รถม้าวิ่งกลับเข้ามาในตำหนักหานเยี่ย หัวหน้าแม่บ้านพร้อมบ่าวรับใช้ ต่างมายืนเรียงแถวต้อนรับอย่างเป็ระเบียบ เมื่อหยวนเฟิงอ๋องและจางเหยียนหลิงก้าวลงจากรถม้า เขาจึงหันมาสบตานาง ก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่นต่อหน้าทุกคน
“วันเฉลิมฉลองครั้งนี้ เตรียมตัวให้ดี เ้าจะต้องตามข้าเข้าวังหลวง” หญิงสาวไม่พูดอะไร เพียงน้อมกายเคารพ รอให้เขาเดินจากไป จึงหมุนตัวเดินกลับเข้าเรือนพัก
“เดี๋ยวก่อน!” เสียงเรียกของซูซูดังขึ้น ทำให้จางเหยียนหลิงต้องชะงักฝีเท้า
“เหตุใดอยู่ ๆ ท่านอ๋องจึงจะพาเ้าเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองที่จะเกิดขึ้น” นางถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย หญิงสาวค่อย ๆ หันใบหน้างดงามกลับมา ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เป็คำสั่งของหยวนเฟิงอ๋อง หากท่านอยากรู้เหตุผล ก็ตามไปถามเขาเองเถิด” อีกฝ่ายกัดฟันแน่น แล้วถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“เ้าก็แค่บ่าวในจวน อย่าคิดว่าเพราะมีใบหน้างดงามแล้วจะทำตามอำเภอใจได้ ข้าถามดี ๆ ไยจึงตอบเลี่ยงไปมา...หรือลืมไปแล้ว ว่าตอนเ้ามาถึงจวนหานเยี่ย เ้าสภาพเช่นไร หากไม่ใช่เพราะข้าเฝ้าดูแล เ้าคงไม่หายดีถึงเพียงนี้? ไม่ใช่เพราะข้าเหรอ ที่คอยดูแลจนเ้าหายดีเช่นนี้” คำพูดนั้นทำให้จางเหยียนหลิงหยุดนิ่ง ก่อนเอ่ยตอบกลับโดยไม่หลบสายตา
“ท่านดูแลด้วยความจริงใจ...หรือเพียงเพราะคำสั่งของหยวนเฟิงอ๋อง? หากเป็อย่างหลัง ข้าก็ไม่จำเป็ต้องซาบซึ้งสิ่งใด”
สิ้นคำ นางก็หมุนกายเดินจากไป ท่ามกลางสายลมอ่อนที่พัดต้องร่างเบา ๆ หากเป็จางเหยียนหลิงคนเดิม นางคงยอมก้มหัว กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าวันนี้...ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป ความดีงามที่เคยยึดถือถูกสกุลหลี่ทำลายจนสิ้น สอนให้นางเข้าใจว่า “ความดีงาม” กับ “ความโง่เขลา” แท้จริงแล้ว มีเพียงเส้นบาง ๆ คั่นเอาไว้
หยวนเฟิงอ๋องยืนมองร่างของจางเหยียนหลิงเดินกลับเข้าเรือนพักไป ทุกท่วงท่าการเดินของนางอยู่ในสายตาเขา พร้อมความคิดในอดีตไหลย้อนกลับมา
วันที่ฝนตกหนัก เสียงท้องฟ้าคำรามกึกก้อง ร่างของเขาในวัยแรกรุ่นเดินเปียกปอน โซซัดโซเซหาที่หลบซ่อน จากกลุ่มชายชุดดำที่ตามติดเพื่อเอาชีวิต กระบี่เล่มยาวสะท้อนแสงวาววับผ่านม่านฝน ขณะที่เขาหลบมุดหลังกำแพงที่ปกคลุมด้วยกองขยะชื้นแฉะ ทว่าแขนข้างขวาพลาดถูกฟันจนเป็แผลเหวอะ เืไหลรินทะลักออกมาพร้อมเม็ดฝนชะล้าง
หยวนเฟิงอ๋องเ็ปจนอยากะโร้องออกมา หากต้องกัดฟันข่มความเ็ปไว้ เมื่อกลุ่มคนพวกนั้นเดินจากไป ทำให้เขาค่อย ๆ ออกจากที่ซ่อนตัว แล้วพยายามเดินฝ่าเม็ดฝนหาที่ปลอดภัย ทว่าร่างกายฝืนเดินมาได้ไม่นานก็หมดแรงล้มลง ก่อนรอยยิ้มจะเผยออกมา เมื่อรู้ว่าจะได้พบกับมารดาในอีกไม่นาน...
