“ดูสะพานที่ทอดตรงใต้รากนั่นสิ เหมือนมีปากทางเข้าอยู่ พวกเราเข้าไปในนั้นดูกันไม๊” เ้าวั่งซูเอ่ยชวน
“แต่เ้าเห็นนั่นไม๊! มีไอหมอกพลังจักราสูงมากโอบล้อมปกป้องต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไว้ ดังนั้นพวกเราไม่สามารถเหาะข้ามไปได้แน่นอน ทางเดียวคือต้องว่ายข้ามทะเลเมฆนี่ไป แต่ข้าสงสัยว่านี่มันน้ำอะไร ทำไมถึงมีเกร็ดมุกกากเพชรมากมาย มองก็ไม่เห็นก้นหรือพืชพันธุ์ที่มีชีวิตในนี้เลย ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะ............” ฮวาเฟยฟาเล่าปนความสงสัยเพราะรู้สึกถึงสัญญาณอันตรายยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงหลิ่งกวางที่ยืนอยู่บนยอดกิ่งไม้สูงหันหน้าไปทางต้นไม้แห่งชีวิต แผ่เก้าหาง แสงในตาสีแดงสว่างวาบเตรียมโจมตี
“เกิดอะไรขึ้น! หลิ่งกวาง! เ้าเป็อะไร!” เ้าวั่งซูะโเรียกสัตว์ภูติคู่ใจพร้อมะโเหาะขึ้นเตรียมเข้าโอบหลิ่งกวางจากด้านหลัง ในขณะที่หลิ่งกวางอยู่ในอ้อมอกของวั่งซู หลิ่งกวางก็ยังหันหน้าไปทางต้นไม้ใหญ่นั่น และยังคงตาลุกวาวพร้อมเก้าหางที่โบกสะบัด
“ฮะ! เ้าเป็อะไรกันแน่ เ้าเห็นอะไรหลิ่งกวางน้อย” เ้าวั่งซูโอบกอดลูบหัวถามจิ้งจอกดำน้อย
“ฮะ! วั่งซู ต้นไม้นั่น” ฮวาเฟยฟาะโจากพื้น
“หือ! เ้าว่าอะไรนะ!” เ้าวั่งซูยังไม่ทันเอ่ยถามทวนสิ่งที่ได้ยินไม่ชัด หันหน้ากลับมาทางต้นไม้ที่เ้าจิ้งจอกเก้าหางดำมองและขู่ฟ่อ ก็พบว่าต้นไม้นี่กำลังลืมตา อ้าปาก
“เห้ยๆ! อะไรเนี๊ย!” เ้าวั่งซูใเหาะถอยห่างออกมา ขณะที่หลิ่งกวางเร่งพลังเวทย์ และยิงพลังจากดวงตาไปทางต้นไม้นั่น ต้นไม้ใหญ่ ยกพุ่มไม้ขึ้นกันพลัง พลังสีเขียวสว่างวาบจากกิ่งไม้คล้ายเกราะกำบังและสะท้อนพลังหลิ่งกวางไปอีกทาง
“พวกเ้าเป็ใคร ทำไมสามารถข้ามภพมายังดินแดนแห่งนี้ได้ ห้ามแตะต้อง หรือเข้าใกล้อาณาเขตพระมารดาแห่งจิติญญา” เสียงใหญ่แก่เก่าโบราณ ไม่ชัดถ้อยชัดคำดังจากต้นไม้ใหญ่พร้อมกับปากที่เปิดขยับ พูดเตือนเหล่าผู้มาเยือน เสร็จก็เงยหน้าขึ้นอ้าปากส่งเสียงร้องลั่น ต้นไม้พฤกษาน้อยใหญ่รอบด้านเริ่มขยับกิ่งก้านร้องขานรับ บ้างก็ส่งเถาวัลย์เลื้อยยาว บ้างก็เงื้อกิ่งก้านสาขาพร้อมฟาดฟันเข้าใส่ทั้งสี่
วั่งซูโอบหลิ่งกวางไว้ในอ้อมอกและเหาะลงมาสมทบข้างๆ ฮวาเฟยฟา พร้อมกับยังตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “ข้าเคยเห็นิญญา ภูติผี ุ์ ปีศาจ มนุษย์ สิงสาราสัตว์ เทพ เทวดา เซียน ภูติ แต่ข้าไม่เคยเห็นต้นไม้พูดได้! คือมีชีวิตพอเข้าใจ! ขยับได้พอได้! แต่พูดได้! ใช้พลังเวทย์ได้! ข้า! ข้า! เอ่อ” เ้าวั่งซูเอ่ยปนความประหลาดใจที่มากมายพร้อมกับตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“เ้าควรเลิกใ ตั้งสติ และหาทางตั้งรับข้างหน้านี่ก่อน” ฮวาเฟยฟาขยับขึ้นหน้า เอาตัวและมือป้องเ้าวั่งซูที่ยังอุ้มหลิ่งกวางไว้ในอ้อมแขน
“เอ่อ! แล้วเราจะใช้อะไรสู้กับต้นไม้หล่ะทีนี้” เ้าวั่งซูยังเอ่ยถามแบบงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ข้าฮวาเฟยฟา และ สหายข้าเ้าวั่งซู สัตว์ภูติประจำกาย ไป่ชิงหลง และ หลิ่งกวาง เดินทางข้ามผ่านกระจกแห่งภพพืชพันธุ์มาปรากฏที่ภพพืชพันธุ์แห่งนี้ พวกข้าไร้ทางออกจึงจำต้องเดินทางมาเรื่อยๆ เพื่อหาคำตอบ และ ทางออกเพื่อกลับสู่ภพภูมิที่จากมา” ฮวาเฟยฟายกมือเคารพต้นไม้ใหญ่สูงเทียมเมฆด้านหน้าพร้อมแนะนำตัวแทนทุกคนทั้งหมด
