไว้สำหรับพนักงานธรรมดาส่วนอีกด้านหนึ่งมีไว้สำหรับผู้จัดการและตำแหน่งระดับสูงฝั่งพนักงานธรรมดาเหมือนกับโรงอาหารโรงเรียนและอีกฝั่งหนึ่งเป็ห้องส่วนตัวที่มองทะลุได้ครึ่งหนึ่งแบบปิดมิดชิด เห็นได้ชัดว่าหรูกว่ามาก
สวี่รั่วโหรวและฉินเฟิงเป็พนักงานธรรมดาดังนั้นพวกเขาทำได้แค่กินในส่วนของพนักงานธรรมดาอยู่แล้วตามปกติแล้วสวี่รั่วโหรวจะเป็คนจองที่นั่งและให้ฉินเฟิงไปหยิบอาหารในไม่ช้าฉินเฟิงก็นำถาดสองถาดที่มีอาหารมากมายและนั่งตรงข้ามกับสวี่รั่วโหรว“เธอต้องหิวแน่ๆ รีบกินเร็ว”
สวี่รั่วโหรวพยักหน้าเธอมองดูบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารมากมายและดวงตาของเธอก็หยีเป็รูปจันทร์เสี้ยว
ทั้งสองกินอย่างมีความสุขแต่แล้วก็พบในทันทีว่ามีคนสองคนมานั่งข้างๆ พวกเขาฉินเฟิงหันไปและเห็นหวังเชากับพนักงานฝ่ายขายจากแผนกการขาย เสี่ยวจาง
“โอ้ ฉินเฟิงกับรั่วโหรวนี่ ช่างบังเอิญจังเรากำลังมองหาโต๊ะอยู่พอดีและบังเอิญเจอเพื่อนร่วมงานจากแผนกการขายของเรา”หวังเชานั่งลงอย่างครื้นเครงและทักทายฉินเฟิงกับสวี่รั่วโหรว
เสี่ยวจางแค่มานั่งด้วยเพราะว่าหวังเชามาเขา้าเลียขาหวังเชาแต่ไม่สามารถทำให้โจ่งแจ้งมากไป เขาทักทายทั้งสามคน
“หัวหน้าทีมหวังมองไปทั่วฝั่งพนักงานธรรมดาถึงสองสามครั้งด้วยสายตาควายๆก่อนที่จะหาที่นี่เจอ ช่างบังเอิญจริงๆ”ฉินเฟิงชัดเจนว่าไม่ไว้หน้าหวังเชาและพูดอะไรก็ได้ที่้า
หวังเชากระแอมอย่างอึดอัดสองทีและเมินฉินเฟิงครั้งนี้เขามาเพื่อให้ได้รับความชื่นชอบจากสวี่รั่วโหรวถ้าเขาไม่รีบทำตอนนี้ผู้หญิงคนนี้อาจจะกลายเป็อาหารสำหรับฉินเฟิง
“รั่วโหรว เธอดูผอมจนเกือบจะล่องหนอยู่แล้ว อ่ะนี่ฉันเอาเนื้อและผักชั้นดีพวกนี้มาให้เธอโดยเฉพาะ กินให้เยอะๆล่ะ...เด็กสาวอย่างเธออยู่ใน่วัยกำลังโต เธออย่าไปเอาอย่างคนพวกที่พยายามจะลดน้ำหนักคนพวกนั้นมันไม่อยากมีร่างกายอีกต่อไปแล้ว”หวังเชาพูดและเตรียมตักอาหารใส่ถาดของสวี่รั่วโหรว ในเวลาเดียวกันสวี่รั่วโหรวใมากจนยกถาดหนี เธอรู้สึกรังเกียจเมื่อมองดูหวังเชาดังนั้นเธอจะกินอาหารที่เขาตักให้เธอได้อย่างไร? “ขอบคุณที่หวังดีค่ะหัวหน้าทีมหวัง ฉะ...ฉันไม่ชอบกินเนื้อ”
“เธอจะไม่ชอบกินเนื้อได้ไง? ดูเด็กคนนี้สิเธอจะไม่ฟังหัวหน้าทีมหวังเหรอ?” หวังเชาใส่สีหน้าเคร่งเครียดและแกล้งทำเป็โกรธขณะกล่าว“รีบเอาถาดมา ในฐานะหัวหน้าทีมของเธอ ฉันควรจะดูแลชีวิตประจำวันของเธอ จะอายทำไมล่ะ?”
********************************
1 คำว่า ‘พี่ฉิน’พ้องเสียงกับคำว่า ‘พี่ชาย’ ฉินเฟิงเลยเข้าใจผิด