“ท่านพ่อ มีคนล้มอยู่ตรงนั้น” เสียงของเด็กหญิงปริศนาดังขึ้นไกล ๆ พร้อมฝีเท้าของนางวิ่งเข้ามาหา พลางทิ้งร่มในมืออย่างไม่ลังเล
“ท่านเป็อะไรหรือไม่ ท่านฟื้นสิ!” เสียงใสของเด็กหญิงดังแว่วเข้ามาในหูอย่างสั่นเครือ
“ท่านพ่อ...ชายผู้นี้ถูกฟันแขน ท่านพ่อมาช่วยเขาเร็ว ๆ” เสียงของเด็กหญิงเขย่าตัวเรียกเขา แล้วหันไปะโเรียกบิดา ก่อนความรู้สึกของเขาจะดับวูบไป
รู้สึกตัวอีกที ร่างกายของเขานอนอยู่บนเตียงไม้เก่าในห้องเล็ก ๆ กลิ่นสมุนไพรอ่อน ๆ ลอยคลุ้งไปทั่ว ทว่าความเจ็บแปลบจากแผลที่แขน ยังชัดเจนจนไม่อาจขยับกายได้ตาม้า
“อย่าเพิ่งขยับ นอนนิ่ง ๆ ก่อน...แผลลึกมาก ข้าเพิ่งใส่ยาให้เ้าไป” ชายกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้มเมตตา ก่อนจะหันไปยังเด็กหญิงตัวเล็กเดินเข้ามาพร้อมอ่างไม้ในมือ
“เช็ดตัวให้เขา พ่อจะไปปรุงยารักษา” ชายผู้นั้นกล่าวแล้วลุกออกไป เด็กหญิงพยักหน้า ก่อนจะบิดผ้าจากอ่างให้หมาด แล้วเช็ดที่ใบหน้าของชายแรกรุ่นอย่างระวัง
“พี่ชาย...ท่านปลอดภัยแล้วนะ ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว ตอนนี้ท่านอยู่ในมือท่านพ่อ อีกไม่นานท่านก็จะหายดีแน่ ข้าสัญญา...พวกเราจะไม่ยอมให้ท่านเป็อะไรเด็ดขาด” น้ำเสียงอ่อนโยนกล่าว พร้อมกับค่อย ๆ เช็ดตัวให้ เขาพยายามลืมตามองหน้านางแล้วเอ่ยขึ้น
“ที่นี่ที่ไหน หากพวกมันตามมา พวกเ้าจะเดือดร้อน” เขารู้ดี ว่าผู้อยู่เื้ัของชายชุดดำมีอำนาจมากมายเพียงใด แต่เด็กหญิงกลับตอบด้วยรอยยิ้มมั่นใจ ไม่รับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา
“ที่นี่เป็ร้านสมุนไพร ไม่มีผู้ใดกล้าบุกรุกเข้ามาหรอก พ่อของข้านามว่า จางชิงอวิ๋น เป็แพทย์รักษาคน ส่วนข้านามว่าจางเหยียนหลิงเป็บุตรสาวคนเดียวของท่านพ่อ ท่านไม่ต้องห่วง ต่อให้ท่านไม่มีเงินติดตัว ท่านพ่อก็จะรักษาด้วยความเต็มใจ” เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากหน้าประตู
“โม้อะไรให้พี่ชายเขาฟังอีกล่ะ?” ชายกลางคนเดินเข้ามาพร้อมถ้วยยา เด็กหญิงหันไปแล้วยิ้มกว้าง
“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้โม้ ข้าเห็นเสื้อผ้าพี่ชายขาดวิ่น เลยคิดว่าเขาอาจไม่มีเงิน ข้าแค่อยากให้เขาสบายใจเท่านั้นเอง” หยวนเฟิงอ๋องได้ยินดังนั้น ก็หลุดยิ้มบางให้กับความบริสุทธิ์ของเด็กหญิง ที่ไม่รู้เลยว่าเขาเป็ใคร และต้องแบกรับอะไรไว้บ้าง
“กินยาซะหน่อยนะ ยานี้จะช่วยให้แผลสมานไวขึ้น” สองพ่อลูกช่วยกันดูแลรักษาเขาอย่างดี แม้เป็คนแปลกหน้าก็ไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือ...