“งั้นพวกเ้าก็คือ ผู้สืบเชื้อสายสกุลเ้าผู้ครองเคียวสู่ภพ เ้าแห่งภพมนุษย์ ส่วนเ้าก็คือบุตรคนเดียวของเทพธิดาัและเทพแสงอาทิตย์ องค์ชายฮวาเฟยฟา เพราะงี้เองพวกเ้าถึงสามารถเดินเข้ากระจกมาได้ และมาไกล จนถึงภพพืชพันธุ์อันห่างไกลแห่งนี้” ต้นไม้ใหญ่กล่าว
“เอ๊ะ! ท่านรู้จักพวกข้าด้วยหรอ ทำไมพวกข้ากลับไม่รู้เื่พวกท่านเลย” เ้าวั่งซูเอ่ยสงสัย
“แต่! นั่นไม่ใช่เื่สำคัญเท่ากับการล่วงล้ำเข้าสู่เขต พระมารดาแห่งชีวิตและจิติญญา ต้องกำจัดเท่านั้น!” ต้นไม้ใหญกล่าวเสียงแข็งก้องดังทั่วอาณาบริเวณ
เถาวัลย์กิ่งไม้ต่างๆ เริ่มพุ่งโจมตีเข้าที่สี่คนอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทั้งสี่ะโหลบวงแตก
“ถ้าท่านไม่เกรงใจ ก็อย่าหาว่าเราล่วงเกิน” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“แล้วเราจะสู้กับต้นไม้ด้วยอะไรหล่ะ เฟยเฟย พอมีความคิดอะไรบ้างไม๊” เ้าวั่งซูเอ่ยถาม
“ไฟและลม ป่าล้วนไหม้และตัวจุดความแรงโหมกระหน่ำคือลม” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“นี่พวกเราจะเผาป่าดึกดำบรรพ์ เลยหรอ ฮ่าๆๆๆ แต่มาถึงตอนนี้ละ ในเมื่อธรรมชาติไม่รักดี ธรรมชาติก็ต้องโดนสั่งสอนบ้าง” เ้าวั่งซูเอ่ยยิ้มมุมปาก
“เ้าจงใช้ไฟ ส่วนหลิ่งกวางพัดให้มันโหมกระหน่ำพุ่งไปทางป่าดึกดำบรรพ์นั่น ส่วนข้ากับชิงหลง จะสร้างเกราะคุ้มกันบริเวณไม่ให้ลามไกลมากไป” ฮวาเฟยฟาะโบอกทุกคน
“จัดให้” หลิ่งกวางพัดพวกมันสูญพันธุ์ให้หมด” เ้าวั่งซูกล่าวพร้อมประกบมือขึ้นบริเวณอก “ดวงจิตแห่งข้า ผู้มีต้นกำเนิดจากเปลวเพลิงแห่งปรภพจงมอบพลังแก่ข้า” เปลวไฟปรภพสีดำเปลวแดงใหญ่สว่างห่อหุ้มร่างกายวั่งซูและหลิ่งกวางใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“มนต์เพลิงปรภพ!” สิ้นเสียงเ้าวั่งซู กองเปลวเพลิงอันยิ่งใหญ่ก่อตัว และพุ่งตรงสู่พวกต้นไม้ดึกดำบรรพ์ หลิ่งกวางขยายร่างสูงขึ่นหลายเท่าเหลือแค่เงากายสีดำหางทั้งเก้าที่ลอยฟุ้งขึ้น และดวงตาสีแดง และเพลิงปรภพที่ห่อหุ้มทั่วร่างกาย วิ่งตรงถาโถมเข้าใส่ป่าาเปลว ไฟตามร่างหลิ่งกวางกระจายติดต้นไม้อย่างรวดเร็ว ไฟลามดั่งข่าวลือที่ไปไวดั่งไฟท่วมทุ่ง
ด้านชิงหลงขดตัวสูงอยู่หลังฮวาเฟยฟา ฮวาเฟยฟานั่งทำสมาธิ “มนต์คุ้มภัยแห่งวังัจงปรากฏ” แสงสีฟ้าสว่างวาบจากดวงตาชิงหลงขยายวงกว้างเข้าครอบบริเวณต้นไม้าไว้กึ่งหนึ่งที่ยังตกอยู่ในกองไฟ เหล่าต้นไม้สูงแห่งาบ้างก็ยังเข้าตีรันฟันแทงคนทั้งสี่ อีกส่วนก็ร้องโหยหวนในกองไฟ ในขณะที่ทุกฝ่ายยังเข้าประหัตปะากันท่ามกลางกองเพลิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หยุดก่อน! หยุดทุกท่านได้โปรดหยุดอย่าตีกัน!” เมื่อพูดไม่เป็ผลคนผู้นั้นจึงเหาะขึ้นฟ้าสูงเหนือท่ามกลางกองเพลิง
“มนต์ตรึงพฤกษา ทุกอย่างจงหยุด” สิ้นเสียงทุกสิ่งต่างตกอยู่ในการตรึงร่างและหยุดขยับ
“ท่านคือ หลานหลี่เซ่อ” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถามขึ้น
“คารวะองค์ชายฮวาเฟยฟา คารวะคุณชายเ้า ขออภัยที่เสียมารยาท แต่ท่านจะถือหรือไม่ ถ้าข้าจะขอให้ช่วยดับไฟนี่ก่อน” หลานหลี่เซ่อโค้งคำนับ น้ำเสียงนอบน้อม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้