ก่อนภาพในอดีตจะเลือนหายไป ราวกับสายลมที่พัดผ่านชั่วครู่ สายตาของชายหนุ่มยังคงทอดมองตรงไป หลังจากร่างของนางเพิ่งหายลับเข้าเรือนพักไป
‘คนอ่อนต่อโลกเช่นเ้า ควรได้เรียนรู้ว่าแท้จริงแล้วโลกภายนอกโหดร้ายเช่นไร...’ ก่อนเขาจะหมุนกายกลับเข้าเรือนใหญ่ไปด้วยท่วงท่าสง่างาม
ภายในจวนสกุลหลี่ สายตาแข็งมองตรงมายังร่างของหลี่เทียนจินอย่างไม่พอใจ ก่อนนางจะจับจ้องไปยังภาพวาด นึกอยากฉีกออกเป็ชิ้น ๆ แต่ใจไม่กล้าพอ ก่อนจะหันกลับมายังสามีแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ตอนนี้ท่านมีตำแหน่งเป็จิงซื่อ เป็สามีของข้า ก่อนหน้าท่านอ่อนโยนและแสนดี มาวันนี้แทบเปลี่ยนไปเป็คนละคน นั่นเพราะท่านยังรักนางอยู่...ข้าไม่ชอบเห็นสามีตัวเองเป็เช่นนี้เลย ดังนั้น ท่านจะให้ข้าไปตามนางกลับมาดีหรือไม่” แววตาของหลี่เทียนจินที่เต็มไปด้วยความหวัง หันมองนางอย่างมีความหมาย
“เ้าพูดจริงเหรอ?” คำถามนั้นทำเอาไป๋หลานเสวี่ยใจสั่นวูบ ยังไม่ทันจะตอบ เสียงของหลี่ชิงหลีก็ดังขึ้นพลางเดินเข้ามาพร้อมยาบำรุงครรภ์
“จะเอาผู้หญิงไร้ค่าคนนั้นกลับคืนมาทำไม รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น ตอนนี้พวกเ้าทั้งสองกำลังจะมีลูกด้วยกัน คนอื่นถือเป็คนนอกทั้งนั้น” คำพูดของมารดาทำให้หลี่เทียนจินเปลี่ยนสีหน้า ก่อนที่ไป๋หลานเสวี่ยจะเสริมเสียงสั่น ราวคนที่พยายามกลืนความเ็ป
“แต่ดูเหมือนท่านพี่ยังตัดใจจากนางไม่ได้ ให้นางกลับมาอยู่ในฐานะภรรยารองก็คงไม่เสียหายอะไร ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อย” หญิงชราส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย
“ตอนนี้นางเป็เพียงบ่าวในจวนหยวนเฟิงอ๋อง ข้าไม่มีวันยอมให้นางมาเป็สะใภ้ของสกุลหลี่ ให้ตระกูลต้องมัวหมอง” เสียงของมารดาเปล่งออกมาอย่างหนักแน่น ทำให้หลี่เทียนจินขมวดคิ้วแน่น
“ก่อนหน้า ท่านแม่ก็รักเอ็นดูนางดีไม่ใช่เหรอ อย่าลืมว่าที่ข้ามีวันนี้ได้ ก็เพราะนางเอาร้านสมุนไพรไปจำนำ นางถึงต้องกลายเป็บ่าว นั่นไม่ใช่เพราะข้าหรือ? ” น้ำเสียงเขานุ่มลง แฝงด้วยแววเจ็บลึก มารดาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับด้วยความไม่พอใจ
“นางเลือกที่จะเสียสละเอง ข้ามิได้บังคับ ตอนออกจากจวนสกุลหลี่ นางก็เป็คนออกไปเอง ทุกอย่างนางตัดสินใจเองทั้งนั้น แล้วข้าผิดอะไร?” หลี่เทียนจินพยักหน้าเบา ๆ อย่างเข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน แล้วหันไปยังไป๋หลานเสวี่ย
“ไม่ว่ายังไง ข้าก็ต้องชดใช้ให้นาง” พูดจบ เขาหันหลังเดินออกจากจวน ทิ้งเพียงเงาหลังให้หญิงสาวมองตามไปด้วยดวงตาสั่นไหว
“ท่านพี่ยังรักนางอยู่” นางพึมพำเบา ๆ น้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย
“ผู้ชายย่อมแพ้แก่ความสวยงาม จางเหยียนหลิงนางมีรูปโฉมงดงาม ชายใดเห็นเป็ต้องหลงใหล เ้าจงอย่าน้อยใจ เมื่อใดที่เด็กลืมตาดูโลก เมื่อนั้นเขาจะค่อย ๆ ลืมจางเหยียนหลิงไปเอง” หญิงชรากล่าวปลอบโยน
“แต่ท่านแม่...ข้ารักเขา รักจนไม่อยากให้ในหัวใจเขา มีใครอื่น” นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนหญิงชราจะดึงร่างของหญิงสาวเข้าสวมกอด แล้วยิ้มมุมปาก พร้อมแววตาฉายแววเ้าเล่ห์
‘ยิ่งรักมาก...ก็ยิ่งควบคุมง่าย’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้